- 09 DECEMBRE 08 - กิน ดื่ม และร่วมงานแต่งงานแบบฮ่องกง

กิน ดื่ม และร่วมงานแต่งงานแบบฮ่องกง

Le mariage a' la hongkongaise

     เสาร์-อาทิตย์ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันกับหวานใจไปฮ่องกงกันค่ะ

     จุดประสงค์หลัก คือ ไปร่วมงานแต่งงานของลิลีกับเอ็ดวิน ลูกน้องเก่าของหวานใจสมัยที่ทำงานที่นั่น จุดประสงค์รอง คือ ไปกิน ดื่ม และช้อปปิ้ง

     ขึ้นเครื่องจากสนามบินบังกาลูรูกลางดึกวันศุกร์ วันเสาร์เช้าตรู่ถึงจุดหมายปลายทาง นั่งรถไฟเข้าเมืองต่อแท็กซี่เข้าบูติกโรงแรมแสนเก๋ ตกแต่งด้วยข้าวของที่ดีไซน์ บาย Stark เชียวนะคะ ชื่อ Jia แถวคอสเวย์เบย์ สองสามีภรรยาล้างหน้าล้างตา แล้วเริ่มกิจกรรมที่ตั้งใจกันไว้ ด้วยบะหมี่เกี๊ยวกุ้งน้ำ อิ่มแล้วช้อปปิ้งข้าวของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ต่อด้วยอาหารค่ำใน private restaurant เป็นอาหารจีนสไตล์เสฉวนร้านโปรด ชื่อ Yellow Door ย่านเซ็นทรัล ปิดท้ายคืนแรกอย่างเมามายที่บาร์แจ๊ซเล็กๆ

     เช้าวันต่อมา ประโยคแรกที่พูดกัน คือ ไม่ต้องเอ่ยถึงความเมามันและเมามายเมื่อคืนนี้ให้รู้สึกผิดจนงานกร่อย อะไรที่พลาดผ่านไปแล้วจะมาย้ำคิดย้ำจี้ไชเสียเวลาเสียรสชาติชีวิตทำไมเล่า เราจะเดินหน้าดื่ม-กินกันต่อไป เพียงแต่สัญญิงสัญญาต่อกันว่าจะรู้จักควบคุมการดื่มในงานเลี้ยงแต่งงานคืนนี้ให้อยู่ในระดับพอสมควร


     สายๆ วันนั้นนั่งรถไฟใต้ดินข้ามฝั่งไปเกาลูน กินบรันช์วันอาทิตย์กับครอบครัวของเพื่อนหวานใจที่ฮาร์เบอร์ ซิตี้ไม่พ้นเจอเชมเปญ กับบุฟเฟต์เสิร์ฟไวน์แบบ Free Flow แต่อาศัยความตะกละตักอาหารกินให้มากกว่ายกแก้วดื่ม เลยเอาตัวรอดไปได้แบบฉิวเฉียด

     โปรแกรมยามบ่าย ไปช้อปปิ้งซื้อเครื่องปรุงอาหารญี่ปุ่น และที่สำคัญคือน้ำปลาไทย ที่ Greatซุเปอร์มาร์เก็ตไฮโซ ก่อนกลับโรงแรมเพื่อเปลี่ยนชุดเตรียมตัวไปงานแต่ง หวานใจใส่เสื้อโซดาสีครีมตัวที่ใส่ไปสละโสด (อีกครั้ง) เมื่อขึ้นอำเภอจดทะเบียนสมรสกับฉัน ซึ่งเพิ่งมาเห็นตอนที่เก็บกระเป๋าเมื่อวันศุกร์ว่า ตั้งแต่ตอนใส่ครั้งแรกตอนนั้น จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ซัก ค้างเค็มมาปีกว่าๆ อย่างไรก็ตามฉันยืนกรานให้เอามาด้วย พอถึงโรงแรมจับใส่อ่างล้างหน้า ถูสบู่ขยี้ให้เกลี้ยงเกลา แขวนตากกันในห้องน้ำ พอแห้งแล้วฉันลงมือรีดกันในโรงแรมนั่นแหละ

     หนึ่งปีกว่าๆ ให้หลัง เมื่อกลับมาใส่เสื้อตัวสวยอีกครั้ง หวานใจอวบอ้วนขึ้นเพราะภรรยาเลี้ยงดี กระดุมป้อกแป๊กพลาสติกเด้งผึงทุกครั้งที่ขยับตัว สร้างความเฮฮาหรรษากันไปอีกแบบ

     นั่งแท็กซี่ถึงโรงแรมโฟร์ซีซัน ขึ้นลิฟต์ไปห้องจัดเลี้ยง ลงทะเบียนเซ็นชื่อ รับบัตรโต๊ะจีน แล้วเข้าไปถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาวตามธรรมเนียม ฉันหยิบแคนดี้ออกมาเล็กถ่ายไม่ให้อยู่นิ่งๆ ไปเรื่อยๆ (และเป็นเช่นนั้นตลอดรายการจนจบ และที่ตลก คือ ฉันมักจะโดนช่างภาพประจำงาน ผ่านเข้ามาบังหน้ากล้องอยู่เสมอ)ได้เวลา มีเสียงสัญญาณเรียกเข้าห้องจัดเลี้ยงเรียกแขกเหรื่อ ข้างในจัดเป็นธีมสีแดงมีแซมม่วงซึ่งเป็นสีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นจุดๆ

     เมื่อแขกนับพันเข้านั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว พิธีกร 2 คน (พี่ชายของเจ้าสาวกับพี่สาวของเจ้าบ่าว) ขึ้นเวทีกล่าวต้อนรับ แล้วเริ่มพิธีบนเวที เชิญทนายความและเจ้าหน้าที่รัฐที่รับเชิญทำพิธีจดทะเบียนสมรสต่อหน้าสักขีพยานที่มาร่วมงาน เจ้าบ่าวยืนรอเจ้าสาวที่เดินควงแขนพี่ชายอีกคนมาส่งที่หน้าเวที ทั้งสองเซ็นชื่อ กล่าวรับกันและกันเป็นคู่ชีวิต ทำการจับมือตัดเค้ก เจ้าบ่าวกล่าวขอบคุณพ่อแม่ของเจ้าสาว และอื่นๆๆๆ จบแล้วพากันลงเวที



     อาหารชุดแรกออก ต่อด้วยชุดสองและสาม และสี่ ไวน์ขาวและแดงรินไหลไม่ขาดสาย

     เจ้าสาวเปลี่ยนชุดเป็นชุดกี่เพ้าสีแดง เดินควงเจ้าบ่าวถือแก้วคอนยัค พร้อมกับครอบครัวทั้งสองฝ่ายเร่ไปขอบคุณแขกตามโต๊ะต่างๆ หลังจากนั้นมีการฉายวิดีโอพิธีแต่งงานตอนช่วงเช้า ซึ่งดูไปคล้ายๆ กับพิธีไทย คือ เจ้าบ่าวไปที่บ้านเจ้าสาวกับบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาวรออยู่ที่บ้านเจ้าสาว ตั้งด่านให้เจ้าบ่าวทำกิจกรรมต่างๆ ก่อนจะเข้าไปถึงตัวเจ้าสาว

     เมื่ออาหารเสิร์ฟครบทุกชุด ก็เริ่มเปิดเวทีแดนซ์กันสนั่น โดยเฉพาะคุณพ่อและคุณแม่ของเจ้าบ่าว เมื่อแขกส่วนใหญ่เริ่มทยอยกลับ กลุ่มเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าว เจ้าสาว รวมทั้งกลุ่มชาวฝรั่งเศสก็ดื่มเชมเปญกันต่อ เป็นการปิดท้าย





     สรุปว่า คืนนั้นเราดื่มกันชนิดที่ว่า ความพอดีที่คุยกันเป็นอันดิบอันดีเมื่อเช้าไม่มีร่องรอยหลงเหลือ


ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 09 ธันวาคม 2551    
Last Update : 12 ธันวาคม 2551 16:22:31 น.
Counter : 823 Pageviews.  

- 05 DECEMBRE 08 - วันเอ๋ย วันหยุด

วันเอ๋ย วันหยุด

On va aller a' Hong Kong

     ฟังดูแล้วอาจจะแปลกๆ แต่ฉันเป็นคนไม่ชอบวันหยุด ยิ่งวันหยุดที่คนหยุดกันเยอะๆ แห่กันไปเที่ยวกันเยอะๆ ฉันยิ่งขยาด


     คนอินเดียเป็นคนรักการรวมกลุ่ม รักครอบครัว ไปไหนไปกันเป็นตระกูลตั้งแต่ปู่ย่าจนถึงหลานเหลน บวกกับจำนวนประชากรที่มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเข้าไป ... แค่คิดก็สยองแล้ว พอถึงวันหยุดของที่นี่ ฉันกับหวานใจที่เป็นโรคกลัวฝูงชนพอๆ กันจึงมักจะเก็บตัวกันอยู่ในบ้าน ใจนึงฉันก็อยากออกไปดูสีสันสวยสดแบบอินเดีย แต่เมื่อนึกวาดภาพจำนวนผู้คนแล้วความอยากก็หดหายไปในทันที


     เวลามาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ ขอเสียอย่างหนึ่งที่สังเกตได้ คือ วันหยุดเยอะมากกว่าปกติ วันหยุดในประเทศนี้ เราต้องหยุด พอถึงวันหยุดในประเทศที่เราติดต่อด้วย เราก็ต้องหยุด แถมตอนนี้ประเทศที่ฉันติดต่อด้วยนอกจากเมืองไทยแล้วยังมีฝรั่งเศส ประเทศที่เลื่องลือเรื่องวันหยุดพักร้อน รวมกับวันหยุดฉลองเทศกาลบูชาเทพเจ้าทั้งหลายทั้งปวงในอินเดีย เติมเข้ากับวันหยุดของไทยเข้าไป ...อุแม่เจ้า

     นอกจากวันหยุดต่างๆ นานาตามชาวบ้านชาวเมืองแล้ว ยังมีวันหยุดเฉพาะกิจที่ทางบ้านกำหนดเองอีกต่างหาก เช่น สุดสัปดาห์นี้ฉันกับหวานใจจะไปฮ่องกงเพื่อเข้าร่วมพิธีแต่งงาน ที่ต้องลงทุนบินไปเพราะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเคยเป็นลูกน้องแสนรักเก่าสมัยที่หวานใจทำงานที่ฮ่องกงเมื่อสามปีก่อน เครื่องจะขึ้นคืนนี้ตอนตีสองกว่าๆ กำหนดกลับมาอีกทีคืนวันจันทร์

     เป็นอันว่า วันจันทร์นี้อดทำงานกลายเป็นวันหยุดอีกวัน ...เฮ่อ



     บ่นเสร็จแล้วก็ลุกไปเก็บแคนดี้ กล้องถ่ายรูปถ่ายรูปคู่ใจที่ฉันตั้งใจจะใช้เป็นเกราะกำบัง ช่วยให้ไม่ต้องเสวนากับผู้คนในงานแต่ง ลงกระเป๋าเดินทาง


ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 05 ธันวาคม 2551    
Last Update : 5 ธันวาคม 2551 21:04:54 น.
Counter : 734 Pageviews.  

- 04 DECEMBRE 08 - สนพ.กำมะหยี่ เตรียมออก "เจ้าชายน้อย" ฉบับการ์ตูน

สนพ.กำมะหยี่ เตรียมออก "เจ้าชายน้อย" ฉบับการ์ตูน

"Year Plan 2009" pour GAMME Magie Editions

.
     คติประจำใจฉันอย่างหนึ่ง และทุกวันนี้พยายามจะทำให้ได้ คือ "จะทำอะไร ทำทีละอย่าง"

     เนื่องจากนิสัยแย่ๆ ของฉันอย่างหนึ่งก็คือ การเป็นคนปุบปับที่บางครั้งฉับไวเกินเหตุ หยิบจับงานนั้น ยังไม่ทันเสร็จ คิดขึ้นมาได้ว่าต้องทำงานนี้ ผละจากงานแรกมาจับงานสอง ทำไปได้แป๊บๆ แล้วถึงนึกออกว่า อ้าว งานแรกยังค้างอยู่ ต้องทำให้เสร็จ

     ช่วงหลังนี้ ค่อยดีหน่อย รู้จักควบคุมตัวเองให้มีสมาธิจดจ่อกับงานๆ หนึ่งได้โดยไม่มีจิตประหวัดกลับไปคิดถึงงานอื่นๆ เคล็ดลับ คือ การจดรายการที่ต้อง Do และจัดตารางทำงานให้ชีวิต ตื่นมาปุ๊บ ตั้งมั่น "ใส่ใจ" กับงานนั้นอย่างเต็มที่ตลอดทั้งวัน

     กลวิธีดังกล่าวช่วยในการวางแผนชีวิต เรียงลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้สามารถทยอยทำงานทุกงานให้ก้าวหน้าไปพร้อมๆ กันได้แบบไร้ความเครียด เหมาะอย่างยิ่งกับสภาพชีวิตของฉันในช่วงนี้ที่นอกจากงานแปล ยังมีงานที่ต้องจัดการในฐานะกองบรรณาธิการ และเจ้าสำนักพิมพ์กำมะหยี่ด้วย

     ในหนึ่งสัปดาห์ ฉันจะแบ่งเวลาแปลหนังสือทั้งส่วนตัวและของสำนักพิมพ์ ที่แปลควบอยู่ในตอนนี้ได้แก่ นิยายเล่มใหม่ของมาร์ค เลอวี กับ La Lenteur นิยายของคุนเดอรา ส่วนงานบรรณาธิกร ก็ตรวจปรับแก้เกย์ วินชี โค้ด ส่งนักแปลเป็นตัวอย่างไปแล้วเมื่อวานนี้

     ในวันนี้ ถึงเวลาของการบริหารจัดการ สนพ.กำมะหยี่ ลงตารางการทำงานของปีหน้า กำหนดวางแผง แบ่งหน้าที่ของแต่ละคน ในแต่ละช่วงเวลา ทำไปทำมานับแล้วสรุปเห็นภาพชัดเจนว่า ปีหน้าสำนักพิมพ์กำมะหยี่ที่มีพลพรรคประจำอยู่ 5 คน กับผู้ร่วมงานดั้งเดิม 3 คน บวกเพื่อนร่วมงานใหม่ อีก 2 คน จะช่วยกันเข็นหนังสือออกมาทั้งหมด 13 เล่ม

     ประกอบด้วย งานของคุณสิบ 2 เล่ม งานแปล 11 เล่ม ในนั้นมีเรื่องสั้นแปล 3 เล่ม นิยายแปล 4 เล่ม ความเรียง 1 เล่ม การ์ตูน 3 เล่ม

     หนึ่งในการ์ตูน 3 เล่ม และจะเป็นเล่มไฮไลท์ประจำปีของสำนักพิมพ์ คือ Le petit prince เจ้าชายน้อย ภาคการ์ตูน ที่ผ่านการตีความตัวละครใหม่ล่าสุดสี่สีทั้งเล่ม ภาพวาดอาจจะไม่ได้น่ารักสวยใสเหมือนภาพประกอบดั้งเดิมฝีมือคนเขียนที่อยู่ในใจแฟนๆ ทั้งหลาย



     แต่เป็นงานการ์ตูนรุ่นใหม่วัดใจแฟนๆ ที่เราภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง


ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 04 ธันวาคม 2551    
Last Update : 4 ธันวาคม 2551 21:48:00 น.
Counter : 793 Pageviews.  

- 02 DECEMBRE 08 - Love me , please love me

Love me , please love me
La chanson du jour malgre' tout!

ตอนอยู่ฝรั่งเศส เพลงนี้เป็นเพลงที่ฉันได้ฟังเสมอเวลาเปิด Nostragie สถานีวิทยุฝรั่งเศส เวลานั่งจิ๊บจิ๊บกลับจากบ้านต่างจังหวัดที่อาเมียงส์ เวลาเพลงขึ้น ฉันกับหวานใจจะตะเบ็งแหกปากร้องตาม แล้วหัวเราะกันงอหาย

วันนี้มาอยู่ที่อินเดีย ฉันลองเปิดสถานีวิทยุนี้แบบออนไลน์ ก็ยังได้ยินเพลงนี้อีกครั้ง ทำเอาฉันหยุดทำงาน นั่งร้องคลอดังๆ ความหลังและบรรยากาศในรถกระจ่างชัด ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

การ "หลบ" ไปรำลึกความหลังแสนหวานอย่างนี้ บางครั้งก็เป็นทางออกให้กับการอยู่ในสภาพกดดันจากสถานการณ์รอบตัว ทั้งที่อยู่ใกล้ วินาศกรรมบุกยึดโรงแรมหรูที่บอมเบย์ ในประเทศอินเดียที่ฉันมาอาศัยอยู่ ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลคนละเมือง แต่ข่าวคราวก็วนเวียนมาทำลายขวัญและกำลังใจ ชวนให้สะดุ้งอยู่ครามครันว่ามันจะลามมาถึงที่บังกาลอร์นี่ไหม

ส่วนสถานการณ์ที่อยู่ไกลตัวออกไปหน่อย เกิดขึ้นในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ไม่กระทบความเป็นอยู่ แต่กระทบจิตใจไม่น้อยเลย

ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัว

ส่วนตัวของฉันเองนั้น ฉันคงจะไม่เข้าข้างไหน หรือเลือกใส่เสื้อสีอะไรเพราะไม่รู้ว่าฝ่ายไหนใส่เสื้อสีอะไรกันแน่ ฉันคิดว่าพันธมิตรมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของตน ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็มีสิทธิแสดงจุดยืนของตนเช่นกัน สิ่งเดียวที่ฉันไม่เห็นด้วยกับทั้งสองฝ่าย คือ การไม่คำนึงถึงผลเสียหายของประเทศ การปิดสนามบินเป็นการลากเอาคนนอกบ้านมาทรมาณทรกรรมโดยที่พวกเขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ส่วนการใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหาของอีกด้านก็ไม่ได้เลวร้ายน้อยไปกว่ากันเลย

ฉันมองว่า ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในสิทธิของตน แต่ไม่มีฝ่ายไหนคำนึงถึงหน้าที่ที่ทุกคนพึงมีต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ ดังนั้นจึง "เอาไม่ได้" พอๆ กัน

เอาล่ะ ฟังเพลงหวานๆ ออดอ้อน ปลอบตัวเองไปวันๆ กันดีกว่า


นักร้อง - Michael Polnareff
ชื่อเพลง - Love me please love me



Love me, please love me
Je suis fou de vous
Pourquoi vous moquez-vous chaque jour
De mon pauvre amour ?
รักผม โปรดรักผม
ผมลุ่มหลงในตัวคุณ
เหตุไฉนทุกวัน คุณจึงเย้ยเยาะ
ความรักที่น่าสงสารของผมได้


Love me, please love me
Je suis fou de vous
Vraiment prenez-vous tant de plaisir
A me voir souffrir
รักผม โปรดรักผม
ผมลุ่มหลงในตัวคุณ
คุณมีความสุขจริงๆ หรือ
ที่เห็นผมเจ็บปวด


Si j'en crois votre silence
Vos yeux pleins d'ennui
Nul espoir n'est permis
Pourtant je veux jouer ma chance
Même si, même si
Je devais y brûler ma vie
ถ้าผมเชื่อความเงียบของคุณ
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
ผมก็จะไม่มีความหวังใด
แต่ผมก็ใคร่จะลองเสี่ยง
แม้ว่า แม้ว่า
ผมจะต้องผลาญเผาชีวิตตนเอง


Love me, please love me
Je suis fou de vous
Mais vous moquerez-vous toujours
De mon pauvre amour ?
รักผม โปรดรักผม
ผมลุ่มหลงในตัวคุณ
หาก คุณยังเย้ยเยาะ
ความรักที่น่าสงสารของผมเชียวหรือ


Devant tant d'indifférence
Parfois j'ai envie
De me fondre dans la nuit
Au matin je reprends confiance
Je me dis, je me dis
Tout pourrait changer aujourd'hui
เมื่อเจอความไม่แยแสขนาดนี้
บางครั้ง ผมอยาก
จะสลายสิ้นไปในยามราตรี
เช้ารุ่งขึ้น ผมกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
ผมบอกตัวเอง ผมบอกตัวเองว่า
ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปในวันนี้


Love me, please love me
Je suis fou de vous
Pourtant votre lointaine froideur
Déchire mon cœur
รักผม โปรดรักผม
ผมลุ่มหลงในตัวคุณ
แม้ว่าความเย็นชาห่างเหินของคุณ
จะฉีกกระชากหัวใจของผม


Love me, please love me
Je suis fou de vous
Mais vous moquerez-vous toujours
De mes larmes d'amour ?
รักผม โปรดรักผม
ผมลุ่มหลงในตัวคุณ
แล้วคุณยังเย้ยเยาะ
น้ำตาจากความรักของผมได้อีกหรือ





ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 02 ธันวาคม 2551    
Last Update : 2 ธันวาคม 2551 20:28:20 น.
Counter : 900 Pageviews.  

- 01 DECEMBRE 08 - โยคะ โย่ค่ะ

โยคะ โย่ค่ะ

Je me mets au Yoga.

     ฉันสมัครเข้าเรียนโยคะแล้วค่ะ

     การเรียนโยคะอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเป็นหนึ่งในความตั้งใกจหลักสามประการ ที่วางไว้ว่าเมื่อมาอยู่อินเดียจะขวนขวายทำให้ได้ อีกสองอย่างในนั้น คือ หัดเรียนภาษาอินเดียสักภาษานึง (เลือกภาษากันตานาไว้ เรียกก๊อกแก๊กกับมันจุฬาแม่บ้าน ไม่นานก็ล้มเหลวหยุดชะงัก อ้างว่างานเยอะ แถมไม่มีภาคบีบบังคับ เนื่องจากพูดอังกฤษก็เอาตัวรอดได้ในประเทศนี้) กับ หัดทำอาหารอินเดีย (ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่กำลังพยายามอยู่)

     เรื่องเรียนโยคะเนี่ย ถ้าไม่มีตัวช่วยว่าเขาจัดครูมาสอนที่โรงยิมของหมู่บ้าน คนติดบ้านงานยุ่งและขี้เกียจอาบน้ำแต่งตัวอย่างฉันก็ไม่มีวันจะมุ่งมั่นฝ่าฟันถนนรถติดหนึบของบังกาลอร์ซิตี้เข้าไปเรียนตามคลับตามสถาบันต่างๆ อย่างแน่นอน

     จุดประสงค์ในการเรียน หลักๆ คือ จะได้ผละจากงานการ ได้เรียนรู้การสงบจิตใจ ได้ขยับเนื้อขยับตัว เผื่อร่างกายจะยืดหยุ่นแข็งแรงขึ้น หวังไกลไปถึงการลดความอ้วน ลดความอวบอิ่มของต้นขาต้นแขนและความโป่งนูนของหน้าท้อง ได้ออกไปเจอมนุษย์มนานอกบ้านโดยเฉพาะคุณผู้หญิงของบ้านต่างๆ ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ฉันมาอาศัยอยู่ เผื่อจะมีเพื่อนใหม่กับเขาบ้าง นอกนั้นก็เป็นการเรียนรู้ศาสตร์อันเลื่องลือ ไหนๆ ก็อุตส่าห์ได้มาอยู่ในประเทศต้นกำเนิด

     เริ่มเรียนครั้งแรกวันพรุ่งนี้ตอนห้าโมงครึ่ง สุดสัปดาหที่ผ่านมา ฉันตื่นเต้นลากหวานใจไปซื้อเสื่อโยคะสีม่วง (สีของสนพ.กำมะหยี่...ไม่ได้เลยฮ่ะ) กางเกงยืดสีม่วงเช่นกัน ส่วนเสื้อ เดี๋ยวคว้าๆ เอาในตู้เสื้อผ้า


     และที่พลาดไม่ได้เลย คือ การขนซื้อหนังสือเกี่ยวกับโยคะ มานั่งอ่านประวัติความเป็นมา ปูพื้นฐาน ทำความรู้จักท่าต่างๆ เอาไว้คร่าวๆ เวลาเข้าห้องเรียนจะได้ไม่บ้าใบ้ บื้องงเป็นเบื้อ


ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 01 ธันวาคม 2551    
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 19:09:59 น.
Counter : 779 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.