05 JULY 2010 yes - no - OK

yes - no - OK

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา อ่านหนังสือสองเล่มที่กระทบใจ หนังสือสองเล่มนี้ดูเหมือนไม่เกี่ยวกันเลย แต่ก็มาเกี่ยวกันได้

เล่มแรก คือ La derniere nuit (คืนสุดท้าย) ของพ่อ Marc Levy เจ้าพ่อเบสเซลเลอร์ของฝรั่งเศสที่ฉันแปลหนังสือของเขาเอาไว้หลายเล่ม หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มต่อจากเรื่อง Le premier jour (วันแรก) ที่ออกมาก่อนหน้านั้น เรื่องราวการผจญภัยค้นหาความลับโบราณ หาชิ้นส่วนของวัตถุชิ้นหนึ่งที่คาดว่าจะบ่งบอกที่มาของจักรวาลและมนุษยชาติ คู่เอกของเรื่อง นักโบราณคดีสาวกับนักดาราศาสตร์หนุ่ม ออกเดินทางคนหากันสี่มุมโลก จากแอฟริกา ไปเมืองจีน ไปรัสเซีย และอีกหลายเมืองในยุโรป

สรุปสุดท้ายได้ความว่า มนุษย์คนแรกของโลกเป็นมนุษย์จากดาวอื่น ทั้งสองถูกสกัดกั้นไม่ให้เผยการค้นพบนี้ออกสู่สาธารณชน เพราะความรู้ใหม่นี้จะสั่นคลอนความเชื่อเดิมทางศาสนาที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้ต่อสู้ต่อไป เป็นข้อพิสูจน์แสลงใจว่าพระเจ้าไม่ได้เป็นคนสร้างโลกและให้กำเนิดมนุษย์ ความปั่นป่วนจะเกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อแน่นอนว่าไม่มีพระเจ้า ก็ไร้ซึ่งความหวัง

เล่มที่สอง ช่ือ YOGA: The Science of Living ของ OSHO มีอยู่ตอนนึงตอนที่พูดถึง yes-no มีพระเจ้า-ไม่มีพระเจ้า พูดถึง J-P Sartre พูดถึง ‘no’ ของ existentialism ว่า ซาร์ตร์มาถูกทางแล้ว แต่ซาร์ตร์หยุดตรงจุดหนึ่ง จุดที่พระพุทธเจ้าเคยผ่านมาแล้วและได้ก้าวพ้นไป ชีวิตที่ไร้พระเจ้าในมุมมองของซาร์ตร์จึงหม่นหมอง โลกนี้มีแต่ความบัดซบอับจนหนทาง เพราะไปไม่ถึงที่สุดของที่สุดของความว่างเปล่า

โอโชกล่าวว่า โลกที่หยุดอยู่ตรงแค่ไม่มีพระเจ้า โดยไม่มีทางออกอื่นให้ จะเป็นโลกที่มีความปั่นป่วน ความหวังสูญสิ้น ไร้หลักยึด เป็นโลกที่มนุษย์จะไม่สามารถทานทนอยู่ได้ หรือไม่ก็อยู่อย่างทุกข์ใจจากความว่างเปล่า ความบิดเบี้ยวไร้กฎเกณฑ์ เมื่อได้รับรู้ว่าต้นตอของเรามาจากอุบัติเหตุ เป็นเถ้าธุลีหนึ่งที่ล่องลอยไร้ค่าอยู่ในจักรวาลอันยิ่งใหญ่

the sky is empty

หนังสือสองเล่ม สองแบบ แต่มีสารที่บังเอิญมาบรรจบพบกันได้อย่างน่าประหลาด

และที่น่าประหลาดกว่านั้นอีก คือ มันมาบังเอิญประสานสอดคล้อง เป็นคำตอบให้กับคำถามในใจของฉันในช่วงเวลานี้ สองสามเดือนมานี้ ฉันตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความล่องลอย ปล่อยปละละเลยงานการ ความรับผิดชอบที่เคยเป็นหลักยึด เป็นความหมายในชีวิต เป็นเหตุผลให้ลุกขึ้นมารับวันใหม่ในตอนเช้า ฉันห่อเหี่ยว สิ้นความหวัง ผัดวันประกันพรุ่ง สถานการณ์รอบตัว ทั้งใกล้และไกลตัวช่างโกลาหล ส่อถึงความว่างเปล่าดาย ความบิดเบี้ยวฉ้อฉล ของโลก เหมือนกำลังเดินทรงตัวอยู่บนท่อนไม้ผุ รอวันก้าวพลาดหรือเหยียบลงจุดที่เปราะบาง เตรียมตัวตกเท่านั้น

ฉันควรทำอย่างไร เดินต่อไปด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงในตอนเช้า เพราะไม่มีอะไรที่อยากจะทำอีกแล้วต่อไปหรือ พลิกหนังสือต่อไปอีกนิด ฉันก็เจอคำตอบ ง่ายๆ แต่ได้ใจมากๆ

“ทำสิ่งที่ชอบเท่านั้น สิ่งที่ไม่ชอบ อย่าทำ”
“ถ้าจะทำอะไรสักอย่าง ทำให้เต็มที่สุดตัว ถ้าทำไม่เต็มที่ ไม่สุดตัว อย่าทำ”

สรุปเองเออเองว่าเราต้องหาตัวเองให้เจอ ต้องรู้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เมื่อรู้แล้วก็ทุ่มเททำสิ่งที่ชอบแบบไม่ลังเล เพราะมันไม่มีอะไรผิดอะไรถูก ไม่มีขาว ไม่มีดำ ในโลกอันว่างเปล่า เมื่อไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก มีแต่เวลาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ไม่มีมือล่องหนที่ไหนช่วยวางหมากบนกระดานให้เรา เราก็ต้องเป็นคนเลือกเองว่าจะให้ชีวิตเราเน่าเปื่อยไปตามสังขารหรือจะสร้างความหมาย ใส่จุดประสงค์ในการดำรงอยู่ลงไป

เราต้องหนักแน่น ไม่กลวงเปล่า เราต้องหาความหมายชีวิตของเราเอง ถ้าเราไม่หนักแน่นจากข้างใน เราไม่พอใจชีวิตของตัวเอง สิ่งต่างๆ จากภายนอกไม่ว่าจะดูชวนอุ่นใจเลิศเลอสักแค่ไหนก็ไม่สามารถเติมใจเราให้เต็มได้ ที่สำคัญ เราต้องไม่หยุด ต้องก้าวต่อไปให้ถึงที่สุด ถ้าเหนื่อย พักได้ แต่ต้องลุกขึ้นมาทำต่อ

ย้อนกลับมาถามตัวเองบ้าง ฉันรู้จักตัวเองหรือยัง - ก็รู้นะ ฉันผ่านร้อนผ่านหนาว ทำผิดทำถูก ทดลองอะไรมาตั้งแยอะแล้ว ฉันรู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไรหรือเปล่า - รู้ ฉันชอบงานของฉันมั้ย - ชอบ มีอะไรที่ต้องทำแล้วไม่ชอบบ้างหรือเปล่า - ไม่มีมากเท่าไหร่ พอรับมือไหวอยู่

ถ้าอย่างนั้น มัวรีรองี่เง่าอะไรอยู่ ลุกขึ้นมาทำได้แล้ว ทำให้เต็มที่ด้วย เช้านี้ ฉันจึงลุกจากเตียงอย่างกระฉับกระเฉง เปิดคอมพ์สะสางเรื่องค้างคา เปิดรายการ To Do List


คิดขำๆ : เขาว่า บางครั้งพระเจ้าก็แฝงตัวมาในรูปแบบของความบังเอิญ --

ประสบการณ์ที่ฉันได้อ่านหนังสือสองเล่มนี้ในช่วงนี้ เล่มแรกกดปุ่มแง้มใจ สะกิดเบาๆ เคลือบน้ำตาลด้วยลีลาเรื่องแต่งของผู้เขียน เล่มสองเปิดแผล ราดทิงเจอร์ ตอกย้ำความคิดที่ถูกสะกิดไว้ สรุปตบท้าย ปิดพลาสเตอร์ บอกทางออกให้กับสภาพจิตใจที่เป็นอยู่นี้ เป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นได้ทั่วไปกับทุกคน หรือพระเจ้าท่านลงทุนยอมลดตัวอยู่ในสภาพ “no” เพื่อให้ฉันลุกขึ้นมา “yes” กับชีวิต




>>ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 19:27:46 น. 2 comments
Counter : 867 Pageviews.

 
พี่คะ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบล็อกนี้..
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: ยิปซีฯ (beachesGypsy ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:43:25 น.  

 
นู๋แทบไม่อยากบอกกับพี่เลย ว่านู๋เป็นแฟนตัวหนังสือพี่..
ชอบถ้อยอธิบายของพี่นัก..มันหนักแน่นในสุ้มเสียง..
ขอให้มี ความสุข สันติ นะคะพี่..


โดย: ยิปซีฯ (beachesGypsy ) วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:49:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.