- 22 NOVEMBRE 10 ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ ก็คงเป็นอย่างนั้น

ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ ก็คงเป็นอย่างนั้น

Boats
สภาพร่างกายและกำลังใจอยู่ในช่วงขาลงอีกรอบ คราวนี้จะไม่ให้ลงดิ่ง จะพยายามดึงขึ้นมาให้เร็วที่สุด

ข่าวดี คือ โลร็องซ์ เพื่อนของหวานใจที่มาพักที่บ้านตั้งแต่วันพุธกลับไปแล้ว แอบโล่งใจนิดๆ และแอบดีใจด้วยที่ภารกิจเจ้าบ้านจบลงด้วยดี ถึงฉันจะเคยมีประสบการณ์ต้อนรับขับสู้เพื่อนสามีที่มาพักที่บ้านอยู่บ้าง แต่ก่อนหน้านี้มีแต่เดเด้ เพื่อนรักของหวานใจ ที่สนิทรู้นิสัยกันดีว่าเป็นคนเอื้อเฟื้อมีน้ำใจคอยช่วยเหลือหยิบจับอย่างเป็นกันเอง ส่วนโลร็องซ์คนนี้ ฉันรู้จักแค่ผิวเผิน พอมาได้อยู่กันอย่างนี้ ฉันเริ่มมีคำถามในใจว่า เป็นเรื่องปกติหรือเปล่าที่เขาไม่อาสาช่วยอะไรเลย ปล่อยให้ฉันกับหวานใจทำอาหารให้กิน ตัวเองนั่งรออยู่หน้าทีวีหรือไม่ก็แว่บขึ้นไปโทรศัพท์ข้างบน เป็นเรื่องปกติหรือเปล่าที่นั่งแท็กซี่ด้วยกันแล้วหวานใจเป็นคนควักจ่ายทุกครั้ง

คงจะเป็นเรื่องธรรมดาสินะ ก็เขาเป็นแขกมาเยี่ยม เราต้องรับรองอย่างดี ดูแลทุกอย่าง เดี๋ยวขอดูนิดนึงว่าเวลาเราไปสิงค์โปร์แล้ว เขาจะรับหน้าที่เจ้าบ้านอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทนหรือเปล่า ถ้าไม่ คงไม่ใช่มารยาทหรือธรรมเนียมปฏิบัติ คงจะเป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละคนเสียมากกว่า

เพี้ยง ขออย่าให้เป็นอย่างหลังเลย เพราะฉันไม่อยากให้มีความคิดด้านลบต่อใครเข้ามากัดกินจิตใจ มันร้อนรุ่ม มองโลกในแง่ร้ายไม่สนุกเลย เหมือนตอนที่กลับมาจากเล่นเรือ ฉันหน้ามันปอกกระเทียม เตรียมตั้งกะทะทอดเสต็กอยู่ในครัว ส่วนหวานใจต้องล้างเครื่องเคราตกปลาอยู่คนเดียวข้างล่าง ส่วนแขกของบ้านนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น

เฮ่อ คิดเล็กคิดน้อยเป็นผู้หญิงจู้จี้จริงๆ เลยฉัน พอๆๆๆ เขาไปแล้วก็แล้วกันไป ถือเป็นประสบการณ์ในการต้อนรับแขกที่มาพักที่บ้านก็แล้วกัน ปีนึงก็ไม่กี่คนหรอก เต็มที่ก็สองคน นอกจากเดเด้ที่มาทุกปีแล้ว โลร็องซ์นี่ก็เป็นคนแรกที่ฉันอยู่ต้อนรับอย่างเต็มตัวในฐานะนายหญิงของบ้าน คิดไปอีกทางหนึ่ง เดเด้อาจจะเป็นกรณีพิเศษ มีความสนิทสนมเป็นพิเศษ และมีน้ำใจเป็นพิเศษ ส่วนโลร็องซ์เป็นกรณีธรรมดาสามัญ ที่ใครๆ เขาก็เป็นอย่างนี้ อือ เดี๋ยวถ้ามีเปลี่ยนหน้ามาอีกสักคนสองคน น่าจะสรุปได้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่

แต่ที่แน่ๆ การที่ไม่มีแขกในบ้านแล้วก็เป็นเรื่องดี เพราะวันสองวันต่อจากนี้ ฉันจะไม่มีลูกมือช่วยเก็บกวาด เมื่อเช้านี้ คุณ ก. แม่บ้านโทรมาบอกว่าเมื่อคืนไปเที่ยวคาราโอเกะแล้วจู่ๆ ก็ถูกชายฮ่องกงคนหนึ่งต่อยเข้าที่ตา มีคนโทรแจ้งตำรวจ แล้วตำรวจพาไปเย็บสี่เข็ม คืนนี้สองทุ่มมีนัดไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ เสร็จแล้วจะกลับบ้าน

ฉันฟังแล้วอึ้งๆ ไป ด้วยไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่บอกว่าเรื่องเรียบร้อยแล้วก็กลับบ้านละกัน ถ้ามีค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องห่วงเพราะฉันทำประกันไว้ให้แล้ว เธอบอกว่าที่ไปเย็บเมื่อคืน เขาไม่คิดเงิน เธอขอโทษขอโพยฉันยกใหญ่ที่ดันมีเรื่อง ฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไง วางหูแล้ว นึกสงสัยว่าตัวเองควรจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอหรือเปล่า แต่เธอบอกว่าสามีของคุณแม่จะพาไปเอง ฉันไปเองก็คงไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา รังแต่จะทำให้เธอรู้สึกผิดอึดอัดกลับมาทำงานไม่ได้แล้วทำให้ฉันต้องเดือดร้อน

ไม่ไปเยี่ยมลูกหมา ไม่ไปโยคะ ไม่เปิดหนังสือแปลงาน อ้างว่า อยากพักผ่อน อยากคลายเครียดที่ฝังอยู่ลึกๆ อยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำอะไรเลย ลังเลไปมาอยู่ไม่นาน ต้มข้าวต้ม ทอดปลาเค็มที่เมื่อวานซื้อจากเกาะที่แวะไปกินอาหารกลางวันกันอันเป็นหนึ่งในเมนูที่ทำได้เมื่ออยู่ตามลำพังเพราะกลิ่นแรง เปิดผักกาดกระป๋อง กินอิ่ม หยิบหนังสือแปลรักกุ๊กกิ๊กของนักเขียนที่พี่นวล สนพ.วงกลมบอกว่า ฉันเองก็น่าจะเขียนได้ เปิดอ่านแล้วก็สนุกดี หนังสือทำหน้าที่ในการพาออกจากโลกนี้ ลืมปัญหาคาใจทุกอย่าง

อ่านหนังสือสลับกับการนอนเอาแรง เขียนจดหมายขอลาป่วยในใจ ด้วยหมดแรง เมาค้างอ้างไปข้างๆ คูๆ ว่าขอเรียกเรี่ยวแรงกลับมาก่อนที่จะล้มป่วยหลังจากฝืนมากๆ ถึงตอนนั้นอาจจะไม่ได้พักแค่วันเดียวแค่นี้ หลับกลางวันแบบไม่สนิท จิตใต้สำนึกบุกเล่นงานฝันเปิดเปิง เสียงขุดถนนดังแต่กๆๆๆ เหมือนซ้ำเติมจากข้างบ้าน ตื่นมา ระโหยอยากกินอะไรเผ็ดๆ ให้ชื่นใจ ควักแกงเหลืองที่แช่ช่องแข็งออกมาอุ่นกินกับข้าวสวยและปลาทอดเค็มตุๆ ที่เหลืออยู่ แล้วเปิดหนังสืออ่านต่อ สามร้อยกว่าหน้าอ่านจบรวดเดียวใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงกว่าๆ

วันหนึ่งวันดูเหมือนจะจบไปแบบไร้ค่า เอาเหอะ ไร้ค่าบ้าง หลุดบ้างก็ดี จะเต็มร้อยไร้ที่ติไปไหนนักล่ะเธอ





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2553 18:30:44 น.
Counter : 788 Pageviews.  

- 19 NOVEMBRE 10 ฉันเป็นนาย ฉันเป็นบ่าว

ฉันเป็นนาย ฉันเป็นบ่าว

moi moi moi
ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไล่ฉันออก ถ้าฉันเป็นบ่าว ฉันจะลาออกจากนายคนนี้ โชคไม่ค่อยดี นายกับบ่าวคู่นี้อยู่ในร่างเดียวกัน ชีวิตเลยเหมือนต้องฟาดฟันทำศึกหาสมดุลกันตลอดเวลา วันหนึ่งนายชนะ อีกวันหนึ่งบ่าวได้ชัย สลับกันไปเช่นนี้ ไม่เคยมีใครขึ้นครอบและครองอีกฝ่ายได้นานๆ

อยู่ด้วยกันมาใกล้สี่สิบปีแล้ว นายกับบ่าวเพิ่งรู้สึกเห็นพ้องต้องกันชัดๆ วันนี้เองว่า ร่างกายที่สิงสู่ใช้โรมรันกันอยู่ร่างนี้อ่อนแอลงตามกฎธรรมชาติว่าด้วยสังขาร ไม่อาจทานทนการหักโหมใช้งานหนักเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป จากที่เคยแข็งแรง ฟื้นตัวได้เร็ว ตอนนี้ใช้เวลาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ เยอะจนต้องหันมาทบทวนวิถีการใช้ชีวิตอีกครั้ง

ได้เวลาตั้งโต๊ะเซ็นสัญญาสงบศึกชั่วคราว เพื่อหาหลักการใหม่ในการทำนุบำรุงร่างนี้ เพื่อจะอยู่ร่วมกันต่อไป เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกบังคับเมื่อสายให้ร่วมเผชิญศึกหนักจากการเจ็บไข้ก่อนวัยอันควร




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2553 16:35:08 น.
Counter : 942 Pageviews.  

- 18 NOVEMBRE 10 คนใกล้ คนไกล

คนใกล้ คนไกล

2 boys
เมื่อคืนนี้โลร็องซ์ เพื่อนของหวานใจมาถึงบ้านจากสิงค์โปร์ เขาจะมานอนที่บ้านหนึ่งอาทิตย์ ดังนี้ ช่วงนี้จึงต้องสวมหมวกศรีภรรยาคุณนายของบ้านแบบเต็มที่เป็นพิเศษ อบเป็ดใส่ส้ม ทอดเฟรนช์ฟราย ตบท้ายด้วยสลัดผักเป็นอาหารค่ำ นั่งกินกันง่ายๆ หน้าโซฟา เพราะหวานใจมีประชุมทางไกลผ่านโทรศัพท์ตั้งแต่สองทุ่มจนถึงสี่ทุ่ม

หลังจากประชุมเสร็จ กินเสร็จ สองหนุ่มใหญ่ลดอายุเป็นเด็กชายตัวน้อย อวดของเล่นกันใหญ่ โลร็องซ์เปิดเว็บไซต์ให้ดูเครื่องบินเล็กที่เขาขาย หวานใจเปิดเว็บไซต์ให้ดูเรือใบที่อยากได้ ต่อด้วยคลิปพันแมลงตกปลา ต่อด้วยการสาธิตการพันแมลงตกปลา ฟังเพลงจากแผ่นไวนิล โดยมีฉันคอยเปิดไวน์มาเติมไม่ให้ขาดช่วง เช้านี้ หวานใจตื่นได้ตามปกติ แม้ปากจะบ่นพร่ำเป็นภาษไทย สำเนียงน้ำเสียงเหมือนลูกชายเมื่อหลายปีก่อน "ไม่อยากไปโรงเรียน อยากไปตกปลา อยากอยู่กับชิชา" ส่วนฉัน ใจหนึ่งไม่อยากจะลุกเล้ย แต่ก็กัดฟันลุกขึ้นจากที่นอนจนได้ ลงมากำกับให้คุณ ก. ทอดไข่กับไส้กรอก ป้ิงขนมปัง ขณะที่ฉันลงมือปอกและแกะส้มโอ

สำหรับคนชอบทำและกินอาหารอย่างฉัน การทำอาหารค่ำมื้อโตเป็นเรื่องไม่ใหญ่ไม่โต ชอบอยู่แล้ว ยิ่งมีคนมาช่วยกิน ยิ่งชอบ อาหารจะได้ไม่เหลือทิ้ง การลุกขึ้นมาจากเตียงตอนเช้าต่างหากที่เป็นเรื่องค่อนข้างพิเศษ จะว่าเมื่อวานไม่ได้ออกไปนอกบ้าน ไม่ได้ออกกำลังกายเลยมีแรงลุกขึ้นก็ไม่เชิง เพราะ IKEA เอากล่องพลาสติกมาส่งเมื่อวานตอนบ่าย ฉันเลยรื้อกล่องกระดาษ เปลี่ยนถ่ายจัดข้าวของเข้ากล่องพลาสติกอยู่หลายชั่วโมง ทำคนเดียวด้วย คุณ ก. หยุดพักไปหาคุณแม่ เล่นเอาเหนื่อยแฮ่ก หมดแรงแทบสลบอยู่เหมือนกัน

ดูสิ ฉันคุยกับตัวเองในใจ ทีกับคนอื่นล่ะก็ ลุกขึ้นมาจัดเตรียมดูแลอาหารเช้าได้นะ กับหวานใจคนใกล้ตัวใกล้ใจทำไมถึงไม่ค่อยยอมลุกจากเตียง นั่นสิ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้ เป็นเพราะหวานใจอยู่ใกล้ตัวเจอกันทุกวันเลยทำอย่างไรก็ได้ ขณะที่กับคนอื่นนานๆ เจอกันทีก็เลยอยากทำให้ประทับใจ อย่างนั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นการคิดที่ผิดนะ ฉันว่าต่อ การทำให้คนที่มาพักประทับใจไม่ใช่เรื่องผิด เป็นหน้าที่ของเจ้าบ้าน อันนี้ทำต่อไปดีแล้ว แต่กับหวานใจ สามีสุดที่รัก ทำไมถึงไม่สามารถคงความสม่ำเสมอในการดูแลและความต้องการสร้างความประทับใจเอาไว้

ตกลงใครสำคัญกว่าใคร ใครที่ควรได้รับการเอาใจใส่มากกว่ากัน



>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2553 10:24:37 น.
Counter : 845 Pageviews.  

- 17 NOVEMBRE 10 คลี่ คลาย

คลี่ คลาย

เมื่อวานทำหน้าที่ทุกอย่างได้เกือบครบ ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบเป๊ะๆ แต่ก็ถือว่าเป็นวันที่ดี

สิ่งที่ตึงๆ เริ่มคลาย ไอ้ลูกหมาดูมีความสุขสบายหายเครียด คนที่ศูนย์กักกันก็เอ็นดูมันดี เห็นศักยภาพว่าตะกละพอที่จะฝึกให้ทำอะไรต่ออะไรได้ เดี๋ยวพอออกจากศูนย์มา ฉันว่าจะลองพาไปโรงเรียนหมา ไปดูวิธีการฝึกหมาเสียหน่อยว่าเขาทำกันตามหลักที่ถูกวิธีกันอย่างไร

เรื่องโยคะ ที่อาทิตย์แรกเจอแบบแอโรบิคส์เข้าไปจนขยาด ประกอบกับร่างกายว่างเว้นการออกกำลังไปนานเลยอ่อนล้า ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ทางสตูดิโอเขาปรับหลักสูตรใหม่ ครูที่มาสอนไม่หักโหมทำแต่ท่ายากๆ หนักๆ ติดต่อกัน แต่มีการอธิบายกระบวนการที่เราจะได้รู้จักตัวเอง สังเกตตัวเองทั้งทางร่างกาย กล้ามเนื้อต่างๆ และความรู้สึกนึกคิดในจิตใจขณะที่ทำท่าต่างๆ ประมาณกำหนดจิตดูความคิดของตัวเอง ครูคนนี้มาสอนสองวันคือจันทร์กับอังคาร ส่วนพุธ พฤหัส และศุกร์ จะเป็นครูคนอื่นที่ไปเร็วกว่า ยากกว่า ก็ดีเหมือนกันร่างกายฉันจะได้ค่อยๆ เตรียมพร้อม สองวันแรก ไม่หนักมาก ค่อยมาหนักสามวันหลัง

หรือสองวันหลัง เพราะฉันเป็นคนขี้สงสารตัวเอง เลยให้วันหยุดตัวเองอยู่กับบ้านในระหว่างสัปดาห์หนึ่งวัน เลือกเอาว่าจะวันไหนตามสะดวกแล้วแต่อารมณ์ หรือจะไม่หยุดก็ได้ถ้าไม่อยากหยุด ไม่ต้องไปเยี่ยมลูกหมาไม่ต้องไปโยคะ เป็นวันพักผ่อนวันของฉันจริงๆ อยากทำอะไรก็ทำ จะอยู่บ้านหรือไม่อยู่ก็แล้วแต่ ไม่ต้องดูแลสามีตัวติดกันเป็นฝาแฝดเหมือนวันเสาร์อาทิตย์ ไม่บังคับด้วยว่าต้องทำงาน ตรงนี้แหละที่ฉันว่าฉันรู้จักแก้เผ็ดตัวเอง

จากการสังเกตตัวเองมานานแล้ว เห็นว่าตัวเองเป็นคนชอบทำในสิ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรทำ ดังนั้นฉันจึงเป็นคนบ้าวินัยไม่งั้นทุกอย่างจะเละเทะ แต่ด้วยสันดานที่ขุดไม่ค่อยได้ ฉันก็มักจะแอบเบียดบังเวลาไปทำในสิ่งที่ไม่ต้องทำก็ได้ ถ้าต้องเดินหน้า ฉันก็จะขอแวะเข้าซอย ถ้าเปิดให้แวะเข้าซอย ฉันจะเดินพรวดๆ ไปข้างหน้า ถ้างานบังคับให้ทำในตอนนี้เลย ฉันจะไม่อยากทำ พอไม่ใช่เวลาที่ต้องทำงาน เดี๋ยวฉันก็จะทำงาน แถมเป็นการทำงานที่สร้างความภูมิใจให้สองเท่า หนึ่งคือได้งาน สองคือเป็นงานที่ทำนอกเวลางานด้วยนะ

ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นความเปลี่ยนแปลงจากการทำบ่อยๆ ทำซ้ำๆ ฉันรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจกับเส้นทางเดินออกกำลังหน้าบ้านไปลงชายหาดมากขึ้น รู้สึกเหมือนต้นไม้ใบหญ้าและก้อนหินแถวๆ นั้นเองก็เปิดรับฉันมากขึ้น จะว่าเป็นความคุ้นตาเคยชินจากฉันฝ่ายเดียวก็คงจะได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีอยู่ดี

อีกเรื่องหนึ่งคือ ฉันเริ่มคุ้นเคยกับคนขับแท็กซี่สีเขียว ส่วนคนขับรถแท็กซี่สีเขียวหลายคนก็คงจะเริ่มคุ้นเคยกับฉัน มีอยู่สามสี่คนที่ขึ้นจากบ้านไปสถานีรถไฟใต้ดิน หรือจากห้างสรรพสินค้าใกล้สถานีรถไฟใต้ดินอยู่หลายรอบ ประกอบกับสามสัปดาห์มานี้ฉันเรียกแท็กซี่จากศูนย์วิทยุแทบทุกวัน เรียกเวลาเดิม จากที่เดิม ไปที่เดิม คนขับแท็กซี่ที่ฟังวิทยุเรียกรถอยู่ที่เคยมาส่งฉันก็คงจะนึกออกว่าใครเป็นคนเรียก พอฉันขึ้นรถมาก็แทบจะยิ้มให้ นับเป็นข้อดีของการอยู่บ้านนอกใกล้เมืองเล็กๆ ผู้คนที่ทำมาหากินรอบตัวเป็นคนกลุ่มเล็กๆ เห็นหน้าเห็นตากันบ่อยๆ ถึงไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรือพูดคุยกันนอกเหนือไปกว่าเรื่องงาน แต่มันก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจ ได้พูดคุยกับคน เปลี่ยนบรรยากาศจากสภาวะกลุ่มมนุษย์แปลกหน้านิรนามเคลื่อนไหวเดินเฉียดผ่านไม่ผูกพันที่เห็นในเมือง


สรุปคร่าวๆ ได้ว่าฉันรู้สึกดีกับชีวิตในตอนนี้ที่ฮ่องกงมากขึ้น อะไรๆ คลี่และคลายน่าพอใจถึงขั้นเกินความคาดหมาย





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 17 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2553 9:09:25 น.
Counter : 868 Pageviews.  

- 16 NOVEMBRE 10 เมื่อวินัยหย่อน ชีวิตก็ยานๆ

เมื่อวินัยหย่อน ชีวิตก็ยานๆ

NightLife
วันสองวันมานี่ จิตใจห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกขึ้นมาตะหงิดๆ ว่า ชีวิตเริ่มซ้ำซากจำเจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่อาทิตย์ยังดีใจอยู่เลยที่กิจวัตรประจำวันเริ่มเข้าที่ลงตัวแล้ว ส่วนหนึ่งและเป็นส่วนใหญ่น่าจะมาจากวินัยเริ่มหย่อนยาน เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ เช้านี้ลุกขึ้นมาหลังจากหวานใจไปทำงานแล้ว มันเหมือนทำหน้าที่ภรรยาไม่เต็มที่ ส่วนสามีก็แสนดีเข้าอกเข้าใจ ไม่เคยต่อว่าเลยสักแอะ

รู้สึกแย่นิดหน่อย อ้างไปว่าร่างกายต้องการพักผ่อนเพราะได้ออกกำลังกาย ไหนจะเข้าเมือง ต้องเดินไปมาเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดินและรถเมล์ ไหนจะไปเรียนโยคะ แต่จะว่านอนไม่พอก็พูดไม่เต็มปากเต็มคำ เมื่อคืนเริ่มมาตรการควบคุมตัวเองกับหวานใจ ลุกจากหน้าทีวี ผละจากแก้วไวน์พากันขึ้นห้องนอนตั้งแต่ห้าทุ่ม จากปกติที่จะนั่งเอ้อระเหยกันถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง ซ้ำร้ายบางคืนติดลมเปิดขวดใหม่ด้วย

เมื่อคืนทำได้ คืนนี้จะทำอีก นอกจากนี้ฉันต้องพยายามตื่นขึ้นมาพร้อมกับหวานใจให้ได้ จัดให้เป็นเป้าหมายเล็กๆ ประจำวัน ให้เป็นวินัยเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้กับวินัยในเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน ลงไปเดินออกกำลัง ไปนั่งทำสมาธิกำหนดลมหายใจที่ชายหาดในตอนเช้า หลังจากอัพบล็อกตอนเช้า เพื่อรวบรวมสติสำหรับเริ่มวันใหม่อย่างที่กำลังนั่งพิมพ์ก๊อกแก๊กอยู่ในตอนนี้ เมื่อกลับมาจากเดินเล่น รดน้ำต้นไม้ กินอาหารเช้าเบาๆ กลับมานั่งหน้าจอเล่นเกมส์ เอ้ย … อือ เล่นเกมส์นิดหน่อย เริ่มดูกิจการในสำนักพิมพ์ เปิดหนังสือแปลงานต่อ กินข้าวกลางวัน เตรียมตัวไปหาลูกหมา

เรียกรถแท็กซี่มารับไปที่สถานรถไฟใต้ดิน ไปต่อรถเมล์ ใช้ระบบใหม่ คันไหนมาก่อน ไปก่อน ไม่ยืนรอดมควันพิษกลางเมือง ปกติรถเมล์สายตรงสุดลงหน้าศูนย์กักกันโรคสัตว์จากแถวเซ็นทรัลคือสาย 30X แต่สายนี้รถมีน้อยต้องรอนานมากบางทีตั้งสิบห้านาที ส่วนตัวเลือกอีกทางหนึ่งคือขึ้นสาย 4X ไปต่อสาย 970 ที่โรงพยาบาลควีนแมรี แบบหลังรถวิ่งอ้อมเข้าถนนเส้นเล็กเส้นน้อย จอดป้ายเยอะกว่า แต่อย่างน้อยก็มีการเคลื่อนที่ ได้เห็นถนนหนทางตึกรามบ้านเรือนและชีวิตผู้คน เยี่ยมลูกหมาเสร็จ ขากลับไม่ค่อยมีตัวเลือกเท่าไหร่ ยังไงก็ต้องขึ้น 30X เพราะรถวิ่งทางลัดขึ้นทางยกระดับวนไปลงที่ป้ายเดิมที่ขึ้นขาไป ใช้เวลาแค่สิบนาทีนิดๆ ถึงจะต้องรอนานหน่อยแต่ก็คุ้ม และแถวนั้นอากาศก็ปลอดโปร่งไม่มีควันรถมากนัก พอจะรอได้อยู่ ตอนที่รอนี่ล่ะ สมรภูมิในจิตใจก็เริ่มคุอีกครั้ง เริ่มลังเลว่าจะนั่งสาย 69X ไปคอสเวย์เบย์เพื่อกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาแล้วกลับบ้าน หรือจะรอ 30X ไปเรียนโยคะ เมื่อวานถึงขนาดวัดดวงคันไหนมาก่อนไปทางนั้นกันเลยเชียว

เรื่องของเรื่อง มันไม่ค่อยเป็นเรื่องเท่าไหร่ มันก็แค่ฉันยังปรับใจรับการทำโยคะอย่างรวดเร็ว ปัง ปัง ปัง ประหนึ่งเต้นแอโรบิค เหนื่อยแฮ่ก เหงื่อโซมกายไม่ค่อยได้ รู้สึกว่าตัวเองทำได้ไม่ดี แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าหลักเบื้องต้นของโยคะคือการพัฒนาตัวเองทีละน้อย ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แต่มันก็อดใจร้อนและใจเสียเมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นทำได้พรวดๆ หวังไว้แค่ว่า เมื่อเข้าเรียนบ่อยๆ จะเริ่มคุ้นชินกับท่าต่างๆ ร่างกายจะทนรับไหวและจะสนุกไปกับมันอย่างที่เคย น่าจะเป็นเพียงช่วงปรับตัวปรับใจ เดี๋ยวพอปรับได้ คงไม่ต้องมาฮึดตัวเองให้ไปเข้าเรียนแบบนี้

จะมีก็แต่เรื่องงานที่โอเคหน่อย เล่ม "ไก่ใส่พลัม" สรุปสเป็คกระดาษ เทคนิคการพิมพ์ และราคาได้แล้ว ตอนนี้ก็พ้นมือฉันไปแล้ว ได้เวลาดูแลเล่มต่อไป งานแปลก็ไม่เลวนัก ทำได้สม่ำเสมอ บางวันได้เยอะ บางวันได้น้อย แต่ก็ได้ทุกวัน

ก็ยังดี




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2553 8:42:03 น.
Counter : 925 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.