<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
15 ธันวาคม 2554

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ ~ สรรสาระ ฉบับเดือนกันยายน 2554 ::





:: กะก๋าแนะนำหนังสือ

~ สรรสาระ ฉบับเดือนกันยายน 2554 ::














ผมหยิบหนังสือสรรสาระมาอ่าน
และได้พบบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับการศึกษา
เลยขอนำมาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆได้อ่านกันนะครับ







































Create Date : 15 ธันวาคม 2554
Last Update : 1 มกราคม 2555 7:55:44 น. 95 comments
Counter : 2703 Pageviews.  

 


สว้สดีค่ะน้องก๋า




newyorknurse



โดย: newyorknurse วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:6:21:22 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า

เห็นชื่อหนังสือเกี่ยวกับเรืองการศึกษาช่วงนี้
แล้วหันมาดูระบบโรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่
บางทีขึ้นกับศักยภาพของครู โรงเรียน
และมุมมองของผู้บริหารค่อนข้างชัดเจน
ที่เห็นบางครั้ง..ผู้บริหารนำนักเรียนไปทำกิจกรรม
เพื่อช่วยงานกิจกรรมบางอย่างของนักการเมืองท้องถิ่น
แบบนี้มีให้เห็นบ่อยๆ..อึดอัดใจและต้องไปคุยกับครูหลายครั้ง

วันนี้แอบมาแบ่งปันอีกมุมหนึ่งทางนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: A IP: 182.53.249.2 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:6:23:28 น.  

 
สวัสดียามเช้าค่ะ


โดย: kobnon วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:6:25:45 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ก๋า
แค่ชื่อเรื่องก็น่าอ่านแล้วหล่ะค่ะ


โดย: ดอกหญ้าหน้าบ้าน วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:6:29:36 น.  

 
ภาพการ์ตูน ดูเชยๆ แต่ว่าเป็นลายเส้นแบบไทยจริงๆเลยค่ะ

เรื่องนมแม่ ตอนแรกก็ให้ค่ะ แต่ด้วยความไม่รู้ วันหนึ่งอนัตตาอ้วกออกมา มีแต่เลือด เต็มเสื้อพ่อ เต็มผ้าเช็ดตัวไปหมด ตอนนั้นแทบช็อคเลยนึกว่าเค้ามีปัญหาที่ในท้อง ทำอะไรกันไม่ถูก ร้องไห้เลย รีบโทรไปเบอร์ฉุกเฉิน ปรากฎว่า มันคือเลือดจากนม คือไม่มีน้ำนมมีแต่เลือดค่ะ จากนั้นเลยให้นมชง เพราะว่าเค้าหิวมาก นมก็ไม่มี ตอนนี้ให้ได้วันละสองสามมื้อค่ะ แต่ว่าไม่พอสำหรับทั้งวัน นี่เพื่อนๆพี่ๆ รวมถึงตัวเอง ก็เอาพวกผัดขิง น้ำขิงมาให้กันใหญ่ ตะกี้ก็เพิ่งไปดื่มน้ำขิงร้อนๆก่อนนอนค่ะ หวังว่ามันจะมีมากขึ้น


โดย: KOok_k วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:6:39:49 น.  

 
อรุณสวัสดิ์คร๊าบน้องก๋า 555 อ่านแล้วห้ามหัวเราะนะน้องก๋า วันหยุดที่ผ่านมาพี่แตนไปปล่อยแก่ทีที่เขาใหญ่มาไปชมคอนเสิร์ตมา555 ลดอายุลงเยอะเลย555


โดย: phaclam วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:6:50:55 น.  

 
ฮื่อ ... เขาพูดได้โดนใจดีคุณก๋า ... ชอบที่เขาจัดเรื่อง ความมีมารยาทเป็นเรื่องสำคัญที่เด้กสมัยนี้ควรเรียน เห็นจริงด้วยเลยค่ะ เด็กต่อให้เรียนเก่งแค่ไหน ถ้าขาดข้อนี้ พี่ก็ไม่ถือว่าเก่งจริงนะ ดุไปรึเปล่านิ อิอิ การบริหารการเงินก็สำคัญ ... พี่สังเกตุเด็กอเมริกันได้รับฝึกข้อนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ การคิดเชิงวิภากษ์ด้วย ใช้ได้เลย .. แต่เรื่องความมีมารยาทกับเรื่องสุขภาพยังหย่อนอยู่ อิอิ


โดย: Tristy วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:6:55:39 น.  

 



สวัสดีครับพี่ A


ผมห่างเหินเรื่องราวการศึกษาไปนาน
จนมีลูกนี่ล่ะครับ 555
ช่วงนี้กลับมาดู มาใส่ใจเป็นพิเศษ
เพราะสิ่งนี้จะส่งผลกระทบกับหมิงหมิงไปอีกอย่างน้อย 15 ปี
ที่เขาจะต้องอยู่ในระบบการศึกษา

ผมไม่อยากเห็นลูกเรียนอย่างไม่มีความสุข
และไม่สนุกในการเรียนรู้ครับ























โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:7:05:23 น.  

 
ดูคร่าวๆ น่าหาอ่านดีนะคะพี่ก๋า


โดย: kwan_3023 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:7:19:46 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่กะก๋า

กี่ปีกี่ปีระบบการศึกษาบ้านเราก้อยังเหมือนเดิมค่ะ


ปล.อากาศหนาว เห็นเชียงใหม่ยิ่งหนาว ยิ่งดึงดูดใจให้กลับไป 555



โดย: TheKPP วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:7:31:50 น.  

 
เป็นหนังสือที่เหมาะกับผู้ปกครอง และผู้บริหาร อ่านแล้วน่าจะเพิ่มมุมมองได้นะคะ


โดย: sawkitty วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:7:52:10 น.  

 
สวัสดียามเช้าของกทมค่ะ วันนี้หนาวไม่เท่าสองสามวันที่ผ่านมาเลย อยากหนาวเหมือนเชียงใหม่บ้าง จะได้ขนชุดกันหนาวมาใส่ 55


โดย: Summer Flower วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:08:27 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ก๋า


โดย: raknakubkondee วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:11:07 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะอ้ายก๋า


โดย: คนที่ใช่ ในวันที่ผิด วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:13:58 น.  

 
มีสาระอีกล่ะ


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:28:42 น.  

 
นับว่าเป็นโชคดีของหมิงหมิงค่ะ ที่มีพี่ก๋าเป็นปะป๋า emo

b_bee สงสารเด็กที่มีพ่อแม่ไม่เข้าใจและพากันกดดันลูกให้เรียนเก่งน่ะค่ะ ความคิดสร้างสรรค์หายกันหมด emo


โดย: bee_บี วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:32:11 น.  

 
ไม่หนาวใจล่ะ เพราะว่า... เค้ามีหมิงหมิงอยู่เต็มทุกห้องหัวใจเล้ยยยยยยยยยยย



emo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:32:51 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าคะก๋า
หายจากไข้แล้วใช่ไหมคะ
พี่ก็หายแล้ว เหลือแต่โรคกระเพาะเท่านั้นที่ต้องรักษากันอีกนาน


สอนการบริหารการเงิน
สอนสุขภาพ

เป็นแนวคิดที่แปลกดีคะเมืองไทยน่าจะทำแบบนี้บ้าง


โดย: aenew วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:35:45 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะน้องก๋า




โดย: jamaica วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:8:42:03 น.  

 
เพราะโรงเรียนคือสถานที่ที่เด็กต้องอยู่
ที่นั่นมากกว่าบ้าน .. มันก็ต้องเป็นห่วงธรรมดา
ที่พ่อแม่จะต้องเอาใจใส่ เลือกให้ และก็
ต้องการให้ลูกได้แบบเต็มๆ ..

ได้ยินแบบที่ว่าเด็กจะดี หรือว่าจะเสียก็เพราะ
รร. และเพื่อนรอบตัว .. อันนี้ตอนแรกก็ขำๆ ดีว่า
เป็นไปได้ไง ครอบครัวสิน่าจะมีส่วน .. แต่ว่า
ปัจจุบันมามองแล้ว เราว่ามันประกอบกันแต่ว่า รร.
และเพื่อนมีส่วนเสมอเรียกว่าเป็นอิทธิพลเลยเชียว
เพราะฉะนั้นถ้าระบบการศึกษาดี ครูดี สอนให้เด็กมอง
ในสิ่งที่ต้องมอง ต้องฟัง ... แต่ว่าต้องคิดนี่คงแล้วแต่
ตัวเด็กเอง แล้วมาถกกัน เราว่าน่าจะโอเคนะค่ะ ..


แต่ว่าไปแล้วมันยากจริงนะค่ะ .. เพราะระบบมันต้องถอน
เหมือนเค้าใช้คำว่า "บูรณาการ" นั่นแลค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:00:32 น.  

 
ขอบคุณครับพี่

ปล สวัสดียามเช้าครับ



โดย: อัสติสะ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:20:08 น.  

 
ทนฺโต เสฎฺโฐ มนุสฺเสสุ
ในหมู่มนุษย์ คนประเสริฐ คือคนทีฝึกแล้ว

มีความสุขกับการพัฒนาศีล สมาธิ ปัญญา ตลอดไป...นะคะ



คุณก๋า...

เหมาะที่จะเป็น รมต กระทรวงศึกษา จิง จิ๊งงงงงง....





โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:21:23 น.  

 
ไอ้เรื่องชีวิตก็เป็นแบบนี้ ยากสำหรับเด็กเนอะ
อย่างเช่น เวลาที่ลูกต้องเลือกเพราะจำเป็น
ลูกเกิดอยากได้ทั้งสองอย่าง
เวลาที่เพื่อนลูกไม่ได้อยากเล่น อยากทำแบบลูก
ลูกก็ต้องยอมรับ ลูกเองก็รับได้บ้างไม่ได้บ้าง
เวลาที่ลูกไม่ได้ทำผิด แต่บังเอินไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์
ก็โดนครูทำโทษแบบเหมากลุ่ม
ลูกก็......มึนๆ แม่ได้แต่บอกลูกว่า

ชีวิตก็เป็นแบบนี้หล่ะลูก ลูกต้องยอมรับและอยู่ให้ได้กับมัน
โบนัสมักจะเถียงตอบ ว่า ไม่ๆๆ ต้องแบบนั้น
เราก็เฉยๆซะ

โดยเฉพาะ ประโยคที่ว่าชีวิตก็เป็นแบบนี้หล่ัะ

มีสุข มีทุกข์ มีสมหวัง คละเคล้ากันไป
ต้องอยู่ได้ทุกข์ ไม่ชอบใจก็รับได้
สุขก็รับได้ ........ยากสำหรับเด็กนะ

เพราะผูใหญ่ตัวเป็นๆอย่างเรา ยังทำไม่ได้เล้ยยยย


โดย: แม่ปู (ฮัลโลตอบหน่อย ) วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:31:02 น.  

 
พี่ก๋าเนี่ยต้องยกให้เป็นหนอนหนังสือแล้วล่ะม้างค่ะเนี่ย
ปอยปีๆ หนึ่งอ่านแต่หนังสือพิมพ์อย่างเดียวเลยค่ะ อิอิ

สวัสดีตอนเช้านะค่ะ


โดย: แค่ได้รู้จัก_ก็เพียงพอ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:34:57 น.  

 
ยังไม่ได้ทานยาเหมือนกันคะ
เดี๋ยวคงจะออกจากเน็ตไปทานยาและทำงานบ้าน
พออาการเริ่มดีขึ้น ลืมน้องยาไปซะแล้วเรา


โดย: aenew วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:44:16 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า

เห็นด้วยกับคุณปอป้าค่ะที่ว่าคุณก๋า น่าจะเป็น รมต. กระทรวงศึกษา


การศึกษาในของเมืองไทย การปฎิบัติ ตามกฎจราจร การมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม การทำตัวอย่างที่ดีให้เยาวชนได้เห็น


เป็นเรื่องที่ ตาลเหลือง ขัดอก ขัดใจ มาก แถวบ้าน


ช่วงเวลาสอนครู นั่งจับกลุ่ม ร้านกาแฟ

ตำรวจ(นอกเครื่องแบบ)ขับรถมอเตอร์ไซค์

ไม่ใส่หมวกกันน๊อก


เลี้ยว ในจุดที่มีป้ายห้าม!


ผู้นำชุมชน เปิด โต๊ะสนุก ขายหวยเถื่อน

เฮ้ออออออออ................................พูดแล้วความดันขึ้น


โดย: ตาลเหลือง วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:54:05 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ก๋า วันนี้หนาวโน๊ะ 17 องศา ทำเอาไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลยทีเดียว หวังว่าคงแข็งแรงขึ้นตามลำดับนะคะ

รีดเดอร์สไดเจสนี่ จริง ๆ เป็นหนังสือที่ดีนะ แต่ไผ่ไม่ปลื้มตรงที่ตื๊อขายหนังสือเล่มใหญ่มากไปนิด ขยันส่งจดหมายให้ซื้อมากไปหน่อย ตอนหลังเลยงดรับมันซะเลย กว่าจะเลิกตื๊อก็เป็นปีเหมือนกัน แต่บทความนี้ เห็นด้วยอย่างแรงเลยนะคะ แม้จะเขียนจากมุมมองที่อาจจะไม่ไทยมากก็ตาม แต่เรื่องมารยาทสำคัญจริง ๆ คนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะมีกันเสียด้วยสิ...ส่วนเรื่องความคิดเชิงวิพากษ์ไผ่ว่า อาจจะเพราะ...เราไม่ได้ถูกสอนกันมาตั้งแต่ต้นมั้ง โดนข้อมูลที่ประดิษฐ์ประดอยกรอกหูมาตั้งแต่เล็กยังแก่ยันตายว่าอันนั้นดี อันนี้ดี พอมีใครคิดเชิงวิพากษ์ขึ้นมาสักคนก็กลายเป็นแกะดำ โดนเด้งออกนอกคอกไปไกลกลับเข้ามาไม่ได้ก็เยอะ เพราะเรื่องบางเรื่องวิพากษ์บ่ได้

ยังไงก็ ขอบคุณนะคะที่หามาให้อ่าน ชอบ ๆ


โดย: คมไผ่ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:9:59:55 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ก๋า
เป็นหนังสือที่น่าอ่านมากเลยค่ะพี่



โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:04:14 น.  

 
เนื้อหาในหนังสือฉบับนี้โดนใจมากเลยครับ ผมว่าการศึกษาไทยล้มเหลวมากที่สุด ตรงที่ไม่ได้สอนให้เด็กๆพร้อมรับมือกับการเอาตัวรอดในโลก ตอนผมบวชอยู่ที่วัดอัมพวัน มัคทายกที่วัดมีลูกสาวที่เรียนหมอปีสุดท้าย เค้าเลี้ยงลูกอย่างกับไข่ในหิน และมั่นใจว่าลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดทุกอย่างในชีวิต และตัวลูกเองคงได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแล้วของผลผลิตของระบบการศึกษาไทย แต่นักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายคนนั้นก็ฆ่าตัวตายเพราะว่าถูกผู้ชายทิ้ง... ทุกสิ่งที่ลงทุนมานั้นเปล่าประโยชน์ ระบบการศึกษาและการเลี้ยงดูไม่ได้สอนให้คนเอาตัวรอดได้ในโลก


โดย: nainokkamin วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:13:13 น.  

 
ดูหน้าปกหนังสือก้อขำแล้วค่ะคุณก๋า
เนื้อหาข้างใจคงฮากว่ามากมายนะคะ


โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:24:44 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า หายดีแล้วนะคะ คุณก๋าหายแล้ว แต่กิ่งกำลังจะป่วยค่ะ แหะ แหะ เมื่อคืนแพ้อากาศหนาวก็เลยป่วยนิดหน่อยกินยาแล้วหลับไปเลยค่ะไม่ได้เข้าบล็อกเลย

วันนี้มาดูหนังสือดีดีที่คุณก๋าแนะนำก็อยากได้ แต่ตัวเองหาเวลาอ่านหนังสือยากมากเลยไม่รู้อะไรทำไมเวลามันหดหายไปอย่างนี้บางทีทำอะไรแทบไม่ทัน

ตอนนี้กิ่งรู้แล้วว่าเวลาทั้งหมดของกิ่งหายไปกับบล็อกนี่เอง 555 สงสัยเหมือนกับเด็กติดเกมไงงั้น

มานั่งคิดคิดดูนะคะ เวลาที่เข้าบล็อกเข้าได้ทั้งวัน มิน่าถึงไม่มีเวลาเหลือไปไหนเลย

คุณก๋าคงมีเวลามากว่ากิ่งเพราะอยู่ร้านก็มีเวลาตอนนั่งเฝ้าร้านแต่กิ่งต้องสอนเด็ก ทั้งวัน หาเวลาตอนชั่วโมงว่างเข้าบล็อกสงสัยเป็นนิสัยไม่ดีแน่ๆเลย อิอิ

ส่วนกลางคืนก็นอนดึกซะจนหน้าแก่ไปเลย 555

ตอนนี้กำลังวางแผนว่าจะจัดการกับเวลาอย่างไรดีค่ะ แหะ แหะ ชักไม่ไหวแล้วค่ะ

มีความสุขทั้งครอบครัวนะคะ เอาความสดใสมาฝากค่ะ




More Morning Break Comments


โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:28:02 น.  

 
D ค่ะคุณก๋า หนังสือน่าอ่านนะค่ะ
บทความอันสุดท้ายนี้ละค่ะ ...ถือเป็นบทสรุปที่ดีของ...

"โรงเรียน"


โดย: tui/Laksi วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:31:25 น.  

 
ที่สำคัญก็คิอ ค่านิยม ความเชื่อและความคิดของครูผู้สอน รวมไปถึงตัวผู้ปกครองนี่แหละคุณก๋า
คิดว่าใกล้ตัวเด็กที่สุด โดยมากเห็นแต่เน้นให้เด็กเรียนเก่ง วิชาการต้องเก่ง สอบแข่งขันต้องได้ลำดับดี ๆ
หากเปลี่ยนจากจุดเริ่มตรงนี้ได้ คิดว่าน่าจะค่อย ๆ เปลี่ยนระบบการศึกษาไปได้เองนะคะ

อยากเห็นลูกหลานไทยเราได้รับการศึกษาที่ดีจังเลยคะ ไม่ใช่ศึกษาเพื่อแข่งขันอย่างเช่นทุกวันนี้คะคุณก๋า

สวัสดีตอนสาย ๆ คะ


โดย: บ้านสีขาว วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:32:43 น.  

 
สวัสดีก่อนเมื้อเที่ยงครับน้องก๋า

สรรสาระเคยอ่านตอนเด็ก ๆ ที่เล่มมันเล็กอะ
แต่ห่างมาเป็นสิบปีเลยครับ อ ิอิ


โดย: peeradol33189 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:36:45 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า
สรรสาระ เป็นหนังสือที่น่าอ่านทีเดียวค่ะ
เนื้อหาโดนใจจริงๆ ถ้าทุกโรงเรียนทำแบบนี้ได้ก็จะดีมากเลยค่ะ


โดย: phunsud วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:37:07 น.  

 
นั่นแหละสิ่งที่ต้องการ โหยหามาตลอด

รู้มั๊ย ของนายต้น วันจันทร์ เพิ่ม เป็น 8 วิชา เหอ เหอ ตอนประชุมผู้ปกครอง มีผู้ปกครอง บอก น่าจะจัดสอนจนถึง สองทุ่ม

สองทุ่ม.... ถึงคราวนั้น พี่คง ต้น อย่าไปเรียนเลย


โดย: ตาลเหลือง วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:10:45:48 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า




โดย: Mameepee วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:11:00:49 น.  

 
สมัยประถมครูมักจะสอนว่าเหล้า บุหรี่ เป็นสิ่งไม่ดี

แต่เมื่ออายุเข้ามหาวิทยาลัย ผู้ชาย 80% ดื่มเหล้า และมีจำนวนมากเริ่มสูบบุหรี่ ถึงอย่างนั้นก็ยังมีส่วนน้อยอยู่ แต่เมื่อถึงวัยทำงาน ผู้ชาย 20% ที่เหลือถึงไม่อยากดื่มก็ต้องดื่ม บางคนอาจหนักกว่าพวก 80% ที่เคยกล่าวไว้เสียอีก

คนเป็นเจ้านายมีลูกมีเมียแทนที่จะรีบกลับไปหาลูกเมีย ใช้ชีวิตกับภรรยาและลูกๆ ที่รอคุณพ่อกลับมาด้วยความรัก ความเป็นห่วง กลับลากลูกน้องไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนทั้งที่ลูกน้องอยากหรือไม่อยากก็ไม่อาจทราบได้ รู้แค่ว่าลูกน้องไป แล้วลูกน้องก็ต้องสนุกสนานกับการดื่มนี้ด้วย นายว่าขี้ข้าพลอย จะบอกว่านายเลี้ยง? เก็บเงินพวกนั้นไปซื้อขนมเค้กให้ลูก กับเสื้อผ้าสวยๆ ให้เมียดีกว่ามั้ง

นี่คือความล้มเหลวของระบบการศึกษาหรือไม่? ทั้งที่เราสอนกันมาตั้งแต่เด็ก แต่โตแล้วกลับตรงกันข้ามซะนี่ หรือนี่อาจเป็นวงจรอุบาทว์ของสังคมที่เรียกว่า "ถูกกลืน"

ผมไม่ปฏิเสธเรื่องดื่ม จะดื่มก็ดื่มไปดื่มให้เมาจนรถคว่ำ หรือโดนตำรวจลากลงรถก็เรื่องของคุณ แต่ไม่ใช่ยัดเยียดให้คนอื่นดื่ม ถ้าการโตเป็น "ผู้ใหญ่" หมายถึง ต้องเที่ยวซ่อง ตีกระหรี่ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่เป็นประจำ (และอาจปิดท้ายที่การเล่นยา) ผมขอเป็นเด็กต่อไปดีกว่า สบายใจกว่าเยอะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:11:27:51 น.  

 
เราว่าการศึกษาบ้านเราที่มีปัญหาหมักหมมานาน
ส่วนนึง (ซึ่งใหญ่มาก) มาจากผู้มีอำนาจไม่มองการณ์ไกลอย่างที่ควรจะเป็น
แล้วบางทีก็ไม่มีความรู้ด้านการศึกษา
บางคนถึงจะมี แต่บางทีก็มีปัญหาเรื่องการเมืองเข้ามาเอี่ยวด้วย
อ่านบล็อกเกี่ยวกับการศึกษาของคุณหลายบล็อกเข้า
นึกอยากให้คุณก๋าเป็นรมต.ศึกษาจริง ๆ นะเนี่ย


โดย: haiku วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:11:40:12 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ก๋า


โดย: อุ๊ (oumon ) วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:11:41:26 น.  

 

น่าอ่านมากๆ เลยเน๊าะน้องก๋า
หายป่วยแล้วหรือยังเนี่ย


โดย: อุ้มสี วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:11:50:57 น.  

 
อย่างที่คุณก๋าบอก

การศึกษา สถาบันไม่ได้เป็นตัวชี้ว่า


จะประสบความสำเร็จ ในชีวิต

จะทำให้ชีวิตมีความสุข

**ถ้าคุณก๋า อ่าน หนุ่ม เมืองจันทร์

ก็คงไม่ พลาด ชาติ ภิรมย์กุล

แต่ถ้า วานิช จรุงกิจอนันต์ เคยอ่านหรือเปล่า**


โดย: ตาลเหลือง วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:11:56:06 น.  

 
แวะมาทักทายจร้า เที่ยงแล้วกินข้าวเที่ยงให้อร่อยๆนะค่ะ


โดย: amonrat27 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:05:10 น.  

 
สรรสาระของผม เล่มเก่าๆมีเยอะมากมายเลยครับคุณก๋า เนื้อหาบอกตรงๆว่าตรงตามชื่อจริงๆ มีสาระมากมายให้อ่านแต่ทำไมคนเอ่ยถึงหัวหนังสือเล่มนี้น้อยก็ไม่รู้นะ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:11:53 น.  

 
ทุกวันนี้มีแต่โรงเรียนที่สอนให้เด็กใช้เทคโนโลยีให้เป็น
ใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ นั่น ๆ นี่ ๆ ให้เป็น
จะมีโรงเรียนไหนหนอที่จะมุ่งสอนให้เด็กใช้"ชีวิต"ให้เป็น...?


มายกมือเห็นด้วยกับบทความข้างบนเจ้า...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:13:39 น.  

 

สวัสดีค่ะน้องกิจ

ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งดีๆ
เอเดรียน ตัน เสนอแนวคิดที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษาน่าจะนำไปใช้ในโรงเรียน
1. มารยาทที่ดีดีกว่าใบปริญญา
2. ใช้ชีวิตให้สมฐานะ
3. รู้จักใช้เหตุผลและมีเหตุผล
4. กินให้เป็น
5. รู้จักสิทธิและหน้าที่
มองดูว่าเป็นเรื่องพื้นๆแต่ปัญหาในสังคมทุกวันนี้ล้วนเกิดจากสิ่งเหล่านี้ ใช่หรือไม่ ???


โดย: พี่หมู IP: 182.53.205.28 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:15:36 น.  

 




สวัสดีครับพี่หมู


ทุกข้อที่เขาเขียนมา
ผมว่าเราทำได้โดยไม่ต้องรอโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ
พ่อแม่น่าจะเป้นตัวอย่างที่ดีที่สุด

แต่ปัญหาคือ เราทำไม่ค่อยได้ครับ 555


พ่อแม่ก็มีเงื่อนไขจำกัดมากจริง
ไหนจะต้องทำงาน หาเงิน
ไหนจะต้องดูแลลุก

ที่สุด.... 5 ข้อที่ว่า
ก็เลยทำไม่ไ่ด้เลย











โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:23:01 น.  

 
ตะก่อนป่อซอบซื้อฉบับภาษาจีนอ่าน

ต๋อนนี้ซื้อภาษาไทยก่เลยได้อ่านพ่อง ม่วนดีเจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:40:01 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...



โดย: ภายใต้ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:44:53 น.  

 
วันนี้ได้ศัพท์ใหม่ "ฮากรึ่มๆ"
คงจะแปลว่า ฮาน้อยกว่า "ฮาก๊าก" ใช่ไหมคะคุณก๋า
สงสัยต้องไปหามาอ่านบ้างแล้ว
จะได้เข้าใจความหมายมากขึ้น 55555+


โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:48:13 น.  

 
^^


โดย: Life & Learn วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:48:44 น.  

 
บทความนี้ ผมว่า ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาควรมาอ่านมากๆครับ
แต่จะขัดแข้ง ขัดขา ขัดผลประโยชน์ใครบ้าง ก็น่าคิดครับ
...

สวัสดีพักเที่ยงครับ คุณก๋า มาดาม น้องหมิง หมิง


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:52:14 น.  

 
หลายหมู่บ้านเลยล่ะที่ยังต้องนั่งกุมขมับนะค่ะ
ยิ่งในซอกในซอยนั่งรถผ่านแล้วเห็นใจเลยล่ะค่ะ หุหุ
บางซอยยังต้องลุยน้ำออกมานะค่ะ

เฟอร์นิเจอร์กับเครื่องใช้ไฟฟ้า
ปอยว่าหากจมน้ำแล้ว ซื้อใหม่โอเคกว่าค่ะ
เพราะราคาค่าซ่อมกับซื้อใหม่ต่างกันไม่มากนัก
แต่คนที่กำลังทรัพย์น้อย น่าเห็นใจนะค่ะ

ยิ่งรถยนต์ด้วยแล้ว
น่าสงสารเจ้าของเลยล่ะค่ะ
ถึงจะทำประกันครอบคลุมถึงจะบิ้วส์ยังไงก็ไม่เหมือนเดิมอ่า
เพราะรถทั้งคันไม่ไหวคิดแล้วล่ะ เหอะๆๆ
กลิ่นน้ำเน่าช่วงน้ำท่วมก็เกินบรรยายค่ะ


โดย: แค่ได้รู้จัก_ก็เพียงพอ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:12:52:31 น.  

 



สวัสดียามเที่ยงครับ


โดย: อสูรกายไทฟอน วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:13:11:45 น.  

 
โพสตืให้อ่านอย่างสายตา ขอบคุณมากเลยค่ะ

ช่วงแรกๆพี่ชายสมัครสรรสาระ ภาษาไทย สนุกดี แต่หลังๆเลิกการเป็นสมาชิกไป

เราว่าดีมากเลยนะคะ คัดเรื่องมาย่อยให้เราอ่าน ทำให้ได้อ่านเรื่องราวหลากหลาย

รอดูโครงการเพาะถั่วเขียวของน้องหมิงนะคะคุณก๋า


โดย: Love At First Click วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:13:14:52 น.  

 

แวะมาสวัสดีค่าาา
กลับไปต้องไปฟาดฟันกับเรื่องการศึกษาลูกอีกเยอะ


โดย: พี่ฟ้า... (kuvasu ) วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:13:16:37 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่ก๋า
เชียงใหม่คงหนาวมากมากเลยนะคะ
...
มีความสุขมากมากคร้า


โดย: Nissan_n วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:13:21:06 น.  

 
ชอบบบ อยากหื้อมีโรงเรียนจะอี้
บ่าใจ่แบบบ่าเดี่ยว แข่งกันเฮียนพิเศษ แข่งกั๋นเก่ง
ก้าวิชาก๋าน



โดย: BongKet วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:13:24:42 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า มาดาม และน้องหมิงหมิง ปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้เด็กมีผลการเรียนอ่อนลง มาจากความสนใจของตัวเด็กเองที่พบว่าเด็กให้ความสนใจเรื่องของเกม และสื่อเพื่อความบันเทิงมากขึ้น ทำให้ความสนใจในการศึกษาหาความรู้ลดน้อยลง ทั้งนี้ เนื่องมาจากสภาพสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นครอบครัวเดี่ยว พ่อแม่ทุ่มเวลาหาเงิน ทำงาน และใช้เงิน ใช้เทคโนโลยีเลี้ยงดูเด็ก เช่น ซื้อทีวี ซื้อเครื่องเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ให้ลูกเล่นอยู่บ้าน เพราะคิดว่าดีกว่า ปลอดภัยกว่าที่จะให้ลูกไปเล่นนอกบ้าน ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อพัฒนาการของเด็ก ลูกชายเล็กเองยังเป็นเลยค่ะ ถ้าไม่ให้เล่นเกมในคอม เป็นอารมณ์เสีย ร้องไห้แสดงอารมณ์จะเล่นให้ได้ เหตุผลอะไรบางทีไม่ค่อยอยากฟังซะงั้น จนบางทียังอดแซวไม่ได้ว่าน่าจะขยันอ่านหนังสือเรียนเหมือนเก่งเล่นเกมเนอะ (เรื่องเกมจะเก่งมาก รู้มากเชียว) แต่ที่บ้านจะให้ใช้คอมเฉพาะวันหยุดในการเล่นเกม เต็มที่ไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวันค่ะ


โดย: หญิงแก่น วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:13:54:57 น.  

 
แวะมาเยี่ยมจร้า


หนังสือที่พี่ก๋าแนะนำในวันนี้น่าอ่านมากเลยค่ะ
โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับการศึกษา
ทำให้ได้พบมุมมองใหม่ๆ น่าอ่านๆๆๆๆ



โดย: Megeroo วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:14:26:41 น.  

 
เดินตางได้แค่มีแสงสว่าง มืด ๆ พลขับต๋าบะดี


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:14:33:10 น.  

 
ก็จริงเนอะ

แต่พี่ไม่หวังอะไรพวกนี้จากโรงเรียนหรอก เราสอนลูกเราเองดีกว่า


โดย: พจมารร้าย วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:15:06:20 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะคุณก๋า
วันนี้ตั้งใจเอามากๆ เลยว่าจะมาบ้านคุณก๋าเป็นบ้านท้ายๆ จะได้ใช้เวลา ซึมซับได้มากๆ

เดี๋ยวก่อน
....
ลุกไปชงกาแฟ



อื่ม ... ขมไปนิ๊ด - แต่หอม... ไม่เป็นไร พอได้อยู่

ชีวิตก็เป็นแบบนี้ อภัยให้ตัวเองเถอะคนดี ที่เกิดมาในเขตขันธ์ แห่งนี้ ...
แต่ว่า ... ไม่รู้สิ เห็นในหนังฝรั่ง รู้สึกชอบจังการเรียนการสอนใน รร.ของเค้า คือให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง ได้แสดงความคิดเห็นเองได้ลงมือเง อย่างที่เค้าว่า child center จริงๆ ไม่ใช่ ควายเซ็นเตอร์อย่างของประเทศสาระขันธ์ ค่ะคุณก๋า




โดย: PhueJa วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:15:14:17 น.  

 
เป็นหนังสือที่มีสาระดีมากๆ
เคยเป็นสมาชิกอยู่พักหนึ่ง
นอกจากจะสอนว่าชีวิตมันเป็นเช่นนี้เอง
ยังต้องสอนการแก้ปัญหา และการรับมือสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตด้วยเหมือนกัน


โดย: the mynas วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:15:36:04 น.  

 
การจะหา รร.ดีๆ สักที่นี่ลำบากนะคะ คนโน้นว่าดีแต่กับเรามันไม่ดี หรือเราว่าดีคนอื่นกลับบอกไม่ดี ใน รร.ก็มีอีกหลายปัญหารออยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากร ด้านความปลอดภัยของเด็ก ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเรียนการสอน ฯลฯ มันมีผลกับเด็กๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ


โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:15:36:59 น.  

 
ต๋อนนี้พวกหลาน ๆ ที่บ้านก็ไปเรียนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์ ที่กทม.โรงเรียนเปิดใหม่ช่วงหลังน้ำท่วมก็เรียน 7 วัน 7 คืน ฮ่า ๆๆ สงสารพวกละอ่อนจริง ๆ

ไว้รอลูกหนูโตเข้าโรงเรียนที่นี่ได้ก่อนนะปี้ก๋า หนูจะมาเม้าท์ว่าระบบที่นี่มันเป็นจะได มันคงมีทั้งข้อดีข้อเสียเหมือนระบบที่ต่างกันไปในทุกประเทศ เพราะมันไม่มีระบบไหนที่สมบูรณ์แบบ มันแค่ขึ้นอยู่กับว่าระบบของประเทศไหนจะนำมาปรับใช้กับสภาพความเป็นอยู่ของสังคมและวัฒนธรรม และวิธีการสอนให้คนในสังคมคิดแบบนั้นคิดแบบนี้ หนูว่าละอ่อนที่นี่ไปโรงเรียนไม่ค่อยเครียด วันพุธก็เรียนครึ่งวัน บ้านเราก็มีแบบนี้หรือเปล่า แถมวันหยุดล่ะอ่อนตี้นี่หน๋านั๊กขนาด หนูว่านั๊กกว่าบ้านเฮาแหม แต่หนูก่าบ่าค่อยได้ยินข่าวหรอกว่าละอ่อนมอป๋ายฝรั่งเศสได้โอลิมปิคเหรียญทองฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เพราะว่าล่ะอ่อนตี้นี้มันขี้คร้าน 555 อันนี้อู้แต้ คนฝรั่งเศสน่าจะเป็นชาติที่ขี้เกียจมากที่สุดหรือเปล่าถ้าเทียบกันระหว่างพวกพันธุ์ยุโรปด้วยกัน


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:15:53:49 น.  

 
เป็นหนังสือที่ดีมากค่ะพี่ แต่เสียดายที่มีคนอ่านน้อยกว่าหนังสือดารา


โดย: coji วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:16:08:18 น.  

 
ฮ่าๆๆ เหล้าถามว่าดื่มมั้ย? ผมไม่ใช่คนดื่ม แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องดื่ม แต่ถ้าเลือกได้เลือกไม่ดื่ม ส่วนเรื่องอื่นพระท่านขอเลยว่าอย่ายุ่งกับมัน(พระในบ้านน่ะ) หลายเรื่องมันน่าคิดเหมือนกัน ความจริงใครจะเป็นยังไงผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ ขอแค่อย่านำพาความเดือดร้อนมาหาคนอื่นก็พอ แต่หลายครั้งมันเดือดร้อน เลยต้องสนใจ

เรื่องการศึกษามีประเด็นให้คิดเยอะ แน่นอนรวมไปถึงเรื่องปัญหาในโรงเรียน

กรณีศึกษาเด็กเรียบร้อยชกคนอื่น
การชกกันเป็นเรื่องธรมดาในโรงเรียนมัธยม (เหรอ) มีกรณีหนึ่งที่เด็กสองคนชกกันแล้วโดนลากเข้าห้องปกครองทั้งคู่ มีครูในห้องปกครองคนหนึ่งรู้จักเด็กเรียบร้อย และไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น

กฎของที่นี่คือ ถ้าตีกันแล้วเข้าห้องปกครองไม่ว่าใครจะผิดถึงพูดทั้งสองฝ่ายจะโดนฝาดก่อนคนละ 6 ที และโดยทั่วไปครูมักจะถามหาว่าใครเป็นคนลงมือก่อน กล่าวคือ ใครชกก่อนคนนั้นผิด ผลที่ได้คือเจ้าเด็กเรียบร้อยเริ่มก่อน ครูตัดสินใจฟาดเด็กเรียบร้อย 6 ที ส่วนเด็กอีกคนฟาด 4 ที แต่กลับพบว่าเด็กเรียบร้อยคนนั้นลุกจากเก้าอี้แล้วตบหัวอาจารย์คนที่สอบสวนเขาไปหนึ่งที อาจารย์โกรธมากอารมณ์ในตอนนั้นของอาจารย์ คือ "เด็กพันธุ์นี้ต้องฆ่า" เด็กคนนั้นโดนครูกระชากเสื้อขึ้นมา เด็กน้อยตัวสั่นเทาก่อนจะตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นปนคราบน้ำตาว่า "ผมโดนแบบนี้ทุกวัน แล้วจะให้ผมทนได้ยังไง" พูดจบเขาก็ร้องไห้ไม่หยุดเหมือนคนบ้าคลั่ง ฉี่ราด อาจารย์ปล่อยมือ

ความจริงแล้วเขาโดนทุกวันเพียงแต่เขาพยายามเฉย เพราะรู้ว่าไปแจ้งปกครองก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ครั้นจะสู้รบก็อาจเจ็บตัว แต่วันนี้คงจะเกินความพอดีกระมัง เลยมีการซัดกัน เรื่องราวจะเป็นยังไงผมไม่เล่าต่อ จินตนาการเอาเองว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ถามว่าการตัดสินของครูฝ่ายปกครองถูกต้องมั้ย? ที่ฟาดก่อนคุย และสมควรมั้ยที่จะลงโทษแบบนี้?

กรณีถัดมา ชกกันแจ้งความ
ถามว่ามีเด็กที่ยอมโดนเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวแล้วไปบอกฝ่ายปกครองมั้ย? "มี" แล้วเมื่อถึงเวลาเกิดอะไรขึ้น โดนหัวเราะโดนด่าว่าโง่ ทนเข้าไปได้อย่างไรจากฝ่ายปกครอง ถ้ากฎของโรงเรียนไม่สามารถปกป้องนักเรียนได้ก็ต้องพึ่งกฎหมาย เมื่อเรื่องถึงตำรวจเกิดอะไรขึ้น โรงเรียนเสียชื่อ ถามว่าเด็กที่ไปแจ้งความผิดมั้ยที่ทำให้โรงเรียนเสียชื่อ? แล้วเรื่องนี้ควรจะมีจุดพลิกผันอย่างไร? อะไรทำให้เรื่องไม่ควรจะเกิดเดินทางมาได้ไกลขนาดนี้

มีกรณีศึกษาน่าสนใจอีกอัน
มีการโพสคลิปรับน้องโหดของสถาบันแห่งหนึ่ง ซึ่งสถาบันแห่งนั้นประกาศว่า ไม่มีการรับน้อง แล้วผู้คนก็ด่าคนที่โพสว่า เป็นพวกไม่รักสถาบันการศึกษา สมควรตาย โดยที่ทุกคนมองข้ามกรณีรับน้องที่สถาบันบอกว่าไม่มี กลายเป็นทุกคนชอบที่จะซ่อนปัญหาไว้ใต้พรหม

ไม่ค่อยเกี่ยวกับการศึกษาแล้ว แต่เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ผมไม่ตัดสินว่าใครถูกผิด ผมโยนเรื่องให้สังคมคิด ถ้าสังคมว่าไงผมก็ต้องว่างั้นแหละ แม้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:16:31:22 น.  

 
สวัสดีเจ้าคุณกิจ&ming ming&มาดาม&ทุกๆท่านค่ะ

คุณเอเดรียนนี่แกเล่นคัดลอกความคิดของพี่กับแฟนพี่มาล้วนๆเลยนะเนี่ย555 แบบนี้ต้องแบ่งคอมมิชชั่นให้นะ555
พี่ว่าทุกเรื่องที่กล่าวมาพี่กับแฟนสอนลูกพี่มาตั้งแต่เขาเล็กๆแล้วค่ะ อาจยังไม่ดีที่สุดแต่สมมุติถ้าไม่มีทั้งพี่กับพ่อ
พี่คิดว่าลูกพี่เค้าจะเอาตัวรอดได้และอยู่ร่วมกับสังคมอย่างมีความสุขและกลมกลืน(ไม่ใช่คนขี้โกงนะจ๊ะ)
แต่เหมือนกิ้งก่าที่มันปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี

ความมีมารยาท ถือว่าลูกพี่เป็นเด็กที่มีสัมมาคารวะ ครูชมตั้งแต่อนุบาลจนถึงตอนนี้ค่ะ พ่อแม่ของเพื่อนๆเค้าก็ชมมา

การออมเงิน การใช้จ่ายและบอกถึงประโยชน์และโทษของเงินถ้าเราใช้ไม่ถูกวัตถุประสงค์ เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคนเรา แต่เราต้องมีวินัยในการเก็บและการใช้ให้เป็น ซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น เงินหายากค่ะลูก

รู้จักใช้เหตุผลและมีเหตุผล เรื่องนี้ก็ค่อยๆสอนเขาให้คิดเป็น เป็นตัวของตัวเอง เค้ามีวิธีคิดที่แตกต่างจากเพื่อนๆวัยเดียวกัน รวมทั้งเมื่อเทียบกับพี่เองตอนอายุเท่านี้
คงเป็นเพราะไม่มีใครเอาใจใส่หรือใส่ใจเป็นพิเศษก็ได้ค่ะ
พี่ถึงมีลูกคนเดียวจะได้ดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
ถ้าพี่กับแฟนมีการดุลูก ก็ต้องชี้แจงทั้งเหตุและผลที่จะตามมาให้เค้ารู้ คราวหน้าเขาจะได้ไม่ทำอีก
พี่จะบอกเขาว่าถ้าลูกทำอะไรไม่ดีลงไป คนอื่นจะมองว่า
พ่อแม่สอนไม่ดีหรือพ่อแม่ไม่สั่งสอน ทำให้ขายหน้าพ่อกับแม่เมื่อลูกทำอะไรที่ไม่ดี ล้อมคอกตอนวัวยังอยู่นี่แหละ


เรื่องสุขภาพ นี่ถือว่าสำคัญมากๆเรื่องหนึ่ง กินอาหารดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายสมํ่าเสมอ สอนมาตลอดเลยค่ะ
ลูกพี่ไม่ดื่มโคล่า เพราะพี่จะบอกว่าทำให้ฟันผุ คือตอนเขาเล็กๆพี่จะผสมนํ้าแล้วมันก็ไม่อร่อย เขาเลยไม่ชอบดื่ม
สอนเรื่องบุหรี่ เหล้า เบียร์ ยาเสพติด คิดว่าพ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็น ลูกคงไม่นอกลู่นอกทาง
อาหารอะไรที่เขาไม่กินก็จะไม่บังคับ เน้นที่มีประโยชน์
กินอาหารอย่างอื่นทดแทน ไม่กินกุ้ง ก็กินปลาแทนได้


รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตัวเอง ลูกมีหน้าที่อะไร?
ถ้าเขาตอบได้ก็แสดงว่า เขารู้หน้าที่ของตัวเอง
ลูกก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆในบ้านได้
เช่น วันนี้เขาอยากจะกินอาหารอะไร เราจะไปเที่ยวที่ไหนกัน? เฟอร์นิเจอร์ควรซื้อแแบบไหน สีอะไรที่เข้ากับบ้านเรา

การเข้าสังคมก็สำคัญมาก ควรจะพาเขาไปพบปะผู้คนบ่อยๆ
พาไปรู้จักคนที่เขาชื่นชม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เขาระดับหนึ่ง ให้เขาได้พูดคุยกับผู้ใหญ่หลากหลาย กับเด็กๆด้วย เรียนรู้การเข้าสังคม การต้อนรับและการบริการในร้าน
ตอนนี้ไปฝึกงานก็สนุกมากๆ มีความสุขกับการสอนศิลปะให้กับน้องๆที่ผู้ปกครองไม่ค่อยมีเวลาให้

มีสตูดิโอที่เมืองเบรด้า ก็จองตัวน้องซีอีกแล้วค่ะ อยากให้ไปฝึกงานด้วย ถ้าน้องซีเรียนจบ เธอก็ลุ้นๆว่าอยากให้ถึงปี2014เร็วๆค่ะ อาจไปที่นี่ก่อนแล้วไปที่อัมสเตอร์ดัมจากนั้น
ค่อยก้าวออกไปที่เยอรมันหรือไปที่อังกฤษและไปให้รอบๆโลก(ถ้าโลกยังไม่แตกเสียก่อน)

สิ่งที่โรงเรียนสอนมันวิชาการล้วนๆค่ะ บางอย่างเอามาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้หรอก พ่อแม่นี่แหละต้องเอาใจใส่
สอดแทรกเรื่องราวชีวิตจริงให้ลูกๆเห็น พาไปจ่ายตลาด
พาไปเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้ คิดด้วยกัน แชร์ประสบการณ์จริงๆเกี่ยวกับการบริหารเงิน หรือใช้ให้เขาไปซื้อของให้สองสามอย่างที่ร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด

เด็กไทย(บางคน)ยังไม่รู้ด้วยซํ้าว่าต้นข้าวเป็นแบบไหน?
พอแม่เขาถามว่า...ข้าวมาจากไหน?
คำตอบคือ มาจากซูเปอร์มาเก็ต เป็นถุงๆสำเร็จรูปขาย ฮา
เด็กฝรั่งเองก็เถอะไม่รู้ว่าขนมปังทำมาจากอะไร? เฮ้อ..!
ลูกพี่รู้เกือบทุกอย่างที่กินได้ พาไปดูมาหมดเขาทำอะไร ยังไง? ที่ไหน จนบางทีครูถามว่าที่บ้านทำนาด้วยเหรอ555
เธอตอบไม่ได้ทำเอง แต่บ้านคุณตาเขาทำค่ะ หนูเห็นต้นข้าวด้วยค่ะ

ไม่แน่นะวันหนึ่งข้างหน้าพี่อาจจะได้เป็นคุณแม่คน(ดัง)บ้าง
เหอๆๆๆฝันมากไปแระ แต่ไม่อยากออกรายการวู๊ดดี้เกิดมาคุยหรอกน่ะ555

ป.ล. การเลี้ยงลูกจะให้อินเทรนด์มันต้องเป็นทั้งคนดีและเป็นคนเก่ง นะคะ ไม่ใช่เก่งอย่างเดียวและเป็นคนที่ไม่ดีพ่อแม่คงจะไม่ปลื้มที่มีลูกแบบนี้

ป.ล.2 ที่ร.ร. ควรจะเน้นสอนวิชาพุทธศาสนา สอนตั้งแต่อนุบาลมาเลยเรื่องศีล 5ข้อ แค่นี้เองเด็กก็จะซึมซับสิ่งดีๆ
โตขึ้นรับรองไม่มีหรอกที่จะเป็นคนเห็นแก่ตัว
เพราะศีลห้าข้อนี่แหละจะทำให้ชีวิตเราอยู่เป็นปกติสุข
คนไม่มีศีลก็คือคนที่ไม่ปกติ เช่น คนคอรัปชัน,ทำร้ายฆ่า,
ค้ายาเสพติด,ดื่มเหล้า,แอบรักแฟนชาวบ้านเขา,พูดจาโกหกฯลฯ คนพวกนี้ล้วนมีชีวิตที่ไม่ปกติสุข

จุ๊บๆหมิงหมิงหน่อยนะครับ ป้าโม้ซะยาววันนี้ อย่าเบื่อล่ะ


โดย: ชัญญา IP: 88.159.126.165 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:17:22:06 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เดี๋ยวไปตามหาซื้อเล่มนี้จากเซเว่นฯ มาอ่านดีกว่า

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:17:59:03 น.  

 
งานก็เยอะ..เครียด จน สวย
แล้วยังมาเจอเม้นแต่ละท่านอีก


emo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:18:17:30 น.  

 
เคยอ่านแต่ภาคภาษาอังกฤษอะ


โดย: น้องผิง วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:18:42:21 น.  

 
เย็นนี้ทานอะไรกันหรือยังคะพี่ก๋า อย่าลืมทานหยูกทานยาให้เรียบร้อยหล่ะ พี่ก๋าเดี้ยงทีนึงนี่บล็อคเขาเหงากันโหมดดดด


โดย: คมไผ่ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:19:09:34 น.  

 
สรรสาระ

อมตะได้อีกจ้ะ


โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.87.187.170 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:19:23:43 น.  

 
วันนี้เอาลิ้งค์บล๊อกไปแชร์ แต่โพสไม่ได้
แง๊วๆๆๆ
หนังสือน่าอ่านอ่าค่ะพี่ก๋า

เด่วลองใหม่ๆ อิอิ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:19:30:29 น.  

 
แวะมาทักทายยามเย็นค่ะ..วันเหนื่อย

มีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ..

เดือนธันวาคม เหนื่อยงี้ทุกปี

แต่มีรางวัล..หยุดอาทิตย์หนึ่งก่อนสิ้นปี

หาโปรแกรมไปเที่ยวดีกว่า


โดย: Calla Lily วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:19:36:11 น.  

 
แวะมาทักทายหลังจากห่างหายไปหลายวันค่ะ...ตอนนี้ถนัดเล่นเกมเป็นบ้าเป็นหลัง..เพลินดีค่ะ แป๊บเดียวก็ผ่านสองอาทิตย์แล้ว เพลินอีกสักหน่อยก็เป็นปีใหม่ซะแล้ว..5555...เล่นเกมซะลืมวันลืมเดือนลืมปีเลยล่ะค่ะ...แต่ก็ดีนะไม่มีเรื่องอะไรให้คิดมาก แต่ตาเริ่มจะแย่และค่ะ..ได้อย่างก็เสียอย่างแบบนี้ล่ะโลกมนุษย์ไม่มีความพอดีบนโลกใบนี้...ว่าป่ะคะ...ฝันดีค่ะ



โดย: deeplove วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:19:52:37 น.  

 
คิดเรื่องการศึกษาแล้วเหนื่อยและท้อเสมอเลยครับ
ถ้าพ่อแม่สนใจเรื่องการศึกษาของลูกอย่างคุณก๋า
ก็คงจะดีกว่านี้ เราคงโทษระบบอย่างเดียวไม่ได้
ถ้าผู้เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนไม่ทำหน้าที่ของตนอย่าง
เข้มแข็ง



โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:19:55:11 น.  

 
หวัดดีเจ้าอ้ายก๋า

หนังสือสรรสาระน้องรินบ่อได้อ่านเมินแล้วเจ้า

กลายมาเป็นอ่านบล็อกพี่สินแทนแล้ว อิอิ รายนั้นก็เหมือนสรรสาระตัวพ่อแต้ๆเจ้า


โรงเรียนมีส่วนในการสร้างเด็กออกมาสู่สังคมเจ้า

อย่างโรงเรียนดังๆ มหาลัยดังๆ เหมือนกันเจ้าอ้ายก๋า
จะมีดีกรีต่างหากเวลาสมัครงานที่ไหน คนจะเลือกจากมหาลัยกันก่อนเจ้า
ถ้าเป็นไปได้ สถานศึกษา คือฐานปูพื้นดีอย่างหนึ่งเจ้า


ขอบคุณเจ้าอ้ายก๋า สำหรับกำลังใจดีดีมาตลอด
ล้ม ๆ ลุก ๆ ผ่อง มันบ่อตายหรอกเจ้า 555

ล้มไปสักพักมันก็จะลุกด้วยตัวมันเองคือตัวเฮาเองนี่แหละเจ้า
จะสร้างภูมิคุ้มกันไว้เอง อิอิ

ตอนนี้ก็กลับมาประจำการบล็อกได้เหมือนเดิม แล้วแต่เวลาอำนวยเจ้า
ใกล้สิ้นปี งานลุกไหนมาปะล้ำปะเหลือบ่อหู้ นักแต้ๆเจ้า



โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:19:57:35 น.  

 
สวัสดีครับ


โดย: จิรโรจน์ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:20:04:48 น.  

 
เข้ามาอ่านจนจบครับคุณก๋า
เแนวคิดของนักเขียนสิคโปร์คนนี้ น่าฟังครับ
เด็กๆทุกคนควรไปด้วยกันทางด้านการศึกษา
ไม่ควรจะทิ้งใครไว้ข้างหลัง

วรรณคดีและวิทยาศาสตร์ ก็ยังจำเป็น
ศาสตร์เหล่านี้คิดต่อยอดกันมานานนับศตวรรษ แต่จะให้เรียนรู้ชั่วเวลาสั้นๆในห้องเรียน
ถ้าเด็กจะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างถือว่าปกติครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:20:24:59 น.  

 
มี Reader's Digest ปกแบบนี้ด้วยแฮะ
หนังสือสารคดีแปลจากของตะวันตกแข่งกันเด่นๆอยู่สองเจ้าคือ National Geographic และ Reader's Digest นี่แหละ ราคาพอๆกัน แต่ผมว่าทั้งสาระและรูปถ่ายของ National Geographic เหนือกว่ามาก แต่ Reader's Digest เก่งในการเจาะตลาดเข้าถึงลูกค้าด้วยของแถมและโปรโมชั่นสารพัด

บทความพูดถึงสิ่งที่ควรสอนเป็นพื้นฐานให้แก่เด็ก แต่กลับยกตัวอย่างวิชายากๆอย่างเคมีและแคลคูลัสแล้วบอกว่าเรียนไปก็ไม่ได้ใช้ ทั้งที่คนที่ต้องเรียนวิชาพวกนี้ก็ต้องเข้าสายความชำนาญเฉพาะทางไปแล้วไม่ใช่เรอะ - -" อย่างแคลคูลัสสอนในสาขาวิศวกรรม, วิทยาศาสตร์, ครุคณิต, ช่าง ฯลฯ - ใครจบสายพวกนี้แล้วบอกว่าแคลคูลัสไม่ได้ใช้ ผมตีตายแน่
วิชามากมายเป็นเหมือนอาวุธให้หยิบเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ แต่หลายคนเรียนแล้วไม่รู้จักเอาไปใช้ให้เป็น (ติดนิสัยคอยแก้โจทย์บนกระดาษที่ครูเอามาวางให้ตรงหน้า) แม้แต่ในสายงานวิจัยก็ยังมีคนพูดว่า "Thermodynamics, physical chem, ฯลฯ เรียนไปแล้วไม่ได้ใช้" ...เวรกรรม

เห็นด้วยเลยครับว่าการสอนด้านสังคม, การบริหารเงิน, มารยาท, สุขภาพ และการคิดวิเคราะห์มันสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถูกสอดแทรกในการเรียนการสอน เช่น วิชาจริยะ, ศาสนา, สปช., สลน., คะแนนจิตพิสัย, การบำเพ็ญประโยชน์, การเข้าแถวหน้าเสาธง, เช็คชื่อ ฯลฯ เพียงแต่หลักสูตรที่มีมันวัดผลกันได้ผิดวัตถุประสงค์ของวิชานั้นๆไปแบบสุดๆ จนมีก็เหมือนไม่มี

ที่สำคัญคือเราไม่ควรคาดหวังให้โรงเรียนเป็นคนป้อนทุกอย่างให้แก่เด็กโดยขาดการขัดเกลาจากสังคมอื่นๆของเด็กเอง โดยเฉพาะครอบครัวและสื่อต่างๆที่เด็กรับรู้ พ่อแม่บางคนฝากโรงเรียนให้เลี้ยงลูกแทน


โดย: ชีริว วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:20:38:41 น.  

 
สวัสดีครับพี่ชัญญา


ผมเล่าเรื่องน้องซีให้มาดามฟังตลอด
ตอนบ่ายที่ไปรับหมิงหมิงก็เล่าให้ฟัง
เรื่องที่พี่ให้อิสระน้องซีในการตัดสินใจไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย

ถ้าเป็นเมืองไทยคงคุยกันยาวเลยครับ 555
อาจเป็น talk of the town ของตระกูลได้ 555


ที่เมืองไทยเราถามกันครับว่า
จบจากที่ไหน ?
ไม่มีใครถามหรอกว่าเธอเรียนจบอะไรมา ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้

แค่บอกว่าจบจุฬา จบธรรมศาสตร์ จบมหิดล
จบฮาวาร์ด จบสแตนฟอร์ด จบจากปักกิ่ง
คนก็ร้องอู้หู...เก่งจังแล้วล่ะครับ 555


ผมนั่งอ่านเม้นท์ของพี่จนจบ

ทึ่งและดีใจแทนน้องซี
ที่มีแม่และพ่อที่เลี้ยงลูกอย่างเปิดกว้างมากๆ
ให้อิสระในการตัดสินใจ
และเคารพในการตัดสินใจของเด็ก


ทุกวันนี้ผมเลี้ยงลูกแบบไม่มีแบบแผนเลยนะครับ 555
ไม่ค่อยอิงตำราวิชาการด้วย
ไม่รู้ดีหรือไม่ดี

เพียงแต่ ณ วินาทีนี้
ผมดูแววตาลูกแล้วเขามีความสุขกับการเรียนรู้
สนุกกับการใช้ชีวิต
ผมก็พอใจแล้ว
จะบอกว่าเลี้ยงลูกตามสัญชาติญาณก็น่าจะได้ครับ 555







โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:20:40:34 น.  

 
อยากเรียนโรงเรียนเดียวกับน้องหมิงหมิงจังค่ะ


โดย: บางส้มเปรี้ยว วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:21:17:58 น.  

 
ห่มผ้าด้วยนะคะ..หลับฝันดีค่ะพี่กำ หนังสือแพงจัง


หนาวอีกวันพัดพรูให้รู้ใกล้
หนาวมาไฉนแดดส่องดูคล่องสาย
แต่ละครั้งหนาวร้อนมาผ่อนระบาย
ใจสั่นหายอาบน้ำสั่นคร่ำคราง

โลกายิ้มชวนฉงนไม่พ้นเก้อ
ต้องมีเผลอนึกสั่นไม่หันข้าง
นอน,นั่งซึมดุจแคว้งลืมแห่งวาง
ไม่ก็พรางตัวติดเสื้อมิดตา

หนาวมาหาเรื่อยบ่อยให้พลอยหลง
หลับประสงค์นึกนานสนานหน้า
ลืมตื่นกิจธุระพันธะมา
ให้แม่บ้านเจรจาอ่อนล้าใจ

ตะวันแผดแดดเผาไม่เศร้านัก
ด้วยตระหนักแสงอ้อนคอยผ่อนให้
เยียบเย็นยามรู้ค่าแดดลาไกล
หนาวลมใสล่วงรัดเย้ยพัดนำ

คืนวันนี้นึก “ดอง”ยังตรองจิต
ด้วยหมื่นกิจฯที่ทำคอยย้ำกระหน่ำ
กลิ่นตัวออกอวลไปเกินไม่จำ
อาบเป็นอาบต้องทำยากพร่ำดอง อิอิ


โดย: ญามี่ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:21:40:37 น.  

 
เป็นแฟนสรรสาระมาสี่ห้าปี
ตอนนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกแล้ว
หันกลับมาอ่านต่วยตูนพ๊อตเก็ตบุ๊คแทน
ซึงคุณสามีเธอเป็นแฟนคลับพันธ์แท้ เป็นสมาชิกมากว่ายี่สิบแล้วค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:21:46:59 น.  

 
ทักทายสวัสดีกับคุณก๋า ในยามค่ำคืนครับ

สรรสาระ Reader's Digest ไม่ได้หยิบมาอ่านกันนานแล้วครับ
ไว้ว่างๆ ไปหยิบหาอ่านกันครับ


โดย: ถปรร วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:22:07:06 น.  

 
รูปล่าสุดของหมิงหมิง ทำให้เห็นว่าหมิงหมิงโตขึ้นเยอะเลยค่า ดูสูงยาวขึ้นเยอะเลย


โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:22:35:10 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณก๋า เมื่อวานหมดแรงเลยไม่ได้มาทักค่ะ

เห็นว่าอากาศจะหนาวเพิ่มขึ้นอีก ช่วงนี้นักท่องเที่ยวคงขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่ให้คึกคักกันทั้งคนเที่ยวและคนท้องถิ่น ยังงัยก็ระวังสุขภาพด้วยค่ะ

พี่ไม่ได้อ่านหนังสือแบบนี้นานแล้วค่ะ ขอบคุณมากเลยที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ



โดย: Maew-Tua-Lek วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:22:55:03 น.  

 
สวัสดียามดึกค่ะศิษย์พี่

เป็นนิตยสารฉบับที่ศิษย์น้องต้องไปตามเก็บมาไว้เป็นเจ้าของให้ได้ (นาน ๆ ทีถึงจะซื้อ reader'digest มาอ่านค่ะ ปกติก็จะดูที่คอลัมน์ที่น่าสนใจถึงซื้อ)

บทสรุปอันสุดท้ายที่ศิษย์พี่แปะ
ตรงกับใจของศิษย์น้องที่อยากจะสอนเด็กแบบนั้น

แต่ทุกวันนี้ รัฐ มุ่งเน้นไปที่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ

โรงเรียนต้องสามารถประเมินผ่านเกณฑ์ (ด้วยตัวเลขที่วัด)

และ

นักเรียนก็ต้องถูกประเมินผ่านเกณฑ์ (ด้วยตัวเลขที่วัดไม่ต่างกัน)

น่าเศร้า

เรามองเห็น

แต่ศิษย์น้องก็ทำเหมือนที่ศิษย์พี่แนะนำ

เป็นโรงเรียนทางเลือกด้วยตัวเอง ในระบบของการศึกษาปัจจุบัน

ซึ่งถ้าหากศิษย์น้องกลัวว่าจะถูกประเมินไม่ให้ผ่านตามตัวเลขมาตรฐาน (หรือกลัวไม่ได้ขั้นไม่ได้ขึ้นเงินเดือน) ถ้าัมัวแต่คิดถึงตรงนี้

ก็คงไม่มีโอกาสได้สอนตามใจ ตามที่ตัวเองอยากให้เป็น ฮิ้วววว

ไปหละ เหนื่อยพอประมาณ มีอุปสรรค พอให้ก้าวข้ามผ่าน และให้ได้รู้จักชีวิตมากขึ้น พอไหวค่ะศิษย์พี่

ปล.คิดฮอดหมิงน้อย บักหล่าหมิงน้อยซำบายดีบ่

มาดามแข็งแรงดีแล้วใช่มั๊ย ศิษย์พี่ด้วย ดูแลจะของดี ๆ เด้อ

ด้วยรักและเคารพ


โดย: minporee วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:22:57:06 น.  

 
หาซื้อให้มาดามสักตัวดีไม๊พี่ก๋า หุุหุ สงสัยใส่แล้วจะแหล่ม จนน้องหมิงหมิงเรียกคนสวย

คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ


โดย: คมไผ่ วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:23:20:43 น.  

 
เห็นแล้วอยากหยิบมาอ่านเลยเชียวแหละก๋า
ยิ่งช่วงนี้ว่าง ๆ เหงา ๆ อยู่ ได้หนังสือเป็นเพื่อนท่าจะดี



ฝากแปะประชาสัมพันธ์โครงการจ้า วันนี้ได้กลับบ้านเลยแปะ ๆ ไว้

ได้ 06 ถ้าจำไม่ผิด (ไม่ผิดจริง ๆ ด้วย) ปีที่แล้ว ก๋าก็ได้หมายเลขวินาทีที่ 06 นะ
อืม ๆๆ


โดย: SongPee วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:23:22:21 น.  

 
จริงครับ ผมไม่เข้าใจว่าจะบรรจุพุทธศาสนามาให้เด็กท่องจำประวัติของพระอริยสงฆ์, ท่องขั้นตอนการประกอบพิธีพุทธ, ท่องภาษาบาลี สันสกฤตแบบไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร, ท่องหลักธรรมข้อต่างๆ แบบไม่ชี้แนวปฏิบัติไปทำไม
ตอนประถมผมเรียนโรงเรียนวัด มีพระอาจารย์สอนวิชาจริยธรรม แต่พอเรียนวิชาพุทธศาสนาตอนมัธยมก็เป็นครูครุศาสตร์ทั้งหลายนี่แหละ

อย่างประวัติศาสตร์เราเรียนแบบเน้นท่องจำว่าเมืองหลวงเก่าเป็นยังไง กษัตริย์มีใครบ้าง ใครอยู่ก่อนใคร ครองราชย์นานกี่ปี ฯลฯ เราน่าจะเอาประวัติศาสตร์มาสอนไม่ให้เราทำผิดซ้ำอีก หรือเอาแนวทางดีๆที่บรรพบุรุษทำไว้มาเรียนรู้มากกว่า
เช่นสอนเรื่อง 14 ตุลา / 16 ตุลา ให้เราได้เรียนรู้วิธีการปลุกกระแสความเกลียดชัง ให้เราไหวตัวทัน propaganda ทั้งหลาย ดีกว่าจะไปปลูกฝังความคิดเกลียดพม่า (ซึ่งปัจจุบันเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับไทย)

ตอนสอบเอ็นทรานซ์ถึงจะอ่านวิชาสายวิทย์หลายรอบแต่ผมทิ้งสามัญ1 (สังคม/ภาษาไทย) ไม่อ่านแม้แต่ตัวเดียวเลยครับ มันใช้เวลาและกินที่สมองจริงๆนะ
...แต่แล้วสอบเข้าปีหลังๆมันให้แยกสอบภาษาไทยกับสังคม อย่างละ 100 คะแนน ....แต่วิชาวิทยาศาสตร์ทั้งฟิสิกส์/เคมี/ชีวะ รวมกันแค่ 100 คะแนน โอ้วววว มหาลัยได้นิสิตคณะวิศวะที่แต่งกลอนเก่งเข้าไปมากมาย ไม่แน่ใจว่าล่าสุดยังเป็นแบบนี้อยู่ไหม มันเปลี่ยนวิธีการสอบเข้ากันทุกปี สงสารน้องๆจับใจ


โดย: ชีริว วันที่: 15 ธันวาคม 2554 เวลา:23:49:53 น.  

 
^
ขอแก้เป็น 6 ตุลาจ้ะ


โดย: ชีริว วันที่: 16 ธันวาคม 2554 เวลา:0:10:19 น.  

 
หนังสือน่าอ่านทั้งน้านนน
ลุ้นทุกทีเลย..มี FHM ไหม..อิๆๆๆ
อยากจะบอกว่าเมนูปลานั้นน่ะ
พี่ก็ไม่ได้กินปลา เลี่ยงๆไปกินอย่างอื่นสะ..555


โดย: โจนบ้ากับป้าแก่ๆ วันที่: 16 ธันวาคม 2554 เวลา:1:23:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]