- 16 DECEMBRE 09 - VUELVO AL SUR เพลงขำๆ จากคนไม่มีสี

VUELVO AL SUR เพลงขำๆ จากคนไม่มีสี

     หลังจากกลับมาจากชั้นเรียนโยคะเมื่อเช้า ฉันเปิดฟังซีดีที่เปิดคลอบรรยากาศเมื่อวานตอนเย็นๆ ชื่อ Cafe Argentina รวบรวมบทเพลงดังๆ ระดับโลกในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาจากประเทศอาเจนตินา

เพลงแรกของแผ่นเป็นเพลงสำหรับแทงโก้ ชื่อ VUELVO AL SUR ขับร้องโดย Roberto Goyeneche โดยมี Astor Piazzolla เล่นหีบเพลง

เสียงทรงพลัง ผีมือการเล่นหีบเพลงเฉียบขาด จะไม่ดีอย่างก็คือฟังไม่ออกว่าเขาร้องว่าอย่างไร เลยเข้าไปถามป๋ากุ๊กเกิล ป๋าให้เบาะแสมาหลายแห่ง คลิกเข้าไปเจอบทแปลของเพลงนี้เป็นภาษาอังกฤษในเว็บไซต์นี้ //www.planet-tango.com/lyrics/vuelvosu.htm เลยเอามาฝากกัน

ฝากเฉยๆ ไม่พอ เลยลองแปลด้วย แปลเสร็จแล้วก็ขำๆ

ทำไมถึงขำ ลองข้ามไปดูคำแปลข้างล่างก็แล้วกันค่ะ

(ขอบอกทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลืองก่อนว่า ดิฉันอยู่ไกลและไม่มีความใส่ใจมากพอจะเลือกสี เนื้อเพลงที่แปล แปลไปตามเนื้อ ไม่คิดเหน็บแนมหรือเข้าข้างฝั่งไหน ดังนั้น ดูแล้วไม่ต้องคิดมาก อ่านขำๆ นะคะ)




Version en castellano

Vuelvo al Sur,
como se vuelve siempre al amor,
vuelvo a vos,
con mi deseo, con mi temor.

Llevo el Sur,
como un destino del corazon,
soy del Sur,
como los aires del bandoneon.

Sueño el Sur,
inmensa luna, cielo al reves,
busco el Sur,
el tiempo abierto, y su despues.

Quiero al Sur,
su buena gente, su dignidad,
siento el Sur,
como tu cuerpo en la intimidad.

Te quiero Sur,
Sur, te quiero.

Vuelvo al Sur,
como se vuelve siempre al amor,
vuelvo a vos,
con mi deseo, con mi temor.

Quiero al Sur,
su buena gente, su dignidad,
siento el Sur,
como tu cuerpo en la intimidad.
Vuelvo al Sur,
llevo el Sur,
te quiero Sur,
te quiero Sur...
English translation

I return to the South
like one always returns to the love,
I return to you ,
with my longing, with my anxiety.

I carry the South
like a destiny of my heart,
I am from the South
like the melodies of the bandoneon.

I dream of the South,
a huge moon, the sky reversed,
I am looking for the South
the open time, and its thereafter.

I love the South,
its good people, its dignity,
I feel the South,
like I feel your body in intimacy.

I love you South,
South, I love you.

I return to the South
like one always returns to the love,
I return to you
with my longing, my anxiety.

I love the South,
its good people, its dignity,
I feel the South
like I feel your body in intimacy.
I return to the South,
I carry the South,
I love you South,
I love you South...



ฉบับแปลภาษาไทย

ฉันกลับคืนสู่ทักษิณ
เหมือนคนจักหวนสู่รัก
ฉันกลับมาหาเธอ
ด้วยความกระหาย ด้วยใจกังวล

ฉันแบกรับทักษิณไว้
คล้ายชะตากรรมแห่งหัวใจ
ฉันมาจากทักษิณ
คล้ายท่วงทำนองแห่งหีบเพลง

ฉันฝันถึงทักษิณ
จันทราดวงใหญ่ นภาพลิกผัน
ฉันตามหาทักษิณ
วันฟ้าเปิด และหลังจากนั้น

ฉันรักทักษิณ
คนดีที่นั่น ความภาคภูมิที่นั่น
ฉันรู้สึกถึงทักษิณ
เหมือนฉันรู้สึกถึงร่างเจ้ายามอยู่ลำพัง

ฉันรักเธอ ทักษิณ
ทักษิณ ฉันรักเธอ


(ซ้ำทั้งหมด 1 รอบ)





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 16 ธันวาคม 2552    
Last Update : 16 ธันวาคม 2552 13:17:34 น.
Counter : 980 Pageviews.  

- 15 DECEMBRE 09 - ชีวิตห่างหน้าจอคอมพิวเตอร์

ชีวิตห่างหน้าจอคอมพิวเตอร์

My Pottery Studio
     วันนี้อารมณ์ดี ในที่สุด แป้นหมุนสำหรับปั้นดินก็มาส่งถึง “สตูดิโอ” ที่ตั้งอยู่บนระเบียงที่มีหลังคาคลุมจนสุดปลายอีกตึกนึงจนได้ ดีใจที่ได้วางตำแหน่งแห่งที่เรียบร้อย จะได้หาเก้าอี้และชั้นวางที่เหมาะๆ มาลง จัดให้สวยงาม สมเป็นอีกมุมหนึ่งในบ้านที่ฉันจะได้ใช้ชีวิตในอีกแบบหนึ่ง

     ชีวิตที่ไม่ใช่การอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ การแปล การเขียนคอลัมน์ การตรวจต้นฉบับ บริหารงานกิจการสำนักพิมพ์ เป็นฉันอีกมุมหนึ่ง มุมที่เรียบง่าย เป็นช่างฝีมือ มีทักษะในงานที่ทำด้วยมือ ด้วยสองมือน้อยๆ ที่พ่อแม่ให้มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก มือที่ไม่เคยจะได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอย่างเต็มที่มาก่อน

     แต่คราวนี้จะไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนช่วงเวลาก่อนหน้า ฉันไม่ต้องขวนขวายหาความหมายของชีวิต ฉันไม่ต้องขวนขวายหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ รู้แล้วว่าชีวิตของฉันเกิดมาเพื่ออะไร ฉันรู้แล้วว่าฉันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทำอะไรได้ดี อะไรที่ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว สรุปว่า ชีวิตของฉันนิ่งแล้ว อะไรๆ เริ่มลงตัว การดิ้นรนจบสิ้น มีเวลาหยุดหายใจพอจะค่อยๆ ละเลียดสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันจับต้องได้กับเขาเสียที

     ชั้นเรียนปั้นดินเพื่อฝึกหัดลงพื้นฐานให้แน่นก่อนจะข้ามไปทำอะไรตามใจตัวเอง จะเริ่มต้นวันอังคารแรกของเดือนหน้า ครูจะมาสองวัน คือ วันอังคารกับวันพฤหัส ตอนสิบโมงครึ่งถึงเที่ยง ฉันอาจจะต้องสับหว่างกับคาบเรียนโยคะที่ดูเหมือนครูโยคะจะอยากให้เรียนทุกวัน ซึ่งฉันก็ชอบนะ โยคะมีหลักที่ฉันจับได้คร่าวๆ คือ การพัฒนาตัวเองขึ้นทุกวัน โยคะไม่เรียกร้องให้ทำได้ดี รู้ดี ตั้งแต่ต้น แต่ให้ค่อยๆ สังเกตควาก้าวหน้าของตัวเองทีละนิด ทีละวัน เป็นกิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุขตรงที่เราดีขึ้นกว่าเมื่อวานในทุกวัน ช่วยสร้างกำลังใจได้ดีทีเดียว

     แต่จะสลับเวลาเรียนสองวิชานี้ยังไงดี เดี๋ยวถึงตอนนั้น ถึงเวลาจริงๆ ค่อยดูอีกทีว่าจะวางตารางชีวิตยังไง




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 15 ธันวาคม 2552    
Last Update : 15 ธันวาคม 2552 18:08:10 น.
Counter : 913 Pageviews.  

- 14 DECEMBRE 09 ไม่ได้งาน แต่ได้งีบ

ไม่ได้งาน แต่ได้งีบ

     
งานประจำวันนี้ที่ตั้งใจเอาไว้ คือ การเขียนคอลัมน์โอเวอร์ซี ได้หัวข้อเรื่องแล้ว ประเด็น ข้อมูลอะไรต่างๆ ก็รวบรวมได้ค่อนข้างครบแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงมือเขียน ผัดไปพรุ่งนี้แทน

     อ้างเหตุผลงี่เง่าเล็กน้อยกับตัวเองว่าน้องก้อง บ.ก. อะเดย์ ขวัญใจป้าๆ ยังไม่ให้ไฟเขียว ปกติฉันจะโทรไปเล่าเรื่องคร่าวๆ รอฟังเสียงนุ่มๆ “ดีครับพี่ ทำเลยครับ” แต่วันนี้โทรศัพท์ไปเจอให้ฝากข้อความ ไอ้ฉันเป็นคนไม่เคยเช็คข้อความเสียงที่ใครๆ ฝากเข้ามือถือเลยเหมาว่ามีความเสี่ยงที่น้องเขาจะไม่เช็คเหมือนกัน เลยเปลี่ยนวิธีใหม่ เข้าไปเขียนข้อความทิ้งเอาไว้หลังไมค์ที่หน้าเฟซบุคของน้องเขาแทน



     ส่วนชีวิตประจำวันอื่นๆ ก็ไม่มีอะไร กิจการสำนักพิมพ์กำมะหยี่ดำเนินไปด้วยดี ขยับคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น เข้าไปอัพเดทเว็บไซต์หน้าแรกเพื่อขอบคุณคนที่อุดหนุนหนังสือในมินิงานหนังสือที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อคืนนี้

     นอกนั้น บ้านเลอะ ห้องครัวเขลอะ เพราะแม่มันจุฬาลาหยุดเพื่อพาสามีไปโรงพยาบาล การนัดส่งแป้นหมุนสำหรับปั้นดินที่เลื่อนแล้วเลื่อนเล่า ก็เลื่อนออกไปอีกจากวันนี้เป็นพรุ่งนี้

     ทางด้านโยคะ เนื่องจากหยุดเสาร์-อาทิตย์ ฉันไม่ได้ฝึกเลย วันจันทร์พอเจออาจารย์ขยับท่าขึ้นไปขั้นสูง เส้นสายก็ตึงเปรี๊ยะ มีเส้นยึดอยู่สองสามรอบ อาจารย์บอกว่าคราวหน้าให้บอกก่อนว่าขอปรับร่างกายสักนิด เขาจะได้ไม่กำหนดท่ายากให้ แต่ฉันว่าฉันต่างหากที่ควรจะทำโยคะให้ได้ทุกวันเวลาที่ไม่มีเรียน อย่างน้อยสวัสดีพระอาทิตย์สัก 10 รอบ ฝึกลมหายใจท่าต่างๆ ท่าละนิดละหน่อย ไม่ต้องทำท่าโลดโผนก็ได้


     มีอย่างหนึ่งที่ทำได้อย่างน่าพอใจ คือ งีบหลับกลางวันโดยไม่หลับไหลยาวได้ เคล็ดลับคือเปิดเพลงจากละครโอเปร่ากระหึ่มครึกโครมเอาไว้ ตอนที่ร่างกายอยากพัก ปล่อยใจไปกับเสียงโหยหวนฟังไม่เข้าใจ พอร่างกายพักผ่อนเต็มที่ เสียงเอะอะจากโอเปร่าจะปลุกให้เรารู้สึกตัว และตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 14 ธันวาคม 2552    
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 20:56:26 น.
Counter : 960 Pageviews.  

- 13 DECEMBRE 09 จดหมายจากพ่อ

จดหมายจากพ่อ

ฉันเขียนบล็อกอย่างสม่ำเสมอมา ๕ ปีกว่า เริ่มต้นที่บ้านที่แกลง ระยอง ของพ่อแม่ ก่อนจะ “ออกเรือน” มาอยู่กับหวานใจ ไม่มีใครที่บ้านรู้ว่าฉันเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้ใครต่อใครหลังคอมพิวเตอร์เครื่ืองอื่นๆ ฟัง

มาช่วงหลัง ฉันไม่อยู่บ้าน ทิ้งโน้ตบุคเครื่องเก่าอดีตคู่ใจไว้ให้พ่อใช้งาน เปิดอีเมลให้ ทิ้งลิงก์บล็อกของฉันที่นี่เอาไว้ให้อ่าน “บันทึกประจำวัน” ของลูกสาวที่ปกติไม่ค่อยได้พูดจากันสักเท่าไหร่ พร้อมดูแลค่าอินเตอร์เน็ตไวไฟที่บ้านให้ด้วย

หลังจากนั้น ปกติ นอกจากคุยกันทางเอ็มเอสเอ็นสามสี่คำกับพ่อ จะอีเมลมาเดือนละฉบับสองฉบับ หนึ่งฉบับแน่ๆ คือ เดือนนี้ ค่าดีแท็กซ์ (โทรศัพท์มือถือเก่าของฉันที่ให้พ่อใช้) ประจำเดือนนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่ เพื่อฉันจะได้จ่ายผ่านอีแบงกิ้ง ส่วนอื่นๆ ก็เป็นข่าวย่อยๆ เช่น แม่ไปตรวจร่างกายทุกอย่างโอเค พ่อกับแม่ไปเที่ยวที่นั้นที่นี่กับเพื่อนๆ มา

มีเมื่อเช้านี้ ฉันเช็คอีเมลทางไอโฟน (เพราะวันนี้เป็นวัน Computer free ไม่เปิดเครื่องคอม แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ ต้องเปิดคอมอัพบล็อกนี้) และได้อีเมลฉบับยาวเหยียดจากพ่อ ที่เขียนมาถึงด้วยความห่วงใย และฉันรู้ว่าพ่อตั้งใจในการจิ้มดีดเขียนอีเมลฉบับนี้มาก หลังจากได้อ่าน บันทึกของฉัน ที่ไม่ได้บันทึกแต่ช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตเท่านั้น เมื่อวันก่อน

ฉันนำจดหมายของพ่อมาลงไว้ในที่นี้ด้วย เพราะคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆ คนที่ผ่านมาอ่านเจอ ฉันเขียนตอบจดหมายพ่อหลังจากนั้นด้วย เพราะฉันอยากให้พ่อรับทราบคำตอบ พร้อมๆ กับทุกคนที่ติดตามเรื่องราวของฉันอยู่




มิว

พ่อได้อ่านบันทึกของลูกแล้ว  อยากเสนอแนวความคิดให้ลองพิจารณาดู  "อันว่าความทุกข์หรือสุขของคนอยู่ที่ใจ  นอกจากจะปรับบรรยกาศ ปรับตัว ปรับแนวทางอยู่ร่วมกัน  และเสริมสร้างคุณลักษณะต่างๆที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแล้ว ยังต้องฝึกต้องปรับและต้องพัฒนาจิตใจของเราให้มีศักยภาพที่จะเป็น ภูมิคุ้มกันใจ    ในการแก้ไขความทุกข์และสร้างความสุขสงบของจิตใจโดยเริ่มจาก  พยายามฝึกเข้าใจจิตใจของผู้อื่น 

ความจริงทุกคนมีเหตุผลอยู่ในกระบวนการนึกคิดของจิตใจอยู่  เพียงแต่มักจะปล่อยให้อารมณ์เข้ามาครอบงำเหตุผล  ทำให้มองข้ามความรู้สึกนึกคิด  ความต้องการของผู้อื่น  โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวเราเองว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร  ถือสาในเรื่องอะไร  นิสัยใจคอเป็นอย่างไร  มีปมด้อยปมเด่นอะไรบ้าง  ถ้าหยุดคิดทบทวนสักนิดหน่อยก็จะพอเข้าใจ  เหตุผลการกระทำของเขาที่มีผลต่อความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจของเรา  หากเข้าใจเขาก็จะนำมาซึ่งการให้อภัย  

การให้อภัยเป็นลักษณะประจำของคนไทยอยู่แล้ว  เมื่อทอดเวลาออกไป  จนความโกรธค่อยๆลดลง  แต่การให้อภัยที่ดีที่สุดคือ  การเข้าใจกัน    และให้อภัยตั้งแต่ก่อนโกรธซึ่งทำได้ไม่ยาก  ถ้าเรารู้จักปรับใจ  วางตัวในฐานะผู้ใหญ่ที่พร้อมจะเข้าใจเด็ก  ในฐานะเพื่อนที่หวังดีต่อเพื่อน หรือในฐานะเด็กฉลาดที่รู้จักใช้เหตุผลคิดแก้ปัญหาในทางสร้างสรรค์ " 

ที่ลูกคิดอยู่ก็เข้าเค้าแล้ว  แต่อยากให้อ่าน และพิจารณา ข้อความที่พ่อส่งมาให้นีั่ด้วย  

พ่อ



พ่อขา

คงไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทำยากไปกว่าการทำให้พ่อและแม่ของลูกรู้สึกว่าลูกของตนเป็นผู้ใหญ่แล้วมีความเข้มแข็งมากพอที่จะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขและสงบ ลูกทุกคนไม่ว่าจะสูงใหญ่เติบโต มีงานการอยู่ในตำแหน่งไหน ยังคงเป็นเด็กตัวเล็กๆ ในสายตาของพ่อและแม่อยู่เสมอ

ใช่ว่ามิวจะไม่พอใจ ใช่ว่ามิวจะหงุดหงิดในข้อนี้ เพราะมิวรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า สุดท้ายแล้ว คนที่ให้อภัยในความผิดพลาดทั้งปวงของมิว คนที่พร้อมจะให้โอกาสเริ่มต้นใหม่หลังจากการล้มไม่เป็นท่าหลายครากับมิวเสมอ คนที่ให้อภัยในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จาก “การเป็นเด็กอย่างถาวร” ของมิวเสมอ คือ พ่อกับแม่ (บวกพี่มีนอีกคน)

ในเหตุการณ์ที่พ่อเพิ่งจะรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับ “เด็กฉลาด” ของพ่อ มิวอยากให้พ่อเบาใจว่า มิวเข้าใจสภาวะของฝ่ายนั้นเสมอ มิวรู้จักนิสัยของอีกฝ่าย นำมาซึ่งความเข้าใจและให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะรู้ดังนั้น ประกอบกับความรู้สึกว่าขืนเงียบ ไม่เล่าให้ฟังว่าเรารู้สึกอย่างไร เขาจะไม่มีวันเข้าใจเรา แม้จะเสี่ยงจากอาการ “งอน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บันทึกนั้นจึงปรากฏ

พ่อย่อมรู้ว่ามิวทำผิดพลาดมาไม่น้อย และการให้อภัยจากพ่อแม่เป็นสิ่งล้ำค่า ที่มิวพร้อมจะให้กับคนอื่นๆ เสมอ มิวพร้อมจะให้โอกาสคนที่คิดว่ารู้จักมิวแต่ไม่รู้จักมิว พร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น และยิ่งกว่านั้นคือพร้อมจะให้โอกาสเขาแก้ตัวใหม่ในงานเล่มต่อไป ถ้าเขาต้องการ (เพราะพ่อก็รู้ว่ามิวไม่ชอบฝืนใจใคร รวมทั้งตัวเอง)

ขอให้พ่อสบายใจได้เลยค่ะว่ามิวพยายามทำความเข้าใจคนอื่นเสมอ แต่บางครั้ง พ่อขา มิวเหนื่อยเหลือเกินที่คล้ายจะมีแต่มิวเท่านั้นที่เป็นฝ่ายทำความเข้าใจใครต่อใคร ทำไม ไม่มีคนที่เข้าใจความรู้สึกของมิวบ้างเลย ทั้งที่มิวก็ไม่ได้ขออะไรมากมาย ไม่ต้องมาเอาใจกันเป็นการส่วนตัว เพียงแค่ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เหมือนที่มิวทำกับงานทุกงานที่มิวทำ ไม่ใช่เพราะเงินที่ได้ แต่เพื่อผลงานที่คนทำจะภาคภูมิใจว่าได้ทำอย่างเต็มที่สุดความสามารถแล้ว (หรือว่ามิวขอมากไปคะ)

รักพ่อ และดีใจที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกันค่ะ และไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ มิวจะไม่พูดว่ามิวโตแล้วดูแลตัวเองได้ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง (เพราะวันที่พ่อจะไม่เป็นห่วงมิวคงไม่มีเป็นแน่) แต่จะบอกว่ามิวกำลังทำตามที่พ่อแนะนำด้วยความหวังดีมาทุกตัวอักษรค่ะ

มิว





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 13 ธันวาคม 2552    
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 22:57:04 น.
Counter : 823 Pageviews.  

- 10 DECEMBRE 09 - ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะบางสิ่ง

ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะบางสิ่ง

      วันนี้เริ่มต้นไม่ดีนัก ช่วงกลางๆ ดีขึ้น ช่วงท้ายยังไม่รู้

     เริ่มต้นด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ วิโนด-คนขับรถที่บ้านขับรถ (ที่เราอนุญาตให้พ่อหนุ่มขับกลับบ้านเวลาเราออกไปดินเนอร์นอกบ้านแล้วกลับดึก) ไปปะอีท่าไหนก็ไม่รู้กับรถเมล์ เมื่อเช้าระหว่างขับมารับหวานใจที่บ้าน

     หวานใจฉุนใหญ่ นอกจากทำให้เขาต้องไปทำงานสายแล้ว เป็นเพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิโนดขับรถเราไปประสบอุบัติเหตุ คราวที่แล้วเสียหายหนัก กระโปรงหน้ายุบเข้ามาทั้งแถบ คนที่เสียเงินค่าซ่อมคือเรา โดนไปแสนกว่าบาทหลังจากหักเงินค่าประกันแล้ว พอมาเจอครั้งที่สองนี้อีก ถึงจะไม่ได้หนักหนาแค่ประตูยุบไปข้างนึง แต่เราก็คงต้องมีมาตรการใหม่มาจัดการ คาดว่าหวานใจคงจะงด ไม่ให้วิโนดขับรถกลับบ้านของตัวเองแล้วเพื่อลดความเสี่ยงในการเจออุบัติเหตุ อีกมาตรการหนึ่งก็คือ ให้เขาจ่ายค่าซ่อมในครั้งนี้ จะได้หลาบจำระมัดระวังมากขึ้น

     ในความเห็นของฉัน อุบัติเหตุก็คืออุบัติเหตุ ถ้ามันจะเกิด แม้เราจะระมัดระวัง แต่คนอื่นอาจจะพลาดพลั้งได้ ไม่แน่ว่าวิโนดอาจจะไม่ผิด วิโนดอาจจะขับรถอย่างระมัดระวัง แต่ที่แน่ๆ วิโนดเจอสิ่งที่ไม่เข้าใครออกใคร นั่นคือ ความซวย ฉันคิดว่ามาตรการแรกในการพยายามลดอัตราความเสี่ยงด้วยการไม่ปล่อยรถออกไปนอกถนนเกินความจำเป็น ควรนำมาใช้ในทันที โดยให้วิโนดหาจักรยานมาใช้ขับกลับบ้าน เพราะบ้านก็ไม่ได้อยู่ไกลอะไร ส่วนเรื่องเงิน ให้เลือกเอาว่าจะเลือกโดนไล่ออกหรือจะจ่ายแบบผ่อนส่งเป็นรายเดือน ไม่ว่าจะยังไง จะต้องมีการทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นบทเรียนให้ชดใช้ความผิดหรือความซวยของตน ไม่ควรปล่อยลอยนวลเหมือนคราวแรก

     ฉันก็หวังว่าวิโนดจะเลือกยอมจ่ายเงินมากกว่าลาออก ใจลึกๆ ฉันไม่อยากเปลี่ยนคนขับรถเลย เพราะมันไม่ได้หมายความว่าจะลดเปอร์เซ็นต์การเกิดอุบัติเหตุได้จริงๆ แถมยังต้องมานั่งปรับตัวใหม่ อธิบายเส้นทางไปสถานที่ต่างๆ ที่เราไปประจำกันใหม่ ปรับตัวกับกลิ่นตัวคนใหม่ที่อาจจะเหม็นก็ได้ อีกอย่าง วิโนดมีทัศนคติที่ดีในการทำงาน อาจจะทำงานขลุกขลักในครั้งแรกๆ แต่ต่อมาเมื่อรู้จักรู้ใจกัน พูดไม่กี่คำก็รู้เรื่อง และกระตือรือร้นแข็งขันช่วยหยิบจับ นี่ยังไม่นับหน้าที่บอดี้การ์ดคอยดูแลความปลอดภัย จนฉันกับหวานใจตั้งชื่อเล่นๆ ให้ว่า เควิน (มาจากเควิน คอสเนอร์ ในเรื่อง บอดี้การ์ด) ด้วยนะ

     กระนั้น อุบัติเหตุครั้งนี้ก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียไปหมด พอรู้ว่าวิโนดเกิดอุบัติเหตุ เลขาฯของหวานใจเลยส่งรถที่บริษัทอีกคันมารับ ฉันเลยไปยืนรอเป็นเพื่อนหวานใจที่ริมถนนหน้าหมูบ้าน เพราะรถคันนั้นไม่มีสติกเกอร์เข้ามในลานจอดรถชั้นใต้ดินไม่ได้ ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ครูโยคะหนุ่มของฉันผ่านหน้าหมู่บ้านเพื่อไปสอนคาบเก้าโมงเช้าพอดี เขาเลยได้เห็น ฉันกับสามี กับรถคันใหญ่กับคนขับรถ เรียกว่าเห็นอีกมุมของฉันต่างจากที่เห็นในชั้นเรียน

     ฉันคิดว่า การได้เห็นมุมใหม่นี้ มุมของภรรยา ได้เห็นสามีของฉันแบบจะๆ ได้เห็นคราบคุณนาย (โชคดีที่ยังไม่มาเห็นในมาดเจ้าสำนักพิมพ์) และการพูดคุยกันเรื่องอุบัติเหตุของวิโนดตอนช่วงที่เดินทางไปเรียน ทำให้เขาตระหนักว่า ถ้าคิดจะคบกันต่อไป ถ้าอยากสนิทสนมกันมากกว่านี้ ควรจะให้ชัดเจนว่าเราอยู่ในฐานะอะไรต่อกัน ระหว่างที่ซ้อนท้ายสกูตเตอร์เขากลับจากชั้นเรียน แล้วฉันเอากระเป๋าใส่พรมโยคะมากอดกั้นตรงกลาง เขาบอกฉันว่า เธอจับเอวฉันก็ได้ เธอเป็นพี่สาวของฉัน (เขาพูดว่าซิสเตอร์ ฉันดูหน้าเขาและวัยของฉันแล้ว คาดว่าฉันคงเป็นน้องสาวเขาไม่ได้หรอก)



          ได้แต่หัวเราะ ทั้งนอกใจและในใจ เออ ... อยู่ดีๆ ก็มีน้องชายเว้ย



>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 10 ธันวาคม 2552    
Last Update : 10 ธันวาคม 2552 19:37:34 น.
Counter : 825 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.