- 13 DECEMBRE 09 จดหมายจากพ่อ

จดหมายจากพ่อ

ฉันเขียนบล็อกอย่างสม่ำเสมอมา ๕ ปีกว่า เริ่มต้นที่บ้านที่แกลง ระยอง ของพ่อแม่ ก่อนจะ “ออกเรือน” มาอยู่กับหวานใจ ไม่มีใครที่บ้านรู้ว่าฉันเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันให้ใครต่อใครหลังคอมพิวเตอร์เครื่ืองอื่นๆ ฟัง

มาช่วงหลัง ฉันไม่อยู่บ้าน ทิ้งโน้ตบุคเครื่องเก่าอดีตคู่ใจไว้ให้พ่อใช้งาน เปิดอีเมลให้ ทิ้งลิงก์บล็อกของฉันที่นี่เอาไว้ให้อ่าน “บันทึกประจำวัน” ของลูกสาวที่ปกติไม่ค่อยได้พูดจากันสักเท่าไหร่ พร้อมดูแลค่าอินเตอร์เน็ตไวไฟที่บ้านให้ด้วย

หลังจากนั้น ปกติ นอกจากคุยกันทางเอ็มเอสเอ็นสามสี่คำกับพ่อ จะอีเมลมาเดือนละฉบับสองฉบับ หนึ่งฉบับแน่ๆ คือ เดือนนี้ ค่าดีแท็กซ์ (โทรศัพท์มือถือเก่าของฉันที่ให้พ่อใช้) ประจำเดือนนี้ต้องจ่ายเท่าไหร่ เพื่อฉันจะได้จ่ายผ่านอีแบงกิ้ง ส่วนอื่นๆ ก็เป็นข่าวย่อยๆ เช่น แม่ไปตรวจร่างกายทุกอย่างโอเค พ่อกับแม่ไปเที่ยวที่นั้นที่นี่กับเพื่อนๆ มา

มีเมื่อเช้านี้ ฉันเช็คอีเมลทางไอโฟน (เพราะวันนี้เป็นวัน Computer free ไม่เปิดเครื่องคอม แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ ต้องเปิดคอมอัพบล็อกนี้) และได้อีเมลฉบับยาวเหยียดจากพ่อ ที่เขียนมาถึงด้วยความห่วงใย และฉันรู้ว่าพ่อตั้งใจในการจิ้มดีดเขียนอีเมลฉบับนี้มาก หลังจากได้อ่าน บันทึกของฉัน ที่ไม่ได้บันทึกแต่ช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตเท่านั้น เมื่อวันก่อน

ฉันนำจดหมายของพ่อมาลงไว้ในที่นี้ด้วย เพราะคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆ คนที่ผ่านมาอ่านเจอ ฉันเขียนตอบจดหมายพ่อหลังจากนั้นด้วย เพราะฉันอยากให้พ่อรับทราบคำตอบ พร้อมๆ กับทุกคนที่ติดตามเรื่องราวของฉันอยู่




มิว

พ่อได้อ่านบันทึกของลูกแล้ว  อยากเสนอแนวความคิดให้ลองพิจารณาดู  "อันว่าความทุกข์หรือสุขของคนอยู่ที่ใจ  นอกจากจะปรับบรรยกาศ ปรับตัว ปรับแนวทางอยู่ร่วมกัน  และเสริมสร้างคุณลักษณะต่างๆที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขแล้ว ยังต้องฝึกต้องปรับและต้องพัฒนาจิตใจของเราให้มีศักยภาพที่จะเป็น ภูมิคุ้มกันใจ    ในการแก้ไขความทุกข์และสร้างความสุขสงบของจิตใจโดยเริ่มจาก  พยายามฝึกเข้าใจจิตใจของผู้อื่น 

ความจริงทุกคนมีเหตุผลอยู่ในกระบวนการนึกคิดของจิตใจอยู่  เพียงแต่มักจะปล่อยให้อารมณ์เข้ามาครอบงำเหตุผล  ทำให้มองข้ามความรู้สึกนึกคิด  ความต้องการของผู้อื่น  โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวเราเองว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร  ถือสาในเรื่องอะไร  นิสัยใจคอเป็นอย่างไร  มีปมด้อยปมเด่นอะไรบ้าง  ถ้าหยุดคิดทบทวนสักนิดหน่อยก็จะพอเข้าใจ  เหตุผลการกระทำของเขาที่มีผลต่อความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจของเรา  หากเข้าใจเขาก็จะนำมาซึ่งการให้อภัย  

การให้อภัยเป็นลักษณะประจำของคนไทยอยู่แล้ว  เมื่อทอดเวลาออกไป  จนความโกรธค่อยๆลดลง  แต่การให้อภัยที่ดีที่สุดคือ  การเข้าใจกัน    และให้อภัยตั้งแต่ก่อนโกรธซึ่งทำได้ไม่ยาก  ถ้าเรารู้จักปรับใจ  วางตัวในฐานะผู้ใหญ่ที่พร้อมจะเข้าใจเด็ก  ในฐานะเพื่อนที่หวังดีต่อเพื่อน หรือในฐานะเด็กฉลาดที่รู้จักใช้เหตุผลคิดแก้ปัญหาในทางสร้างสรรค์ " 

ที่ลูกคิดอยู่ก็เข้าเค้าแล้ว  แต่อยากให้อ่าน และพิจารณา ข้อความที่พ่อส่งมาให้นีั่ด้วย  

พ่อ



พ่อขา

คงไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะทำยากไปกว่าการทำให้พ่อและแม่ของลูกรู้สึกว่าลูกของตนเป็นผู้ใหญ่แล้วมีความเข้มแข็งมากพอที่จะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขและสงบ ลูกทุกคนไม่ว่าจะสูงใหญ่เติบโต มีงานการอยู่ในตำแหน่งไหน ยังคงเป็นเด็กตัวเล็กๆ ในสายตาของพ่อและแม่อยู่เสมอ

ใช่ว่ามิวจะไม่พอใจ ใช่ว่ามิวจะหงุดหงิดในข้อนี้ เพราะมิวรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่า สุดท้ายแล้ว คนที่ให้อภัยในความผิดพลาดทั้งปวงของมิว คนที่พร้อมจะให้โอกาสเริ่มต้นใหม่หลังจากการล้มไม่เป็นท่าหลายครากับมิวเสมอ คนที่ให้อภัยในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จาก “การเป็นเด็กอย่างถาวร” ของมิวเสมอ คือ พ่อกับแม่ (บวกพี่มีนอีกคน)

ในเหตุการณ์ที่พ่อเพิ่งจะรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับ “เด็กฉลาด” ของพ่อ มิวอยากให้พ่อเบาใจว่า มิวเข้าใจสภาวะของฝ่ายนั้นเสมอ มิวรู้จักนิสัยของอีกฝ่าย นำมาซึ่งความเข้าใจและให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะรู้ดังนั้น ประกอบกับความรู้สึกว่าขืนเงียบ ไม่เล่าให้ฟังว่าเรารู้สึกอย่างไร เขาจะไม่มีวันเข้าใจเรา แม้จะเสี่ยงจากอาการ “งอน” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บันทึกนั้นจึงปรากฏ

พ่อย่อมรู้ว่ามิวทำผิดพลาดมาไม่น้อย และการให้อภัยจากพ่อแม่เป็นสิ่งล้ำค่า ที่มิวพร้อมจะให้กับคนอื่นๆ เสมอ มิวพร้อมจะให้โอกาสคนที่คิดว่ารู้จักมิวแต่ไม่รู้จักมิว พร้อมที่จะให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น และยิ่งกว่านั้นคือพร้อมจะให้โอกาสเขาแก้ตัวใหม่ในงานเล่มต่อไป ถ้าเขาต้องการ (เพราะพ่อก็รู้ว่ามิวไม่ชอบฝืนใจใคร รวมทั้งตัวเอง)

ขอให้พ่อสบายใจได้เลยค่ะว่ามิวพยายามทำความเข้าใจคนอื่นเสมอ แต่บางครั้ง พ่อขา มิวเหนื่อยเหลือเกินที่คล้ายจะมีแต่มิวเท่านั้นที่เป็นฝ่ายทำความเข้าใจใครต่อใคร ทำไม ไม่มีคนที่เข้าใจความรู้สึกของมิวบ้างเลย ทั้งที่มิวก็ไม่ได้ขออะไรมากมาย ไม่ต้องมาเอาใจกันเป็นการส่วนตัว เพียงแค่ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เหมือนที่มิวทำกับงานทุกงานที่มิวทำ ไม่ใช่เพราะเงินที่ได้ แต่เพื่อผลงานที่คนทำจะภาคภูมิใจว่าได้ทำอย่างเต็มที่สุดความสามารถแล้ว (หรือว่ามิวขอมากไปคะ)

รักพ่อ และดีใจที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกันค่ะ และไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ มิวจะไม่พูดว่ามิวโตแล้วดูแลตัวเองได้ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง (เพราะวันที่พ่อจะไม่เป็นห่วงมิวคงไม่มีเป็นแน่) แต่จะบอกว่ามิวกำลังทำตามที่พ่อแนะนำด้วยความหวังดีมาทุกตัวอักษรค่ะ

มิว





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






Create Date : 13 ธันวาคม 2552
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 22:57:04 น. 3 comments
Counter : 825 Pageviews.

 
ขอบคุณเรื่องดี ๆ ที่นำมาแบ่งปัน


โดย: นพดล IP: 110.164.151.29 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:3:13:49 น.  

 
คิดถึง มิว พี่มีน พี่แต้ว


โดย: แสนสุข IP: 202.28.25.138 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:14:56:43 น.  

 
อบอุ่นครับ


โดย: i.am.Victor วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:9:45:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.