พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
13 พฤศจิกายน 2550

ความขบถซ่อนตัวอยู่ในชีวิต ชีวิตซ่อนตัวอยู่ในความขบถ.





นั่งคุยกับตัวเอง : ความขบถซ่อนตัวอยู่ในชีวิต
ชีวิตซ่อนตัวอยู่ในความขบถ.
เขียนโดย : สิงห์โตหมอบ
13 พฤศจิกายน 2550








นานมาแล้ว
รุ่นน้องคนหนึ่งโทรทางไกลมาหาผม
น้ำเสียงแสดงความชื่นชม
“น้องชอบสิ่งที่พี่คิดและเขียนมากเลยค่ะ”
ผมกล่าวขอบคุณ....ก่อนพูดถ้อยคำต่อมา
“วันนี้ผมไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วครับ ผมเองรู้สึกผิดที่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
มันดูไม่ยุติธรรมต่อเพื่อนและอาจารย์ที่ถูกผมกล่าวหาอยู่ฝ่ายเดียว
ผมเสียใจในสิ่งที่ตัวเองคิด แต่ผมไม่เสียใจที่ได้ทำมันลงไป
เพราะ ณ เวลานั้น นี่คือสิ่งที่ผมเชื่อในตอนนั้น
แต่ตอนนี้ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปมากแล้วครับ”


………………………………………


หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ผมกลับบ้านที่เชียงใหม่ สมัครงานและเริ่มต้นชีวิตการเป็นสถาปนิกทันที
เวลาว่างหลังจากเลิกงาน ผมกลับมานั่งอ่านบันทึกที่ตัวเองเขียนไว้
สองปีที่นั่นทำให้ผมได้สมุดบันทึกหลายเล่ม
ที่บรรจุไปด้วยถ้อยคำแห่งความคับแค้น
ตัวอักษรแห่งความผิดหวังชิงชัง
ที่มีต่อคณะ อาจารย์ และเพื่อนพ้อง

สองปีที่นั่นเปรียบเสมือนฝันร้ายในชีวิตที่ตามหลอกหลอนความรู้สึกของผมมาโดยตลอด
ผมคิดว่านี่คือหลุมบ่อแห่งความว่างเปล่า
ที่ผมต้องไปทนย่ำยืนอยู่ในนั้นเป็นเวลาสองปีเต็ม
เพื่อแลกกับกระดาษแผ่นเดียวที่เรียกว่า “ปริญญาบัตร”

การเรียนการสอนที่นั่นทำให้ผมเหนื่อยหน่าย เบื่อ
เซ็งกับพฤติกรรมของอาจารย์ที่ไม่ค่อยเข้าสอน
และผมคิดว่าการตัดเกรดก็เป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม

ความรับผิดชอบในการสอนหายไปไหน.....
หลายครั้งที่ผมไปนั่งรออาจารย์ แต่อาจารย์ไม่เข้าสอน
โทรไปตาม ก็บอกไม่ว่าง เพราะมัวแต่ไปรับงานนอกซึ่งเงินดีกว่า

เพื่อนที่คณะก็ทำให้ผมหวาดระแวง พวกเขาเป็นเด็กเรียน
ในขณะที่ผมเป็นเด็กกิจกรรม เรามีวิธีคิดที่แตกต่าง
เวลาผมรู้อะไรที่พอแบ่งปันเพื่อนได้ ผมไม่เคยหวงวิชา
แต่เพื่อนบางคนกลับแสดงให้เห็นเด่นชัดว่า
ใครอย่ามาเก่งเกินกู......


...............................................


ผมตั้งใจเลือกเรียนที่นี่ เพราะอยากเป็นครู
นี่คืออาชีพที่มีเกียรติที่สุดในความรู้สึกของผม
พอเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ....ถึงกับเศร้าและปรับตัวไม่ได้
ผมเริ่มก้าวร้าว และแสดงออกในแบบที่เรียกว่า “ขบถ”

เหตุการณ์ร้อนถึงขีดสุด
เมื่อวันที่ผมและเพื่อนบางคนร่วมกันจัดนิทรรศการ
ด่าคณะฯของตัวเอง
สถานที่คือโถงหลักทางเข้าคณะฯ

ผมใช้งานศิลปะและบทกวีที่มีเนื้อหารุนแรงกล่าวโจมตีวิธีสอน
วิธีปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมของอาจารย์ในคณะฯ

ผมรูปวาดด้วยหมึกสีดำลงบนกระดาษขนาดเท่าคนจริง
เป็นรูปวาดนักศึกษาที่ถูกปิดหู ปิดตา ปิดปาก
แล้วมีเชือกเส้นใหญ่แขวนคอห้อยต่องแต่ง
ใต้ภาพมีตัวอักษรคำว่า “School is dead”
เห็นเด่นชัด

เรื่องนี้ทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาการจัดนิทรรศการครั้งนี้กับพวกผม
ตัดสินใจลาออกในปลายเทอมนั้น.....
เพราะทะเลาะและขัดแย้งกับอาจารย์อาวุโสภายในคณะฯอย่างรุนแรง

ผมเองถูกคณบดีเรียกเข้าพบ
ท่านถามว่าเกิดอะไรขึ้น มีอะไรหรือ...

ผมเล่าให้ท่านฟังจนหมดอย่างที่ตัวเองรู้สึก
คิดในใจแค่ว่า จะไล่ก็ไล่....ฉันไม่อยากเรียนที่นี่แล้วเหมือนกัน
แต่เหตุการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ผมคิด
ท่านคณบดีชวนคุยอย่างใจเย็น
สอบถามที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้
สุดท้ายท่านบอกผมว่า....

“ที่คณะฯมีทุนไปเรียนต่อนิวซีแลนด์ คุณสนใจมั้ย
เรียนต่อได้ทั้งโทฯ และเอก เลยนะ จบแล้วมาช่วยทำงานที่นี่กัน”

สถานะหนึ่งผมเป็นลูกศิษย์ท่าน ผมชอบเรียนวิชาจิตวิทยาที่ท่านสอนมาก
แต่ ณ เวลานั้น ผมบอกตามตรง
เหยียบเท้าเข้าคณะฯยังไม่อยากเดินเฉียดกราย
ผมจะมาเป็นครูกับคนที่ผมเกลียดได้อย่างไร


.......................................


หลังเหตุการณ์นั้น ผมเรียนต่อจนจบ
เรียนจบผมเดินทางกลับเชียงใหม่ทันที
ทิ้งความทรงจำเลวร้ายไว้ที่นั่น
แล้วกลับมานั่งเขียนหนังสือ “สองปีที่ฝันร้าย”
โดยนำเนื้อหาในบันทึกมาเขียนและเรียบเรียงขึ้นใหม่
บอกเล่าทุกความรู้สึกที่ผ่านพบ
จากนั้น...ส่งให้เพื่อนและอาจารย์ทางไปรษณีย์
ผมคิดว่าท่านคณบดีก็คงได้อ่านหนังสือเล่มนี้.....


......................................


ทุกคนพูดถึง “ความแรง” ในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้
ผมไม่ได้รู้สึกสะใจ ดีใจ แค่รู้สึกว่ามันเป็นอะไรบางอย่างที่ตัวเองอยากเล่า
ผมมีโอกาสได้คุยกับอาจารย์ที่เคยสอนผมที่เชียงใหม่
ท่านรู้ว่าโดยธรรมชาติผมเป็นคนยังไง
“อาจารย์ว่าเธอทำรุนแรงเกินไป” อาจารย์ที่สนิทกับผมท่านนึงพูด
“แล้วอาจารย์จะให้ผมทำยังไงครับ ถ้าผมไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง
รุ่นน้องที่ตามหลังลงไปคงต้องเจอกับความเฮงซวยแบบที่ผมเคยเจอ
ผมรับไม่ได้หรอกครับ”

การพูดคุยในวันนั้นจบลงโดยไม่มีบทสรุป....


..............................


หลายปีหลังจากนั้น….
วันที่ผมพบผ่านผู้คนมากมายในทุกระดับ ทุกสถานะ
ทั้งคนดี คนเลว คนรวย คนจน
คนเหล่านั้นให้บทเรียนกับผมว่า

“ไม่มีใครเป็นได้ดั่งที่เราต้องการ”

กว่าผมจะรู้ความจริงข้อนี้ ต้องเสียน้ำตาไปไม่รู้เท่าไหร่
เสียใจไม่รู้กี่หนต่อกี่หน

กว่าจะซึมซับรับรู้ความจริงที่ว่า

“จงมองโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้มันเป็น”

ใจของผมเองต้องผ่านริ้วรอยในใจที่ถูกโบยตีมานับครั้งไม่ถ้วน


.................................


วันนี้ผมไม่ใช่เด็กหนุ่มเลือดร้อนที่คิดอยากเปลี่ยนแปลงโลกอีกแล้ว
ตัวเลขอายุที่เพิ่มขึ้น สิ่งที่ได้เรียนรู้มา ทำให้ผม “เยือกเย็นและเดินช้าลง”
รับในสิ่งที่ไม่พึงใจได้ดี รับมือกับความเกรี้ยวกราดของคน
รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมมนุษย์มากขึ้น

ผมไม่ได้หวังที่จะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน
ไม่คิดเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งเพื่อรองรับความฝันตัวเองอีกแล้ว

ผมแค่มองดูสิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงอย่างเข้าใจ
ในหลักสัจธรรมที่มันเป็นไป


...........................


ผมรู้ปลายสาย....น้ำเสียงของน้องคนนี้ผิดหวัง
ที่ผมไม่ได้ “แรง” อย่างที่เค้าคาดหวัง
ผมไม่ได้เป็นคนเดิมที่ลุกขึ้นมาพูดทุกสิ่งที่ตัวเองรู้สึก
ผมไม่ใช่ “ไฟที่ร้อนแรง” อีกแล้ว

ตอนนี้ผมอาจเป็นได้แค่กองไฟอุ่นๆ....
และผมหวังใจเอาไว้ว่า
หากใครมีโอกาสได้พูดคุยกับผมในตอนนี้
ไฟในตัวผมคงเหลือเพียงพอที่จะขับไล่ความหนาวเย็นในใจ
ของใครบางคนได้บ้างกระมัง.





















Create Date : 13 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2550 7:23:08 น. 66 comments
Counter : 1113 Pageviews.  

 
emoemoemo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:23:30 น.  

 
จ่อยอยู่ไสหว่า ?

emoemoemo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:25:11 น.  

 
555+ จ่อยอ่านหนังสือเพลิน ลืมคราวแม๊ะว่าต้องมาเจิม emoemo


โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:29:24 น.  

 
“ไม่มีใครเป็นได้ดั่งที่เราต้องการ”

“จงมองโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้มันเป็น”

emoemoemo

แต่บางทีบางครั้งมันก็ทำยากค่ะ ทำอะไรก็ทำได้ แต่ทำใจนี้ซิ

emoemoemo


โดย: คนไม่เจียม.. วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:32:41 น.  

 



"วันนี้ผมไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วครับ"
.........................


เจ็บนะคะนั่น
ก่อนที่จะตามมาด้วยเหตุผลว่าเพราะอะไร
คนฟังเจ็บไปแล้ว







โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:49:19 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณครูก๋า emo

จะมองโลกอย่างที่มันเป็นให้ได้ค่ะ emo

มีความสุขมาก ๆ นะคะคุณครูก๋าและคุณภรรยาคนสวย emo


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:50:24 น.  

 
คนเราก็ขบถกันทั้งนั้นนะคะ เพียงแต่จะแสดงออกมาในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง


แต่ดีใจที่ได้รู้จักคุณก๋าคนปัจจุบัน ไม่ใช่คนเมื่อก่อนโน้นค่ะ อิๆemo


โดย: พจมารร้าย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:56:22 น.  

 
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ขบถในวันนั้น เป็นนักปราชญ์ในวันนี้

ถ้าไม่มีเรื่องในวันนั้น ก็คงไม่มีคนอย่างคุณก๋าในวันนี้
.
.
.

อย่าไปเสียใจเลยค่ะ ทั้งในความคิดและการกระทำในวันนั้น

เพราะถ้าย้อนเวลาได้ ก็คงคิดและทำเหมือนเดิมใช่ไหมคะ


โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:03:13 น.  

 
สามีพี่บอกว่า

the world does not change itself for you, the smart ones learn how to live,and learn how to learn. sometimes, playing dump is the smartest way to handle the situation.



นี่แหละน๊อ น้องก๋าฉลาดมากเกินไป

คนฉลาดมากๆบวกกับความแรงของฮอร์โมนในร่างกาย

มักจะออกมาทางความคิดแรงๆแบบนี้แหละ

ดีจังมาเจอตอนไฟอุ่น อิอิ



โดย: เพลงเสือโคร่ง วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:14:57 น.  

 
emoตะก่อนผมก็เป็นเเบบเสี่ยก๋า เวลา

เรียนไม่ค่อยเข้าเเต่ปรากฏว่าผมสอบได้ในภาควิชานั้นๆๆ

ทำให้เป็นที่หมันไส้ในเวลานั้นมาก เเต่ก็ดียังมีอาจารณ์ที่

พอจะเข้าใจบ้าง ....


โดย: มหาสำลี วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:16:13 น.  

 
Frank Lloyd Wright

ไปดูมาแล้ว
The Fallingwater - ทึ่งๆ สวย และ คิดได้ไงเนี่ย

เค้าว่าสถาปนิก คือ
วิทยาศาสตร์และศิลปะมารวมกัน

ท่าจะจริงนะ




โดย: เพลงเสือโคร่ง วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:19:22 น.  

 

หวัดดีเช้าวันอังคารค่ะ
มินตกข่าวเหรอเนี่ย
กำลังจะมีน้องก๋าน้อยเลยคะ
ดีใจด้วยนะคะ..55555++++


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:32:48 น.  

 
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ


โดย: Jannyfer วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:43:59 น.  

 
หวัดดีค่ะ..เจ้านาย

..พีอาร์ตกข่าวมากเลยเรื่องมาดาม...อิอิ
..แสดงความยินดีกะเจ้านายด้วยน่ะค่ะ..
..และก็ขอบคุณที่เจ้านายยังนึกถึงพีอาร์..
..คราหน้าจะหายไปไหนจะมาเขียนใบลาให้เจ้านายอนุมัติก่อน555+
..ยังไงพีอาร์ก็ยังเป็นสาวกของ กะว่าก๋า..แน่นอนค่ะ..

.."ความขบถซ่อนตัวอยู่ในชีวิต"..
..อ่านแล้วรู้สึกเลยว่า..
..ไม่มีร่องรอย..ของความขบถ..
..หลงเหลือในใจเจ้านายแล้ว...
..หลงเหลือก็แต่ไออุ่น..
..ที่คอยแบ่งปันให้กับพี่น้องพ้องเพื่อน..

..ช่วงที่พีอาร์หายไปขออภัยอีกครั้ง..
..กระทู้เพลงของเจ้านาย..
..เรตติ้งอยู่ที่ 4328 ค่ะ..
..พีอาร์ยังหวังอย่างยิ่งว่าจะให้ถึง5000 ตลับ เอ๊ย! แผ่น.อิอิ
..จะได้เป็นของขวัญให้กับเจ้านายน้อย..555+

..มีความสุขมากๆค่ะ..เจ้านาย+มาดาม+เจ้านายน้อย..

จ๋า---กทม.


โดย: พีอาร์จ๋า IP: 124.120.160.80 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:54:38 น.  

 
เคยคิดอยากให้โลกนี้มีความยุติธรรมค่ะ
แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร เพิ่งจะรู้เมื่อ 3 ปีก่อน ว่าเป็นไปได้ยาก


โดย: คาบเรียนที่หนึ่งไม่มีสอนนั่งพิมพืงานที่ห้องคอมค่ะพี่ IP: 61.19.124.43 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:06:22 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าครับเฮีย...
ยาวมั่กๆ ไว้บ่ายๆค่อยมาอ่านแล้วกัน...

emoemo


โดย: big-lor วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:38:49 น.  

 


พี่ก๋าคะ..

เข้าใจในความรู้สึกของพี่ก๋าในช่วง"ขบถ" นะคะ เพราะสมัยเรียนปี 1 เคยคิดอย่างพี่ก๋าเหมือนกัน เบื่ออาจารย์ที่ไม่ค่อยเข้าสอน รับแต่สอนพิเศษใน ม.เอกชน รับแต่อ่าน Thesis เด็ก ป.โท ก็ทั้งหมดที่ทำ อาจารย์จะได้ค่าตอบแทนนี่คะ.....แต่ด้วยความเป็นคนเงียบๆ เลยได้แต่คิด แต่ไม่ได้แสดงออกอะไรที่รุนแรงอย่างพี่ก๋า แม้แต่พูดให้ใครฟังก็ไม่เคยค่ะ

เมื่อมาถึงปัจจุบันที่ก้าวออกมาทำงาน ถึงได้รับรู้ในความแตกต่างของคน ทั้งความคิด ทั้งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ที่บางคนอาจต้องแสวงหาสิ่งอื่นมาทดแทนเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น

และเช่นเดียวกัน...ความร้อนแรงของไฟในอก ค่อยๆ ลดความลุกโพลงให้เหลือเพียงความอบอุ่น ดังนั้น นกจึงประทับใจกับประโยคนี้ของพี่ก๋าค่ะ

"..หากใครมีโอกาสได้พูดคุยกับผมในตอนนี้
ไฟในตัวผมคงเหลือเพียงพอที่จะขับไล่ความหนาวเย็นในใจ
ของใครบางคนได้บ้างกระมัง.."




โดย: น้องนก (Nok_Noah ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:42:04 น.  

 
“จงมองโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้มันเป็น” นั่นคือความเป็นจริงบนโลกใบนี้

ส่วนประโยคนี้ ...ไฟในตัวผมคงเหลือเพียงพอที่จะขับไล่ความหนาวเย็นในใจของใครบางคนได้บ้างกระมัง....
ออกแนวหวาน ๆยังไงไม่รู้ คุณก๋าเจอใครบางคนหรือยังคะ


โดย: นางฟ้าของชาลี วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:44:57 น.  

 
คนเรามันมีอดีตเหมือนกันทุกคนค่ะ แล้วก็ด้วย
เหตุการณ์ ด้วยสิ่งที่เราเจอมา เมื่อก่อนนี้ยอมรับว่า
วัยรุ่น เลือดเราร้อน แรงผิดปกติ การแสดงออก
มักจะขาดการคิดถึงผลที่จะมีออกมา เพราะเรา
แค่คิดว่าเราเองไม่ผิด เราก็เลยต้องการตอบโต้
ไปบ้าง ....

................

นั่นเป็นประสบการณ์อ่ะคะ คนเรามีสิทธิเจออะไร
ได้หลากหลายจริงๆ .... emo


โดย: JewNid วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:47:11 น.  

 
หลังเมฆครึ้ม ท้องฟ้าก็ย่อมสดใสเป็นธรรดาคะ คุณก๋า

ไม่ว่าใครก็ย่อมมีอดีตทั้งนั้น เอาอดีตมาเป็นประสบการณ์

ดีกว่านะ จะคอยเป็นกำลังใจให้นะคะ ทำยังงัยน้าถึงจะขยัน

อัพบล็อคแบบคุณก๋า เซียนจริง ๆ


โดย: เจ้าเตี้ย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:03:24 น.  

 
ไม่น่าเชื่อว่าคุณก๋าแรงขนาดนี้ เวลาทำให้คนเราเปลี่ยนไป เรื่องราวที่ผ่านมาทำให้หล่อหลอมคุณก๋าเป็นอย่างทุกวันนี้ ความคิดกลมกล่อมขึ้น ตอนนี้คงมองโลกอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้มันเป็นได้สบายๆแล้วใช่ไหมคะ

ขอบคุณนะคะที่ไปอวยพรวันเกิดบล๊อคนะคะ


โดย: haiku วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:07:08 น.  

 
เวลามักช่วยทำให้อะไรต่อมิอะไรดีขึ้นเสมอ...
และมันก็เป็นของที่มีค่าที่สุดจริงๆ


โดย: tai (taibangplee ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:46:43 น.  

 


หนาวแล้ว .. มาผิงไฟให้อุ่นๆ


โดย: ดาวทะเล วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:22:05 น.  

 
เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็น่ายินดีด้วยนะคะ วัยรุ่นอารมณ์ร้อน และอุดยาก โตมาแล้วเราได้ผ่านอะไรมากมาย กองไฟยังสุมข้างใน ระอุอยู่ แต่ว่าเรามีความสามารถปิดกั้นไม่นำมันออกมาใช้เรื่อยเปื่อย จึงทำให้เป็นไฟอุ่นๆที่เพิ่มพลังให้แก่คนรอบข้างได้.... (พันละยานั่นเอง) หุหุ

ว่าแต่ว่างดดื่มนานมากๆๆๆ แล้ว มันนานมากไหมคะ ชักไม่ค่อยแน่ใจใครแก่กว่าแล้วเนี่ย เหอๆ


โดย: thaispicy วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:40:24 น.  

 
ถ้าผมจัดนิทรรศการแบบนั้น คงไม่ได้ถูกชวนไปเมืองนอกแน่ๆเลยค้าบ

อาจจะอยู่ในคูน้ำแถวๆนั้นก็เป็นได้..emo


โดย: smartman หล่อสุดๆ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:48:56 น.  

 
ไม่เคยคิดแบบอาเฮียเพราะเรียนที่ราม อิสระในการเรียน แต่ต้องบังคับตัวเองให้ได้

อย่าหลงระเริง อย่าทำเก่งว่าอาจารย์ไม่เช็คชื่อ

การเรียนที่รามทำให้นาได้ข้อคิดว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจริงๆค่ะ ถ้าไม่รู้จักคุมตัวเองให้อยู่หมัด รู้จักรับผิดชอบตัวเอง แล้วล่ะก็ยากค่ะที่จะจบได้

แต่มีแอบถามคำถามว่า ทำไมบางคนเค้าไม่สนใจการเรียนเอาเสียเลย สงสารคนที่ส่งเสียค่ะ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:51:42 น.  

 
หวัดดีวันอังคารค่ะ
อยากเรียกว่า อาจารย์จังค่ะ
ค่ะ "เพื่อแลกกับกระดาษแผ่นเดียวที่เรียกว่า “ปริญญาบัตร"
นั่นสิ
แล้วทำไมสังคมถึงต้องการ ค่ะ
ได้ความรู้ไปเยอะเลยวันนี้
ขอบคุณมากค่ะ อาจารย์ก๋า
ปอลอ. ถ้าวันไหนไม่ได้แวะมาบล็อกพี่ก๋าเหมือนขาดอะไรสักอย่างค่ะ (จริง ๆค่ะ)


โดย: ซานาโกะจัง วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:00:32 น.  

 
ได้อ่านข้อความของคุณพีอาร์จ๋า แล้วทำให้คิดถึงเจ้านายเก่าจังค่ะ


โดย: รุ้งสีที่แปด IP: 61.19.124.43 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:01:21 น.  

 
สวัสดีค่ะครูก๋า

มองโลกอย่างที่มันเป็น
ก้าวเดินในทางของเรา
ให้มีความสุข
ให้มีชีวิต
ให้มีความหมาย
และก้าวเดินต่อไป


โดย: แป๋วภูเก็ต วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:12:08 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ก๋าของน้องพิงค์ 555

พี่มุกขอขอบคุณสำหรับคำนายจากซินแสก๋า
ขอให้สมพรดั่งที่พิมพ์มา มาดามของคุณก๋าหล่ะค่ะ
สบายดีนะคะ แพ้ท้องมากหรือเปล่า
เดี่ยวแม่หมอมุกจะทำนายให้ ลูกบ่าว หรือ ลูกสาว
เพราะแม่หมอมีประสบการณ์มาก่อน ชอบกิน หวาน หรือ
ไม่หวาน แต่เดาๆๆๆนะ

ความหวานคงไม่ต้องเพราะมีพี่ก๋าอยู่ใกล้ๆๆๆ มีความสุขมากๆๆๆนะคะ




โดย: แม่หญิงมุก (กะว่าก๋า ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:16:39 น.  

 
ถูกต้องคร้าบบบบ เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่า เปลี่ยนคนอื่น
ทำใจตัวเองให้เข้าใจ ยอมรับอย่างที่คนอื่นเป็น
ดีกว่าไปพยายามเปลี่ยนคนทั้งโลกให้เป็นอย่างใจเรา
ไม่งั้นต้องเหนื่อยทั้งชีวิต ทะเลาะกะตัวเอง
ทะเลาะกะคนอื่นทั้งชีวิต แป่ววว






โดย: Xiao Maomi (กะว่าก๋า ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:24:05 น.  

 
ดีใจด้วยนะคะ ที่ใจคลายร้อนลงได้

ถ้าต้องอยู่กับความรู้สึกที่ไม่ดีกับสิ่งรอบตัวนานๆ คงทรมานแย่

ตอนคุณก๋าเป็นปะป๋าเมื่อไหร่ คงมีมุมมองชีวิตอะไรมาเพิ่มอีกเพียบ


โดย: เป๋อน้อย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:47:54 น.  

 

ยาวจริงๆ เฮ้อ emo

เดี๋ยวกลับมาอ่านต่อตอนเย็นคะ emo


โดย: ไลเดเลีย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:54:05 น.  

 
ก่อนอื่นเลย คิดได้ยังไงครับ

เปลวเพลิงเปลี่ยนรูปเป็นดอกไม้เนี่ย
หรือเป็น ดอกไม้ในเปลวเพลิง....

เป็นวีรกรรมที่แลกมาด้วยอะไรหลายๆอย่างเลยครับ
อ่านแล้วเข้าใจถึงที่มาที่ไปของพี่มากขึ้น

ไม่รู้นะ...ถ้าผมเป็นรุ่นน้องคนนั้นที่โทรมา
แล้วพี่พูดว่าเปลี่ยนไปแล้ว

...ผมยิ่งจะ ทึ่งและนับถือมากขึ้นอีก

มุมมองของคน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับได้ผ่านอะไรมาด้วย
สักวัน รุ่นน้องคนนี้ พอเค้าได้ผ่านอะไรมาบ้าง
....คงคิดย้อนกลับมาตอนที่คุยกับพี่วันนี้ได้

สักวัน เค้าก็จะเข้าใจ

ดูรูปชุดนี้แล้ว ขนลุก จริงๆ ครับ


โดย: TzOzOzN วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:58:05 น.  

 
หาหมอเสร็จรึยัง ผลตรวจเป็นไงมั้ง

ของปันปัน หมอบอกว่า โอเค
ของมาดาม โอเคไหม

emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:02:56 น.  

 
ความมีชื่อเสียงลุ่มแม่น้ำ..
เป็นเหยื่อล่อให้ปลาโง่บางตัวติดกับ...และหลงระเริงว่าเป็นที่ที่ทรงเกียรติควรค่าแก่การอยู่อาศัย
บางทีลืมมองไปว่า
คูน้ำเล็กๆ
ไม่เป็นที่รู้จัก
ไม่มีชื่อเสียง
ซ้ำยังถูกดูหมิ่นดูแคลน


กลับกลายเป็นแหล่งอนุบาลให้ปลาน้อยที่อ่อนต่อโลก
ได้เรียนรู้ชีวิต
ได้มองเห็นแง่มุมในความเป็นไปของโลก
ด้วยความอบอุ่น ...และการเอาใจใส่จากเพื่อนรอบข้าง
ได้ดีกว่าการที่ไอยู่ในแม่น้ำใหญ่



หลายครั้งผมเคยท้อใจกับการเอ็นฯไม่ติด
ท้อใจที่ไม่ได้เข้าเรียนในสถานที่ที่มีชื่อเสียง
หลังจากได้ปริญญาบัตร....ผมมองว่าเป็นแค่กระดาษประกาศฐานะใบหนึ่ง
ผมตัดสินใจไม่เข้าร่วมในการรับพระราชทานปริญญาด้วยเหตุผลบางประการ
และไม่รับใบปริญญานั้นมาจนบัดนี้


ผมตะเกียกตะกายเพื่อยกระดับชื่อสถาบันที่ประกอบในกระดาษที่ใครๆเห็นว่ามีค่า
โดยเข้าสอบคัดเลือกเข้าเรียนในระดับที่สูงขึ้น
ในสถาบันอันทรงเกียรติ
มีชื่อในลำดับต้นๆของเมืองไทย
ผมสอบได้
และเข้าเรียนอยู่จนครบสองปี


ณ ที่นี้....ผมได้พบเห็นอีกโลกที่แตกต่างจากที่ที่ผมเคยอยู่
ความเอื้ออาทร
ความรักและเอ็นดู
ไม่มีให้เห็น


ผมหวนนึกถึงสถาบันที่ผมจบมาและเหยียดหยาม
ผมมองเห็นความงามของที่นั่นผุดพรายขึ้นมาทันที
แม้นไม่มีชื่อเสียง
แต่ที่นั่นเปี่ยมด้วยความรักของครูอาจารย์
ความตั้งใจและทุ่มเทในการถ่ายทอดวิชา
สีปีที่อยู่ที่นั่น
ผมได้อะไรมากมาย



หวนกลับมามองชีวิตปัจจุบันอีกครั้ง
สองปีในระดับที่เรียกว่ามหาบัณฑิต...
ผมได้อะไร....



คำถามที่อยู่ในใจ
ตลอดสองปีที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง...
คำตอบ...ไม่มี...
หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้รับจากที่นี่
เป็นความรู้ที่ผมได้รับการถ่ายทอดมาจากที่เก่าแลว


การตัดสินใจ.."กบฏ"...
จึงเกิดขึ้น...
ผมค้านที่จะทำวิทยานิพนธ์เพื่อขอจบ...
ผมจบบทบาทการเป็นมหาบัณฑิตลง
ด้วยความรู้สึกที่ว่า
ได้มาก็ไม่มีความหมาย...
ศักดิ์ศรีแห่งกระดาษใบนี้ก็ไม่ต่างกับใบที่ผมปฏิเสธมา


ปัจจุบัน...
ผมเป็นพนักงาน(มองตัวเองว่า)ชั้นต่ำ...
ไม่มีปริญญาบัตรพ่วงท้ายเช่นใครอื่น
มีแต่กระดาษที่ยาวกว่า

เขียนคำว่า "หนังสือรับรองวุฒิการศึกษา"



หลายคนถาม
เสียใจไหมกับการตัดสินใจครั้งนั้น
แค่ส่งงานก็จบโทแล้ว



ผมยืดอกตอบด้วยความมั่นใจ






"โคตรเสียดายเลยเว้ย"


emoemo


โดย: big-lor วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:08:02 น.  

 
หวัดดียามบ่ายค่ะน้องชายคนดี

พี่สาวสงสายจะไม่ได้อัพรูปงานกฐินนะค่ะ
ไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะ

แต่มีคลิปวีดีโอ..จากมือถือค่ะ..มีแต่หนุ่มๆสาวๆๆค่ะ
ไปดูค้างคาวนะค่ะ..ที่ถ้ำจอมพล..มัง..
จำชื่อมายได้ค่ะ

แล้วจะอัพอวดนะค่ะแต่ทำไม่เป็นนะค่ะ
ต้องหาผู้รู้นะค่ะ..ใครหว๋า????????

มีความสุขมากๆๆนะค่ะขอผลบุญนำให้น้องชายและภรรยาคนสวยพร้อมทายาทน้อยยยยๆๆๆ
มีแต่ความสุขความเจริญนะค่ะ
แขกแก้วคนดีของพี่สาวเสมอค่ะ



ปล..อะไรก็ไม่รู้ดีเท่าตัวเราค่ะน้องชายคนดี




โดย: cattleya.. IP: 58.9.72.88 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:22:41 น.  

 
ขบถทางความคิด แสดงว่าจิตอิสระมากพอสมควร
นับถือในความเป็นตัวตนและกล้าแสดงออกทางความคิดเห็น

แต่มาถึงวันหนึ่ง ที่โตขึ้น
ทั้งร่างกายและจิตใจ
ทุกอย่างมันก็ดูสบาย ๆ ขึ้น
อาจจะเป็นเพราะเรามองอะไรกว้างขึ้น
(ไม่ได้หมายความว่า คุณคิดแคบนะคะ อย่าตีความผิด)
เข้าใจในความเป็นไปของคน

อย่าว่าแต่จะไปเปลี่ยนอะไรใครเลยค่ะ
เพราะแม้แต่ตัวเอง ยังเปลี่ยนอะไรไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์


แต่.เราโชคดีอยู่นิดนะ
ตรงที่ได้เริ่มต้นการเป็นนักศึกษาที่มีทั้งอาจารย์
เพื่อน และผู้ใหญ่ที่เอ็นดูมาตลอด
ประทับใจมาเกือบตลอดชีวิตการเป็นนักเรียนและนักศึกษา
ได้ดีเพราะมีครูก็ว่าได้



ส่วนเท่าที่อ่านงานความคิดคุณมาตลอด
เราว่า คุณเข้าใจในความเป็นไปและ
รับได้ทุกความเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว

เชื่อว่าอย่างนั้น..

เกือบลืม..ดีใจด้วยนะคะ
เรื่อง..เทวดาหรือนางฟ้าน้อย ๆ จะมาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวคุณ





โดย: ภูเพยีย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:43:33 น.  

 
แล้วกะก๋า ไม่คิดที่จะ หาน้ำไปดับไฟที่สุมทิ้งไว้ให้รุ่นน้องมั้งเหรอ emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:02:54 น.  

 
อะพิโธ่... บิ๊กเด็กโง่ emo


โดย: แม่น้องรัน (runch ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:07:33 น.  

 
คุณพีอาร์จ๋าครับ

ขอบคุณครับ
คุณพีอาร์ไม่มีบล้อก
ผมเลยส่งการ์ดเชิญไม่ได้
ยังไงเข้าไปที่บล็อกแสงแรกอีกทีสิครับ
อวยพรให้ก๋าน้อยหน่อย 555

ขอบคุณมากมายครับ
สำหรับสิ่งดีดีที่ทำให้ผมมาตลอด



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:15:23 น.  

 
แวะมาเยี่ยมแวะมาอ่านครับ

ผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มที่คุณเขียน แต่ถ้าคำว่า "ขบถ" แทนความหมายของคำว่า ออกนอกกรอบ แล้ว การที่เราออกจากกรอบที่ครอบงำเราอยู่ ผมถือว่าไม่อาจจะใช่เรื่องที่ผิดหรือหนักหนาสาหัสเกินไปหรอกครับ

"เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้ แต่เราสามารถเอาเรื่องราวในอดีตมาเป็นบทเรียนสำหรับการดำเนินชีวิตในภายภาคหน้าได้"

อิอิ

เอาบุญมาฝากครับ...

ที่บล็อคของผมวันนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับ การไปทอดกฐิน ของชาวบล็อคแก๊งค์ ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมาครับ

อย่าลืมแวะเข้าไปอ่านเพื่อรับผลบุญกันด้วยนะครับ

สาธุ ...

อิอิemo


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:18:18 น.  

 
เอาบุญมาฝาก
ภาพสดๆร้อนๆจากงานกฐินวัดหนองขาม

เห็นไปบ่นที่บล๊อกอาคุงกล่องว่าไม่มีรูปให้ดู ก็เลยเอาลิงค์ภาพตามมาให้จ้า


โดย: ย่าดา( ดา ดา) IP: 124.120.221.251 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:05:12 น.  

 

..รับทราบและปฏิบัติแล้วค่ะ..เจ้านาย..
..ขออภัยด้วยน่ะค่ะ..ที่อวยพรให้กะก๋าน้อย..ช้าไปนิด..
..คิดว่าก๋าน้อยก็คงให้อภัย..อิอิ




โดย: พีอาร์จ๋า IP: 124.120.160.80 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:07:34 น.  

 
emoสบายดีป่าวค้าบคุณพี่กะก๋า กะ มาดาม ปาต้าแวะมาอ่าน..ยามแลงๆ อิอิอิemo


โดย: pataramin วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:23:26 น.  

 
ถูก ค่า
อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงตัวเองเลยอ่า
ตอนนั้น ( แก่แล้ว) ไม่แรงเท่าคุณก๋า บอกตรงๆว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองแรงซักกะนิ๊ด เดียว

แต่คาดว่าคงแรงในสายตาเพื่อนๆ ร่วมภาค กะรุ่นพี่
ในตอนนั้น คิดว่าสิ่งที่เราทำมันถูก เราก็ไม่เคยแคร์ ว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไง ขอให้เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำมันถูก ก็พอ เราในตอนนั้น ดูเหมือนว่าเอามาตราฐานของตัวเองไปวัด ทุกๆ คน จนในวันหนึ่ง หลังจากได้เจ็บ แล้วจำมาจากหลายบทเรียน

ทั้งศัตรูกลายเปนมิตร แต่ไอ้มิ่งมิตร พิศดีๆ มันแทงหลัง ( 555 ) ตรูนิหน่า ( แหม หลงเคี้ยวหญ้าอยู่ตั้งนาน อร่อย)

สิ่งที่ได้มาคือ การเรียนรู้ที่จะมองโลกและคน อย่างที่มันเปนไม่ใช่สิ่งที่เราอยากให้เปน

ฟังดูง่ายๆ แต่ว่า ใช้น้ำตาเปนปี๊บแลกมาเลยแหล่ะ
ชีวิตมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบจริงๆ ในวันนี้ ก็เตรียมรับบทเรียนใหม่ที่ชีวิตจะป้อนมาให้


โดย: เสี่ยวเอี้ยน IP: 58.10.90.38 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:38:33 น.  

 
ยินดีด้วยจากใจจริงค่ะก๋า
ที่ตอนนี้เข้าใจโลกได้มากขึ้น
แก้ที่โลกไม่ได้ ... ก็แก้ที่ใจเราเอง
แล้วเริ่มเรียนรู้ไปกับโลก

เราเจอมาหลายเรื่องเหมือนกัน
จากเมือก่อน ความคิดค่อนข้างจะขบถ
ยอมหัก ไม่ยอมงอ
แต่เราเป็นแบบ...เงียบๆ
ทำอะไรแบบเงียบๆ แต่แรง

จนวันหนึ่ง คล้ายกับที่สามีของคุณเพลงเสือโคร่งบอก
เจ้านายเราพูดแบบนั้น

ท้ายสุดเราเข้าใจได้ว่า
โลกไม่ได้สวยงามและเป็นไปตามที่เราคาดหวังทุกเรื่อง
คนเราทุกคนก็ไม่ได้มีจิตใจดีไปซะหมด
เพราะฉะนั้น มองโลกในแง่ดี
ในแง่ที่ไม่ทำร้ายจิตใจเรา และไม่เอาเปรียบคนอื่นเถิด
สุขขีค่ะ


โดย: Piterek IP: 192.19.194.27 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:49:51 น.  

 





ชีวิต.........สถิตย์........ไม่มี
ชีวิต.........พลวัตร.......ตลอดเวลา
คนเปลี่ยน
ใจเปลี่ยน

ธรรมดา



emo


โดย: ม้าห้อ........ขอร่วมแจม (cm-2500 ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:35:52 น.  

 
สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง
ว่าแต่จะเปลี่ยนแปลงไปทางใด
ดีใจที่คุณเติบโตเยือกเย็นขึ้น
และเข้าใจชีวิตมากขึ้น


โดย: พ่อพเยีย IP: 222.123.96.203 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:31:00 น.  

 
คนเราพอแก่ตัวลง ใจก็เย็นขึ้นค่ะ 555

ไม่ได้ว่าพี่ก๋าแก่นะคะ...

มาดามเป็นยังไงบ้างคะวันนี้ แพ้มากมั้ยคะ...


โดย: Madam_Hatyai วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:52:41 น.  

 
ไฟนี่ยังไงก็ร้อนนะคะ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:44:32 น.  

 
อะแฮ่ม
เห็นอยู่เหมือนกัน
แสงแรกเนี่ย มันอยู่ตรงไหนอ่ะคะ
หาไม่เจอ
จะกลับไปอ่านลีลาก๋าตอนรู้ว่าจะมีลูก

หรือว่าตอนที่ก๋าบอกว่าถ้าได้แฝดก็ดีใช่ป่ะ
ตอนที่แซวก๋าว่าจะเสกพยูนเข้าท้อง
รู้ตอนนั้นอ๊ะเปล่า

ยินดีด้วยจากใจจริงเลยนะคะ
กี่เดือนแล้วนี่

อูย อิจฉาจริงๆ อยากมีบ้างอ่ะ

ปล. คุณ ich habe kein Geld ฝากมาแสดงความยินดีด้วยนะเนี่ย



โดย: Piterek วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:47:14 น.  

 
แต่ละวันที่ผ่านไป ทำให้คนเราเปลี่ยนแนวความคิดในการดำเนินชีวิตด้วย ตอนวัยรุ่น สาวเคยเถียงกับหมอซึ่งเป็นเจ้านายว่าอยากเป็นครูบนดอย หมอบอกว่าเวลาเปลี่ยนไปสาวจะไม่พูดแบบนี้ สาวแอบเถียงในใจ เวลาเปลี่ยนไป สาวจึงคิดได้...หมอพูดถูกคะ


โดย: ตัวหนอน (sawkitty ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:09:26 น.  

 

คิดถึงพี่มากเหรอยะ เล่นไปย้ำคำว่า ป้า ซะสองครั้งเลย

เอาไว้ให้ลูกเราเรียกแล้วกัน ป้า เนี่ย

เราเรียก พี่ เนี่ยดีแล้ว

เจ้านี่ นี่

ช่วงนี้เหน็ดเหนื่อย
กับการเดินทางกลับบ้านตอนเย็นมากเลยล่ะ
ไปเส้นทางไหน รถก็มากมาย
มีแต่ผู้คนแออัด
และเสียเวลากับการรอรถโดยสารมากหลาย
เบื่อจริงๆ ชีวิตคนกรุง

เพราะความน่าเบื่อแบบนี้เอง
ผู้คนถึงพากันซื้อรถ
เพราะระบบขนส่งมันไม่เคยพอเพียง
ที่จะรองรับคนใช้บริการ

จุดหมายเดียวกัน พี่สามารถเดินทางได้หลายทาง
วันหนึ่งขึ้นเรือต่อรถเมล์ต่อรถแท๊กซี่
อีกวันขึ้นรถไฟฟ้าต่อรถเมล์ต่อรถ จยย.รับจ้าง
อีกวันขึ้นรถเมล์ไปทางด่วนต่อรถ จยย.
แต่ทุกเส้นทาง มีแต่ความแออัดและแก่งแย่ง


น่าเบื่อมากๆ
กลับบ้านก็หมดสภาพอยากจะทำอะไรแล้ว


โดย: sunny-low วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:21:24 น.  

 
ชอบเพลงของวันนี้จังเลยค่ะ

ฟังแล้วอยากลุกขึ้นมาจับดาบซามูไร ไล่ฟันคน กระโดดจากหลังคาโน้น ไปหลังคานี้ยามวิกาล.... (จินตนาการมันล้ำลึก)



หลังจากอ่านเรื่องราวของพี่กะก๋ามา นู๋ก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าอะไร มันเป็นอะไร.. (แล้วสรุปว่ามันคือ "อะไร" กันนี่... พูดเองชัก งง เอง)

เพราะตัวนู๋เองก็ไม่เคยผ่านวิกฤตการณ์แบบปัญญาชน..อะไรเทือกนั้นมา แต่หนูพอจะสรุปได้คร่าว ๆ ว่า พี่กะก๋าเป็นคนดี

ที่ว่าเป็นคนดี เพราะดูเหมือนว่าตอนเป็นวัยรุ่น พี่กะก๋าจะจริงจังกับชีวิต การเรียน มหาลัย...etc ต่างกับใครอีกหลาย ๆ คน (รวมทั้งหนูด้วยนี่แหละ ไอ้ใครหลายคนที่ว่านั่น ฮ่า ๆ ๆ ) คนจำพวกหลังนี้ คือพวกที่ไม่สนอะไรเลย ทุจริตทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ใบปริญญา จะให้พูดจริง ๆ ก็คือตั้งแต่เกิดมา และเรียนหนังสือมา.. ไม่เคยมีซักครั้งเลยที่หนูไม่ขี้โกง แม้แต่บางรายวิชาตอนเรียนมหาลัย หนูก็ให้แม่ใช้เงินซื้อเกรดเอา เพื่อนหนูหลายคนก็ทำกันเยอะแยะ...


หนูเข้าใจว่าพี่อยากเห็นสังคมดีขึ้น... แต่ว่า แม่หนูสอนไว้ว่า คนดีน่ะ อยู่ในโลกนี้ได้ แต่อยู่ลำบาก เพราะมักจะโดนคนอื่นรังแก...เพราะความที่พ่อหนูเป็นตำรวจ หนูก็เลยติดนิสัยค่อนข้างขี้โกงเหมือนพ่อ ส่วนใหญ่หนูก็เลยไม่เคยเจอปัญหาแบบพี่กะก๋าค่ะ...


ง่า ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะตัวหนูก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ซะด้วยสิ


โดย: Ninniko วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:25:27 น.  

 
อ่านแล้วเหมือนกำลังโดนสะท้อนส่องตัวเอง
ณ ตอนนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร
ผมก็ค่อยค่อย "แรง" ขึ้นเรื่อยเรื่อยแฮะ
มันเป็นไปอย่าง...ค่อนข้าง...เชื่องช้า
แต่ก็ออกฤทธิ์รุนแรง
เดี๋ยวนี้ไปนู่นไปนี่ก็กล้าพูด กล้ามีปากมีเสียง
ด้วยอะไรบ้างอย่างที่อยู่ข้างใน...นึกไม่ออกเหมือนกัน
แต่ก็ยังรู้สึกว่าความ "แรง" นั้นยังเป็นแค่เปลือก
มันยังไม่ได้ไหม้เข้าไปถึงข้างในตัว
ในสถานการณ์ที่ต้องใช้สติ หรือบางครั้งที่เพื่อนมีปัญหา
มันกลับทำให้ผมมองอะไรออกได้มากขึ้น
มองในแง่ของคนที่แรงๆกับในแง่ของเหตุผลที่ไร้ซึ่งความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง
แล้วก็สามารถพูดมันออกมาในระดับกลางๆได้


โดย: Unravel วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:45:51 น.  

 

อดีต บางอย่าง เป็นเรื่องที่น่าลืม บางอย่างเป็นเรื่องที่คิดทุกครั้งแล้วสบายใจ

ทำดี ละเว้นทำชั่ว ทำจิตใจให้เบิกบาน....เป็นคำพระ

เมื่อกี้ เข้าไปอ่านบลีอกของคุรแคท เห้นกิจ เอ่ยถึงงานบุญ ว่าใครจะเขียนก่อน

คุณอาคุงกล่อง เขียนละเอียดครับ

คุณ ดา ดา ถ่ายภาพแจ่มครับ

Link ..กฐินบล๊อกแก๊งค์ในบางมุมมอง เขียนโดย yyswim




โดย: yyswim วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:53:13 น.  

 

มาอ่านซะดึกเลยคะวันนี้

เมื่อเวลาผ่านไปและอายุเพิ่มขึ้น
แล้วมองย้อนกลับไปในสิ่งที่กระทำในอดีต
ก็ทำให้เรารู้ว่าเราเองโตขึ้นมากแล้ว (ความคิดอะคะ)
มีความคิด อ่านที่รอบคอบมากขึ้น



โดย: ไลเดเลีย วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:01:46 น.  

 
จะบอกว่าเชอรีเองนะคะคุณก๋า

ลึกๆในใจมีความเป็นขบถสูงมาก

แต่สิ่งที่ทำจริง อาจจะดูเป็นคนใจเย็นด้วยซ้ำ

ตอนนี้ ยิ่งแล้วใหญ่

จะคิดเป็นอาจารย์ เฮ้อ ไม่รู้คิดถูกเปล่า


โดย: เชอรี่ (JAN_CHERRY ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:25:51 น.  

 
เข้ามาอ่านนะคะ แล้วก็ขอโทษไว้เลยที่จะไม่ได้เมนท์เกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน

แวะมาอ่านคืนที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
คุณก๋าคิดเปรียบเทียบตัวเอง ความคิดตัวเอง
ตอนนี้ กับที่ผ่านมา ได้นิ่งกว่า
ต่างจากที่ แ ม ง ป อ กำลังคิดตอนนี้
เรื่องบางเรื่อง ไม่ตกตะกอนซะทีค่ะ
บางที เรื่องใหม่ ๆ เข้ามา ก็พาลทำให้รู้สึกว่า
จะเป็นเรื่องเดียวกัน จนกลัว ไปหมด

เหนื่อยค่ะ
มีคนบอกว่าเพื่อนไม่ต้องซื้อหา
เพื่อนก็มีนะคะ ตอนนี้
แต่เพื่อนที่ให้ความรู้สึกเหมือน คุณย่า
ที่เคยเป็นทุก ๆ อย่างน่ะ ยังหาไม่ได้เลยค่ะ
เหมือนจะเจอะ แต่ก็คว้าไว้ไม่ได้


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:43:25 น.  

 
ความขบถเป็นส่วนหนึ่งของการซื่อสัตย์ต่อจิตวิญญาณของตัวเอง มันเป็น Master Morality ที่มนุษย์ควรมี

แต่เพื่อการปกครองมนุษย์ซึ่งตื้นลึกหนาบางไม่เท่ากันนั้น ความขบถของเราก็ถูกกล่อมเกลาภายใต้ระบบการศึกษาที่ไม่ช่วยให้เราเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้นอกจากจะเป็นแต่เพียงแรงงานเท่านั้น

ไฟคุณกะว่าก๋าเป็นไฟอุ่นๆ ก็แสดงว่า วางดาบมาจับชอล์คอ่ะสิ อย่างน้อยตอนนี้งานเขียนของคุณกะว่าก๋าก็คงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอีกมากแม้เขาจะไม่ได้แจ้งให้ทางคุณก๋าทราบ

แป้งหอมว่า คุณกะว่าก๋าก็ไม่เคยเลิกขบถนะ เพียงแต่อาวุธที่ใช้เปลี่ยนไปแค่นั้นเอง

ปล.เพิ่งทราบจากเสี่ยวเอี้ยนว่าคุณก๋าจามีน้องแย้ววว จริงหรอคะนี่ อิอิ ตั้งตารอก๋าน้อยด้วยคนค่ะ


โดย: ตอบเบาๆเดี๋ยวตัวคิดถึงตกใจ วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:57:35 น.  

 
หวัดดีจ้า

พี่พูดเล่นน๊า
ถ้าคุณกิจจะเขียนประวัติจริงๆ
ก็คงจะต้องบอกจริงมั้ย
เมื่อวานพี่ปวดท้อง
เลยอยากกวนน้องให้หวยปวด อิอิอิ


อ่านตอนต้นชักกลัวๆ
ทำไมรุนแรงจัง
แต่พออ่านจนจบ....
คอยยังชั่วหายใจคลอ่ง


"ไม่มีใครเป็นได้ดั่งที่เราต้องการ"

แต่ก่อนพี่ก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้
พออายุมากขึ้นผ่านหลายสิ่งหลายอย่าง
ถึงเข้าใจว่าจะให้ใครเขามาเป็น
ดั่งที่เราต้องการได้ยังงั้น

แต่ละคนความต้องการ
ความรู้สึกไม่เหมือนกัน


"จงมองโลกอย่างที่มันเป็นไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้มันเป็น"



สามีติ๊งต๊องให้ขำทุกวันครับ

พี่ชักอยากจะอ่านเรื่องขำของคุณกิจแล้วซิ
เรื่องขำทำให้จิตใจสดชื่น
ไม่แก่เร็วด้วยนะ

ขอให้มีความสุขในการดำเนินชีวิต



โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:53:46 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าครับเสี่ยก๋า

เรื่องที่เสี่ยก๋าเขียนนี่มันมีผลต่อผู้คนที่ได้เข้ามาในห้องนี้

มาก ทุกคนที่ผ่านช่วงนั้นมาต่างคนก็มีบาดเเผลติดตัวกัน

มาทั้งนั้น จะมากหรือน้อยนั้นมันก็เป็นอีกเรื่อง เเต่วันเวลา

ผ่านไปความรู้สึกนั้นมันก็เริ่มจางหายไป ทุกวันนี้ผมก็ยัง

ฝันร้ายอยู ในฝันว่าตัวเองยังไม่ส่งรายงานบ้าง เข้า

เเลกเชอร์ไม่ทันบ้างเเต่ก็นานๆๆครั้ง ขอบคุณที่เขียน

เรื่องนี้ครับ....emo


โดย: มหาสำลี วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:5:39:36 น.  

 
ใ น ห้ ว ง คำ นึ ง ข บ ถ โ ร ม า น ซ์


โดย: ดอกเสี้ยวขาว วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:02:24 น.  

 
คุณแมงปอครับ


ใช้สูตรนี้นะครับ
ผมได้มาจากช่างไม้คนนึง
เค้าบอกว่าทุกครั้งที่ต้องสินใจหรือทำอะไรให้คิดแบบนี้ครับ


"วัดสองครั้ง
เลื่อยครั้งเดียว"


ขอให้โชคดีครับ
ปัญหาอะไรก็ช่าง
ค่อยๆแก้
แก้ได้แน่นอนครับ



โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:07:23 น.  

 
อืมม์ นึกถึงตัวเองตอนเป็นนศ.ขึ้นมาบ้าง
ยังขมขื่นกับคุณภาพของอาจารย์บางคน
ที่เป็นถึงหัวหน้าภาควิชา
แต่เอาขนมมาขายในห้องเรียนทุกวัน แทนการสอน...
และโชคร้ายที่เรานินทาท่านในห้องน้ำหญิง
แล้วท่านอยู่อีกห้องน้ำหนึ่งพอดี..
ยังจำสีหน้าเจ็บปวดของท่านได้เป็นอย่างดี..เฮ้อ..
.........
ความคิดรวบยอดที่ได้จากการเป็นน.ศคือ...
สี่ปีที่หายไปกับความว่างเปล่าของกาลเวลาเท่านั้นค่ะ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:27:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]