- 17 SEPTEMBRE 08 - เรื่องตกใจ

เรื่องตกใจ

Un petit choque.


     วันนี้ฉันอยู่ในโหมด "อึ้ง ทึ่ง และสังเวชใจ"

     จังหวะการขยับเขยื้อนเนื้อตัวลดความเร็วลงทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนหนึ่งเกิดจากการนั่งดื่มวิสกี้ซิงเกิลมอลต์ พูดคุยรายงานสถานการณ์กับหวานใจจนถึงตีสองกว่าๆ แปดโมงเช้า เสียงกริ่งข้างล่างดังเป็นเสียงเพลงแรนดอม พนักงานจากบริษัท DishTV นำกล่องถอดรหัสสัญญาณทีวีมาส่ง

     ฉันเองยังอ้อยอิ่ง นอนหลับตา หูฟังเสียงความเคลื่อนไหวอยู่บนเตียงได้ หวานใจนี่สิต้องลุกขึ้นเปิดประตูและเตรียมตัวไปทำงาน

     แต่ก็นั่นล่ะ ช่วงหลังมานี้ฉันกลายเป็นคนตื่นเช้า นอนอืดฉืดบนเตียงสายๆ ไม่ค่อยเป็นแล้ว เพราะงานการที่เพิ่มขึ้นมากมายก่ายกอง ทำให้ฉันต้องการเวลาช่วงกลางวันสำหรับการทำงานที่ยาวนานที่สุด ฉันจึงขยับตัวและหัวหนักๆ ลุกออกจากเตียง

     แต่กระนั้น ในวันนี้ฉันตัดสินใจทำงานการทุกอย่างช้าๆ เฉื่อยๆ รดน้ำต้นไม้ไปเรื่อยๆ ใส่เสื้อเค็มลงเครื่องซักผ้า มาสก์หน้า ใส่น้ำมันหมักผม เปิดคอมทิ้งไว้ แต่ไม่เคลื่อนตัวมานั่งทำงานที่คั่งค้าง ระหว่างที่ทำกิจกรรมต่างๆเหล่านั้น ในใจคิดใคร่ครวญถึงสิ่งที่เพิ่งได้รับรู้มาเมื่อวานนี้ เรื่องที่ฉันพยายามจะทำความเข้าใจ แล้วก็เหมือนจะเข้าใจได้ แต่นึกอีกทีแล้วก็ไม่เข้าใจ

     เรื่องที่นักแปลรุ่นป้าคนหนึ่งมั่นใจในฝีมือถึงขนาดไม่ยอมให้มีการปรับแก้ต้นฉบับแปลของตนแม้แต่นิดเดียว และสำนักพิมพ์เจ้ากรรมก็ผ่อนปรนตัดสินใจพิมพ์ไปตามนั้น แม้ว่าจะเห็นอยู่ตำตาว่าแปลผิด ตกและเกิน เหตุผลง่ายๆ คือ นักแปลคนนั้นมีชื่อเสียง แปลหนังสือมานานและมีแฟนติดตามเยอะ


     เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า งานแปลก่อนหน้านั้นของนักแปลคนนี้ก็ไม่ได้เคยได้รับการตรวจสอบความถูกต้องจากบรรณาธิการหรือสำนักพิมพ์เลยใช่หรือไม่

     บ้าไปแล้ว ... เพราะฉันรู้สึกว่า นักแปลที่ทำงานมานานๆ แล้วควรจะรู้ซึ้งถึงความสำคัญของบรรณาธิการ ผู้คอยอุดรอยรั่ว ระวังความประมาทพลั้งเผลอ มองคำผิดจนแปลพลาด คอยกัน "ไก่" ไม่ให้ถูกปล่อยออกนอกเล้า นักแปลที่ดีไม่ควรทำตัวเหมือนเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่มีอีโก้สูง คิดว่าตัวเองเจ๋ง(มาจากไหนก็ไม่รู้...อีหนูเอ๊ยยย) ไม่มีทางแปลพลาด

     ฉันเชื่อเป็นการส่วนตัวว่า มืออาชีพที่ดีต้องยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น ไม่ว่าเสียงนั้นจะมาจากไหน จะมาจากความหวังดีหรือร้าย เราก็ต้องรับมาพิจารณาเป็นประเด็นเป็นจุดๆ ไป เพื่อการปรับปรุงฝีมือการทำงานของตัวเองไม่ให้ผิดซ้ำรอยเดิมอีก ไม่ใช่หลับหูหลับตา ไม่ยอมรับ ปิดหนทางการพัฒนาตัวเองเช่นนั้น




     แล้วฉันก็ไพล่ไปนึกถึงกระทู้ในห้องรวมพลนักแปลครั้งหนึ่งที่มีคนเอางานแปลที่แปลผิดมาชำแหละกลางอากาศ.... แล้วเสียวแทน



ป.ล. ภาพประกอบเป็นสี่ "สาว"นักแปลรุ่นใหม่ที่เคารพบรรณาธิการ ไม่ทำงานสุกเอาเผากินหรือดื้อด้านถือตัวเหมือนป้านักแปลที่ฉันกล่าวถึงข้างบน



ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 17 กันยายน 2551    
Last Update : 17 กันยายน 2551 21:44:28 น.
Counter : 930 Pageviews.  

- 14 SEPTEMBRE 08 - ของขวัญแสนหวาน -ไอโฟนสื่อรัก

ของขวัญแสนหวาน -ไอโฟนสื่อรัก

Mon IPhone d'amour.


     ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีเวลามานั่งอัพบล้อกส่วนตัวที่นี่บ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน เพราะมีงานการเพิ่มเติมเข้ามามากมายกว่าปกติ เช่น บล้อกของสำนักพิมพ์กำมะหยี่ และล่าสุด เวบไซต์ของสำนักพิมพ์กำมะหยี่ ที่เพิ่งออนแอร์ไปเมื่อกลางๆ อาทิตย์ที่ผ่านมา

     มีข้อมูลต้องเพิ่มเติม มีโปรแกรมแบ็คออฟฟิศที่ใช้จัดการเวบให้ศึกษาหาความรู้ จะปรับจะทำอะไร บางทีต้องเสียเวลางมอยู่นาน

     นอกจากนั้นยังมีของเล่นใหม่ที่มาดึงดูดความสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ไอโฟน ที่หวานใจซื้อให้เป็นของขวัญครบรอบแต่งงาน 1 ปี ของเรา ซึ่งเราตั้งชื่อให้แล้วตามธรรมเนียมปฏิบัติประจำบ้านว่า Petit Pomme - ปอมม์น้อย



     ใครที่ติดตามบล้อกมานาน อาจจะจำได้ลางๆ ว่าที่บ้านนี้มี พี่น้องตระกูลปอมม์ ซึ่งมาจากคำภาษาฝรั่งเศสว่า Pomme ที่แปลว่า Apple อยู่สองเครื่องคือ ไอแมค ที่เราเรียกว่า La Pomme (หนูปอมม์) กับ La Grosse Pomme (แม่ปอมม์อ้วน) เป็นฮาร์ดดิสสีขาวแบบแยกต่างหากสำหรับใช้แบ็คอัพไฟล์และข้อมูลต่างๆ

     ตอนนี้พอมีน้องใหม่ไอโฟนมา จึงรับสมญา ปอมม์น้อย ไปตามลำดับขนาด

     ปอมม์น้อย เป็นเด็กชายหน้าตาดี มีออปชั่นลูกเล่นมากมาย ใช้สะดวก ต่อเน็ตก็ได้ ฟังเพลงก็ได้ ดูวิดีโอก็ได้ ถ่ายรูปก็ได้ เช็คอีเมลก็ได้ และที่สำคัญ ใช้เป็นโทรศัพท์ได้ด้วย!!!


     ปกติแล้ว นิสัยสันดานลึกๆ ของฉันน่ะ ฉันเป็นคนไม่ค่อยเห่อเทคโนโลยีของเล่นที่สามารถรับโทรศัพท์เข้าและโทรออกได้สักเท่าไหร่ ใช้โนเกีย 3310 มาหลายปีจนปุ่มเสื่อมถึงค่อยเปลี่ยนเป็นเครื่องที่ราคาต่ำที่สุดในร้าน จนมาเมื่อปีที่แล้ว หวานใจซื้อ ซาวง (HTC)ให้ใช้กับเบอร์ฝรั่งเศสนั่นแหละ ฉันถึงมีเครื่องโทรศัพท์ที่ทำได้มากกว่าความจำเป็นพื้นฐานของเครื่องโทรศัพท์ คือ การโทรศัพท์ (และเป็นนาฬิกาปลุกในบางครั้ง)


     ตอนนั้นฉันเห่อ แม่ซาวง ซึ่งได้ชื่อเพราะรูปร่างแบนๆ เหมือน Savon หรือสบู่ อยู่พักใหญ่ (สามวัน) หัดเล่น หัดใช้ หัดถ่ายรูป หัดต่อเน็ต อัพรูป เช็คเมล ลองไปเรื่อยๆ จนยอดการรับส่งข้อมูลพรวดพราด ส่งผลเป็นเงิน 200 กว่ายูโรโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทางบริษัทมือถือต้องโทรมาบอกให้จ่ายเงินตรงนี้ก่อนครบรอบบัญชี ทำเอาฉันหน้าซีดใจเสีย (เสียดายเงิน) เข็ดขยาด ไม่อยากได้เครื่องเล่นสารพัดฟังชั่นแบบนี้อีกแล้ว


     ดังนั้น ไอฟงไอโฟนเนี่ย ถึงจะรูปงามเป็นที่เลื่องลือขนาดไหน ฉันก็ไม่เคยคิดจะเหลียวไปมอง คนที่ทำให้ฉันเข้าใกล้ไอโฟนคนแรกคือจอยเพื่อนรักนักออกแบบเวบไซต์ ที่ส่งอีเมลรูปที่ถ่ายจากไอโฟนตอนไปเที่ยวระยองมาให้ เพื่อนปลาบปลื้มชื่นชมดีไซน์และการใช้งานของเจ้าของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นนั้นไม่ขาดปาก ได้ฟังแล้วฉันก็คิดว่า คงเป็นธรรมดาที่นักกราฟฟิคดีไซน์จะชอบงานออกแบบของแอปเปิ้ลแหละ เลยไม่ได้สนใจขอดูลองใช้ไปมากกว่านั้น

     คนที่สองคือคุณหริ่น-เนตรนภา ยาเนซโควา ณ กรุงปราก เจ้าของ สนพ. Sun Moon Tree ที่เขียนอีเมลเล็กๆ น้อยๆ ที่ลงชื่อว่า Send by my IPhone :) มาหาอยู่บ่อยๆ คนสุดท้ายคือพี่ยักษ์-คมสัน ที่ควักไอโฟนมาเปิดรูปประกอบการเล่าเรื่องที่คนชอบเข้าใจผิดคิดว่าพี่เป็นคนอีกคนหนึ่ง จนต้องถ่ายรูปกับคนๆ นั้นเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่



     พอเห็นใครๆ เขาใช้ไอ้เครื่องนี้กัน ฉันเลยเปรยๆ กับหวานใจ ตอนที่นั่งรถผ่านป้ายโฆษณายักษ์ใหญ่ในบังการ์ลอร์ว่า คนนั้นก็มีไอโฟนคนนี้ก็มีไอโฟนล่ะ โทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ฉันจะใช้เบอร์มือถือในอินเดียเป็นไอโฟนได้ก็ดีเนอะ แต่ถ้ามันแพงมากก็ไม่ต้องหรอก ฉันใช้ LG พลาสติกเครื่องละพันสี่ร้อยบาทที่ซื้อสำหรับใช้กับซิมเติมเงินตอนไปเมืองไทยก็ได้ ส่วนเจ้าซาวงติดล็อค เอาไว้ใช้ได้แต่ตอนไปฝรั่งเศส เพราะติดสัญญาเปิดเบอร์หนึ่งปี ตอนนี้เลยเอาไว้ใช้เป็นเครื่องสำรองเผื่อฉุกเฉิน

     หวานใจของฉันชอบดีไซน์ของแม็คอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมกำลังมองหาของขวัญวันครบรอบแต่งงานให้ฉันด้วย เลยตระครุบคว้าโอกาสงามที่จะได้เอาใจภรรยา สืบเสาะหาข้อมูล เช็คราคาเครื่องในประเทศต่างๆ ทั้งแบบติดล็อคและไม่ติดล็อค พบว่าปัญหาของไอโฟนสามจีที่อินเดียคือ ที่อินเดียไม่มีระบบสามจี และต้องซื้อเครื่องแบบเปิดเบอร์โพสเพย์จ่ายรายเดือนเท่านั้น จะซื้อซิมอื่นเอาไว้ก่อน พอได้เครื่องแล้วค่อยใส่ เนี่ยทำไม่ได้

     แต่เมื่อเปรียบเทียบราคาความคุ้ม จังหวะชีวิต ความสะดวก ความสบายใจต่างๆ เรียบร้อยแล้ว วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2551 ศุกร์ก่อนวันครบรอบแต่งงานของเรา หวานใจจึงตัดสินใจซื้อไอโฟนมาให้

     คืนนั้น หวานใจกลับมาถึงบ้าน ถือถุงไอโฟนมาวางแปะกลางห้อง ไม่ได้แอบซ่อนราวกับไม่กะจะทำเซอไพรซ์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ได้พูดถึงโจ่งแจ้ง ซึ่งก็แสดงว่าอยากจะให้ฉันประหลาดใจนั่นแหละแต่ลืมนึกว่าควรจะเอาไปซ่อนให้พ้นสายตาเสียหน่อย ฉันเองเสียอีกที่เป็นธุระจัดให้ หยิบถุงนั่นเอาไปแอบไว้มุมห้องใต้โต๊ะเตี้ยจะได้ไม่เห็นโดดเด่นเป็นสง่าก่อนการณ์อันควร



     เพื่อว่าพอถึงเวลาจะได้ทำท่าดีใจเหมือนไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นถุงมาก่อน กรีดน้ำตาจากความปลาบปลื้มแล้วพูดว่า "แหม ...ไม่น่าซื้อมาเลย แต่ก็ขอบใจมากจ้ะ" ได้สมบทบาท ...



ป.ล. ภาพประกอบที่เป็นสไลด์ เป็นรูปหนังสือที่ฉันจัดวางไว้บนขั้นบันไดในบ้านที่วันก่อนฉันเคยเล่าให้ฟังและสัญญาว่าจะถ่ายรูปมาฝากค่ะ



ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 14 กันยายน 2551    
Last Update : 15 กันยายน 2551 11:02:33 น.
Counter : 826 Pageviews.  

- 09 SEPTEMBRE 08 - "ใครอยากได้ศึก ฉันจะส่งสงครามไปให้"

"ใครอยากได้ศึก ฉันจะส่งสงครามไปให้"

วันนี้วิกรม คนขับรถพาฉันกับแม่มันจุฬาออกจากบ้านตั้งแต่บ่ายโมงตรง ฉันกับแม่บ้านสาวลูกสองไปนั่งกินอาหารอินเดียที่ร้านอาหารอินเดียราคาค่อนข้างแพง แพงจนแม่มันจุฬาซึ่งก่อนหน้าจะมาทำงานบ้านฉันไม่เคยเข้าร้านอาหารมาก่อน ถึงกับทำตาโต

การไปกินอาหารอินเดียตามร้านกับแม่มันจุฬาอย่างนี้ เป็นการทำความรู้จักอาหารอินเดียจานที่น่าจะถูกใจฉัน เพื่อที่ต่อมาแม่มันจุฬาจะได้ซื้อเครื่องปรุงมาทำให้ดูเป็นตัวอย่างที่บ้าน ฉันจะได้ถ่ายรูปจดสูตรและหัดทำเองในอนาคต ก็ถือว่าไม่เลวนักหรอก ถึงจะต้องจ่ายแพงสักหน่อย แต่ก็ดีกว่าไปเข้าคอร์สทำอาหารเสียเงินและเสียเวลาทำงาน

หลังจากนั้น เราไปรับกรอบรูปที่สั่งทำไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน ฉันตั้งใจจะนำมาใส่โปสเตอร์ที่ซื้อจากงานนิทรรศการศิลปะต่างๆ ที่ฉันได้โอกาสไปชม ว่าจะติดให้เต็มผนังข้างๆ โต๊ะทำงาน เวลาหมดกำลังใจ เหนื่อยหรือเซ็ง จะได้ระลึกถึงคนที่เขาตั้งใจทำงานจนออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน ได้รับการยอมรับและชื่นชม ต่อจากนั้นแวะซื้อม้านั่งสานจากหวายเอาไว้วางมุมห้องให้เสียงจากเครื่องเสียงของหวานใจสะท้อนในระดับที่เหมาะสม จบท้ายด้วยแวะซื้อกับข้าว คืนนี้ฉันลงมือทำเบิฟ บูกิญยง ของโปรดของสามีสุดที่รัก


ตลอดช่วงเช้า ฉันดูแลกิจการกำมะหยี่ ตรวจปก ปรับคำนำสนพ.สำหรับ 18+ อ่านว่าสิบแปดอัพ ซึ่งเป็นลูกชายคนต่อไป ลูกชายแสนรักของคุณสิบเดซิเบล ฝนคอยประสานงานเรื่องการพิมพ์ การจัดหน้าและอื่นๆ สำหรับ 18+ ที่เราอยากจะออกให้ทันงานหนังสือเดือนตุลา คุณแอนกำลังขมักเขม้นกับแผนการตลาดของแพร์โพลิสที่ชักจะมากมายใหญ่โต แต่ฉันมั่นใจว่าคุณแอนจะคุมอยู่

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น แม้จะต้องเร่งความเร็วในทุกด้าน แต่เราก็พยายามจะทำให้ได้ดีที่สุดและเต็มที่ที่สุดตามกำลังและศักยภาพของเราจะอำนวย จุดไหนพลาดพลั้ง เวลาจำกัดเราคุยกันแล้วว่าเก็บประสบการณ์ไว้สำหรับเล่มต่อๆ ไปในอนาคตที่เรากำลังอยู่ระหว่างการติดต่อลิขสิทธิ์ โดยบางเล่มต้องผ่านหยาดเลือดจากการโดนกรีดใจ เสียเวลาทำมาหากินจากความรู้เท่าไม่ทันเสือสิงห์กระทิงแรด เจอกับความสับปรับของคนบางคน

ในเรื่องนี้ ฉันพยายามทำใจว่าคนเราคิด พูดและทำไม่เหมือนกัน บางคนคิดและพูดตามที่คิดและพยายามรักษาคำพูด บางคนไม่ได้พูดตามที่คิดและไม่ใส่ใจคำว่าสัจจะ ปล่อยลมปากเหมือนผายลมทิ้ง ฉันน่าจะอัดคำพูดทางโทรศัพท์มาแฉกันเล่นๆ นักเชียว

ช่างเขาเถิด ปล่อยเขาไป ฉันพยายามควบคุมความคิดมาดร้ายด้านเจ้าแม่กาลี พยายามดำรงตนเป็นพระนางลักษมีด้วยการให้อภัย แต่มันต้องใช้พลังเหนือธรรมชาติอยู่เหมือนกันนะ ฉันเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ในช่วงแรกๆ ลึกๆ ในใจร่ำร้องด้วยความคับแค้น "ใครอยากได้ศึก ฉันจะส่งสงครามไปให้" ใครดูถูกฉัน ฉันจะทำให้มันมองฉันถูกๆ และเราจะได้เห็น "ดี"กัน

สุดท้ายฉันบอกตัวเองว่า ฉัน forgive แต่ไม่มีวันจะ forget...ภาษาไทยแปลได้ว่า


ฉันให้อภัย แต่แผลนี้จะไม่มีวันลบเลือนไปจากใจ






ป.ล. ภาพประกอบเป็นหน้าปกหนังสือเล่มที่กล่าวอ้างถึงข้างบนค่ะ อย่าลืมติดตาม ถ้าคุณเชื่อว่าคุณใจกว้างพอ


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่








 

Create Date : 09 กันยายน 2551    
Last Update : 14 กันยายน 2551 13:41:26 น.
Counter : 732 Pageviews.  

- 02 SEPTEMBRE 08 - หวัง ฝัน และก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

หวัง ฝัน และก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป

วันนี้ ขณะที่มันจุฬา-แม่บ้านคนเก่งของฉันเข้ามาใกล้ๆ โต๊ะทำงานเพื่อทำความสะอาดพื้นด้านล่างและบริเวณโดยรอบ พอเธอเห็นหนังสือ Talk to the Snail ที่ฉันกำลังทำงานอยู่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะ เธอถามว่า "หนังสือเล่มใหม่ที่จะออกเหรอคะ"

พอฉันตอบว่าใช่แล้ว เธอก็ถามต่อว่า "อย่างนี้คุณก็ไม่มีเวลาว่างเลยน่ะสิ เราเลยไม่ค่อยได้คุยกันเลย"

ฉันอึ้งไปตอบอะไรไม่ถูกได้แต่หัวเราะหึหึ แหะๆ ไปตามเรื่อง

จริงของเธอแหละ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้เสวนาปราศรัยกับมันจุฬาเสียเท่าไหร่ อาหารการกินที่เธอบรรจงตั้งใจทำให้ ฉันก็ไม่ได้ใส่ใส่จะหยิบกล้องและสมุดโน้ตเข้าไปถามไถ่จดสูตรเหมือนที่เคย ภาษากันดานาที่อยากเรียนรู้ก็ไม่ได้สานต่อ โปรเจคภาพเหมือนมันจุฬาก็นิ่งชะงัก

ฉันกลับไปเป็นคนที่เอาแต่ทำงานนั่งขลุกอยู่หน้าจอ มีชีวิตอยู่ในโลกไซเบอร์ มุ่งแต่สนทนาผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทิ้งคนรอบตัว ผละจากการสัมผัสแบบมนุษย์ต่อมนุษย์อีกครั้ง ... ช่างงี่เง่าอะไรอย่างนี้

แต่อีกใจหนึ่งก็คัดค้าน จะให้ฉันทำอย่างไรได้เล่า งานของฉันบังคับให้ฉันต้องเป็นอย่างนี้นี่นา ช่วงเกลางาน ปรับหาสำนวนแปลที่สอดคล้องกับต้นฉบับอย่างเช่นที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้สมาธิเข้มข้น "จับ" สิ่งที่ล่องลอยอยู่ระหว่างสารที่ผู้เขียนส่งและเสียงที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองในฐานะสะพานเชื่อมโลกสองภาษา

ยิ่งหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้ออกมาเพียงเล่มเดียว มีหนังสือที่อยุ่ในชุดเดียวกันที่แปลโดยนักแปลท่านอื่นอีกสองเล่มที่ฉันต้องนั่งตรวจทานแก้ไขในฐานะบรรณาธิการต้นฉบับ มีรายละเอียดทางเทคนิคการถอดเสียง การจะคงหรือไม่คงไว้ซึ่งคำเขียนภาษาฝรั่งเศส ความพอดีในการแปลประโยคภาษาฝรั่งเศสที่ปรากฎประปรายเป็นทั้งกิมมิคและมุขหลักของเรื่อง รวมทั้งสำนวนหลายจุดที่ต้องจัดแถวประสานให้สอดคล้อง สม่ำเสมอตลอดเล่มทั้งสามเล่ม

ฉันจึงรั้งการส่งงานเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้ส่งงานที่ไม่ต้องมีการดึงกลับมาแก้ไขซ้ำซากในภายหลัง ทั้งๆ ที่ผ่านกำหนดส่งที่ขอเลื่อนมาแล้วรอบนึง ซึ่งผิดนิสัยการทำงานของฉันมาก แต่ฉันไม่อาจส่งงานที่ทำลวกๆ ทำพอผ่านออกไปให้คนมาตามเช็ดตามแก้ได้ ... หวังแต่ว่าทางสำนักพิมพ์จะเข้าใจ ไม่ถือผิดโทษตำหนิฉันมากนัก ทุกเช้าเปิดคอมน้องปอมม์มา ฉันก็ใจเต้นตุ้มต่อมว่าจะมีอีเมลมาทวงต้นฉบับหรือเปล่า ...เฮ่อ


นอกเหนือจากงานแปลส่วนตัวแล้ว ทางด้านกำมะหยี่ ช่วงนี้เป็นช่วงเตรียมเรียกน้ำย่อยสำหรับ "แพร์ซโพลิส" และการประสานงานหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เรากำลังจะออกเป็นลำดับต่อไปหลังจากนั้นมากมายหลายเล่ม บางเล่มอยู่ในระหว่างการขอลิขสิทธิ์ บางเล่มอยู่ในระหว่างการพิจารณา บางเล่มอยู่ระหว่างเตรียมหานักแปล บางเล่มมีนักแปลเสนองานเข้ามา ทุกเล่มล้วนเป็นครีมออฟเดอะครีม (แปลเป็นไทยว่าหัวกะทิ)ไม่มีเล่มไหนที่ออกไปมั่วๆ โดยที่เราไม่เห็นคุณค่าทางด้านวรรณกรรมหรือไร้ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจเลยแม้แต่เล่มเดียว ไม่ว่าจะเป็นชุดใหญ่นักเขียนพี่เบิ้ม หรือชุดเล็ก นักเขียนใหม่น่าจับตามอง

ที่น่าชื่นใจคือ ช่วงหลังๆ มานี้มีผู้สนใจติดต่อขอร่วมงานกับกำมะหยี่ด้วยนะ เพิ่มกำลังใจให้ทีมงานทุกคนว่าเราไม่ได้ล่องลอยทำงานอยู่ในความฝันที่ไม่มีใครเห็นคุณค่าอยู่เพียงลำพัง เพียงแต่ช่วงนี้เรายังไม่สามารถรับพนักงานประจำที่ฝากชีวิตและค่าเช่าห้องกับเงินเดือนประจำได้ ตอนนี้เราหวังแค่ให้หนังสือที่เราทำสามารถเลี้ยงตัวเอง จ่ายเงินคนทำงาน และมีกำไรพอจะเป็นทุนให้สานต่อหนังสือเล่มอื่นๆ ได้ในอนาคต

วันหนึ่งข้างหน้า เราอาจจะมีออฟฟิศสวยๆ เป็นอาคารทรงลูกบาสก์(ที่หวานใจชอบนักชอบหนา)ที่มีหนังสือรายรอบ มีพนักงานรุ่นใหม่ที่มีความสุขในการทำงานภายใต้การกำกับดูแลของพลพรรคสำนักพิมพ์กำมะหยี่รุ่นแรก




ฉันคงจะมีเวลาผละจากหน้าจอที่นั่งเฝ้าวันละไม่ต่ำกว่าแปดชั่วโมงอย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้ ไปใช้ชีวิตอยู่กับผู้คนรอบข้างอย่างจริงๆ จังๆ เสียที





ป.ล. ภาพประกอบเป็นภาพที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ IPhone 3G -- คราวหน้าจะมาเล่าที่มาที่ไปของของขวัญหวานจัดเนื่องในโอกาสครบรอบแต่งงานปีที่หนึ่งของฉัน



ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่








 

Create Date : 02 กันยายน 2551    
Last Update : 15 กันยายน 2551 18:10:24 น.
Counter : 826 Pageviews.  

- 28 Aout 08 - ทำงาน...บ้าน

ทำงาน...บ้าน



เปิดไฟล์ "มิวเซ่ ฉบับเดือนกันยายน 51" ออกมา กดแก้ก๊อกแก๊ก พิมพ์เพิ่มสองสามคำแล้วปิด

ไฟยังไม่ร้อน ยังไม่ลุกลามเลยจนก้นร้อนเกินทานทนไหว ยังเหลือพรุ่งนี้อีกวัน โครงขึ้นไว้หมดแล้วในใจ ภาพสวยนอนรออยู่ในเครื่องชมพู่

อาบน้ำอาบท่า ทาครีมลงหน้า ค้นชุดในกล่องที่ส่งทางเรือมาถึงจากฝรั่งเศส หนึ่งในร้อยห้าสิบกล่องกองรวมกันอยู่ในห้องรีด-ตากผ้า ลงชั้นล่าง เข้าครัว กดน้ำกรองใส่หม้อเมดอินอิตาลีใบสวย หั่นกะหล่ำปลี ทุบกระเทียม ยกหม้อใส่น้ำตั้งไฟ ใส่กระเทียม รอให้เดือดแล้วใส่กะหล่ำ รอหมูสับที่หวานใจจะแวะไปซื้อมาใส่เป็นต้มจืดน้ำใสถูกใจซดคล่องคอ

ตวงข้าวหอมมะลิเมดอินไทยแลนด์ที่ฉันกระโดดตระครุบทันทีที่ซุเปอร์มาร์เก็ต ซาวข้าว ตั้งหม้อ เสียบปลั๊ก กดหุง ไม่นานนักกลิ่นข้าวหอมฟุ้งทั่วชั้นล่าง

เมนูเย็นนี้คือข้าวสวยกินกับผัดผักรวมมิตรและต้มจืดกะหล่ำปลี รายการอาหารที่คิดขึ้นมาจากคำขอทางโทรศัพท์จากหวานใจเมื่อตอนบ่ายว่าอยากกินผัก ... ได้เลย เดี๋ยวจัดให้ ชอบอยู่แล้ว อาหารง่ายๆ แบบนี้

ระหว่างรอสามีกลับบ้าน เปิดโคมไฟที่ตั้งตามจุดต่างๆ จุดเทียนเล็กเทียนน้อย คลอเพลงจากเครื่องเสียงที่ตั้งอยู่ในโซน untouchable เขตหวงห้ามมิให้มันจุฬาเข้าไปยุ่มย่ามนอกจากทำความสะอาดพื้นผิวๆ เผินๆ เพราะวันแรกที่เธอเลื่อนลำโพงเพื่อเช็ดฝุ่นบนพื้น หวานใจกลับมาแทบร้องกรี๊ด ทำหน้าเคร่งสั่งเสียงเข้มกับฉันว่า ถ้ามันจุฬาทำอีกหนจะไล่ออก และฝากเตือนด้วยว่าหัวเข็มเพชรสำหรับอ่านไวนิลราคาเท่ากับเงินเดือนของเธอสามปีเต็ม


วันนี้ฉันทำหน้าที่แม่บ้านอันเป็นหน้าที่หนึ่งซึ่งฉันค่อนข้างละเลยเพิกเฉย ตลอดทั้งวันไม่ได้สวมบทบาทอื่นใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะนักแปล นักเขียนคอลัมน์ หรือเจ้าสำนักพิมพ์ ... ภารกิจที่สำเร็จนำมาซึ่งความภาคภูมิใจยิ่งในวันนี้คือรื้อบรรดาหนังสือและนิตยสารในกล่องก้นเปียกชื้นเหม็นตุๆ ขึ้นเรียงตั้งตรงซอกซี่กรงด้านข้างตามขั้นบันไดสามชั้น หนังสือหลายร้อยเล่มเรียงกันเป็นแนวขึ้นไปด้านบน ดูแล้วเหมือนบ้านในดินแดนมหัศจรรย์ ประมาณเนเวอร์แลนด์ในเรื่องปีเตอร์แพน

หนังสือที่ตั้งเรียงอยู่นั้นไร้การจัดประเภทใดๆ ทั้งสิ้น หนังสือนิยายปกสวยสดอยู่เคียงข้างรวมบทกวีเคร่งครึม และหนังสือปรัชญาหน้าจืด หนังสือนำเที่ยวสีจัดจ้านแอบอิงหนังสือคู่มือธุรกิจแสนสง่า หนังสือแปลหน้าหวานของฉันอยู่ไม่ห่างจากพี่ชายต้นฉบับภาษาฝรั่งเศสของตน



ถ้าหนังสือแต่ละเล่มมีวิญญาณและบุคลิกประจำตัวของตัวเอง ตอนนี้คงจับมือทำความรู้จักกับคนต่างถิ่นแปลกหน้ากันอย่างสนุกสนาน



ป.ล. ภาพประกอบเป็นปลาที่ถ่ายจากร้านก๋วยเตี๋ยวที่สิงค์โปร์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องราวที่เล่าในวันนี้เลย พรุ่งนี้จะนำภาพหนังสือบนชั้นบันไดมาฝาก ... วันนี้เหนื่อยแล้ว ไม่มีแรงยกกล้องค่ะ


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่








 

Create Date : 28 สิงหาคม 2551    
Last Update : 28 สิงหาคม 2551 22:03:37 น.
Counter : 792 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.