- 10 AVRIL 08

คำก่อนตาย

Je ne serais pas la pour longtemps


     วันว่างเปล่าอย่างนี้ จะมีอะไรเล่าให้ฟังได้หนอ

จะมีอะไรจะบอกกล่าว นอกจาก การตัดสินใจว่าจะไม่มีชีวิตอยู่นานนัก

ฉันตัดสินใจและบอกตามสายกับหวานใจว่า ฉันมีความสุขมากเหลือเกินยามอยู่กับเธอ หากฉันจะไม่มีชีวิตอยู่ยาวนานหรอกนะ ถึงแม้ฉันมีชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวากับเธอก็ตาม

และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ช่วยให้ฉัน "จากไป"อย่างสงบ เมื่อเราเต็มอิ่ม ไม่จำเป็นต้องใช้เวลายาวนาน

หวานใจอาจจะตกใจ คุณเองอาจจะตกใจ แต่ฉันอยากจะเตือนไว้ก่อน ฉันอยากบอกตัวเองและคนรอบข้าง ฉันจะไม่อยู่ในโลกนี้นานๆ ฉันพร้อมจะไปทุกเมื่อ ฉันพร้อมจริงๆ ชีวิตฉันไม่ได้สะอาดใส เหล้า บุหรี่ อาหารการกิน การออกกำลังกายไม่ได้เอื้อให้ฉันอยู่ในโลกนี้นานๆเลย

ทว่า ฉันไม่เสียใจ ฉันชอบชีวิตหมิ่นเหม่ของฉัน ฉันมั่นใจว่าฉันได้สร้างผลงานมากพอทั้งคุณภาพและปริมาณให้คนรำลึกถึง ฉันแน่ใจว่าเกิดมาชาติหนึ่งฉันทำเต็มที่แล้ว ตายไปตอนนี้ก็ไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อย

อย่าเพิ่งตกใจ ฉันจะไม่เดินเข้าไปหาความตาย และความตายคงจะไม่มาหาฉันในตอนนี้ดอก มันซุ่มรอคอยช่วงเวลาที่จะสร้างความร้าวรานที่สุด ฉันรู้ดี และฉันก็รู้ว่าระหว่างที่รอมันมาหา ฉันยังสามารถทำประโยชน์ให้โลกนี้ได้อีกมากมาย

ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันจะไม่หยุดตัวเองไว้แค่นี้ ฉันจะไม่แช่แข็ง เหี่ยวแห้งในความ "สะอาด" ฉันจะกิน ฉันจะดื่ม ฉันจะสูบ น่าเสียดาย แต่ช่วยไม่ได้ที่แม้แต่ความรักของหวานใจก็ไม่อาจจะแก้ไข ช่วยยืดชีวิตของฉันได้ หน้าที่ของฉันคล้ายจะมีเพียงแค่นี้ พิมพ์หนังสือที่มีคุณค่า แปลหนังสือที่เปิดตาของผู้คน จะมีกี่คนที่ทำได้

อีกไม่นาน

อีกไม่นาน

วันที่ฉันสิ้นลม วันที่คงไม่มีแม้แต่ผลประโยชน์เป็นมรดกสืบทอด นอกจากหนังสือที่ตั้งใจสร้างให้คนไทยอ่าน


     เมื่อถึงวันนั้น ขอให้รู้ไว้ว่าฉันไม่เสียใจในเรื่องใดเลย






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 10 เมษายน 2551    
Last Update : 10 เมษายน 2551 4:09:55 น.
Counter : 839 Pageviews.  

- 09 AVRIL 08

ซ้ำซาก

Fais gaffe!


     โอวๆๆๆ วันนี้เป็นวันแห่งการทำงานซ้ำซากหรือยังไงหนอ
     เมื่อเช้า จิตใต้สำนึกปลุกให้ตื่นก่อนเสียงน้องซาวงเครื่องใหม่ที่แปลงกายเป็นนาฬิกาปลุกซึ่งตั้งไว้ตอน 8โมงเช้า น้องซาวงเครื่องใหม่แบ็ตใหม่ อัดมาสามวันแล้วยังไม่หมดไฟ ไม่เหมือนเครื่องเก่าไม่ถึงแปดชั่วโมง พลังงานหายเรียบ

     รู้สึกตัวตื่นมาแล้ว ก็ยังไม่อยากลุก วันนี้แม่บ้านจะมาทำความสะอาดตอนเก้าโมงเช้า ฉันลุกไปเก็บข้าวของบนพื้นขึ้นโซฟา เคลียร์พื้นที่ให้เจ้าหล่อนดูดฝุ่นเช็ด แล้วกลับขึ้นเตียงอีกรอบ เก้าโมงเช้ากว่านิดๆ เสียงอินเตอร์โฟนปลุกดัง แป่ดดดด ลุกไปกด เปิดประตูรับ แล้วบอกเธอว่าวันนี้ไม่ต้องทำห้องนอน ฉันจะนอนต่อ

     ขน "ชมพู่" เครื่องคอมโน๊ตบุ๊ค เข้าห้อง "ทำงาน" (ถ้ามันจะเรียกได้ว่าการทำงานนะ)เขียนแก้เอกสารฉบับหนึ่งไปได้แป๊บนึง น้องชมพู่ดับวูบ ตอนแรกใจหายนึกว่าเจ้าหล่อนขาดใจตายไปแล้ว นั่งทอดถอนใจไว้อาลัยอยู่สักครู่ (แอบดีใจลึกๆ ว่าจะได้เปลี่ยนเครื่องใหม่ ชมพู่ทำงานมา 4 ปีแล้วไม่พังเสียที)

     ขณะที่ไม่รู้ว่าจะรู้สึกยังไงดี ตาเหลือบมองดูสายไฟ อ้าวมันไม่ได้เสียบหม้อแปลงนี่หว่า เสียบใหม่ ชมพู่ฟื้นขึ้นมาอีกรอบ แต่เอกสารที่แก้ไปหายเรียบ ไม่ได้บันทึก ต้องนั่งแก้ใหม่อีกรอบ

     หวานใจ โทรมาจากสิงค์โปร์ บอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นเครื่องบินไปบังกาลอร์ พอรู้ว่าฉันยังแกร่วอยู่บนเตียง ท่านก็กำชับว่า "วันนี้ต้องทำงานนะจ๊ะ" ...เว้นไปพักนึง ... "เพราะว่าเวลาเธอทำงานออกมา เธอจะรู้สึกดี" ... ฮ่า รอดตัวไปนะจ๊ะ นึกว่าจะให้ฉันหาเลี้ยงตัวเอง ไม่อยากดูแลส่งเสียแล้ว เหอๆๆๆ

     หลังเที่ยงนิดๆ แม่บ้านกลับไปแล้ว ฉันเคลื่อนย้ายร่างออกมาทำงานหน้าน้องป้อม เจอคุณแอนกับคุณสิบออนไลน์ ประชุมสรุปงานต่างๆ กันนิดหน่อย คุณสิบอารมณ์ดีเพราะหนังสือขายได้ขายดี คุณแอนสบายใจดี หลังประชุม ฉันเคลียร์งานของกำมะหยี่ต่อให้เรียบร้อย แล้วเริ่มเขียนคอลัมน์ "มิวเซ่"

     ที่จริง ฉันตั้งไว้ว่าจะเขียนมิวเซ่เมื่อวานให้เสร็จ แต่เมื่อวานแฮงก์หนัก ไร้สมองปราศจากแรงกายจะคิดจะเขียนอะไร เลยผลัดมาทำวันนี้ เขียนไปเขียนไปเขียนไป เสร็จเรียบร้อย อัพรูปประกอบขึ้นเวบอัลบั้ม เปิดอีเมลเตรียมส่งให้ท่าน บ.ก.วิภว์ ณ แฮพเพนนิ่ง

     พอหันมาจะแนบไฟล์ เซฟไฟล์หน้าจอแล้วเตรียมแนบ ... หาไฟล์ไม่เจอ ... คาดว่าเป็นเพราะเปลี่ยนเครื่องไปมา ฉันส่งไฟล์ให้ตัวเองดูดมาทำต่อในเครื่องใหม่ พอเซฟมันเลยไปอยู่ที่ไฟล์ชั่วคราว ฉันใช้โปรแกรมตรวจหา โหลดออกมาไม่รู้มันเซฟไฟล์ที่มีสามบรรทัดทับไปหรืออะไรสักอย่าง ไฟล์ที่เขียนเสร็จหาไม่เจอ ด่าตัวเองว่าทำไมก่อนปิดไฟล์ไม่เซฟใส่ธัมป์ไดรฟ์อย่างที่ทำเป็นประจำวะ

     ค้นแล้วค้นอีก เสียเวลาเสียอารมณ์ เริ่มตระหงิดว่า เขียนใหม่จะเร็วกว่า



     เลยต้องลงมือเขียนอีกรอบ ... ฮ่วย


ป.ล. เมื่อกี้นั่งดูรายการโทรทัศน์ มีโจดี้ ฟอสเตอร์ มาออกรายการโปรโมทหนังเรื่องใหม่ เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้ดีเยี่ยมไม่มีสำเนียงอเมริกันเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนี้ฉลาดตอบคำถามมาก ตอนที่เธอเข้ามา ผู้ชมในห้องส่งลุกขึ้นตบมือต้อนรับ ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติอย่างสูง พิธีกรถามว่า ที่อเมริกาไม่ค่อยลุกตบมือแบบนี้กับนักแสดง เพราะอะไร

เธอตอบว่า "เพราะพวกเขาชินกันแล้วมั้ง (หัวเราะ) ไม่หรอก เพราะพวกเขาไม่ได้ประทับใจที่ฉันพูดอังกฤษได้น่ะ"

สำหรับคำถามว่า เธอชอบอะไรมากที่สุดในฝรั่งเศส

"ฉันชอบเดินเล่น แล้วก็ชอบภาษา เวลาพูดฝรั่งเศสฉันจะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง มีสำนวนภาษาที่แตกต่าง รู้สึกมีชีวิตชีวามากกว่า แล้ววิธีการพูดและเสียงก็ไม่เหมือนตอนพูดภาษาอังกฤษ"

ได้ยินแล้ว ฉันก็นึกสงสัยว่าตอนฉันพูดฝรั่งเศส บุคลิกและเสียงของฉันต่างจากตอนพูดไทยหรือเปล่าน้อ





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 09 เมษายน 2551    
Last Update : 9 เมษายน 2551 2:56:28 น.
Counter : 962 Pageviews.  

- 07 AVRIL 08

คิดถึง

Tu me manques.


     ตื่นมาตอนสิบโมงครึ่ง เมื่อคืนเข้านอนกี่โมงจำไม่ได้ รู้แต่ว่าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว

     ตื่นมา ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ สระผม ชงกาแฟ เปิดคอมน้องป้อม รินน้ำดื่ม ร่างกายโหยน้ำ เมื่อคืนดื่มมากเกินไปอีกแล้ว ดื่มวิสกี้ซิงเกิลมอลจนหมดขวด แล้วยังต่อด้วยรัมอีกแก้วใหญ่ เช้านี้รอบดวงตาแดงก่ำ แดงแบบที่หวานใจเคยบอกว่าเป็นตาของขี้เหล้า อี๊ๆๆๆ วันนี้กะว่าจะไม่ดื่มล่ะ งดพักเสียบ้าง หันไปดื่มชาสมุนไพรแทน หึหึหึ

     สองวันมานี้ ตื่นนอนมาคนเดียวบนเตียง นอนลืมตานึกใคร่ครวญ ฉันคงต้องควบคุมตัวเองเรื่องการดื่มอย่างจริงจังแล้วล่ะ มันชักจะมากเกินไปแล้ว ... ควบคุมยังไง... เดี๋ยวค่อยคิด ตอนนี้มีความตั้งใจด้วยตัวเองนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เขาว่ากันว่า เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งใช่มะ ฮ่าๆ

     เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันใช้ชีวิตโสด โสดแบบของฉัน กล่าวคือ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ออกจากบ้าน ขังตัวเหมือนอีบ้า นั่งหน้าจอ ไม่จอคอมก็จอโทรทัศน์ เคลียร์งานตรวจต้นฉบับแปลที่ค้างอยู่ ทำมันตั้งแต่บ่ายยันห้าทุ่มกว่าๆ เพราะกว่าจะตื่นช่วงเช้าก็เหลือไม่กี่ชั่วโมงแล้ว หยุดพักไปหาของกินใส่ท้องบ้างเป็นบางครั้ง วันเสาร์กินมาม่า เมื่อวานหุงข้าว ทำต้มยำกุ้ง วันนี้มีไข่ต้มหนึ่งลูก คลุกข้าว ราดน้ำปลา บีบมะนาว หั่นพริกใส่ ... ฮือ ฟังดูอนาถา แต่อร่อยนะจะบอกให้

     ตอนนี้หวานใจอยู่ที่สิงคโปร์ วันพรุ่งนี้เดินทางต่อไปอินเดีย หวานใจโทรมาทุกวัน ฉันรับบ้าง ไม่ได้รับเพราะหลับบ้าง คิดถึงเหลือเกิน ฟังเสียงแว่วมาตามสายแล้วน้ำตาจะไหล อยากส่งเอสเอ็มเอสไปหา แต่นึกไม่ออกว่าจะส่งข้อความอะไรไปนอกจาก เพิ่งตื่น อาบน้ำแล้ว จัดบ้านอยู่ ดื่มกาแฟ ทำงาน ฉันรักเธอ คิดถึงจัง ... อืม แต่งกลอนรักส่งไปเลยดีมะ ถ้าให้แต่งจริงๆ ฉันแต่งได้นา ฉันน่ะโหลนสุนทรภู่นะคะ


Tu me manques - คิดถึง คิดถึง คิดถึง
Tu rentres quand - เมื่อไหร่ จึงจะ กลับบ้าน
Je t'attends - ฉันรอ เธออยู่ รู้มั้ยจ๊ะ
en travaillant - รอไป ทำงานด้วย ช่วยกัน


--- ฮ่าๆ บังเอิญสืบเชื้อสายมาหลายทอดน่ะฮ่ะ เหลือน้ำยาอยู่แค่นี้ ...



     เฮ่อ ...เก็บเนื้อเก็บตัวมาสองวันเต็มๆ แต่ก็ยังไม่มีกะใจจะออกไปซื้ออะไรข้างนอก แต่ก็ไม่แน่หรอก อาจจะย้วยกายลงไปเดินตลาดได้ตอนเย็นๆ วันนี้น่าจะทำงานเสร็จเร็ว ว่าจะพักจากงานตรวจต้นฉบับมาเขียนคอลัมน์ มิวเซ่ ส่งท่าน บ.ก.วิภว์ ณ แฮพเพนนิ่ง ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเขียนเรื่องอะไร มีสต็อคเอาไว้สองสามเรื่อง ภายในอาทิตย์นี้ ต้องออกไปเดินพิพิธภัณฑ์ตุนข้อมูลเพิ่มเติมเสียหน่อยแล้ว


     สำหรับวันนี้จบรายงานข่าวแต่เพียงเท่านี้ พบกันใหม่ครั้งหน้า ใครอยากอ่านบทความในคอลัมน์มิวเซ่ที่ผ่านๆ มา คลิกตามไปอ่านได้ ----> ที่นี่ (คลิกโลด)



     สวัสดีค่ะ




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 07 เมษายน 2551    
Last Update : 7 เมษายน 2551 20:13:54 น.
Counter : 922 Pageviews.  

- 05 AVRIL 08

ร่างใหญ่ไม่สบาย 2

Grand corps malade 2



     หวานใจเพิ่งยกกระเป๋าเดินทาง ขึ้นแท็กซี่ไปสนามบินเมื่อเช้านี้ ฉันกลับมามีชีวิตโสด ซึ่งหมายถึง นอนเดี่ยว กินคนเดียว บ้าทำงานแบบไร้วันหยุดสุดสัปดาห์ 1 อาทิตย์เต็มๆ

     โชคยังดี ฉันมีงานตรวจแก้ต้นฉบับที่กำลังทำค้างอยู่ 1 เล่ม หวังว่าจะไม่รู้สึกเหงาหงอยมากไปนัก งานน่าจะช่วยกลบฝังความอ้างว้างได้อย่างดี ...เช่นเคย

     วันนี้เอาเพลงมาฝากค่ะ เป็นเพลงใหม่ในอัลบั้มที่สองชื่อ Enfant de la ville ของ Grand corps malade นักสลามขวัญใจของฉัน ฉันชอบถึงขนาดเคยเขียนคอลัมน์ถึง ใครยังงงๆอยู่ไม่รู้ว่าสลามคืออะไรยังไง ตามไปอ่านทำความรู้จักก่อนได้ ---> ที่นี่(คลิกเลยจ้า)

     อัลบั้มนี้ คารมของพ่อหนุ่มฟาเบียงยังคงคมคายได้สัมผัสโดนใจเหมือนเดิม เรื่องราวที่พูดถึงก็ยังคงเป็นหัวข้อหลักๆ เช่น ชีวิต ความรัก มิตรภาพ และแซ็งต์ เดนีส์

     ฉันฟังจบหมดทั้งอัลบั้มแล้ว หวานใจซื้อให้..น่ารักจัง วันก่อนดูสัมภาษณ์ทางทีวี เขาบอกว่าจะเปิดคอนเสิร์ตที่โอลิมเปียเดือนพฤษภาคม ฉันอยากไปดูมากๆ พูดถึงไม่หยุดปาก หวานใจคงทนไม่ไหว เลยจองตั๋วให้ ทั้งๆที่ตัวเขาเองพิสมัยแต่เพลงคลาสสิคและแจ๊ซเท่านั้น ... กรี๊ด น่ารักสุดๆ

     เพลงที่เอามาฝากวันนี้ เป็นเพลงแรกของอัลบั้ม เพลงชื่อ Mental แปลว่า จิตใจ เนื้อหาสนับสนุนให้มีชีวิตด้วยจิตใจมุ่งมั่นทานรับเรื่องเลวร้ายอย่างไม่ท้อถอย เฮ่อ...อัลบั้มเพิ่งออกเมื่อสิ้นเดือนมีนา เลยหาเนื้อภาษาฝรั่งเศสมาลงประกอบไม่ได้ เอาเป็นว่าจะลงบทแปลภาษาไทยให้ดูคร่าวๆ ก็แล้วกันเนอะ


คลิกลูกศรเพื่อรับฟังเลยจ้า



ถ้าจะมีความคิดหนึ่งที่เหมือนเหมือนกัน ความคิดไม่ใหม่
เป็นเพราะนายจะมาจากไหนก็ตาม นายจะได้เจอบทพิสูจน์อันสวยงาม
ชีวิตคือมิสเตอร์ไฮด์ด้วย ไม่ได้มีแต่ด็อเตอร์เจอกิลล์
ฉันดูหนังเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว ชีวิตไม่ได้เป็นสายน้ำสงบนิ่ง
ไม่งั้น นายลองไปดูทารกแรกเกิดที่โรงพยาบาลแล้วกัน
เด็กร้องไห้เสียงดังลั่น เพราะแกรู้ว่าชีวิตจะทำให้แกร้าวราน
มีหัวเราะ มีร้องไห้ มีตกต่ำ มีล้ำเลิศ
มีดวงตะวันและลมพายุ นี่ยังไม่รวมความผันผวนของฟ้าฝน
เรามีชีวิตในเขาวงกต และมีหลุมพรางในทุกย่างก้าว
เราต้องหาทางหลบด้วยตัวเองและเลิกนับภาพลวงตา
แต่โชคชะตานั้นชอบเล่นตลก เราสามารถตกลงไปได้ทุกวัน
การจะเผชิญหน้ากับมัน ต้องมีหัวใจ..และจิตวิญญาณมุ่งมั่น

ฉันมีแผลเป็นทั่วร่างกายและแผลบางแผลบาดความทรงจำ
มีคนรอดตายถมไป ฉันนี่ไงเป็นตัวอย่าง เดี๋ยวมันก็ผ่านตามประสา
เราต้องรู้สึกรู้สา ต้องไม่มุสากับตัวเอง ชีวิตเป็นการสมานแผลด้วยเช่นกัน
หลังถูกฟ้าฟาด รวบรวมกำลังใจลุกขึ้น วาดเส้นขอบฟ้าให้ตนเอง
มีพายุล่องหน ที่ทำให้เราต้องต่อสู้กับสิ่งสุดเลวร้าย
ไม่มีใครเลี่ยงพ้น รูดา นายไม่ใช่คนที่จะมาแย้งว่าไม่ใช่
มันเป็นบทพิสูจน์บทใหญ่ที่นายจะต้องเผชิญความเจ็บปวดในใจแสนสาหัส
เมื่อความเจ็บปวดผสมผสานความไร้อำนาจ มันจะออกเป็นบทสวดแสนสลด
ฉันเคยเห็นเรื่องสลดที่ชวนหัวใจสลาย ฉันเคยเห็นผู้คนยึดติดกับเรื่องนี้ไม่หาย
ข้อดีของเรื่องเศร้าสลด คือ นายสลดเศร้าไปพร้อมกับคนใกล้ตัวของนาย
ส่วนคนใกล้ตัวของฉัน อาจจะถึงวันหยุดสักพักสั้นสั้น
เพื่อขอบคุณพวกเขา ที่มีหัวใจ.. และจิตวิญญาณมุ่งมั่น

ชีวิตยังใจดำอีกด้วย สิ่งที่นายต้องการ นางเอาไปแอบไว้
นางไม่หยิบยื่นให้ง่ายง่าย นายต้องไขว่คว้ามาเอง
ทันทีที่เราได้มา แสดงว่าเราสมควรได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับความบังเอิญ
และถ้านายไม่เข้าใจ ไปหาเพื่อนเพื่อนของฉัน พวกเขาจะอธิบายให้พลัน
แจ็คกี้ นายบอกว่าลิฟต์สำหรับยกฐานะทางสังคมนั้นติดขัด
ก็นายไปบริษัทโอติส แล้วยังไปอัดช่างซ่อมเขาด้วย
ไม่ต้องเหลืออด ไม่ต้องทำผิดซ้ำ นายได้เจอกับภารกิจของจริง
นายทำให้ฉันเห็นว่าการมีจิตวิญญาณ คือการมีความทะเยอทะยาน
ไม่มีหนทางราบเรียบ บราฮิม นายไม่ได้ร้องขออะไรจากใคร
นายสร้างทุกอย่างด้วยสองมือนาย และไม่ได้มีแต่ฉันที่ประทับใจ
ส่วนซามี นายเป็นแรงขับสำคัญ เพราะนายรู้มาตั้งเนิ่นนาน
ว่าถ้าจะทำให้สำเร็จ ต้องมีหัวใจ ..และจิตวิญญาณมุ่งมั่น

ฉันคิดว่าทุกคนมีดวงดาวที่ดี ยกเว้นบางทีหล่อนชอบหลบซ่อนหน้า
บางคนมีดาวมากกว่าคนอื่น จนต้องแอบซ่อนให้พ้นตา
บางครั้งมันต้องใช้เวลา สำหรับการวนไปเวียนมา
แต่ถ้านายกำลังตามหา หมายถึงนายก้าวหน้า ฉันว่าเรื่องนี้สำคัญ
ฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อว่าไม่มีกำแพงใดทลายลงไม่ได้
เราต้องเชื่อเรื่องนี้กันไว้ ขนาดดอกไม้ยังผุดกลางผืนทราย
และตอนที่นายต่อสู้ มันมีชัยชนะให้นายคว้าไขว่
เหมือนลุกขึ้นมาด้วยสันหลังอ่อนเปลี้ยแปะเปเปอร์มาร์เช
ฉันไม่ได้กะจะเทศนา นายมีชีวิต รู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร
มีชีวิตหมายถึงการยอมรับความเจ็บปวด ความล้มเหลวและความตาย
แต่ก็หมายถึงความสุขมากมายด้วยเช่นกัน เราจะได้เจอเมื่อเราดึงดัน


และเพื่อการณ์นั้น ต้องมีหัวใจ...และจิตวิญญาณมุ่งมั่น





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 05 เมษายน 2551    
Last Update : 5 เมษายน 2551 19:14:19 น.
Counter : 944 Pageviews.  

- 04 AVRIL 08

บทจะซวย มันก็ซวย

Quand on n'a pas de chance ... On n'a pas de chance.


     วันนี้ยกร่างตื่นมาตอนแปดโมงครึ่ง เพราะต้องเตรียมจัดเก็บบ้านรอให้แม่บ้านมาปัดผุ่นทำความสะอาดตามปกติ

     ตอนที่นอนเกาะหมอนแกรกๆ ครึ่งหนึ่งตื่น ครึ่งหนึ่งฝัน เวลาไม่อยากลุกเอาเสียเลยแบบนี้ จิตใต้สำนึกของฉันมักจะช่วยแปลงความต้องการเป็นความฝันเฉพาะหน้าในทันที

     เป็นความฝันว่าลุกขึ้นมาแล้ว แต่หงุดหงิดรำคาญใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่บ้านทำหน้าที่แค่ปัดฝุ่น ดูดฝุ่น เช็ดบ้าน ล้างครัว ล้างห้องน้ำ ไม่เห็นช่วยจัดบ้านเลย บ้านอื่นเวลาเธอไปทำ เจ้าของบ้านต้องคอยเคลียร์ความรกให้อย่างฉันหรือเปล่า ... ฝันแบบนี้ นับเป็นการระบายออกซึ่งความคับแค้นใจได้เป็นอย่างดี

     ระบายเสร็จแล้วก็ต้องลุกขึ้นมาสู่โลกความจริง เก็บจัดบ้าน ยกข้าวของที่กองอยู่บนพื้นขึ้นเก้าอี้เหมือนเดิม


     วันนี้หวานใจกลับมากินข้าวกลางวันที่บ้านด้วย เพราะตอนบ่ายหนึ่งมีนัดกับสถาปนิคนักออกแบบภายในให้มาดูบ้าน เราตั้งใจจะทุบผนังโล่ง ปรับพื้นที่ใหม่ให้โล่งน่าอยู่กว่านี้ ถือโอกาสในช่วงที่ย้ายบ้านไปอยู่อินเดีย บ้างโล่งๆจัดการเสียให้เรียบร้อย จะได้ปล่อยเช่าง่ายๆ

     สักประมาณบ่ายสองครึ่ง มีคนจากโอร็องจ์เอามือถือใหม่มาเปลี่ยนกับน้องซาวงที่อยู่ดีๆกล้องถ่ายรูปก็เสีย พอดีอยู่ในประกัน เขาเลยเปลี่ยนเครื่องให้ บริการหมดจดรวดเร็วทันใจ มาส่งให้ถึงหน้าประตูบ้านเชียว น่าทึ่งมากๆ ที่ฝรั่งเศสนี่ปกติเรื่องบริการลูกค้าจะไม่ค่อยเอาอ่าวเท่าไหร่ แต่งานนี้ชนะเลิศให้คะแนนเต็มสิบ

     อืม...เอาไปแค่เก้าพอดีกว่า เพราะตอนช่วงที่โทรศัพท์ติดต่อไปแจ้ง ต้องโทรหลายรอบมาก เดี๋ยวโอนสาย เดี๋ยวโอนสาย ต้องคอยพูดเรื่องเดิมซ้ำๆหลายรอบ

     หวานใจกลับไปทำงานต่อ สักพักโทรมาบอกว่าลืมเอาการ์ดเปิดประตูเข้าตึกที่ทำงานไป ตอนนี้จอดรถอยู่หน้าตึก ช่วยหยิบการ์ดลงมาให้หน่อย

     ฉันใส่เสื้อคลุมกันหนาว คลำกระเป๋าเสื้อคลุม มีกุญแจบ้านอยู่พวงหนึ่ง ขณะที่ประตูด้านในมีกุญแจอีกพวกนึ่งเสียบค้างอยู่

     ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฉันไม่ได้ดึงกุญแจที่ประตูออก ปิดประตูบ้าน ลงบันไดเอาการ์ดไปส่งสามีสุดที่รักจอมขี้ลืม กลับขึ้นมาปรากฎว่าไขกุญแจประตูบ้านไม่ได้ กุญแจเข้าไปไม่มิด คาดว่าเป็นเพราะมีกุญแจเสียบอยู่ข้างใน

     บิดกุญแจติดขัดกึกกัก หน้าซีดใจสั่น ทำไงดีหว่า มือถือก็ไม่ได้เอาออกมา เสียบชาร์จแบ็ตใหม่อยู่ แต่ถึงเรียกหาสามีก็คงไม่มีประโยชน์ ลงไปเคาะประตูบ้านโรสแมรีคนดูแลตึก อยากจะถามว่าจะหาช่างกุญแจได้ที่ไหน เคาะก๊อกๆๆๆ ได้ยินเสียงหมาเห่า รอสักพักไม่เห็นมีคนเปิด สงสัยจะไม่อยู่มั้ง

     รวบรวมกำลังใจ สติอารมณ์ สมาธิและปัญญา เดินไปที่ตลาดในร่มที่ห่างจากบ้านไปหนึ่งบล้อก ที่นี่มีร้านรวงต่างๆ ตั้งอยู่หลากหลาย น่าจะมีร้านกุญแจบ้างล่ะน่า เดินวนไปมาในตลาดอยู่นาน ในที่สุดก็หาร้านกุญแจที่รับเปิดประตูบ้านเจอ ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ช่างกุญแจเตือนไว้ก่อนว่าถ้าเปิดได้ต้องจ่าย 96 ยูโรนะ

     วินาทีนั้นแล้ว เท่าไหร่ก็ต้องจ่ายล่ะวะ กัดฟันตอบตกลง ช่างกุญแจปิดร้าน หยิบกระเป๋าอุปกรณ์เดินมาที่บ้าน ช่างลองเคาะกุญแจก๊อกแก๊ก แล้วหยิบแผ่นฟิล์มเอ็กเรย์เก่าๆพับครึ่งออกมาเสียบช่องประตู เมื่อแผ่นเอ็กเรย์สอดเข้าไปกั้นตรงเหล็กเกี่ยวล็อคประตูแล้ว เขาเรียกฉันให้ไปช่วยเขย่าๆประตู เขย่าอยู่สองสามที...ประตูเจ้ากรรมเปิดออก

     สิริรวมเวลาทำพิธีกรรมสะเดาะกลอนไม่ถึง 5 นาที ...

     ฉันควักเงินสดที่มีอยู่จ่ายกันให้เสร็จๆตรงนั้นเลย ช่างกุญแจทำท่าเขินๆบอกว่า เสียใจด้วยนะ ราคาแพงหน่อย แต่เขาก็ปิดร้านปิดอะไรมาดูให้ทันที ฉันตอบไปว่า ไม่เป็นไร มันเป็นอาชีพของคุณน่ะ ใช้บริการกัน มันก็ต้องจ่ายเงินกันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

     เมื่อช่างกุญแจกลับลงไป ฉันได้ยินเสียงแม่โรสแม่รีถามเสียงแจ๋วๆอยู่ข้างล่าง




     "มาเปิดประตูเหรอ"




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 04 เมษายน 2551    
Last Update : 4 เมษายน 2551 22:23:46 น.
Counter : 898 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.