- 10 Mai 07

ชีวิตบนชานชลา


      หวานใจมาอยู่ด้วยสี่ห้าวันแล้วบินกลับไปฝรั่งเศสเมื่อวันอังคาร ส่วนฉันกลับมาที่บ้าน เพื่อจัดการเรื่องราวทั้งหลายให้เสร็จสิ้น ระหว่างรอขึ้นรถไฟที่จะเข้ามารับไปสู่ชีวิตใหม่ บนชานชลาแห่งหนึ่ง.... เหมือนเดิม

      ฉันรู้สึกเสมอว่าชีวิตของฉัน เหมือนใช้เวลาอยู่บนชานชลาสถานีรถไฟ เป็นรถไฟที่หากไม่ได้นำไปสู่สถานที่ใหม่ๆ ก็นำสถานการณ์หรือบทบาทใหม่มาสู่ชีวิตแต่ละช่วง ไม่เคยเลยที่ฉันจะได้หยุดนิ่งลงหลักปักฐานกับสิ่งใดสิ่งหนึ้งนานๆ มันจะต้องมีการก้าวขึ้น เสียหลักลื่นไถลลง หรือเปลี่ยนทิศไปทางโน้นทางนี้ตลอดเวลา

     ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความซุกซนอยู่ไม่สุขของฉันเอง จะให้ทำยังไงได้

     แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว พอแล้ว อยากจะหยุดแล้ว อยากขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายไปสร้างมหาอาณาจักรของตัวเองกับคนที่ฉันรัก

      แต่พอฉันตัดสินใจได้ ปัจจัยภายนอกและกฎเกณฑ์ก็รีบเข้ามาบีบบังคับทันทีให้ต้องรอต่อไป

     ฉันกำลังรอการจดทะเบียนแต่งงาน เฮ่อ... กว่าจะเป็นมาดามได้เนี่ยมันช่างยุ่งยากเสียจริง แม้แต่การจดทะเบียนที่เมืองไทยที่เคยคิดว่าน่าจะเร็วกว่า เอาเข้าจริงๆ เมื่อเช็คขั้นตอนแล้ว ความวุ่นวายไม่ได้ลดปริมาณมากไปกว่าจดที่ฝรั่งเศสเลย ฉันเลยถอดใจ หันมาใช้เส้นทางเดิม รอเอกสารที่ติดอยู่เพียงใบเดียวมาแปลส่งไปยื่นที่ฝรั่งเศสทีเดียวเลยดีกว่า

     เอกสารจะมาถึงภายในสองอาทิตย์ แปล + รับรอง-หนึ่งอาทิตย์ ส่งไปให้หวานใจยื่นที่อำเภอที่โน่น-หนึ่งอาทิตย์ อำเภอติดประกาศเผื่อใครจะมาคัดค้าน - สิบวัน ส่งใบรับรองว่าแต่งงานได้ - หนึ่งอาทิตย์ ขอวีซ่าไปแต่งงาน - สองอาทิตย์ --- สรุปว่าประมาณ 10 อาทิตย์ โน่นแหล่ะปลายเดือนกรกฏากว่าจะได้บินไปมีชีวิตคู่ที่ฝรั่งเศส


     เอาเป็นว่า ตอนนี้เรื่องสำคัญหลักๆ ในชีวิตของฉันคือเรื่องนี้แหละ ในระหว่างที่รอเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันทำงานแปล เขียนคอลัมน์และงานผู้จัดไปเรื่อยๆ ฆ่าเวลาให้ผ่านไปวันๆ พอไปอยู่ที่โน่นจะได้ตัวเบาๆ สบายๆ ไม่มีอะไรพอกหางคั่งค้าง

      อนาคตไม่แน่ไม่นอน หันกลับมาเจาะความเคลื่อนไหวที่ผ่านไปบนชานชลาดีกว่า

     เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว ปลดงานแปลไปได้อีกหนึ่งเปลาะคือ Trilogie Nikopol ตื่นแต่เช้านั่งรถไปรับหวานใจที่สนามบินดอนเมือง แล้วไปนอนบ้านพี่มีนที่ศรีราชาสองคืน ให้พี่มีนกับหวานใจได้ความรู้จักกันไว้ พี่มีนบอกว่าหวานใจน่ารักดี ดูอารมณ์ดี เป็นผู้ใหญ่ วันอาทิตย์ พี่เขยขับรถไปส่งที่โรงแรมเมโทรโปลิแตน โรงแรมสุด HIP หวานใจจองไว้ทางอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากเอ็มโพเรียลสูทและโอเรียลเต็ล

     โรงแรมสวยน่ารัก จัดได้ลงตัวดีมากๆ ไม่โมเดิร์นเย็นชามากไป ไม่จงใจไทยจ๋าจนน่าเบื่อ

     คืนวันอาทิตย์ นัดกับฟ๊าบไว้ว่าจะกินอาหารค่ำด้วยกัน แต่พอใกล้เวลานัด ฟ๊าบกระมิดกระเมี้ยนโทรมาบอกว่าเพิ่งกินอาหารอินเดียเมื่อตอนบ่ายๆ ยังอิ่มไม่หายเลย อึกอักเหมือนจะอยากเลื่อนนัด ฉันรีบชิงตัดบทไปว่า ไม่เป็นไรหรอกเพื่อน เดี๋ยวฉันกับหวานใจเข้าไปหา แล้วสั่งพิซซ่ามากิน นั่งดื่ม คุยเล่นกันที่บ้านเธอก็ได้ ไม่ต้องกังวล ถ้าอิ่มก็ไม่ต้องกิน ไม่ว่ากัน

     ก่อนไปบ้านฟ๊าบ ฉันกับหวานใจไปเซ็นทรัลที่สีลมคอมเพล็กซ์ ซื้อไวน์สองขวด แวะสั่งพิซซาที่ร้านในซอยศาลาแดง จ่ายเงินแล้วให้เขาตามไปส่งที่สาทรซอย ๑ ก่อนจะจับตุ๊กตุ๊กทะลุซอยวิ่งบนถนนสาทรโล่งๆ เพราะเป็นช่วงหยุดยาวสามวัน


     คืนนั้น เราสี่คน ฉัน- หวานใจ ฟ๊าบ- น้องโน้ต นั่งคุยกันไป กินไป ดิ่มไวน์ไปสามขวด (ฟ๊าบเปิดเพิ่มไวน์ที่เก็บติดบ้านให้อีกหนึ่งขวด) ก่อนกินไวน์เรียกน้ำย่อยด้วยรัม พอไวน์หมดตบตูดด้วยรัม ผลก็คือ ฉันเมาอ้วกแตกอ้วกแตน พอชักไม่ไหว ชวนหวานใจกลับห้องพักไปดูการถ่ายทอดสดผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี

     ถึงห้องพัก หัวถึงหมอน ฉับหลับสลบ หวานใจปลุกขึ้นมาดูทีวีด้วยกันถึงสามรอบสามคราก็ไม่เป็นผล .... เฮ่อ... เสียดาย


      วันรุ่งขึ้นไปเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการ "กำมะหยี่" ตอนบ่ายๆ ตั้งใจไปดูหนังสือกันที่คิโนฯ พารากอน กว่าจะถึงร้านหนังสือ แวะเข้าซื้อ Fly Now ลดราคากันก่อน ได้เสื้อคลุมหนังสำหรับเกาะท้ายมอเตอร์ไซค์ "ลา ดุชเชส" มาหนึ่งตัว กับกางเกงสแล็คลายสก๊อตหนึ่งตัว

     หนังสือที่ฉันกับหวานใจตั้งใจไปซื้อกันคือหนังสือเกี่ยวกับการตัดเย็บเส้อผ้า เพราะตอนนี้หวานใจกับฉันมีโครงการใหม่ที่จะทำร่วมกันในชีวิตคือ การเปิดห้องเสื้อ

     ดังนั้นต้องเริ่มศึกษากันตั้งแต่วิธีการตัดเสื้อผ้าพื้นฐาน การสร้างแพทเทิร์น การเย็บผ้า เนื้อผ้า การออกแบบ เรียกว่านับหนึ่งกันเลย


     ความคิดนี้มาจากหวานใจล้วนๆ ฉันคิดว่าเขาเริ่มเบื่อและเอียนการทำงานด้านไอทีในธนาคารเพื่อการลงทุนแล้ว เขาอยากจะสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันและมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

     จากแรกเริ่มเดิมที่ที่จะออกมาทำงานถ่ายภาพ เมื่อเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง แต่ไปๆ มาๆ หวานใจคงเห็นว่างานถ่ายภาพของเขาเป็นงานกึ่งๆ ศิลปะที่ถึงแม้จะมีภาพออกมาให้เห็น แต่ก็เป็นเพียงสิ่งทีเอาไว้ชื่นชมได้เพียงสายตาตามความรู้สึกของแต่ละคน ยังคงเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้แบบเต็มไม้เต็มมือเต็มประโยชน์ในชีวิตจริงนัก ขณะที่เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ต้องใช้สอย

      ส่วนฉัน ฉันชอบการตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่แล้ว เคยเรียนแบบพื้นฐานตอนม.สาม ฉันพอมีฝีมือทำได้ดีพอสมควร ถึงขนาดได้รับเลือกเป็นตัวแทนโรงเรียนไปประกวดระดับภาคเชียวนะ (ถึงจะตกรอบกลับมาก็เถอะ) ตอนที่เรียนมหาลัย พอปิดเทอม แม่จะเตรียมผ้าเอาไว้ให้ฉันตัดทำกระเป๋า ทำเป้สำหรับถือไปคณะ ... ดังนั้น ฉันจึงไม่กังวลที่จะต้องกลับมาศึกษางานนี้อย่างจริงจัง ... หวานใจบอกว่า ถ้าอยากเข้าเรียนโรงเรียนสอนแฟชั่นที่ปารีส เขาจะส่งเรียนเอง...

      ฉันเบ่งรับแบ่งสู้เอาไว้ก่อน .... ถึงจะแต่งงานไปอยู่ปารีส งานแปล งานเขียน ฉันยังต้องทำอยู่ ไหนจะงานผู้จัด และงานบ.ก. ที่จะเข้ามาอีกล่ะ .... นี่ยังไม่ได้พูดถึงงานแม่บ้านเม่เรือนที่ฉันตั้งใจนักหนาตามประสาคนไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง แม้ว่าหวานใจจะบอกว่า ไม่ต้องเครียดเรื่องงานบ้าน เขาไม่ได้อยากได้แม่ศรีเรือนหรอกนะ เรื่องทำความสะอาดหรือทำอาหารเป็นแค่ออปชั่นเสริม ทำเวลามีอารมณ์อยากทำ เขาอยากได้ฉันเคียงข้าง เป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่มือสำหรับลงมือทำอะไรๆ ร่วมกันในชีวิตมากกว่า

     ตอนนี้เราสองคนก็เลยเปิดดู fashion TV กันเป็นการใหญ่ เพื่อศึกษาความเป็นไปของแวดวง (และวิธีออกมาโค้งทักทายบนแคทวอร์กของบรรดาดีไซเนอร์)




      วันอังคารไปส่งหวานใจขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขากลับนั่งรถชัทเทิลบัสมาที่สถานขนส่งภายในสนามบิน เพื่อมาดูว่ามีรถทัวร์ผ่านไปจันทบุรีหรือเปล่า จะได้ขึ้นรถจากที่นั่นไปลงที่แกลงเลย ไม่ต้องย้อนกลับเข้าไปขึ้นรถที่เอกมัยให้เสียเงินเสียเวลา เสียอารมณ์ในรถติดๆ

      ปรากฎว่ารถมี แต่ต้องนั่งรออยู่นานมากกว่ารถจะมา และรถที่มาคาดว่าเป็นรถมาจากหมอชิต มีผู้โดยสารจากต้นทางนั่งอยู่แล้วเต็มหมดทั้งคันรถ ฉันต้องนั่งเบาะหน้าข้างๆ ประตู ซึ่งเป็นที่นั่งประจำตำแหน่งของพนักงานบริการในรถ เป็นเบาะพับเดี่ยวๆ ไม่มีที่เท้าแขน จะหลับก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะตกเก้าอี้ ต้องนั่งตัวเกร็งเวลารถเลี้ยวอีกต่างหาก



      โชคดีที่ถนนเส้นนี้วิวสวย เลยนั่งดูได้เรื่อยๆ ไม่เหลือทนมากนัก



     ป.ล. รูปประกอบเป็นภาพที่หวานใจถ่ายอองตวน ณ ขอนแก่น มาฝาก เด็กน้อยของฉันเพิ่งได้ลูกหมาเป็นของตัวเองหนึ่งตัว ท่าทางแกจะตื่นเต้นดีใจมาก... หวานใจบอกว่า แกยังคงมีสายตา "หม่นเศร้า" ไม่หาย ถึงแม้ว่าจะได้อยู่กับคุณแม่และพี่สาวแล้ว ฉันคิดว่าเป็นเพราะแกเจอการเปลี่ยนแปลงปุบปับ และไม่มีคนดูแลใส่ใจแบบถาวรให้อุ่นใจมาก่อน หวังแต่ว่า อีกไม่นาน แกจะค่อยๆ ปรับตัว ลืมความหวั่นไหวหวาดกลัวในชีวิตช่วงสั้นๆ ช่วงนั้น และใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างไม่มีความกังวลใจใดๆ มาแผ้วพานได้



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






Create Date : 10 พฤษภาคม 2550
Last Update : 10 พฤษภาคม 2550 22:29:54 น. 6 comments
Counter : 1159 Pageviews.

 
โปรเจ็คห้องเสื้อนี่ อลังการจริงๆ ค่ะพี่มิว กรี๊ดๆ เริ่ด
หนูเพิ่งกลับจากไปหัวทิ่ม+ใจสลายริมทะเลตราด (แถมขาลายเป็นจุดเพราะแมลงเล่นงาน) ขณะนี้หมดสภาพ ได้แต่แปลเอกสารอย่างไร้วิญญาณไปวันๆ อาศัยงานกอบกู้สภาพจิตใจตัวเอง เอิ๊กๆ ประมาณว่า ถึงฉันจะเสียใจจนหมดสวย แต่ฉันไม่ยอมจนเด็ดขาด

ดีใจจัง ได้เห็นรูปอองตวนและหมาปั๊กน้อย เป็นความสดชื่นอันดับแรก นับตั้งแต่กลับจากทะเลจริงๆ ค่ะ


โดย: หมีคาลาไมน์ IP: 125.25.193.98 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:19:35 น.  

 
ไปปาร์ตี้มา แอบเช็คเน็ทจากบ้านเพื่อนเห็นคุณมิวอัพบล็อก อยากจะอ่านใจจะขาดค่ะ แต่ไม่สามารถ ตอนนี้เที่ยงคืนเจ็ดนาที กลับถึงบ้านแล้วรีบมาอ่านก่อนเลยทันที

ก่อนอื่นเลยสะดุดตากับหนูน้อยอองตวนกับเจ้าพักน้อยมาก ๆ น่ารักกกก ตัวเองเคยมีหมาพักหนึ่งตัว (ตั้งใจไปซื้อกางเกงยีนส์ตามที่เขียนในบล็อก แต่ได้หมาพักมาแทน ฮ่า) คิดถึงน้องหมาค่ะ

โครงการงานทำธุรกิจเสื้อผ้าที่สนับสนุนมาก ๆ อยากจะขอจองสมัครทำด้วยคน รับลูกจ้างมั้ยคะ ฮ่า ๆ จูนเรียนแฟชั่นดีไซน์มาค่ะ (แต่ตัดเย็บได้แบบง่าย ๆ พื้น ๆ) แล้วก็วนเวียนอยู่ในแวดวงแฟชั่นต่าง ๆ อยู่แถวนี้ค่ะ สนุกดี ชอบแบรนด์ใหม่ ๆ เมืองไทยนะคะ ทำได้เก๋ดี

(จริง ๆ แล้วคุณมิวก็ไปอ่านบล็อกแล้วจูนน่าจะเป็นพี่คุณมิวนะ แต่ยังแทนชื่อตัวเองอยู่อีก แล้วแต่คุณมิวนะคะ จะเรียกพี่ก็ได้ค่ะ เรามานับญาติกัน)

ขอให้เอกสารเสร็จไว ๆ นะคะ จะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนบ้านกันค่ะ

เทคแคร์ค่า


โดย: MoneyPenny วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:5:11:46 น.  

 
อ่านแล้วขำก๊าก
แชมป์ตัดเย็บมอสามเหรอ
haha
ขำแบบชื่นชมนะ ชื่นชม haha

ภารกิจของมิวมันเยอะจริงๆ นะ
เอาใจช่วยเน้อ


โดย: พี่'ปราย IP: 58.8.78.127 วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:03:04 น.  

 
คุณจูนคะ

อีก 7 วัน มิวจะครบ 34 แล้วค่ะ
ท่าทางจะต้องเรียกคุณจูนว่า "น้องจูน" เสียมากกว่า


โดย: มิว_เต_ชั่น IP: 203.155.225.53 วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:24:23 น.  

 
swadee Madamne

Ha Ha Ha

I hope the rain make you in mood of happiness..



โดย: un homme banal (ปุถุซน ) วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:27:47 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณมิว
เพิ่งจะเข้ามาดูเปฌนครั้งแรกค่ะ
อยู่ที่สัตหีบค่ะ ตอนนี้สนใจที่จะตัดเสื้อผ้า แต่ไม่ได้ทำร้านหรอกนะคะ พอดีชอบ อยากตัดให้ลูกสาวใส่ ก็เลยลองเข้ามาค้นดู อ่านข้อความของคุณแล้ว รู้สึกดีค่ะ อายุก็ใหล้กัน ตอนนี้กำลังจะ36 หวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้นะคะ


โดย: ออยค่ะ IP: 124.157.208.134 วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:18:16:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.