- 14 AVRIL 08

ประหลาดใจในข่าวดี

Une bonne surprise


     วันนี้ตื่นหกโมงตรง อยากจะนอนต่อเหลือกิน แต่หวานใจยืนกราน ลุกๆๆๆๆ ลุกได้แล้ว ห้ามต่อเวลาเด็ดขาด เพราะวันนี้ฉันมีนัดสำคัญต้องไปตรวจร่างกายและเข้าชั้นเรียนเพื่อรับข้อมูลการเข้าสู่สังคมฝรั่งเศส ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการรับบัตรผู้อยู่อาศัยของฝรั่งเศส ซึ่งคล้ายๆวีซ่าอยู่ฝรั่งเศสระยะยาว 1 ปี เข้า-ออกประเทศ โดยไม่ต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยาก ต่อบัตรปีไปอีกสามครั้ง ครั้งที่ 4 ขอแบบสิบปีได้ และถ้าแต่งงานครบ 4 ปี สามารถขอสัญชาติฝรั่งเศสได้

     การสัมมนาดังกล่าวประกอบด้วยการเซ็นสัญญากับรัฐบาลฝรั่งเศสว่าจะทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ซึ่งเพิ่งบังคับใช้เมื่อต้นปีนี้เอง ได้แก่ การเข้ารับข้อมูลเพื่อทำความรู้จักกับสังคมฝรั่งเศส การทดสอบทักษะภาษาฝรั่งเศส และการเข้ารับรู้เรื่องกฎหมายเบื้องต้นต่างๆของฝรั่งเศส เห็นว่าเขาจะตรวจสอบเมื่อถึงเวลาต่อบัตร ถ้าเราไม่ทำตามขั้นตอน เขาอาจจะไม่ออกบัตรใหม่ให้

     ฟังดูยุ่งยาก แต่ฉันคิดว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ช่วยให้คนต่างประเทศเข้าใจสังคมฝรั่งเศสมากขึ้น ไม่ใช่เข้ามาไม่รู้ประสีประสาอะไรเลย ส่วนเรื่องภาษาก็เป็นเรื่องจำเป็น ถ้าพูดไม่ได้จะใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศนี้อย่างราบรื่นได้อย่างไร

     ฉันมีนัดตอนแปดโมงเช้า เช็คเวบไซต์ขนส่งมวลชนปารีสได้ความว่าต้องต่อรถไฟใต้ดินจากสายหนึ่งขึ้นสายสิบสามลงไปทางใต้

     เมื่อคืน ฉันตรวจดูเอกสาร ปรากฎว่าต้องซื้อสแตมป์พิเศษที่เป็นเหมือนการจ่ายภาษีรูปแบบหนึ่ง ภาษีสำหรับการนี้แพงมาก 275 ยูโรแน่ะ (คูณ 49 ถ้าอยากรู้เป็นเงินบาท)เป็นสแตมป์ที่ต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่วันที่รับบัตรจริง ก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าไหร่เลยไม่ได้ซื้อเตรียมไว้ เมื่อวานตอนทุ่มนึง พอรู้ว่าต้องใช้ หวานใจกับฉันเลยต้องขับจิ๊บจิ๊บออกหาร้านขายบุหรี่ หรือตาบาค์ Tabac ที่ขายสแตมป์ประเภทนี้ วันอาทิตย์อย่างนี้และใกล้จะสองทุ่มแล้ว ตาบาค์ส่วนใหญ่จะปิด ต้องเสี่ยงโชคเอา


     ร้านแรกมีแค่ 2 แผ่น (ต้องใช้ 5 แผ่น แผ่นละ 55 ยูโร) หวานใจเลยถือโอกาสขับไปดูลาดเลาที่ตั้งของ ANEAM (ศูนย์ต้อนรับคนต่างชาติและผู้อพยพ) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฉันต้องไป เผื่อฉุกเฉินหาสแตมป์ไม่ได้ วันจริงที่อาจจะต้องใช้จะได้รู้ว่าต้องเดินไปซื้อที่ไหน อีกอย่างวนรถไปดู วันรุ่งขึ้นฉันจะได้รู้ว่าเมื่อลงจากสถานีรถไฟแล้วต้องเดินเลี้ยวไปทางไหนบ้าง เมื่อได้เห็นว่าศูนย์นั่นไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินมากนัก ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเห็นว่าต้องเดินจากไหนไปไหนบ้าง

     วนหาร้านตาบาค์ ร้านที่สอง สแตมป์หมด พอถึงร้านที่สามถึงจะได้ครบ รอดตัวไป ตอนที่วนรถหา ฉันไม่ได้ร้อนใจมากนัก เพราะคิดว่าคงไม่ได้บัตรวันพรุ่งนี้หรอก ยังไงก็ต้องรอขั้นตอนต่างๆก่อนอยู่แล้ว แต่หวานใจบอกว่า ซื้อเตรียมไว้จะได้จบๆ



     ย้อนกลับมาวันนี้ ฉันขึ้นรถไฟใต้ดินสายหนึ่งไปต่อสายสิบสามตามกำหนด นั่งไป 40 นาที ถึงจุดหมายก่อนเวลา 20 นาที หน้าศูนย์ต้อนรับผู้อพยพมีคนมารออยู่ก่อนแล้วสิบกว่าคน

     แปดโมงตรง ต่อคิวยื่นจดหมายเรียกตัว แล้วแยกย้ายขึ้นตามชั้นต่างๆ เข้าไปนั่งในห้องหน้าตาเหมือนห้องเรียน เจ้าหน้าที่เข้ามาอธิบายขั้นตอนต่างๆในกฎหมายใหม่ ปกติจะต้องดูวิดีโอการเข้าสู่สังคมฝรั่งเศส แต่วันนี้ทีวีในห้องไม่มี เลยไม่ได้ดู ประหยัดเวลาดี ฮ่าๆๆ สักพักมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบเข้ามาเรียกชื่อไป "สอบสัมภาษณ์"

     คำถามก็ไม่มีอะไรมาก แค่มาฝรั่งเศสครั้งแรกหรือเปล่า ทำงานอะไร อยู่ที่ไหน เพื่อตรวจเช็คภาษาฝรั่งเศส ฉัน "สอบผ่าน" สบายๆ ได้ใบประกาศว่าไม่ต้องเข้าเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมที่ทางรัฐจัดให้ฟรีๆ

     รอดตัวไป ตอนแรกก็เสียวๆอยู่นะ ถ้าฉันไม่ผ่านการสอบครั้งนี้และต้องเข้าเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มล่ะก็ เสียชื่อนักแปลแย่เลย

     เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นใบรอรับบัตรผู้อยู่อาศัย (คล้ายๆใบเหลืองสำหรับรอรับบัตรประชาชนของบ้านเราสมัยก่อน) ของฉันซึ่งหมดเขตเมื่อวาน ก็บอกว่าที่จริงต้องไปทำเรื่องขอใบใหม่หนึ่งอาทิตย์ก่อนบัตรหมดอายุ เธอบอกให้ฉันไปทำเรื่องช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากนั้นก็กำหนดสถานที่และวันนัดไปเข้าชั้นเรียนกฎหมายเบื้องต้นเสร็จสรรพ ได้แฟ้มเอกสารมาหนึ่งแฟ้ม


     หลังจากนั้นเป็นการตรวจร่างกาย ชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง (ฉันน้ำหนักเกินไปตั้ง 6 กิโลครึ่งแน่ะ) เช็คสายตา ตรวจเอ็กเรย์ปอด แล้วเข้าไปวัดความดัน วัดการเต้นของหัวใจกับแพทย์

     ทุกอย่างผ่านด้วยดี รวมทั้งเอ็กเรย์ปอดที่ฉันกลัวนักลัวหนาว่าจะเจออะไรๆ

     "ต้องลดกาแฟ ไปฉีดวัคซีนตามรายการต่อไปนี้ ต้องออกกำลังกาย บลาๆๆๆๆ" หมอว่า ... พอถึงตรงหัวข้อการสูบบุหรี่

     "ไม่ได้สูบบุหรี่ใช่มั้ย"

     "สูบค่ะ"

     "สูบวันละกี่มวน"

     "เจ็ดมวน"

     "รู้หรือเปล่าว่าพอไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายจะไม่พอใจ เลยเครียดต้องสูบบุหรี่ แล้วสามีสูบหรือเปล่า"

     "ไม่สูบค่ะ"

     "เอ.. แล้วเขาทนได้ไง"

     (ยิ้ม ...อยากบอกว่า ได้เพราะความรักมั้งคะ แต่เกรงหมอจะหมั่นใส้ ใส่ว่าสติไม่สมประกอบ เลยเงียบไว้)


     หลังจากนั้นเป็นการเทศนาเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ (ปากเหม็น เสื้อผ้าเหม็น ผมเหม็น ฯลฯ) พร้อมให้เอกสารเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่หนึ่งเล่ม ตบท้ายด้วยข้อเสียทางเศรษฐกิจ ค่าบุหรี่แต่ละปีสูงมากนะ (ที่ฝรั่งเศสบุหรี่ซองละ 5.30 ยูโร ประมาณ 250 บาท) ซื้อตั๋วเครื่องบินได้เลย

     ฉันยิ้มหวาน "ฉันซื้อบุหรี่ตามดิวตี้ฟรีค่ะ ราคาถูกกว่า"

     หมอชะงักมองหน้าฉันซึ่งโปรยยิ้มหวานไม่คลาย แล้วปล่อยตัวออกจากห้อง

     ได้ใบตรวจร่างกายอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ออกจากศูนย์ขึ้นรถไฟใต้ดิน แวะไปกินอาหารกลางวันกับหวานใจ อวดเอกสารต่างๆแล้วเล่าขั้นตอนต่างๆให้ฟัง พอถึงเรื่องบุหรี่ หวานใจบอกว่า น่าจะบอกไปว่าสามีไม่สูบบุหรี่ แต่สูบซิการ์ กะอีแค่สูบบุหรี่เนี่ยถือว่ากรุณาแล้ว


     อิ่มท้อง สบายใจ ต่อรถไฟไปที่ทำการ Nanterre Prefacture ที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งสถานี

     เข้าไปต่อคิวที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ ยื่นใบรอให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่คีย์หมายเลขแล้วบอกว่า "ใบออกแล้ว ไปรับที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าได้เลย"

     ไอ้ฉันก็พาซื่อ มองโลกในแง่จริง นึกว่า "ใบ" ที่ว่านั่นเป็นใบเหลืองรอรับที่ต่ออายุแล้ว แต่พอถึงคิวที่เคาน์เตอร์ กลับกลายว่าเป็น "ใบจริง" กรี๊ด... ดีนะที่ซื้อแสตมป์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

     ตื่นเต้นประหลาดใจในการทำงานของราชการฝรั่งเศส บทจะช้า ก็สามารถช้าได้อย่างเหลือเชื่อ บทจะเร็วก็เร็วได้อย่างไร้เหตุผล ฉันนึกว่าต้องผ่านขั้นตอนสารพันใหม่ๆก่อนแล้วจะได้ใบจริงเสียอีก




     ตกลงไอ้สัญญาเข้าประเทศ การตรวจร่างกายต่างๆ เนี่ยมันยังไงกันแน่ ตกลงไม่ต้องส่งผลให้ "ท่าน" ดูก่อนออกใบผู้อยู่อาศัยหรือไงนะ

     เดินยิ้มหวานกับฟ้ากับฝน โทรศัพท์กรี๊ดกร๊าดกับหวานใจ ถามว่าทำไมถึงได้บัตรก่อนที่จะดำเนินตามขั้นตอนทั้งหลายแหล่ล่ะ ตามบัตรเห็นว่าออกตั้งแต่วันที่ 14 มกรา แล้ว ตกลงว่าเราพลาดเที่ยวสเปนโดยไม่รู้ตัวล่ะสิ หวานใจบอกว่า นี่ล่ะระบบราชการของประเทศฝรั่งเศส



     ... ทำตามน้ำไป อย่าพยายามหาเหตุผลอะไรเลยจะดีกว่า






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 14 เมษายน 2551
Last Update : 14 เมษายน 2551 23:15:23 น. 1 comments
Counter : 814 Pageviews.

 
ได้ความรู้ดีจังค่ะ คงต้องรักใครเหลือเกินถึงจะยอมให้ชีวิตวุ่นวายขนาดนี้ ว่าแล้วก็น่าจะทำเป็นคู่มือสำหรับคนที่อยากมีแฟนเป็นชาวฝรั่งเศสนะเนี่ย


โดย: natpatcha IP: 125.24.77.200 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:9:23:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.