- 19 Mar 07

ค่อนๆ เดือนมีนา

      แฟนานุเฟรนด์ที่ติดตามบล้อกฉันมาตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อสองปีก่อนคงจะรู้สึกได้ว่าฉันเขียนบล้อกน้อยลงทุกที

     มิได้ค่ะ ฉันไม่ได้ขี้เกียจมากกว่าปกติหรือเลิกเห่อบล้อกแล้ว ทุกครั้งที่ต่อเน็ต ยังใส่เสื้อเบอร์ห้าเข้ามาดูที่บล้อกทุกครั้งเหมือนเดิม

     ชีวิตของฉันต่างหากที่เปลี่ยนไป มันแออัดยัดเยียดด้วยงานแปล-งานเขียนมากมายที่เส้นตายทยอยเข้ามาใกล้ทุกที แต่ฉันก็ยังคงเป็นฉัน จะงานมากงานน้อย ฉันก็ยังไม่สามารถบริหารเวลาและควบคุมตัวเองให้ทำงานแบบมีวินัยได้อย่างที่ควร

     ฉันยังคงชอบเล่นกับไฟ ... ชอบมีไฟมาลนก้น ... เหมือนเดิม


     คอลัมน์ Salade บ.ก.เริ่มทวงแล้ว ส่วนคอลัมน์ "จากยุโรป" ฉันตัดสินใจเว้นวรรคด้วยตัวเอง เดี๋ยวค่อยส่งวันศุกร์ละกัน ข้ามไปลงอีกอาทิตย์นึง คงไม่เป็นไรมั้ง สองสามฉบับหลังลงติดๆๆ กัน สต๊อกหมด



     เล่าเรื่องงานดีกว่า ... งานเฉพาะหน้าที่ฉันกำลังจะเริ่มแปล คือ การ์ตูนเรื่อง Triologie Nikopol ของ Enki Bilal นักเขียนการ์ตูนชื่อดังของฝรั่งเศส

      โปรเจคนี้คุยกับฟาเบียงมาตั้งแต่สองปีที่แล้วว่าน่าจะทำ แต่ช่วงนั้นยังไม่ค่อยสบโอกาสเสียเท่าไหร่ มาตอนนี้แหล่ะที่จะมีการจัดนิทรรศการผลงานและฉายภาพยนตร์ของนักเขียน/นักวาดภาพประกอบ/นักกำกับภาพยนตร์/และนักอื่นๆ อีกมากมายคนนี้ เราสองคนก็ผลักและดันโปรเจคแปลการ์ตูนเล่มนี้กันเต็มที่

      ทางฟาเบียงดูแลเรื่องประสานงานของความช่วยเหลือจากสถานทูตทั้งเรื่องติดต่อกับสำนักพิมพ์เจ้าของลิขสิทธิ์ และเรื่องเงินช่วยเหลือในการจัดพิมพ์เป็นภาษาไทย

      ส่วนฉันหาสำนักพิมพ์ไทยที่สนใจจะมาร่วมหอลงโลง... เอ้ย โรง ด้วยกัน ประจวบเหมาะ (อีกแล้ว) ที่ฉันเขียนคอลัมน์ลงนิตยสารฟรีฟอร์มที่มีความสนใจจะเปิดสนพ.ออกหนังสือเล่มและบ.ก.ของที่นั่นก็มีความสนใจในงานภาพประกอบการ์ตูนติสต์ชึ่งแนวนี้อยู่

      เล่มนี้ฉันจะต้องแปลเสร็จประมาณกลางๆ เดือนเมษา ... ลองแบ่งหน้ากะๆ ดูแล้ว ทำงานหลวมๆ สบายๆ (หรือที่สมัยนี้เรียกว่า ชิวๆ ใช่มะ) ไม่ต้องเคร่งเครียด กดดันตัวเองมาก ประมาณ 20 วันก็น่าจะเสร็จ

     ในช่วงเดือนมิถุนายน คุณ Bilal เขาจะมาร่วมงานเปิดนิทรรศการ เปิดฉายหนังและแจกลายเซ็นด้วยตัวเอง ตอนแรกฉันกะว่าแปลหนังสือเสร็จแล้วจะกลับไปฝรั่งเศสเพื่อเดินเรื่องการแต่งงานต่อ แต่พอถามใครต่อใคร มีแต่คนบอกว่าคุณบิลัลเขาดังมากนะ น่าจะอยู่ต่อ โอกาสกระทบไหล่คนมีฝีมือขนาดนี้ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

      ฉันเลยต้องเลื่อนการแต่งงานออกไปเพื่ออยู่เจอคุณบิลัลที่เมืองไทย ... ทุ่มเทขนาดไหนนึกดู (อย่าลืมติดตามผลงานนะคะ)




     เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว ฉันมีนัดกับเจ้าหน้าที่ของแผนกวัฒนธรรมและความร่วมมือของสภานทูต เพื่อจะเข้าไปรับงานแปลโบรชัวร์ และแผ่นพับประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของงาน La Fete ตอนบ่ายสี่โมง แต่คืนวันพุธ ฉันทำผิดมหันต์ ดันไม่ยอมเข้านอนทันทีหลังจากทำงานแปลข่าวเสร็จ โอ้เอ้วิหารราย นั่งอ่านหนังสือจิบคอนยัคไปเรื่อยๆ ถึงตีสี่กว่าๆ ในใจก็นึกว่า ไม่เป็นไร บอกคุณนายแม่ไว้แล้วว่าจะไปรถทัวร์เที่ยวเที่ยงครึ่ง เดี๋ยวพอใกล้ๆ เวลาคุณนายแม่ก็คงจะมาปลุกเอง

     ปรากฎว่า คุณนายแม่เกิดอาการเกรงใจแบบผิดปกติไม่กล้าขึ้นไปปลุกเสียนี่ นาฬิกาปลุกหัวเตียงก็คงจะเกรงใจเหมือนกัน ไม่ยอมดังเสียนี่ ปล่อยฉันนอนอุตุจนถึงเที่ยงครึ่ง พอลืมตาขึ้นมา กรี๊ดด ตายๆๆ ... สายแล้ว

     กระโจนลุกจากเตียง คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวเสร็จ โทรไปเลื่อนนัดเป็นห้าโมงเย็น

     ขึ้นรถเที่ยวบ่ายโมงครึ่ง นั่งลุ้นใจตุ้มต่อม ประมาณสี่โมงครึ่ง ถึงบางนา ฉันลงจากรถทัวร์ต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปถนนสาธร โชคดีที่ตอนนี้ปิดเทอมถนนค่อนข้างโล่ง ไม่เจอไอเสียรมควันตายคาเบาะเสียก่อน ถึงสถานทูตห้าโมงเป๊ง .... เฮ่อ... โชคดีจริงๆ

     คุยงาน รับงานเสร็จเรียบร้อย เข้าไปหาฟาเบียง ทิ้งกระเป๋าหนักอึ้งไว้ให้เพื่อนถือกลับอพาร์ทเมนต์ ส่วนฉันสะพายกระเป๋ากล้อง ต่อรถไฟฟ้าไปมาบุญครอง เพื่อไปร่วม "สภาหนอน" ก่อนจะขึ้นรถไฟฟ้า แวะแผงหนังสือซื้อฟรีฟอร์มเล่มล่าสุดมาอ่านคอลัมน์และสัมภาษณ์ที่ตัวเองทำตอนอยู่ปารีส



     สภาหนอน คือ การนัดพบกินข้าวและพูดคุยกันของสมาชิกห้องหนอน ที่เป็นชื่อเล่นของห้อง canon club ในพันทิพดอทคอม โดยนัดกันทุกเย็นวันพฤหัสที่มายุญครอง ฉันเคยไปเจอเพื่อนๆ ชาวหนอนมาครั้งนึงแล้วเมื่อปีกลาย หลังจากนั้นก็ไม่มีโอกาสได้ไปอีกเลย แวะเวียนเข้าไปที่เวบบอร์ดบ้าง ไม่ค่อยได้ออกความเห็นอะไรกับเขาหรอก ได้แต่อ่านไปเรื่อยๆ กับโพสรูปสองสามครั้ง

     มาช่วงเดือนสองเดือนนี่แหล่ะ หลังจากได้รับมรดกเป็นแคนดี้ ทู กล้องใหม่ตกทอดมาจากหวานใจ ฉันก็กลับเข้าไปปล่อยของโพสรูปในเวบบอร์ดห้องหนอนอีกครั้งตอนที่บล้อกแกงค์ปิดปรับปรุง

     บรรยากาศในการพบปะเป็นกันเองน่าประทับใจมาก ทุกคนมาที่นี่กันเพราะรักการถ่ายรูปเหมือนๆ กัน ไม่มีธุรกิจแอบแฝงมีนอกมีในจะขายของหรือหางานทำ อีกอย่างพอได้เห็นหน้าค่าตากันแล้ว เวลาพูดคุยกันในเวบบอร์ดมันจะออกรสชาติมากขึ้น เพราะนึกหน้าออกว่าใครเป็นใคร

     คืนนั้นกลับถึงห้องฟ๊าบเกือบห้าทุ่ม แต่กว่าจะเข้านอนได้ก็เกือบตีสองเพราะมัวแต่เปิดอ่านงานเขียนของตัวเองในฟรีฟอร์มวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า










     วันศุกร์ตื่นขึ้นมาตอนสิบโมง เช้านี้มีนัดกับ บ.ก.นก ณ ฟรีฟอร์มไว้ตอนสิบเอ็ดโมง โทรเข้าไปกะจะเลื่อนนัด พ่อคุณพ่อทูนหัวยังไม่เข้าออฟฟิศ โทรเข้ามือถือไม่มีคนรับสาย ... โทรหาพี่' ปราย เรื่องที่นัดหมายกันคร่าวๆ ว่าจะไปร่วมวงกินเหล้ากับทางมติชนด้วยกัน พี่เขาบอกว่าสงสัยจะต้องเลื่อนไปศุกร์หน้า เพราะบ่ายนี้เขานัดสัมภาษณ์คุณเจ้ย- อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ได้

     เฮ่อ... จริงๆ เลย เหลวหมด กลับบ้านดีมั้ยเนี่ย ของฝากที่ซื้อมาจากฝรั่งเศสที่อุตส่าห์หอบหิ้วมานี่จะเอายังไงกับมันดี แวะเข้าไปที่ออฟฟิศฟรีฟอร์มแล้วฝากไว้ก็แล้วกัน

     สักพัก บ.ก. นก โทรมา ตกลงกันว่าเจอกันที่ออฟฟิศ

     นั่งแท็กซี่ถึงร้านสรรพรส สุขุมวิทซอย 23 คุณ บ.ก. นกไม่อยู่ออกไปกินข้าวข้างนอก เอ๊ะ ยังไง... ไหนว่าจะรอเลี้ยงข้าวฉันไงคะคุณ .... ช่างเถอะ ฉันสั่งข้าวกระเพราหมึกไข่ดาวมากิน ยังไม่ทันหมดจานบ.ก.หนุ่มสุดเข้มของฉันก็กลับเข้ามา

     บ่ายวันนี้ทีมบ.ก.ฟรีฟอร์มยกทีมไปสัมภาษณ์คุณเจ้ย ฉันเลยขอติดตามไปด้วย ในใจเริงร่าจะได้ถ่ายรูปคนดัง แต่บ.ก.นก มองไปอีกทาง บอกว่า ดีแล้ว จะได้เห็นว่าเวลาสัมภาษณ์น่ะ เขาทำยังไงกัน....ฮึ่มม!!... ไม่ต้องกลบเกลื่อนว่าเป็นมุกตลกหรอกค่ะคุณ ฉันรู้... ฉันน่ะมันอ่อนหัดเรื่องการสัมภาษณ์จริงๆ แต่นั่นมันก็ครั้งแรกนะคะ




     ระหว่างที่ทีมงานผลัดกันตั้งคำถามสัมภาษณ์คุณเจ้ย ฉันหยิบแคนดี ทู ออกมายิงผู้กำกับหนังอินดี้ชื่อดังของเมืองไทย จนพอพักถ่ายรูปจริงๆ พี่เขาเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นตากล้องที่จะถ่ายภาพแอคชั่นเพื่อประกอบสัมภาษณ์ ฉันต้องรีบปฏิเสไปว่า เปล่าค่ะพี่ ตากล้องใหญ่น่ะคนนู้น ... หนูแค่มาเก็บบรรยากาศการสัมภาษณ์ค่ะ ... แหะๆ

     ก่อนลากลับ ฉันหยิบโปสการ์ดประชาสัมพันธ์บริษัทของพี่เขาในห่อแถวๆ นั้น แล้วเข้าไปขอลายเซ็นมาเก็บไว้เป็นที่ระลึก

     ข้อคิดจากการสัมภาษณ์ครั้งนี้ นอกจากทำการบ้านมาให้ดีๆ เปิดต่อมอยากรู้อยากเห็น อยากพูดคุยแล้ว อีกข้อ คือ ไม่ควรจะทำหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกันอย่างที่ฉันทำตอนสัมภาษณ์มาร์แต็ง ปาจ ควรจะนั่งนิ่งๆ เจาะคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นกิจลักษณะ ไม่ใช่ทั้งกินทั้งพูดทั้งเดินทั้งปีนเขาในเวลาเดียวกันอย่างที่ฉันทำ


     ค่ำนั้นฉันติดตามพี่'ปรายต้อยๆ ไปร่วมวงเหล้า (และเล่า) ของประชาชนชาวมติชนจนได้ ถึงแม้จะพลาดรอบแรกคือรอบเที่ยงของบรรดาอภิมหาบรรณาธิการอาวุโสไป แต่ฉันก็ได้เจอกับเพื่อนนักเขียนคอลัมน์ไม่ประจำในมติชนสุดสัปดาห์ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันเกี่ยวกับปัญหาและวิธีจัดการต้นฉบับที่ไม่ได้เป็นคอลัมน์ประจำต่างๆ

     ไม่นานนักมีชายวัย 50 ถือถุงพลาสติกซุเปอร์มาเก็ตเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ คุยไปคุยมาเป็นบรรณาธิการของนิตยสารศิลปะวัฒนธรรม

     ฉันนั่งจิบเบียร์สิงห์ฟังคุณบ.ก.เล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน แล้วจู่ๆ ก็มีคนโพล่งขึ้นมาว่าให้อธิชาเขียนคอลัมน์ลงศิลปะวัฒนธรรมสิ

     อ๊ายยหยา... ฉันนึกในใจ

     คุณบ.ก. พูดทำนองว่าเป็นบ.ก.นี่ยากจริงๆ ไปที่ไหนก็มีแต่คนอยากเสนอต้นฉบับ แต่สักพักท่านก็เอ่ยชื่อนักวาดภาพประกอบชาวฝรั่งเศสสมัยโบราณที่ท่านชื่นชอบขึ้นมา คือ J.J. Grandville บอกว่าทำเรื่องนี้สิ ฉันควักสมุดโน้ตขึ้นมาจดชื่อไว้ก่อน เดี๋ยวเมาแล้วลืม ปากอ้อมแอ้มว่า เดี๋ยวหนูจะลองดูค่ะ

     หลังจากคุณบ.ก.กลับไป ฉันหันไปถามพี่'ปรายว่า ตกลงหนูควรจะเขียนหรือเปล่าคะ เพราะดูเหมือนท่าน บ.ก. จะสงวนท่าที ฉันดูไม่ออกว่าท่านจะเอายังไง พี่'ปรายบอกว่า ก็ลองดูสิ

     ใจหนึ่งฉันคิดเช่นเดียวกันว่าน่าจะลองดู ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย แต่อีกใจก็ หวายยย ศิลปะวัฒนธรรมเชียวนะคะ นิตยสารชั้นดีมีนักวิชาการเพียบๆ คนเขียนหน้าใหม่เขียนแต่ในคอลัมน์นิตยสาร "แนว" อย่างฉันจะไหวเร้อ อีกอย่าง ... ฉันข้องใจ วงการนี้ แค่ได้นั่งกินเหล้าโต๊ะเดียวกัน งานก็ลอยมาง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ






     โทรปรึกษาพี่ยักษ์ คมสัน พี่ยักษ์บอกว่า มันก็อย่างนี้แหล่ะแก อาจจะเป็นเพราะแกผ่านด่านคุณเสถียร บ.ก. มติชนสุดแล้ว บ.ก. ท่านนี้ไม่ใช่ว่าจะปล่อยผ่านงานง่ายๆ มันอาจจะเป็นการกรองนักเขียนมาแล้วระดับหนึ่ง

     สุดท้าย ฉันตัดสินใจว่าจะเขียน ฉันจะเขียนเรื่อง
J.J. Grandville นี่แหล่ะ แต่จะไม่เขียนด้วยข้อมูลแห้งตามเน็ตหรือตามหนังสือ ฉันจะเขียนคอลัมน์ "ตามรอย J.J. Grandville" ฉันจะไปตามร้านหนังสือเก่าๆ และห้องสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส ฉันจะใช้จุดแข็งของฉันคือการได้มีโอกาสไปอยู่ที่ฝรั่งเศส พูด-อ่านฝรั่งเศสรู้เรื่อง มีเวลามากพอที่จะตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ แล้วนำมาเขียนเป็นบันทึกเรื่องราวการสืบค้น


     ส่วนจุดอ่อนของฉันคือการไม่ได้เป็นนักวิชาการ ฉันจะนำมาใช้เป็นจุดแข็ง คือ จะเขียนแบบอ่านเพลินๆ คนทั่วไปอ่านรู้เรื่อง ไม่เขียนรายงานแข็งทื่อหรือมุ่งถกเถียงคุยกันแต่ในแวดวงปัญญาชน

     Voila!! ... เพิ่มมาอีกโปรเจคนึง ... ชอบหางานเข้าดีนัก วันหลังไม่ต้องมาบ่นว่าชีวิตแน่นๆ เลยนะคุณนาย



      คืนนั้นกว่าจะเลิกปาเข้าไปตีสามกว่าๆ ฉันนั่งแท็กซี่ไปห้องฟ๊าบ แต่กดออดหน้าประตูเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่านังฟ๊าบกับน้องโน้ตศรีภรรยามันจะตื่นมาเปิดให้ ฉันเลยนั่งแท็กซี่ต่อไปสถานีขนส่งเอกมัย นั่งรถเที่ยวตีสี่ครึ่งกลับบ้านระยอง ดีเหมือนกันจะได้กลับถึงบ้านเร็วๆ มีงานรอสะสางเพียบเลย






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 19 มีนาคม 2550
Last Update : 19 มีนาคม 2550 16:51:34 น. 7 comments
Counter : 1111 Pageviews.

 
อัพบล็อกทีนึง
ยาวขนาดเลยมิว


โดย: grappa วันที่: 19 มีนาคม 2550 เวลา:18:17:00 น.  

 
อ้าว ... ก็นานๆ อัพทีนี่คะพี่

ที่จริงแล้วตัวหนังสือล้วนๆ น่ะ ไม่เยอะมากหรอกค่ะ
อาศัยรูปประกอบแพรวพราวลวงตาผู้อ่านให้ใจเสียเล่นๆ


โดย: มิว_ เต_ ชั่น IP: 203.118.93.243 วันที่: 19 มีนาคม 2550 เวลา:18:49:19 น.  

 
พิมพ์ไทยได้ซะที เห้ออ
ชอบเพลงจัง
คนละขั้วกะเพลงเดิมเลยนะคะ


โดย: ส้ม IP: 125.24.36.168 วันที่: 19 มีนาคม 2550 เวลา:21:49:31 น.  

 
ภาพสวย เรื่องเล่าอานเพลินจังค่ะ อยากอ่านผลงาน เที่ยวปารีสแบบมิว ๆ เร็ว ๆ จังค่ะ


โดย: MoneyPenny วันที่: 19 มีนาคม 2550 เวลา:21:52:00 น.  

 
ติดตาม blog นี้อย่างใจจดใจจ่อตลอด เวลาเข้าเน็ตทุกครั้ง
อ่านสนุกรูปประกอบสวยงามครับ

MWPP(เหมา) สมาชิกห้องหนอน


โดย: MWPP IP: 58.136.68.181 วันที่: 20 มีนาคม 2550 เวลา:10:32:29 น.  

 
เคยคลิกเข้ามาอ่านที่บลอคของพี่บ้างเป็นครั้งคราวเผอิญไปเจอชื่อพี่จากบลอคของคุณบ.ก.ฟรีฟอร์ม เหมือนจะบังเอิญแต่ฉันก็ได้เจอนักแปลและเขียนที่น่าสนใจมากๆคนนึงจากโลกไซเบอร์ แปลกดีเหมือนกัน

บอกตามตรงว่าชอบอ่านบันทึกที่พี่เขียนไว้ในนี้ไม่ว่ามันจะยาวแค่ไหนแต่รู้ตัวอีกทีก็อ่านจบซะทุกที แถมยังต้องตกใจอีกครั้งเพราะได้เจอหน้าพี่อยู่ในหนังสือฟรีฟอร์มด้วย ฉันยังแอบนึกขำในใจว่าทำไมโลกถึงกลมนัก บทสัมภาษณ์ที่พี่เขียนฉันชอบนะค่ะอ่านแล้วสบายๆ นอกจากจะนึกภาพผลงานของคุณมาแต็งแล้วก็ได้นึกถึงภาพการเดินเล่นสบายๆในปารีสด้วย มันก็เพลินไปอีกแบบนะ

ดีใจที่ได้รู้จักและพบนะค่ะ ต้องขอโทษทีก่อนหน้านี้เข้ามาแอบอ่านอย่างเดียวไม่ได้โพสเลย แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเรารู้จักกันแล้ว....ได้ใช่ไหมค่ะ....แล้วจะคอยติดตามผลงานนะค่ะ


โดย: sanfha IP: 210.246.156.23 วันที่: 21 มีนาคม 2550 เวลา:17:21:25 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:11:43:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.