- 19 OCTOBRE 07

หลงรักหนังสือ

-- Je tombe amoureuse d'un livre... ---

      คุณขา วันนี้เรามาคุยเรื่องเบาๆ กันดีกว่าเนอะ

      อยากรู้มั้ยคะว่าตอนนี้ฉันกำลังทำงานแปลหนังสือเล่มไหนอยู่


      จู่ๆ ก็เกิดอยากเล่าถึงหนังสือที่ฉันกำลังตกหลุมรักหนังสืออยู่ให้ฟังกัน เป็นหนังสือที่ฉันกำลังแปลอยู่ค่ะ ฉันถึงขนาดตกหลุมรักแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกับหนังสือที่ตัวเองแปลเล่มไหน เพราะมันเป็นเรื่องรักๆ เหมาะกับคนที่กำลังมีความรักเช่นฉันเป็นอย่างยิ่ง วิ้ววว....

      นั่นเป็นเหตุผลหนึ่ง อีกเหตุผลหนึ่งคือ มันเป็นเรื่องราวความรักที่น่าประทับใจและกระทบใจชนิดที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนนึกจินตนาการออกมาได้

      แต่มีคนคิดออกมาแล้วค่ะ เขาเป็นเพื่อนของฉันเอง (ฮ่าๆๆ กินกลางวันด้วยกันแค่ครั้งเดียว ตีซี้เสียเลย) เขาชื่อ Martin Page คนที่เขียนเรื่อง "ทำอย่างไรให้โง่" กับ "ปั้นศิลปอให้เป็นศิลปิน" นั่นแหละค่ะ

      หนังสือที่กำลังแปลอยู่ชื่อ On s'habitue aux fins du monde แปลชื่อตรงๆ ได้ว่า "เราเคยชินกับวันสิ้นโลก" แต่ฉันขอตั้งชื่อเป็นตุ๊กตาไว้ก่อนว่า "ช้ำจนชิน" (ย่อมาจาก ชอกช้ำจนชาชิน)


      "ช้ำจนชิน" เรื่องราวของ เอเลียส ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์หนุ่มดาวรุ่งที่กำลังพุ่งแรง เขาได้รับรางวัลยกย่องในทางอาชีพ เขากำลังจะได้ดูแลการผลิตภาพยนตร์ของผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนาน ความสำเร็จในชีวิตจะขาดหายไปบ้าง ก็เรื่องความรัก แฟนของเขาเพิ่งทิ้งเขาไปหาคนรักใหม่

      แฟนที่เขาเคยห่วงใย อุ้มชู คุ้มครองจากอาการติดเหล้า ... หกปีแห่งความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นน่าเหนื่อยหน่าย อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยและชีวิตของเขามีความหมาย เอเลียสเชื่อว่ามันมาจากความรัก เพราะไม่มีใครมาบอกเขาว่ามันไม่ใช่ ....

      ฮั่นแน่ ชักจะน่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ

     เขาโศกเศร้ากับการจากไปของแฟน เขาหวังว่าการงานในกองถ่ายกองใหม่จะมาช่วยทำให้เขาลืมเรื่องนี้ได้ แต่กัลเดอิรา ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เขาสนิทสนมและชื่นชมไม่ได้คิดเช่นนั้น วันหนึ่งเขานัดเอเลียสมาที่บ้านแล้วถามเอเลียสว่า

     “นายคิดยังไงกับความฉิบหาย เอเลียส”

     คำถามของเขาไม่ได้ต้องการคำตอบ กัลเดอิราเคยชินกับการเอ่ยประโยคแบบนี้ขึ้นมาเป็นเกริ่นนำการพูดคุยที่ไม่ได้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบทพูดเดี่ยวของเขา

     “มันนำมาทำหนังได้” เอเลียสพูด

     “สิ่งที่สร้างจักรวาลของเราขึ้นมาคือความชิบหาย” กัลเดอิรากล่าวต่อ ไม่สนใจการพูดขัดของเอเลียส “ความฉิบหายสร้างดวงจันทร์และโลกของเรา ดวงดาวต่างๆ ปะทะกันแล้วระเบิด มันปฏิสนธิจักวาล การชนกันของดาวเคราะห์น้อยต่างๆ และดาวหาง ดูสิ มันสวยเหลือเกิน นายรู้ใช่มั้ยว่าการระเบิดของซุปเปอร์โนวาได้สร้างส่วนต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นร่างกายของเรา รัศมีจากการกระแทกมันรุนแรงเสียจนเกิดดวงอาทิตย์และดาวนพเคราะห์ในจักรวาลของเรา ดวงจันทร์เกิดจากฝนดาวตก พวกไดโนเสาร์หลีกทางให้เราเพราะเหตุผลเดียวกัน นายนึกภาพออกมั้ย ฉันสังเกตนายมาหลายปีแล้ว เอเลียส และฉันสงสัยว่าความฉิบหายของนายคืออะไร”


     เอเลียสยังไม่ทันได้ใครครวญหาคำตอบ กัลเดอิราก็ลงมือลงเท้าซ้อมเอเลียสจนน่วมก่อนจะโยนออกจากบ้าน โดยไม่ให้คำอธิบายเพิ่มเติม

      ตอนที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ในครั้งแรก ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเอเลียสต้องถูกซ้อมจนยับเยิน เอเลียสและคนอื่นๆ ในเรื่องก็ไม่มีใครเข้าใจ ฉันมาพอเข้าใจเลาๆ ตอนที่ได้เดินคุยเล่นกับคนเขียนที่ปารีส ฉันบอกเขาว่าฉันอ่านเล่มนี้แล้ว ฉันว่ามันรุนแรง มาร์แต็งตอบมาว่า บางครั้งคนเราก็ต้องใช้ความรุนแรงในการปลุกคนให้ตื่นขึ้นมา บางครั้งเขาเองก็อยากจะลุกต่อยเพื่อนบางคนแรงๆ สักที ให้รู้จักหันมองอะไรๆ ในโลกนี้บ้าง แต่เขาทำไม่ได้ในชีวิตจริงก็เลยไปลงกับตัวละครที่เขาจินตนาการขึ้นมาแทน


      เท่านั้นยังไม่พอ วันรุ่งขึ้น เอเลียสถูกปลดจากตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างหนังที่ถืออยู่ เปิดทางให้วิคตอร์ เพื่อนผู้อำนวยการสร้างรับหน้าที่แทน ส่วนเขาก็รับโปรเจคหนังที่วิคตอร์ถืออยู่มาดูแล เป็นหนังที่เจ้าของสตูดิโอต้องการสร้างจากชีวิตของนักเขียนคนหนึ่งที่มีประวัติฆ่าตัวตายทุกครั้งที่เลิกกับแฟน

     เธอชื่อ มาร์โกซ์ ลาซารุส


     เอเลียสไม่ได้สนใจใยดีมาร์โกซ์ในตอนแรก เมื่อเขานัดเจอกับเธอเพื่อเจรจาเรื่องสัญญาลิขสิทธิ์ในเรื่องราวชีวิตของเธอ

     ... ทันทีที่เขาเห็นเธอ เขารู้สึกกระสับกระส่าย เธอใส่กระโปรงสีครีมกับเสื้อถักกันหนาวสีดำ เธอดูเหมือนคนทั่วๆ ไป เอาเป็นว่าเหมือนนักศึกษาหญิงที่ไม่ได้ใช้เวลาหน้ากระจกหนึ่งชั่วโมงและความหลงใหลอันดับแรกไม่ใช่การช้อปปิ้ง ผมสีน้ำตาลที่รวบอยู่ขยับไหวด้วยความสง่างามแบบเดียวกัน ไม่มีอะไรชวนมองในตัวหญิงสาวคนนี้ กระนั้น เขาก็ยังรู้สึกก็ขัดตาเวลามองมาร์โกซ์ ลาซารุส ราวกับมีฝุ่นติดอยู่ใต้เปลือกตา เอเลียสกระพริบตา เขาตั้งใจมองมากขึ้น และเข้าใจสาเหตุอาการเคืองตาของตน เป็นเพราะมีอะไรบางอย่างขับทำให้เธอเด่นชัด มาร์โกซ์ ลาซารุสมีความชัดเจนทีเกินจะคาดคิดได้ ...

     หลังจากพูดคุยกันไม่เท่าไหร่


     ... ดวงตาทั้งสองข้างของเอเลียสค้นพบประโยชน์ใช้งานของตนขณะมองดูเธอ ทุกสิ่งที่เขาสามารถมองเห็นก่อนหน้าวันนั้นเป็นเพียงการฝึกซ้อม เขามองมาร์โกซ์ ลาซารุส และกลีบดอกไม้ก็คลี่บานกลางหัวใจของเปลือกตาเขา ...



      แปลเกือบครึ่งเล่มแล้วค่ะ ตอนหลังๆ ยิ่งอ่านยิ่งยิ้ม ยิ่งชื่นใจ และอยากแปลให้คนอ่านได้รู้สึกอย่างเดียวกัน


ป.ล. บทแปลสีน้ำเงินที่คัดมายังเป็นร่างแรกอยู่นะคะ ยังไม่ได้เกลาให้เรียบเนียน อ่านแล้วสะดุดตกกะหลุก อย่าเพิ่งต๊กกะใจ แค่อยากให้เห็นไอเดียคร่าวๆ เท่านั้นเอง



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่







Create Date : 19 ตุลาคม 2550
Last Update : 19 ตุลาคม 2550 18:45:24 น. 4 comments
Counter : 898 Pageviews.

 
จะรออ่านค่ะ


โดย: ม่วงคราม (the violetblue home ) วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:20:03:18 น.  

 
น่าอ่านจังเลย เห็นแค่ร่างก็ชอบแล้วค่ะ


โดย: Bananarumba วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:10:58:45 น.  

 
"ความฉิบหายสร้างดวงจันทร์และโลกของเรา..."
แค่ประโยคนี้ ก็น่าติดตามแล้วล่ะค่ะ
อีกครึ่งเล่มเอง..อย่าคิดถึงคนรักจนแปลไม่คืบหน้านะคะ คริคริ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:18:57:34 น.  

 
น่าอ่านจังค่ะ


โดย: Thai Wahine วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:2:09:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.