- 12 MARS 09 - แสวงบุญ 3 วัดซ้อน - อินเดีย

แสวงบุญ 3 วัดซ้อน - อินเดีย

Un petit Pèlerinage de 3 temples…

     เพื่อนๆ และคนใกล้ตัวจะรู้กันว่าฉันไม่ใช่คนเคร่งศาสนา ไม่ชอบไปวัดไปวา คุณนายแม่ถึงขนาดไม่ขยั้นขยอให้ไปทำบุญวัดเกิด ตัดรำคาญโดยการไปทำแทนให้ทุกปี


     แต่ความอยากรู้อยากเห็น อยากถ่ายรูปวัดในอินเดียก็ดึงฉันออกจากหน้าจอไป "เที่ยววัด" จนได้ ถ้าไม่ใช่วัดอินเดียที่มันจุฬา- แม่บ้านของฉัน - บรรยายหนักหนาว่าชื่อดังแถมยังสวยงามเหลือเกิน ประกอบกับความเข้าใจผิดคิดว่าจะได้รูปสวยๆ ในเทศกาลโฮลีเหมือนเมื่อวันก่อน ฉันคงไม่ไปหรอก

     ถึงจะผิดหวังนิดๆ ที่ไม่ได้เห็นบรรยากาศรื่นเริงสดใสได้สีสันสวยๆ ดังคาด แต่รวมๆ แล้วก็โอเคนะ มันจุฬาขนครอบครัว มีทั้งแม่ น้องชาย น้องสะใภ้และหลานชายมาด้วย นั่งกันเต็มรถ รวมวิโนจกับฉันเป็นเจ็ดชีวิต เห็นหลายคนได้มีความสุข ได้พาคนไปทำบุญหน้าตาแจ่มใส ฉันว่าก็คุ้มกับเวลาที่โดดงานไปล่ะ คิดอะไรมาก

     จุดที่ฉันไปชื่อว่าเมือง Kaivara ห่างจากบังกาลอร์ไปไม่เท่าไหร่ เป็นจุดท่องเที่ยวเด่นจุดหนึ่งของรัฐนี้ วัดแรกเป็นวัดที่สร้างเพื่อเก็บร่างของโยคีชื่อดังในแถบนี้ ชื่อ Narayanappa เป็นโยคีกวีที่นั่งกรรมฐานอยู่ในถ้ำเป็นเวลายาวนาน และเขียนบทกวีเป็นคำสอนสั่งเอาไว้มากมาย

     ก่อนผ่านเข้าสู่บริเวณวัดต้องถอดรองเท้าก่อน พ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นเลยมีรายได้เสริมรับฝากรองเท้าคนที่าทำบุญ เดินเข้าสู่ตัววัดเลี้ยวเข้าล้างเท้า แล้วเดินย้อนกลับมาเข้าตัววัดทางหน้าประตูใหญ่ (แล้วจะล้างไปทำไมมิทราบ ล้างแล้วเดินย่ำพื้นอีกเนี่ย) บริเวณด้านหน้าและด้านในตัวโบสถ์มีชาวบ้านนั่งพื้นกระจายเป็นหย่อมๆ คุยกันบ้าง นั่งมองคนอื่นๆ ที่เดินไปเดินมาบ้าง

     ในสุดของตัววัด เป็นแท่นตั้งรูปปั้นท่านโยคี ด้านหน้าแท่นเป็นบริเวณให้พราหมทำพิธี ด้วยการจุดไฟเอาไปบริกรรมหน้าตัวรูปปั้น แล้วมาให้คนที่ยืนรออยู่เอามืออังเปลวไฟ ก่อนขึ้นยกจรดหน้าผาก ถ้าไม่เป็นเปลวไฟก็เป็นถาดใส่ดอกไม้ที่ปลุกเสกด้านหน้าท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์แล้วนำมาแจกจ่ายให้ผู้มีจิตศรัทธา

     ดังนั้นวันนี้ฉันจึงได้เห็นชายชราทัดดอกไม้



     เสร็จจากวัดนี้ วิโนจขับเลาะหมู่บ้านในหุบเขา เข้าถนนเลียบภูเขาวนไปจนถึงที่ตั้งของวัดอีกแห่งหนึ่ง เป็นวัดแบบฮินดูที่เจาะภูเขาเข้าไปเป็นช่อง เห็นการทำงานแล้วรู้สึกถึงจิตศรัทธาของคนสร้าง เทพเจ้าประจำวัดนี้ คือครอบครัวพระพิฆเนศ อันประกอบด้วยพระพิฆเนศ (แน่ล่ะ) พระบิดาคือพระศิวะมหาเทพ กับพระมารดาคือพระอุมามหาเทวี

     กว่าจะขึ้นไปบูชาได้ ต้องจอดรถอยู่ที่ลานด้านล่างแล้วเดินขึ้นไปสัก 10 นาทีได้ ทีเด็ดของวัดนี้คือ จะมีมุมที่เปิดให้ผู้ที่ต้องการขอลูกจากเทพเจ้า โดยผู้ขอต้องตั้งหินก้อนๆ วางซ้อนขึ้นไปห้าก้อน แล้วจะได้ลูกสมปรารถนา

     ขากลับตอนเดินผ่านลานนั้น มันจุฬาถามว่า "ไม่ตั้งกองหินเหรอ"

     "ตั้งเพื่อขอลูกน่ะเหรอ ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร"

     "ไม่ต้องขอลูก ขออะไรก็ได้" แม่สาวน้อยไหวพริบดี

     ฉันเลยเข้าไปตั้ง พอตั้งเสร็จ มันจุฬาถามฉันว่าขออะไร ฉันนึกทบทวนว่าช่วงเวลาตั้งหินฉันตั้งใจขออะไรไปบ้าง คำตอบที่ได้คือ "ขออย่าให้หินล้ม"

     บูชาเสร็จ เดินลงมาถึงลานหน้าที่จอดรถ ต่อคิวเข้าไปกินอาหารกลางวันใน "โรงทาน" เป็นอาหารแจกฟรีสำหรับทุกคน แบ่งเป็นรอบๆ ตามจำนวนเก้าอี้ที่มีอยู่ คนที่เหลือก็นั่งรอไปก่อนที่ห้องรอซึ่งจัดไว้ อาหารที่กินเป็นอาหารมังสวิรัติ ประกอบด้วย ข้าวสวย แกงผักน้ำโชก ฟักทองผัดนิดหน่อย พร้อมของหวานเป็นเหมือนเส้นแป้งแหลกๆ ต้มมากับน้ำตาลกับถั่ว ตักแจกบนแผ่นใบไม้แห้งที่แปะติดต่อกันด้วยไม้กลัด

     คนที่นั่งกินอยู่ตรงข้าม มองหญิงต่างชาตินั่งเปิบอาหารในโรงทานสลับการการยกกล้องถ่ายรูปกันอย่างขำๆ ความอร่อยของอาหารเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ไม่ถึงกับกินไม่ได้ อาศัยเพิ่งออกแรงปีนเขาขึ้นลง อะไรมาก็กินได้ทั้งนั้นล่ะ ถึงจะไม่ได้ถูกปากนักหนา แต่ที่สุดแล้วก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าประทับใจทีเดียว

     กินเสร็จ ออกมาล้างมือให้สะอาด หน้าโรงทานมีโต๊ะตั้งสำหรับบริจาค มีชายวัยหกสิบกว่าคนนึงนั่งคอยออกใบเสร็จรับเงินสำหรับคนที่บริจาค 50 รูปีขึ้นไป พอฉันแจ้งความจำนงขอบริจาค เขาถามชื่อ-ที่อยู่ ถามจำนวนเขียนลงบนใบเสร็จเรียบร้อยแล้วบอกว่า พรุ่งนี้จะมีการเขียนชื่อฉันบนกระดานข้างหลัง และเงิน 100 รูปีที่ฉันบริจาคเป็นเงินที่ใช้เลี้ยงอาหารสำหรับคนสิบคนในวันพรุ่งนี้

     ปลาบปลื้มชื่นใจ อย่างนี้สิ ถึงเป็นการทำบุญ "ให้ทาน" ที่เห็นเป็นรูปธรรมหน่อย



     วัดต่อไปไม่เชิงเป็นวัด แต่เป็นจุดเก็บบุญบารมีอีกแห่งหนึ่ง เพราะเคยเป็นที่ซึ่งโยคีประจำวัดแรกเคยนั่งกรรมฐาน เขาเลยสร้างอาคารคล้ายวัดครอบถ้ำนั้น ต้องขึ้นบันไดสูงขึ้นไป แล้วต่อคิวหน้าประตูทางเข้าถ้ำสักครู่หนึ่ง ก่อนจะได้เข้สู่ตัวถ้ำที่มีพราหม คอยตัดน้ำมนต์รดมือคนที่ถึงคิวเยี่ยมชม

     ต่อจากนั้นเป็นห้องโถงใหญ่ที่ใช้ในการทำพิธีแต่งงาน ประดับรายรอบด้วยรูปปั้นเทพเจ้าต่างๆ ภาพแสดงประวัติโยคีท่านนั้น แวบหนึ่งที่เห็นผู้มีจิตศรัทธามากมายต่อคิวกันเพื่อได้มีโอกาสสัมผัสสถานที่ของโยคผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจน ชาวบ้านร้านตลาดที่ไม่มีการศึกษา

     ฉันแอบตั้งคำถามในใจว่า คนเหล่านี้มีศรัทธากับอะไรกันแน่ ระหว่างความมหัศจรรย์ในประวัติชีวิตและซากศพที่ว่าไม่เน่าเปื่อยของท่าน กับ คำสั่งสอนจากการบรรลุธรรมที่ท่านเขียนผ่านบทกลอนมากมาย



     ทิ้งท้ายเอาไว้แบบไม่อยากรู้คำตอบเท่าไหร่ ก่อนจบกระบวนการแสวงบุญในวันนี้แต่เพียงเท่านี้ เชิญคลิกลูกศรดูภาพถ่ายได้เลยค่ะ







ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 12 มีนาคม 2552
Last Update : 12 มีนาคม 2552 23:37:35 น. 0 comments
Counter : 858 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.