- 10 juin 07

วันอาทิตย์... วันทำงาน


      งานแปลประจำวันยังไม่เสร็จ แต่ถูก "คลื่นความตึงเครียด" โจมตี พุ่งเข้าที่เบ้าตา

      อาการ "เบ้าตาตึงๆ " เพิ่งเกิดขึ้นกับฉัน เมื่อปีสองปีนี้เอง คาดว่าจะเกิดจากหลายสาเหตุ เครียด ขัดอกขัดใจอะไรบางอย่าง คาเฟอีนไม่พอ มีความเก็บกดอะไรอยู่ลึกๆ เบื่องานที่ทำอยู่ แต่จะทิ้งไม่ทำก็ไม่ได้ ... ทำให้ต้องเปลี่ยนบรรยากาศไปทำอย่างอื่นบ้าง

      เช่น ฉวยโอกาสตอนที่แม่ออกไปจ่ายตลาดในเมือง ผละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ อาบน้ำ แต่งตัว แล้วย่องออกไปซื้อเบียร์ที่ร้านค้าข้างบ้าน

      ต่อด้วยการคุยทางไกลข้ามประเทศกับหวานใจผู้ไม่เคยเสียดายค่าโทรศัพท์ คุยกันเรื่อยๆ ไร้สาระ เมื่อคืนนอนหลับหรือเปล่า วันนี้จะทำอะไร คิดถึงจังเลย อยากไปอยู่ใกล้ๆ กัน สีกระป๋องใหม่ที่ซื้อมาทาอพาร์ทเมนต์สีไม่เหมือนกับสีเดิม ถ่ายรูปส่งมาให้ดูหน่อยสิ รักเธอๆ ... คืนนี้แปลข่าวนะ แล้วค่อยคุยกันต่อคืนนี้นะ รักจ้ะๆ

      เฮ้อ... รู้สึกดีขึ้นมากเลย ได้หัวเราะ ได้รู้สึกว่ามีคนที่คิดถึงเรา รับฟังทุกเรื่องโดยไม่มีการตัดสินผิดถูกชั่วดี และเข้าใจความรู้สึกของเราทุกอย่าง ...

     เบียร์หมดหนึ่งขวด... ความตึงคลายลงอีกนิดนึง กลับมาหน้าจอคอมพิวเตอร์ ขยับเปิดไฟล์ขึ้นมาแกะๆ อีกสามสี่บรรทัด แล้วเปิดทีวี ช่อง TV5 มีถ่ายทอดสดการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์ประเทศฝรั่งเศส

     ขนชมพู่มานอนเหยียดหน้าจอทีวี ดูไปเรื่อยๆ ... ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจกติกากับเขาหรอก ...


      ... แต่พอได้เห็นนักรักบี้หนุ่มๆ ล่ำๆ (บางคนหน้าตาหล่อ น่าเลี้ยงดูมากๆ ) กระโจนตระครุบตัว แย่งลูกรีๆ แล้ว ช่วยให้คลายเครียด ความตึงที่เบ้าตาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 10 มิถุนายน 2550    
Last Update : 10 มิถุนายน 2550 19:23:29 น.
Counter : 950 Pageviews.  

- 9 juin 07

โสด... พร้อมใบรับรอง


      เพิ่งทำงานแปลประจำวันเสร็จเรียบร้อย วันนี้เป็นงานแปลโบรชัวร์นิทรรศการ กำหนดส่งวันจันทร์ ฉันเลยแบ่งทำแค่ครึ่งเดียวก่อน

      วันนี้กว่าจะเริ่มทำงานได้ ก็ปาเข้าไปบ่ายสาม ตื่นมาตั้งแต่สิบโมงเช้า มัวแต่ขนย้ายข้าวของ สมบัติต่างๆ จากมุมทำงานลงมาไว้ในห้องที่เคยเป็นห้องนั่งเล่นของพ่อด้านล่าง เพราะพ่อย้ายมุมไปอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เคยเป็นอาณาบริเวณของฉัน

     ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยสบาย เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเจอไวรัสงูสวัดเล่นงาน ประกอบกับอาการเบาหวานที่มีอยู่ ท่านเลยปวดเมื่อยเนื้อตัว ไปหาหมอมาหลายรอบแล้ว เห็นว่าหมอจ่ายยามาแรงเกิน ทำเอากินข้าวไม่ได้ อาเจียรออกมาหมด จนต้องไปนอนให้น้ำเกลือเมื่อวานซืน ซ้ำร้าย แขนขาซีกซ้ายก็ยังไม่กลับมาสู่สภาพปกติจากเส้นเลือดอุดตันที่สมองเมื่อต้นปีที่แล้ว ทำให้เดินเหินเข้าห้องน้ำไม่สะดวกยิ่งขึ้นไปอีก

     ตอนแรกพ่อว่าจะให้ช่างมาทำห้องน้ำข้างๆ ห้องพัก แต่คุณนายแม่แนะว่า ย้ายขึ้นไปนอนแถวๆ ห้องน้ำเลยจะสะดวกกว่า ฉันก็เลยต้องย้ายหลบลงมาอยู่อีกฟากหนึ่งของบ้านแทน

     ก้มหน้าข้มตาขอนของลง สวนทางกับคุณนายแม่ที่ขนข้าวของของพ่อขึ้นข้างบน ขนโต๊ะ คอมพิวเตอร์ พจนานุกรมและเครื่องเขียน เครื่องตบแต่งต่างๆ ลงมาสร้างมุมส่วนตัว ต่อสายสัญญาณโทรทัศน์ ต่อสายลำโพง โยงสายโทรศัพท์เข้าไป ยกเครื่องอัดวิดีโอที่เอาไว้ใช้ทำงานแปลข่าว ทดลองอัดแล้วไม่มีปัญหาทั้งขาเข้าขาออก

     กวาดเช็ดถู จัดของเข้าชั้นวาง เปิดชมพู่ต่อเน็ต ... ใช้การได้ แค่นี้...ฉันก็พอใจ อยู่ได้แล้ว



     เมื่อวานตอนบ่ายๆ ไปขอใบรับรองโสดที่อำเภอ ที่จริงเมื่อวานซืนก็ไปมาแล้วรอบนึง พร้อมบัตรประชาชนที่หวานใจจัดส่งมาให้จากฝรั่งเศส นึกว่าแค่มีบัตรตัวจริงแล้วจะทำได้เลยทันที แต่คุณปลัดท่านบอกว่าต้องมีพยานมาด้วย และถ้าจะให้ดีต้องเป็นเจ้าบ้านที่ฉันอยู่

     โชคดีที่เจ้าบ้านของฉันคือคือคุณนายแม่ที่ไม่ติดธุระ ไม่ต้องไปทำงาน สามารถไปเป็นพยานให้เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้น การขอใบโสดนี้คงจะยุ่งยากมากขึ้นไปอีก

     ตอนแรกที่ได้รู้ว่าจะต้องมีพยานไปด้วยและต้องเป็นเจ้าบ้าน ฉันโมโหขึ้นมาแว่บนึง ทำไมไม่บอกเสียตั้งแต่แรกตอนที่ฉันไปขอครั้งแรก ตอนที่ฉันไม่ได้เอาบัตรตัวจริงไป ทำไมถึงขยักขั้นตอนไว้ไม่บอกมาให้หมดๆ ไปติดต่อแต่ละครั้ง ต้องมีนั่นมีนี่งอกขึ้นมา ไม่ได้ทำเสียที ... จะต้องไปกี่ครั้งถึงจะได้ทำครบตามขั้นตอน ทำไมตอนที่มาขอเมื่อเดือนตุลา ไม่เห็นจะยุ่งยากมากมายอย่างนี้เลย

     แต่ก็โมโหขึ้นมาแว่บเดียวแหละ ช่วงหลังนี่ทำใจแล้วว่าเวลาติดต่อราชการไม่ว่าหน่วยงานไหน ประเทศใดก็ตาม ห้ามคิด ห้ามค้าน ห้ามหงุดหงิด ...สิ่งที่ทำได้คือทำตามที่ "ท่านๆ" จะพิจารณาเห็นสมควร โชคดีที่บ้านของฉันอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอแค่สี่กิโล ... ถ้าอยู่ลึกเข้าไปตามเรือกเขาไร่นา ไม่มีรถรา ไม่ว่างเวลาราชการ คงจะยุ่งยากตายชักเลย ... เอาเถอะ ... เลิกคิดได้แล้ว



     กลับมาเมื่อวาน ---- เหตุเกิด ณ ที่ว่าการอำเภอแกลง จังหวัดระยอง

     สองแม่ลูกนั่งรถฟ้าแก่ปุเลงไปจอดหน้าที่ว่าการอำเภอ ลูกสาวผู้เหนื่อยหน่ายและหวาดระแวงในระบบราชการบ่นปอดแปดก่อนลงจากรถ

     "มิวมาหลายรอบแล้ว รอบนี้จะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เดี๋ยวต้องมีการขอเอกสารอะไรเพิ่มอีกแน่ๆ เลย"

     แม่ปิดประตูรถ ไม่พูดอะไร ได้แต่อมยิ้ม

     สองสาวสองวัย รวมอายุกันได้หนึ่งร้อยพอดีเดินขึ้นที่ว่าการอำเภอ ผ่านโต๊ะหน้าห้องทะเบียนเปิดประตูเข้าไปเลย เพราะคุณลูกมาติดต่อหลายรอบแล้ว รู้ขั้นตอนว่าจะต้องดิ่งไปที่โต๊ะของท่านปลัดก่อน ไม่ต้องแวะตรวจเอกสารรับบัตรคิวที่ด้านหน้า

     ปลัดหนุ่มในเสื้อเหลืองกำลังติดธุระกับชายวัยกลางคนร่างผอมใส่เสื้อเหลืองเช่นกัน ฉันเข้าไปที่โต๊ะทันที เพราะรู้ว่าสามารถขัดจังหวะได้ (บอกแล้วว่าไปบ่อย เห็นคนอื่นๆ เขาขัดจังหวะได้ ฉันก็เลยขัดมั่ง ทั้งๆ ที่รู้ว่า โคตรจะเสียมารยาทเลย ได้แต่คิดว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ...เข้าที่ว่าการอำเภอ ต้องทำตัวเหมือนชาวบ้านที่ไปอำเภอ )

     "มาขอใบรับรองโสดค่ะ เอาพยานมาแล้ว"

     "วางเอกสารไว้ เดี๋ยวจะเรียกชื่อ"

     ฉันวางสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ของตัวเองและของแม่ พร้อมบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านตัวจริงลงบนกองที่มีเอกสารเหมือนๆ กันของคนอื่นบนโต๊ะ แล้วกลับไปนั่งรอกับแม่ สักพักนึงมีเสียงเรียกชื่อ ฉันกับแม่เดินด้วมเตี้ยมเข้าไปนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะท่าน ท่านเปิดดูเอกสาร แล้วถามว่ามาทำอะไร สอบถามสองสามคำแล้วบอกให้ไปนั่งรอ "สอบสวน"

     นั่งรอ ดูละครทีวีน้ำเน่าในทีวีที่เปิดให้บริการประชาชนที่มารอฆ่าเวลา ละครเสริมสมองสะท้อนสติปัญญาคนไทย สมัยยังมีท่านชาย หม่อมย่า คุณหญิง มีนังไพร่ชั้นต่ำ มีอิจฉาริษยา กลั่นแกล้งเอาขยะไปทิ้งหน้าบ้าน และอื่นๆ ... สักพัก มีเสียงเรียกแม่เข้าไปในห้องกระจก


     สักพักใหญ่ แม่ออกมา ฉันถามว่าเขา "สอบสวน" แม่ว่าไงมั่ง ก็ข้อมูลทั่วไป ว่าเป็นใคร เกิดที่ไหน มีลูกกี่คน คนนี้คนที่เท่าไหร่ เคยแต่งงานแล้วหรือยัง ขอใบโสดไปทำอะไร

     พักใหญ่อีกพักนึง ท่านปลัดเรียกชื่อฉันเข้าไปรับเอกสาร --- เพื่อเอาไปส่งให้เจ้าหน้าที่ที่ช่องหกพิมพ์ใบรับรอง --- ก่อนจะยกแฟ้มกลับไปให้ท่านปลัดเซ็นชื่ออีกรอบ --- รอท่านปลัดคุยธุระ ---- ท่านปลัดเซ็น --- กลับไปที่ช่องเดิม --- รอให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปแสตมป์ตราประทับข้างบน --- จ่ายเงินห้าสิบบาท .... แค่นี้เอ๊งงง

     ในที่สุด ... ใบรับรองโสดก็ตกมาอยู่ในมือของฉัน ฮี่ๆๆๆ



      วันจันทร์ไปถ่ายเอกสาร ส่งไปรษณีย์ให้สมาคมฝรั่งเศสแปล วันจันทร์หน้าเข้าไปรับ เพื่อจะเอาไปยื่นขอสละโสด ที่กงศุลฝรั่งเศส ในวันพฤหัส พร้อมๆ กับเอกสารของหวานใจ




     ป.ล. รูปประกอบ : ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เล่าเลยสักนิด เป็นภาพถ่ายจากร้าน "บ้านใกล้วัง" หัวหิน ... กาแฟใช้ได้ เค้กรสชาติไม่ถึงกับล้ำเลิศ แต่บรรยากาศร้านน่ารักมาก โต๊ะไม้ริมทะเล วิวสวยดี ถึงแม้หาดจะมีตะไคร่น้ำเขียวๆ ในช่วงนี้




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 09 มิถุนายน 2550    
Last Update : 9 มิถุนายน 2550 21:47:14 น.
Counter : 1125 Pageviews.  

- 6 juin 07

ขอเวลาตั้งใจและตั้งตัว



      กำลังเงอะๆ งะๆ สองจิตสองใจว่าจะอัพบล้อกหรือแปลหนังสือต่อดี หลังจากผลัดวันขอใบโสดสำหรับประกอบการยื่นเรื่องจดทะเบียนที่ว่าจะเป็นวันนี้ไปเป็นวันพรุ่งนี้

      เปิดไฟล์ภาพถ่ายทริปหัวหินกับเพื่อนๆ มานั่งไล่ดู และเลือกรูปมาลงบล้อก เลือกไปเลือกมาเหลือไม่กี่รูป ชงกาแฟถ้วยที่สามของวัน สรุปคำนำ ประวัติและผลงานของตัวเองส่งสำนักพิมพ์ ติดต่อจองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศส อีเมลสอบถามเรื่องตั๋วกายกรรม กินข้าว นั่งเปิดดูเวบบอร์ด เวบไซต์ต่างๆ ... ล่องลอยไปมาหาที่ลงไม่ได้ ตาตก ใจโทษดินฟ้าอากาศ วันนี้ชื้นฝน อากาศฉ่ำๆ .... ไม่มีอารมณ์เปิดหนังสือมาแปลต่อ ... ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาบน้ำ

     ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ ก็อัพบล้อกเถอะ จะได้สบายใจหายขัดข้องหนึ่งเรื่อง ขืนปล่อยช้ากว่านี้ จะไม่ทันการณ์ (การณ์อะไรก็ไม่ทราบได้ ทราบแต่ว่ามีเรื่องให้เล่า ถ้าไม่เล่าตอนนี้ต่อไปจะไม่สดใหม่ ... แล้วอันที่จริงแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องสดใหม่ไปทำไม ... อาจจะเพื่อความพอใจเพ้อๆ ไปเองคนเดียวมั้ง )

      เอ้า... เลิกบ่นได้แล้ว


     อาทิตย์ที่แล้ว ฉันเข้ากรุง นั่งรถทัวร์เที่ยวเจ็ดโมงครึ่งเข้ากรุงเช้าวันอังคาร ต่อแท็กซีไปเอาต้นฉบับที่เฮียปุ่นตรวจทานความถูกต้องเรียบร้อยที่บ้านเฮีย แล้วบึ่งไปทำงานเตรียมแปลคำนำต่างๆ รวมทั้งเรียนรู้การจัดหน้าสำหรับ "ไตรภาค นิโกโปล" ที่ออฟฟิศฟรีฟอร์มตอนช่วงบ่ายถึงค่ำ

     กลับถึงบ้านฟ๊าบประมาณสี่ทุ่มกว่าๆ นั่งดื่มและคุยเรื่องต่างๆ กันจนถึงตีสี่ ตั้งแต่เรื่องการพิมพ์นิโกโปล งานการของแต่ละคน จนถึงเรื่องความแตกต่างระหว่างกัญชากับโคเคน ... เบียร์หมด รัมหมด หมดแรง หมดเรื่องคุย แยกย้ายกันเข้านอน

     วันพุธ ตื่นสิบเอ็ดโมง ลังเลรีรอว่าจะไปกงศุลฝรั่งเศสเพื่อรับรายการเอกสารแต่งงานทันหรือเปล่า เพราะที่นี่เขาปิดทำการเที่ยง ... ตั้งสติอยู่พักหนึ่งแล้วอาบน้ำแต่งตัว ขึ้นแท็กซี่ไปจัดการ ... ทันเวลาจนได้ ภารกิจเรียบร้อยหนึ่งอย่าง ... ดีใจ

     ต่อด้วยภารกิจอันดับสอง คือ เข้าไปสนพ. วงกลม เพื่อเซ็นชื่อในเอกสารบัญชีให้เจ๊นวล กินข้าวที่ร้านเจ๊นวล ขึ้นไปคุยเมาส์กับพี่อ้วนแป๊บนึงแล้วขอตัวกลับ แวะเข้าไปที่สมาคมฝรั่งเศสสักครู่ จากนั้นไปทำงานที่ฟรีฟอร์มต่อจนถึงมืดค่ำดึกดื่น



      รุ่งขึ้น ตื่นมาเจอวันวิสาขบูชา นั่งแปลงาน Vous revoir ที่บ้านฟ๊าบไปได้สองสามหน้า แล้วโทรหาจอย ขอไปนั่งทำงานด้วยที่บ้านเพื่อน จอยตกลงโอเค ฉันเก็บชมพู่ อาบน้ำแต่งตัว จับแท็กซี่ขึ้นทางด่วนไปถึงซอยสุขุมวิทร้อยหนึ่งทับหนึ่ง กินก๋วยเตี๋ยวเป็นมื้อกลางวัน แล้วนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์คนละเครื่อง ต่างคนต่างทำงานของตัวเองไป ทุ่มกว่าๆ เข้าไปกินข้าวมันไก่ที่ตลาดในซอย ต่อด้วยไอติมกะทิเจ้าดัง

     ซื้อไอติมกลับไปฝากฟ๊าบ กลับถึงห้องประมาณสองทุ่มกว่าๆ คืนนี้ไม่มีแอลกอฮอร์ให้ดื่ม เพราะร้านข้างล่างไม่มีขาย วันพระวันบุญ เขาว่าอย่างนั้น


     ฟ๊าบทำหน้าแห้งๆ ราวกับขอโทษขอโพยที่ไม่มีเหล้าติดบ้านให้ดื่มเลย ฉันขี้เกียจอธิบายให้เพื่อนฟังว่า ฉันไม่ได้ขี้เมาขนาดนั้น ไม่ดื่มก็ได้ ไม่ตาย ไม่หงุดหงิด (แต่อย่าให้ต้องงดเว้นนานนักก็แล้วกัน) เลยแกล้งทำเฉยๆ นอนอ่านหนังสือ Talk to Snail ที่เอเยนซีลิขสิทธิหนังสือที่ฝรั่งเศสส่งมาให้ จนหลับ

     หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในชุด MERDE โดยเล่มนี้เขียนเป็นแบบความเรียงไม่ใช่นิยาย แต่ยังสนุกอยู่ เรื่องราวในเล่มเล่าถึงนิสัยและวิธีรับมือกับคนฝรั่งเศสโดยนักเขียนอังกฤษ อ่านจบแล้วดีใจที่ตัดสินใจถูกควักกระเป๋า (หวานใจ) หมับซื้อลิขสิทธิ์มาเก็บไว้แปลเอง ... ตามคิวแล้ว ปีหน้าฟ้าใหม่ คนไทยจะได้อ่านเล่มนี้กันแน่นอน ... อย่าลืมติดตามนะคะพ่อแม่พี่น้อง

     วันศุกร์ มิมีอะไรตื่นเต้นมากมาย ประชุมตอนช่วงเช้ากับทีมเจ้าหน้าที่ของสมาคมฝรั่งเศสที่ดูแลเรื่องการจัดงานกิจกรรมต่างๆ ของเอ็นกิ บิลัล และเรื่องปลีกย่อยต่างๆ ของหนังสือ ประชุมเสร็จแล้วเข้าไปทำงานทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศิลปกรรม เอาตัวหนังสือใส่ช่องบอลลูนในการ์ตูนต่อที่ฟรีฟอร์ม เสร็จครบทั้งสามภาค กว่าจะได้ออกจากออฟฟิศก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม ... นึกดูว่ามีความตั้งใจขนาดไหน

     เรื่องการเสนอตัวช่วยเหลือครั้งนี้ ถึงจะฟังดูแล้วบ้าๆ บอๆ หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าทำไมต้องเข้าไปทำ ไม่ใช่หน้าที่ของนักแปลเสียหน่อย แต่ฉันกลับพอใจที่ได้ทำ อย่างน้อยที่สุด ฉันก็บอกตัวเองได้ว่า ฉันทำทุกอย่างอย่างเต็มความสามารถแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันพอจะทำได้แต่ไม่ยอมทำในโครงการนี้แล้ว

     และความรู้สึกที่ว่าฉันเต็มที่สุดความสามารถแล้ว เป็นเหมือนเกราะกันความผิดหวังให้กับตัวเอง เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะดีหรือร้าย ฉันจะไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ อีกอย่าง... เป็นโอกาสอันดีที่ได้จับโปรแกรม Indesign แม้จะไม่ได้เรียนรู้อะไรซับซ้อน แต่คิดเสียว่าเป็นก้าวแรกในการทำความรู้จักกับโปรแกรมสำหรับจัดหน้าหนังสือโปรแกรมนี้ ต่อไปถ้าตั้งใจศึกษาจริงจังจะได้ไม่รู้สึกว่าต้องเริ่มจากศูนย์สนิท



คืนวันศุกร์ไปนอนคอนโดรุณรัตน์ เช้าวันจันทร์ จอยมาสมทบ ราวๆ สิบเอ็ดโมง สามสาวเพื่อนเก่าแก่เกินสิบปี (รู้จักจอยมา 19 ปี ส่วนรัตน์ 15 ปี ...เหวอ!! ) เดินทางบนถนนสายใต้ รัตย์รับหน้าที่เป็นคนขับมุ่งหน้าสู่หัวหิน ระหว่างทางนั่งคุยเจื้อยแจ้วกันไปเรื่อยๆ หลงเลี้ยวผิดทางสองรอบ กว่าจะถึงโซฟิเทล หัวหิน ที่เคยเป็นโรงแรมรถไฟเก่า

     โรงแรมน่ารักดี เป็นเรือนไม้ทาสีขาว สวนเสินอะไรก็ไม่เลวนัก เสียอย่างเดียวหลังคาซีแพคโมเนียสีแดงทำให้ความพยายามทุกอย่างด้อยคุณค่าลงไปถนัดใจ แขกที่มาพักส่วนใหญ่เป็นฝรั่งต่างชาติ เราสามคนหลงไปพักที่นั่น เพราะรัตน์ซื้อแพ็คเกจของที่นี่ไว้ เลยได้พักและได้ใช้บริการต่างๆ ในราคาลดพิเศษ ..

     แต่สิ่งพิเศษในทริปนี้สำหรับฉัน คือ การได้อยู่กับเพื่อนๆ อย่างเต็มที่ ได้คุยปรึกษากันไปมา และได้มีโอกาสทำความรู้ว่า สปา คืออะไรหลังจากได้ยินผ่านหูมานานแล้ว และยังเป็นโอกาสอันดีได้ทำสปากับรุนรัตน์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ที่สามารถอธิบายได้ว่าอะไรคืออะไร

     ฉันได้เข้าห้องอบไอน้ำ ไปนอนให้เขาขัดตัว พอกตัวด้วยโคลน นวดน้ำมัน ... อืมม... ชักติดใจแล้วนะเนี่ย


      เสียอย่างเดียว ระหว่างที่ทำ คิดถึงหวานใจตลอดเวลา อยากให้เขาได้มานอนข้างๆ สบายตัวด้วยกัน


ปิดท้ายด้วยภาพเถ้าแก่เนี้ยสามสไตล์ค่ะ







     ป.ล. รูปประกอบ : ภาพที่ถ่ายตอนไปหัวหิน






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 06 มิถุนายน 2550    
Last Update : 6 มิถุนายน 2550 19:10:31 น.
Counter : 1073 Pageviews.  

- 28 Mai 07

มีเวลาว่าง... มานั่งตั้งคำถามกับตัวเอง


      วันนี้รู้สึกตัวแต่เช้า เพราะใจกระหวัดกังวลว่าต้องโทรศัพท์บอกเบอร์ติดต่อให้กับ TNT ที่จะมาส่งเอกสารที่หวานใจส่งมาให้เมื่ออาทิตย์ก่อน

      ตื่นมาตั้งเก้าโมงครึ่ง สำหรับคนอื่นอาจจะสายแล้ว แต่สำหรับฉันคนที่ตื่นเที่ยงเป็นปกติ ถือว่าเช้ามาก

     หลังจากโทรศัพท์เรียบร้อยแล้วจากบนเตียง ฉันก็ตัดสินใจลุกขึ้น เก็บเตียง ลงมาข้างล่าง ขนเสื้อผ้าไปเข้าเครื่องซักด้วย วันนี้อากาศดีมีแดดออกช่วงเช้าๆ จะมีก็แต่ตอนบ่ายที่ฝนพรำเล็กน้อย แต่ขนราวตากผ้าเข้าไว้ในร่มก็จบเรื่อง

     นั่งทำงาน แปล Vous revoir ไปเรื่อยๆ พอได้ครึ่งทาง หยุดพักนั่งอ่านตอนที่เหลือให้แปลจนจบอีกรอบ ลงไปจับไม้กวาดกวาดใบไม้ อาบน้ำแล้วกลับมาทำงานต่อจนหมดโควต้าประจำวัน เหลืออีกเพียง 4 วันทำงานเท่านั้นก็จะแกะหมดเล่ม ... เย้ๆ

     เอกสารมาส่งตอนเกือบหกโมงเย็น เห็นว่ารถเสีย ... เอาเถอะ ได้มาก็น่าจtพอใจได้แล้ว เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าเขาดีจะตาย อุตส่าห์โทรมาส่งข่าวตั้งหลายรอบ

     กินข้าวเสร็จ กลับมาเปิดคอม คุยกับกวานใจ ก่อนจะนั่งเปิดดูกระทู้ตามเวบต่างๆ เข้าไปดูตามบล้อกจากหน้าแรกของ Bloggang แล้วก็สะท้อนสะท้านใจ ฉันถามตัวเองว่า "ทุกวันนี้เขียนบล้อกไปทำไม"

     ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเขียนบล้อกใหม่ๆ ฉันจะตอบได้ทันที จุดประสงค์หลักคือการ "หัดเขียน หัดเล่าเรื่องราว" และเรื่องราวที่เล่าง่ายที่สุด ไม่ต้องเค้นคิดมากมายนัก คือ เรื่องของตัวเอง

     ฉันเขียนเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เพื่อนๆ และคนที่หลงทางผ่านมาอ่านได้สองปีกว่าแล้ว ...ไปๆ มาๆ นอกจากความต้องการหัดเล่าเรื่อง ตอนนี้มีความต้องการเล่าเรื่องเข้ามาในการเขียนบล้อกด้วย เกิดเป็นความรู้สึกผูกพันกับคนร่วมโลกที่ไร้ตัวตน ฉันคงจะเขียนเล่าเรื่องในชีวิตของตัวเองไปเรื่อยๆ โดยไม่เอาตัวไปเกี่ยวพันกับ "สังคม" บล้อก ฉันทำใจมานานแล้วว่า ตัวเองจะไม่ค่อยไปเยี่ยมเยียนใครสักเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยมเยียนบล้อกฉัน ฉันไม่ค่อยไปคอมเมนต์บล้อกคนอื่น การที่ไม่มีใครมาคอมเมนต์บล้อกฉันจึงเป็นเรื่องธรรมดา


      ผู้คนที่อาศัยโลกในเน็ตก็เหมือนกับผู้คนนอกเน็ต ไม่ต่างกัน ต้องมีการแลกเปลี่ยน สนับสนุนกันไปมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

     ส่วนฉัน ในเน็ตหรือนอกเน็ต ก็ไม่ค่อยสังคม ไม่ค่อยสนใจใครต่อใคร เหมือนเดิม ฉันอาจจะพลาดโอกาสอะไรไป แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ได้บางสิ่งกลับมา


      เออแฮะ... เพ้อไปได้เรื่อยๆ ... พูดง่ายๆ ก็คือ วันนี้... ฉันคิดว่าฉันได้ฝึกวิธีการเขียนในระดับหนึ่งหนึ่งแล้ว งานเขียนบทความคอลัมน์ตามนิตยสารที่ทำอยู่เป็นงานที่น่าสนใจ เป็นงานในความใฝ่ฝันของใครต่อใครก็จริง แต่บอกตามตรงฉันไม่ค่อยรู้สึก "อิ่มอกอิ่มใจ" เสียเท่าไหร่

     ฉันน่าจะเริ่มเขียนงานที่ออกมาจากจินตนาการของตัวเอง เขียนนิยาย เขียนเรื่องสั้นที่ออกมาจากตัวฉันเองได้แล้ว

      เปล่า... ฉันไม่คิดจะเลิกทำงานแปล ฉันยังชอบความรู้สึกตอนที่เจอหนังสือที่อ่านแล้วอยากแปล อยากให้ชีวิตใหม่ในภาษาไทยกับหนังสือที่ฉันชอบ อยากให้นักอ่านคนไทยได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือที่ฉันชื่นชม

     แต่ฉันก็ไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมฉันจะต้องหยุดความพอใจของตัวเองไว้แค่ตรงนั้น


     ป.ล. รูปประกอบ : ดอกไม้ใบไม้ที่บ้าน



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2550 23:07:13 น.
Counter : 902 Pageviews.  

- 27 Mai 07

ผ่านไปวันๆ ...ดีๆ


      เพิ่งทำงานแปลประจำวันเสร็จเรียบร้อย อาบน้ำ กินขนมจีนแกงเขียวหวานทะเล ต้มยำหัวปลา ล้างจานแล้วกลับมาอัพบล้อก

      บนหน้าจอทีวี TV5 กำลังมีรายการที่พูดถึงปรากฎการณ์โลกร้อน ที่ทำให้น้ำทะเลขึ้นสูง เกาะแห่งหนึ่งในศรีลังกากำลังเผชิญปัญหาน้ำทะเลขึ้นท่วมกินพื้นที่เกาะ

     เพิ่งโทรศัพท์คุยกับเฮียปุ่น เปลี่ยนแผนเลื่อนนัด รับต้นฉบับ Nikopol ที่เฮียตรวจเช็คต้นฉบับแปลให้ วันอังคารเช้า แล้วช่วงบ่ายเข้าไปดูการจัดหน้าการ์ตูนที่ Freeform ฉันเลยเลื่อนกำหนดเข้ากรุง จากวันจันทร์เย็น เป็นอังคารเช้า สงสัยต้องขึ้นรถเที่ยวเจ็ดโมงเช้า

     เช้าวันพุธ ว่าจะเข้าไปที่วงกลมเพื่อเซ็นเอกสารเรื่องบัญชีอะไรสักอย่าง ต่อด้วยกงศุลฝรั่งเศส เพื่อขอรายชื่อเอกสารที่ต้องใช้จริงๆ และขั้นตอนต่างๆ ที่แน่นอน

     วันพฤหัส - เป็นวันหยุด (จอยบอก ถ้าจอยไม่บอกฉันก็ไม่รู้น่ะเนี่ย) ฉันไม่รู้ว่าทางฟรีฟอร์มจะมีคนมาทำงานต่อให้เสร็จหรือเปล่า แต่ถ้ามองแล้วสามารถทำเสร็จทันส่งเข้าโรงพิมพ์ ก็ไม่เป็นไร ... ตามสบาย ว่าแต่ว่า ... ถ้าเขาหยุดไม่ทำงานจริง จะไปโต๋เต๋ที่ไหนได้ละเนี่ย


     วันศุกร์ - พยายามเร่งทำงาน ปิดจ๊อบ ตรวจต้นฉบับให้เสร็จให้ได้ เพราะวันเสาร์-อาทิตย์ นัดกับเพื่อนสาวๆ จอยกับรัตน์ไว้ว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่หัวหินด้วยกัน คืนวันศุกร์ไปนอนคอนโดรุนรัตน์

      วันเสาร์ - สาวๆ ขับรถกันไปตากอากาศที่หัวหิน นอนที่โรงแรมรถไฟเก่าสองคืน แล้วกลับกรุงเทพฯ วันจันทร์ เดี๋ยวฉันดูก่อนว่ามีอะไรต้องทำที่กรุงเทพฯ หรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็กลับบ้านนอก

      เรื่องงานตอนนี้ Vous revoir เข้าสู่ขั้นที่ห้าแล้ว ฉันเอาชมพู่ไปกรุงเทพด้วย หวังว่าจะหาเวลามานั่งแกะๆ เกาๆ ได้บ้าง พอกลับมาบ้านอีกครั้ง น่าจะเริ่มหนังสือเล่มใหม่ของ Martin Page ได้เลย

     เล่าเรื่องขั้นตอนจดทะเบียนดีกว่า : วันอังคารที่ 21 ที่ผ่านมาหวานใจส่งเอกสารต่างๆ รวมทั้งบัตรประชาชนของฉันมาให้ แบบเอ็กซเพรซ เมื่อกี้ลองเข้าไปเช็คดู เต่าเอ็กซเพรสน่ะสิ ซองมาถึงที่ศูนย์ชลบุรีของ TNT เมื่อวันที่ 24 วันที่ 25 มาส่งแล้วให้เหตุผลว่า Holiday ... เพี้ยนหรือเปล่า ใครฮอลิเดย์ บ้านฉันหรือสมองคนส่งของ ... เวรกรรม ความโกรธขึ้นเป็นริ้วๆ ต้องรีบกดๆ มันลงไป ... ไม่ได้ เดี๋ยวหน้าย่น

     สงสัยว่าพรุ่งนี้ต้องโทรไปบอกทางมาที่บ้านเหมือนเคย เพราะท่าทางพวกเขาจะหาบ้านฉันไม่เจออีกแล้ว... ดีนะที่ไม่ได้เร่งด่วนเหมือนตอนที่รอเอกสารขอวีซ่าจากพ่อของหวานใจเหมือนเมื่อเดือนกุมภา แต่ยังไงขอให้ได้เอกสารมาไว้ในมือก่อนจะดีกว่า


      ฉันกับหวานใจ ตกลงกันว่า วันที่ 21 มิถุนา หวานใจจะมาหาหลังจากเดินทางไปนิวยอร์คและอินเดีย เราจะยื่นเอกสารที่กงสุลฝรั่งเศสในเมืองไทย เพื่อให้เขาส่งไปขอใบรับรองโสดที่ฝรั่งเศส ส่งกลับมาให้เราใช้ประกอบการจดทะเบียนที่อำเภอ หวานใจจองห้องพักที่โอเรียลเต็ลไว้แล้ว เพราะอยู่ใกล้กับกงศุล

      คุณนายแม่พอรู้ข่าว กระซิบบอกว่า เครื่องอาบน้ำ สบู่ แชมพู ที่เขาจัดให้ในห้องน้ำน่ะ ขนกลับมาให้หมดเลยนะลูก ... ได้เลยค่ะแม่

     ตอนนี้ฉันไม่อายหวานใจแล้ว เวลาหยิบขวดอะไรต่างๆ กลับบ้าน ทำเป็นเรื่องธรรมดาขำๆ ไปซะ คาดว่าตอนนี้หวานใจชินกับนิสัยขี้ตืดเค็มจัดของฉันแล้วด้วย แถมบางทีติดจะเอ็นดูนิดๆ ด้วย

      เฮ้อ... ดีจังเลย มีคนรักที่นอกจากจะรับข้อเสียของฉันได้ทุกอย่างแล้ว ยังรักนิสัยแย่ๆ ของฉันด้วยแบบนี้ หาไม่ได้อีกแล้วในโลกหล้า

     ขณะที่รอทางอำเภอเนยยี่รับเรื่องจากกงสุล ติดประกาศและอื่นๆ ฉันก็จะบินไปรอที่ฝรั่งเศสกับหวานใจ (ว่าจะขออยู่สักสองสามเดือน แต่คนจนในประเทศโลกที่สามอย่างฉันคงได้อยู่แค่เดือนเดียวเหมือนเดิม) แล้วพอเอกสารส่งถึงกงศุลแล้ว ฉันก็บินกลับมาเมืองไทย เพื่อไปยื่นรับรองเอกสารที่กรมกงศุล กระทรวงต่างประเทศ แล้วไปจดทะเบียนที่อำเภอ

      และอำเภอที่กะว่าจะไปจดทะเบียนกัน คือ The district of love - บางรัก ฮ่ะ กร๊ากๆๆๆๆ กะกันว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปกันให้ถึงที่สุดเลย


      หลังจากจดทะเบียนแล้ว ระหว่างที่รอ livre de famille หรือสมุดทะเบียนบ้านตามกฎหมายฝรั่งเศส เราก็จะไปเที่ยวเชียงรายกัน หวานใจอยากไปดูที่ทางแถวนั้น เผื่อจะซื้อเอาไว้สร้างบ้านอยู่กันตอนเกษียณ


     การไปเชียงรายหลังแต่งงานครั้งนี้ คิดว่าน่าจะเรียก "ฮันนีมูน" ได้นะ หลังจากพรีฮันนีมูนกันมาหลายรอบแล้ว


     ป.ล. รูปประกอบ : ดอกไม้ ใบไม้ที่บ้าน



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 27 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2550 22:18:20 น.
Counter : 945 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.