- 19 Juin 08 - งานยุ่ง เยอะแยะ

งานยุ่ง เยอะแยะ

Beucoup Beaucoup de choses.




     วันนี้เป็นวันเคลียร์งานกำมะหยี่ที่คั่งค้างมาเพราะไม่มีเวลานั่งโต๊ะรวบรวมสติสตังค์จัดการอะไรทั้งสิ้นมาสองวันแล้ว ไหนจะคอลัมน์มิวเซ่ที่ต้องเริ่มเขียนให้เสร็จ คุณนายจอยทวงเรื่องเวบไซต์ เรื่องปก เรื่องคำนำสนพ. และอื่นๆ และอื่นๆอีกมากมาย

     เมื่อวานนี้ ฉันกับหวานใจอดเข้าอดน้ำ อดกาแฟ ลุกตั้งแต่เช้า ลงรถไฟใต้ดินไปศูนย์แพทย์สำหรับคนที่จะทำงานต่างแดน

     จุดมุ่งหมายนอกจากเก็บข้อมูลสุขภาพพื้นฐาน เช่น ตรวจการเต้นของหัวใจ เอ็กเรย์ปอด ตามขั้นตอนปกติแล้ว แพทย์จะแจ้งให้ทราบว่าประเทศที่จะไปทำงานนั้นมีความเสี่ยงที่จะติดโรคอะไรบ้าง และจัดให้มีการฉีดวัคซีนที่ศูนย์เลยเสร็จสรรพ เมื่อวานแขนฉันเลยโดนจิ้มไปสามเข็ม ได้วัคซีนเข้าร่างกายสามตัว รู้สึกจะเป็นไทฟอยด์ โรคหัด (เผื่อท้อง) และอะไรอีกสักอย่าง ฟังไม่ถนัด ยังไม่พอ โดนดูดเลือดไปตรวจดูภูมิต้านทานเผื่อเหลือเผื่อขาดด้วย

     หลังจากนั้น ช่วงบ่ายไปนั่งรอที่ศูนย์ยื่นขอวีซ่าเข้าอินเดีย เราได้คิวที่ 168 คิวที่กำลังดำเนินการอยู่คือ 65 เฉลี่ยเวลาตรวจอย่างน้อย 3 นาที ลองคำนวณดูจะรู้ว่าต้องรออย่างน้อยกี่ชั่วโมง

     ฉันควักหนังสือที่กำลังจะแปลออกมาแกะต่อ หวานใจเปิดหนังสือที่อ่านค้างอยู่ สักบ่ายสองเริ่มทนไม่ไหว ออกไปกินกุสกุสที่ร้านแถวนั้น สองคนหิวหน้ามืดสั่งแบบจานใหญ่มา ผลก็คือกินไม่หมด ต้องบอกให้เขาห่อพกกลับบ้านไปเป็นอาหารค่ำ ก่อนจะย้อนกลับไปนั่งแช่ที่ศูนย์วีซ่าต่อ กว่าจะได้ยื่นก็เกือบสี่โมงเย็น แต่ดูเหมือนเอกสารจะครบเรียบร้อยดี ถึงจะเสียเวลามากแต่ก็ถือว่าก้าวหน้าไปแล้วหนึ่งขั้น ที่เหลือก็รอให้ทางศูนย์ส่งพาสปอร์ตติดวีซ่ามาให้ถึงที่เท่านั้น

     กลับถึงบ้านห้าโมงเย็น ฉันอ่อนระโหยผิดปกติ โทษเหมาเอาว่าเป็นเพราะวัคซีนในร่างกายเริ่มทำงานตามกระบวนการ รู้สึกปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนเป็นไข้นิดๆ ฉันโชคดีที่ถึงบ้านแล้วได้นอนพัก แต่หวานใจนี่สิ ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทำงาน ลงรถไฟฟ้าไปประชุมที่บริษัทต่อ สงสารก็สงสาร แต่ช่วยผ่อนเบาอะไรไม่ได้มากนัก ตัวเองก็แทบจะยืนไม่ขึ้นอยู่แล้ว




     เมื่อคืนเลยเป็นคืนนั่งๆนอนๆกินอาหารง่ายๆหน้าทีวี ช่วงนี้ในฝรั่งเศสกำลังเล่นข่าว วิจารณ์และวิจัยเรื่องที่ฟุตบอลทีมชาติตกรอบไม่ได้เข้าชิงยูโรคัพ แถมท้ายด้วยการที่คุณ เรย์มงด์ โดเมเนค ขอแต่งงานแบบฟ้าผ่ากับนักข่าวสาวสวยชื่อเอสเตลล์ระหว่างการให้สัมภาษณ์สดทางทีวีหลังจบการแข่งขัน

     สาวเจ้าจะใจอ่อนหรือไม่ พ่อคุณจะโดนปลดจากตำแหน่งเพราะทำงานล้มเหลวหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

     เดเด้โทรมาขอบคุณที่เชิญมากินอาหารค่ำเมื่อคืนวาน พร้อมกับบอกว่าเช้านี้ตื่นมาปวดแขนไปหมด หลังจากเปิดประลองเกมเครื่อง Wii กันจนถึงตีหนึ่งกว่าๆ




     อาหารมื้อค่ำเมื่อวานเป็นผักสารพัดยัดไส้ ใครสนใจวิธีการทำไปดูได้ --> ที่นี่ ค่ะ



ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 19 มิถุนายน 2551    
Last Update : 19 มิถุนายน 2551 16:22:38 น.
Counter : 837 Pageviews.  

- 17 Juin 08 - เตรียมไปอินเดีย และอื่นๆ

เตรียมไปอินเดีย และอื่นๆ

On se prepare pour aller en inde...



     เช้านี้ออกไปที่ศูนย์ขอวีซ่าเข้าอินเดียมา เมื่อวานหวานใจลองเข้าไปกรอกแบบฟอร์มต่างๆออนไลน์ แล้วปรากฎว่าหาฟอร์มวีซ่าติดตามสามีของฉันไม่เจอ เลยตัดสินใจไปสอบถามแบบถึงที่เลยดีกว่า

     เมื่อเห็นหวานใจเป็นห่วงว่าฉันจะเสียเวลาทำงานทำการถ้าต้องไปรอที่นั่นกับเขา ฉันเลยติดหนังสือที่แปลอยู่กับสมุดโน้ต+ปากกาไปหนึ่งด้าม ระหว่างที่หวานใจติดต่อสอบถามที่เคาน์เตอร์ ฉันก็เปิดหนังสือแปลสดๆลงสมุดที่เก้าอี้นั่งรอตรงนั้นเลย จะได้ไม่รู้สึกว่างๆ หวานใจจะได้สบายใจว่าไม่ได้ลากฉันมานั่งเปล่าดาย

     เมื่อตรวจเอกสารวีซ่าทำงานซึ่งเป็นวีซ่าหลักของหวานใจครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่าแบบฟอร์มวีซ่าของฉันต้องกรอกใส่กระดาษและต้องใช้สมุดครอบครัวหรือ Livret de fmaille ที่แสดงว่าเราแต่งงานเป็นสามีภรรยากันจริงๆด้วย แต่เราดันลืมเอาไป เลยต้องเลื่อนกำหนดยื่นเอกสารเป็นวันพรุ่งนี้ หลังจากการไปตรวจร่างกายในตอนเช้าด้วยกัน

     ขับจิ๊บจิ๊บเข้าเส้นทางเตรียมกลับบ้าน หวานใจอยากแวะร้านรองเท้าที่อยู่ระหว่างทาง แวะจอดรถแถวเมดเดอเลน เดินหลงทิศทางกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะหาร้านเจอ หวานใจซื้อรองเท้าไฮชุนรุ่นเดียวกับที่ใส่อยู่แต่คนละสี พ่อคุณว่าใส่สบายรู้สึกดี อยากซื้อสต็อกเก็บไว้เพราะรองเท้าถูกใจหาได้ยาก

     ฉันเดินวนรอบร้านหนึ่งรอบแล้วถือโอกาสเลือกรองเท้าแตะให้ตัวเองหนึ่งคู่สำหรับใส่ที่อินเดีย ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่ซื้อรองเท้าจากที่อื่นนอกจากที่ร้านวอลเตอร์สไตเกอร์ก่อนไปจากปารีสแต่ก็อดใจไม่ไหว

     ทั้งๆที่ปากบอกหวานใจว่าได้คู่นี้แล้วจะไม่ไปร้านวอลเตอร์ แต่พอกลับบ้านมาลองเปิดเวบไซต์วอลเตอร์ดู กรี๊ด...เจอแบบที่ถูกใจเข้าคู่นึงล่ะ ... ทำยังไงดี


     ระหว่างทางที่นั่งรถเข้าเมือง ฉันกับหวานใจคุยเปรียบเทียบการจราจรที่ปารีสกับบังกาลอร์ (วันหลังจะเล่าให้ฟังเต็มๆว่าการจราจรที่นั่นน่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน) ฉันเอ่ยถามความข้องใจเรื่องคนขับรถที่เราจะจ้างที่บังกาลอร์อีกครั้งว่า เราสามารถขอคนขับรถที่เป็นโฮโมเซ็กชวลได้มั้ย ถ้าคนขับรถผู้หญิงหาหายากยิ่งที่นั่นจริงๆ


     ที่อยากได้อย่างนั้น เพราะฉันอยากได้คนที่พาไปเที่ยวในเมืองที่ไม่รอรับคำสั่งอย่างเดียว อยากมีเพื่อนพาเที่ยวว่างั้นเถอะ ใจก็คิดง่ายๆว่าถ้าเป็นเกเก้ เธอ(หรือเขา)จะรู้จักร้านที่ขายของสวยๆงามๆมีรสนิยมกว่าชายอกสามศอก และน่าจะมีแง่มุมที่น่าสนใจ สนุกสนาน เหมือนเกเก้หลายคนที่ฉันรู้จักและอยากรู้จัก

     หวานใจบอกว่า คงจะยากอยู่ เพราะคนที่นั่นคงจะยังไม่เปิดกว้างขนาดยอมรับเกย์ หรือมีการเปิดเผยตัวตนชัดเจนเหมือนที่ฝรั่งเศส ซึ่งฉันก็พอจะเข้าใจ เพราะเคยดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตเกย์ในอินเดียเหมือนกัน

     "ถ้าอย่างนั้น เราเพิ่มเงินเดือนมากหน่อย แล้วจ้างคนขับรถที่มีการศึกษา พูดฮินดี ได้หรือเปล่า" ฉันยังเซ้าซี้เรื่องมากไม่ยอมปล่อยวางง่ายๆ

     ที่ถามอย่างนั่น เพราะฉันคิดง่ายๆ (อีกแล้ว)ว่า ไปอินเดียคราวนี้ นอกจากจะเรียนทำอาหารอินเดีย เพื่อจะได้รู้จักพืชผักที่วางขายในตลาดทุกชนิดแล้ว เรียนโยคะเพื่อเป็นการออกกำลังกายและผ่อนคลายแล้ว ฉันตั้งใจจะเรียนภาษาฮินดี ซึ่งเป็นภาษากลางของภาษาหนึ่งของอินเดียด้วย ถ้ามีคนที่ต้องใช้เวลาในรถด้วยกันหลายวันในสัปดาห์ น่าจะช่วยให้ฉันพูดเป็นเร็วขึ้น

     หวานใจไม่รู้จะพูดยังไงได้แต่บอกว่า เดี๋ยวไปถึงที่โน่นแล้วค่อยดูอีกทีว่าเป็นไปได้มั้ย




--- เปลี่ยนเรื่อง ---



     คืนนี้มีแมทช์นัดล้างตาระหว่างทีมชาติฝรั่งเศสกับอิตาลีสำหรับยุโรปคัพ ท่าทางถนนคืนนี้ช่วงสองทุ่มกว่าๆถึงสี่ทุ่มจะว่าง เพราะคู่นี้เขาแค้นกันมาตั้งแต่บอลโลกครั้งที่แล้ว คงจะสนุก

     ขนาดหวานใจกับฉันไม่ค่อยจะคลั่งฟุตบอลเสียเท่าไหร่ ยังอดใจนัดหมายเดเด้มานั่งดูที่บ้านไม่ได้ หลังจากนั้นคงจะมีการเปิดแมทช์เล่น Wii นัยว่าเดเด้เห็นภาพที่หลุยส์เล่นกับหวานใจในบล้อกฉันแล้วคันไม้คันมืออยากลองมั่ง

     ส่วนตัวของฉันเอง เป็นโอกาสอันดีที่มีแขกมาที่บ้าน จะได้ลงไม้ลงมือเก็บบ้านให้เรียบร้อยเสียที พอไม่มีแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้ว ฉันไม่หยิบจับเก็บอะไรเลย บ้านรกมาก



     กระเป๋าเดินทางสองใบจากเมืองไทยเปิดกางอ้าอยู่บนพื้นในห้องนั่งเล่นมา 3 วันแล้ว




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 17 มิถุนายน 2551    
Last Update : 18 มิถุนายน 2551 0:13:55 น.
Counter : 1112 Pageviews.  

- 16 Juin 08 - รวบรวมสติ ตั้งสมาธิ รอปัญญา

รวบรวมสติ ตั้งสมาธิ รอปัญญา

Il est temps de me concentrer.(Trop de choses à faire)



     เช้านี้รู้สึกตัวตื่นตอนใกล้หกโมงเช้า

     ตื่นเช้าได้ นอกจากเป็นเพราะเปลี่ยนเวลาจากการเดินทางแล้ว เมื่อคืนยังหลับเร็ว เพราะติดใจวิสกี้ ซิงเกิล มอลต์ ที่ซื้อมาจากร้านดิวตี้ฟรี หยิบเติมอยู่นั่นแหละ จนหวานใจแอบค้อนขวับๆ

     ตื่นมายังงๆ นึกอยู่นานว่าวันนี้เป็นวันอะไร ก่อนจะบอกตัวเองอย่างมั่นอกมั่นใจว่าน่าจะเป็นวันอาทิตย์ มารู้ตัวว่าเป็นวันจันทร์อีกที ก็เมื่อเห็นสามีแต่งตัวไปทำงาน

     ว้าย... วันจันทร์แล้วก็ต้องเริ่มทำงานแล้วสิเนี่ย ตอนนี้มีงานพอกหางหมูเต็มไปหมดเลย หันรีหันขวาง หยิบหนังสือที่แปลค้างอยู่มาเปิดแกะๆเกาๆไปนิดๆหน่อยๆ แต่ก็ทำงานไม่เป็นสุขเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามีอะไรคั่งค้างต้องทำเยอะมาก ขอตั้งสติร่ายเป็นข้อๆ ดังนี้

งานของ กำมะหยี่

- โปรแกรมงานเปิดตัวหนังสือที่เราจะออกวางแผงในเดือนสิงหา

- เมลต้องส่งถึงสนพ.ฝรั่งเศสของ Persepolis สองสามประเด็น

- ดูเรื่องดีไซน์เว็บไซต์ (ผลัดจอยมาตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว)

- ประสานงานเรื่องปก

- ประสานงานนักแปล

- ตามลิขสิทธิ์หนังสือที่หมายตาไว้


งานส่วนตัว

- งานแปล Talk to the Snail แปลไปได้นิดหน่อยแล้ว ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง ไม่ต้องร้อนรนก็ได้ แต่อยากทำให้เสร็จเร็วๆ เพราะไม่รู้ว่าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้จะมีเวลาหรือเปล่า

- งานเขียนคอลัมน์มิวเซ่ฉบับเดือนหน้า แจ้งไปแล้วว่าจะส่งสาย ภายในอาทิตย์นี้

- ออกไปเก็บตุนข้อมูลเพื่อเขียนมิวเซ่ ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ก่อนจะย้ายไปอินเดีย



     อืมม... น่าจะมีแค่นี้นะ โอเคๆ ค่อยมองเห็นภาพหน่อย





แต่ถึงจะงานเยอะขนาดไหน ฉันก็ยังมีอาการเหมือนคนโรคจิต เวลาไม่ค่อยมีเวลาหรือรู้สึกว่ามีอะไรสุมๆรอให้ทำมากมายอยู่ จะเกิดอารมณ์ฮึด อยากอัพบล้อก ทำสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำในทันที เช่น วันนี้ของขึ้น ขณะจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าควรจะทำอะไรก่อนอะไรหลัง ก็ผัดผ่อน ไม่ยอมตั้งสติเรียกปัญญาล่เรียงอะไรทั้งสิ้น หันไปอัพรูปขึ้นบล้อกที่มัลติพลายหลายอัลบั้มแทนเสียอย่างนั้นเอง


เริ่มจาก วิธีการทำ "หมูอบลูกฟีก" ที่หวานใจลงมือเข้าครัวทำให้กินเมื่อคืน ต่อด้วยรวมรูปหลุยส์ และภาพที่ถ่ายในเมืองโคลมาร์ตอนไปเที่ยวจิบไวน์ที่แคว้นอัลซัซเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ใครสนใจตามไปดูรูปเต็มๆ ทั้งหมดได้ -- > ที่นี่




     จบห้วนๆ อย่างนี้แหละ ขอตัวไปทำงานก่อนนะจ๊ะ




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 16 มิถุนายน 2551    
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 17:18:37 น.
Counter : 811 Pageviews.  

- 15 Juin 08 - กลับมาตั้งหลัก

กลับมาตั้งหลัก

Nous retournons en France.



     กลับมาถึงฝรั่งเศสเมื่อเช้าตรู่ เครื่องลงตอนหกโมงนิดๆ

     ลงเครื่องเสร็จ เข้าแถวผ่านด่านศุลกากร ทางการฝรั่งเศสเพิ่งนึกได้ว่าสามารถจัดคิวต่อแถวตรวจเอกสารเข้าประเทศได้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าเดิมด้วยการกั้นแถบให้เดินเรียง แทนที่จะออๆถาโถมเหมือนก่อนหน้านี้

     พอถึงคิวฉัน ฉันยื่นพาสปอร์ตพร้อมกับการ์ต เดอ เซจูร์ หรือการ์ดผู้อาศัย เจ้าหน้าที่เห็นที่อยู่เนยยี่ ซูร์ แซน บนบัตร ถามว่าเนยยี่เป็นยังไงบ้าง ไม่แพงแย่ เหรอ ฉันแปลกใจเล็กน้อยที่เจอคำถามนี้ แต่ไม่คิดอะไรมาตอบไปขำๆว่า ก็โอเค ไม่เป็นไร ฉันมีสามี (คอยจ่ายให้)

     พอเล่าให้หวานใจฟัง หวานใจติดจะฉุนๆนิดๆ บอกว่าเป็นคำถามที่บ่งบอกถึงทัศนคติ discrimination หรือแปลคร่าวๆว่าเลือกปฏิบัติหรือเหยียดผิว เพราะมีนัยหมิ่นแคลนว่าเห็นคนไทยไม่มีเงินมากพอจะอยู่ในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านคนมีเงินแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ถ้าเป็นที่ประเทศแอฟริกาใต้ จะมีเคาน์เตอร์ให้แจ้งความเรื่องนี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว


     ก็ว่ากันไป ฉันว่าเจ้าหน้าที่อาจจะไม่ได้คิดอะไรมากก็ได้ แต่ในทางกลับกัน การทำงานแบบนี้ก็ต้องระมัดระวังไม่น้อย เจอคนคิดมากฟ้องร้องกันได้ง่ายๆ


     พอรับกระเป๋าเรียบร้อย ยกขึ้นรถเข็นเตรียมออกไปยังบริเวณอาคารผู้โดยสาร ฉันกับหวานใจเจอเรียกตรวจสแกนและเปิดกระเป๋าแบบเต็มรูปแบบเลยทีเดียว เจ้าหน้าที่ซักถามว่าซื้ออะไรที่ต้องแจ้งศุลกากรหรือเปล่า แต่ฉันว่าเขาหาพวกสินค้าปลอม สินค้าเถื่อนที่ขึ้นชื่อในประเทศแถบเอเชีย เช่น ประเทศไทยเราเสียมากกว่า คนที่เจอเรียกก่อนหน้านี้เป็นหญิงคนจีน ไม่เห็นมีฝรั่งซักกะคน ฉันเริ่มตระหงิดๆ ว่าเจอมาตรการเลือกปฏิบัติเข้าจังๆแล้วกระมัง

     นั่งแท็กซี่ กลับถึงบ้าน หวานใจชวนลงไปเดินตลาดสดวันอาทิตย์ กลับมา ฉันทำสลัดผักซุปเปอร์เชพ ใส่ทุกอย่างที่ชอบลงไปจนล้นหลาม ทั้งเบคอน เมล็ดสน อะโวคาโด หวานใจเปิดปลาซาร์ดีนกระป๋องกินกับขนมปังทาเนยแนบข้าง



     คืนนี้ จะเป็นคิวหวานใจทำหมูอบลูกฟีกให้กินเป็นอาหารค่ำ




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 15 มิถุนายน 2551    
Last Update : 15 มิถุนายน 2551 19:26:23 น.
Counter : 743 Pageviews.  

- 12 Juin 08 - เลือกวิมานของเรา

เลือกวิมานของเรา

Notre nid d’amour.


ตอนนี้ย้ายโรงแรมมาพักที่โรงแรมประจำ Palm Meadows สปอร์ตคลับไฮโซนอกตัวเมืองบังกาลอร์ ย่าน Whitefield ซึ่งเป็นเขตที่ตั้งของไอทีพาร์ค ที่ทำงานของหวานใจ

ความตั้งใจในครั้งแรกแรกที่ย้ายที่พักสองแห่ง แห่งแรกอยู่ในตัวเมือง กับ แห่งที่สองนอกตัวเมือง แต่ใกล้ที่ทำงานหวานใจ คือ เราจะได้เห็นความแตกต่างเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกบ้านที่เราจะอยู่

ความแตกต่างอย่างแรกที่เห็นชัดๆ คือ การจราจร ตอนอยู่ในเมืองห่างจากที่ทำงานประมาณยี่สิบกว่ากิโลเมตร หวานใจใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เพราะการจราจรติดขัดหนึบหนับ ทั้งช่วงขาไปและขากลับ เมื่อขยับมาอยู่ใกล้ๆ ในย่านเดียวกัน ห่างเพียงสองสามกิโลเมตร ใช้เวลานั่งรถเพียงสิบห้านาที

ในโอกาสต่อๆไปจะเล่าเรื่องการจราจรและย่านไวท์ฟิลด์ให้รับทราบโดยทั่วกัน แต่วันนี้อยากเล่าเรื่องราวการเลือกบ้านมากกว่า


ในการเลือกบ้านครั้งนี้ เรามีนายหน้าจากบริษัทเอเย่นต์อหังสาริมทรัพย์ ชื่อ นิรมล หรือ นีโม่ มารับหน้าที่ขับรถฉวัดเฉวียนพาเราสองสามีภรรยาเยี่ยมชมที่อยู่แบบต่างๆ การเยี่ยมชมบ้าน เริ่มขึ้นเมื่อวันเสาร์ หนึ่งวันหลังจากลงเครื่องมาพักที่โรงแรมโอเบอรอยในตัวเมือง

นิรมล หยั่งเชิงลูกค้าที่มีงบประมาณสูงอย่างเราด้วยการพาไปดูที่อยู่ “อพาร์ทเมนต์ คอนเสปต์” ย่านคนรวยในตัวเมืองก่อน มีทั้งตึกใหม่สูงๆ และตึกเก่าแก่แค่สามสี่ชั้น

ฉันกับหวานใจดูแล้วยังเฉยๆ ได้แต่เก็บไว้เป็นข้อมูลว่ามีที่อยู่ลักษณะนี้อยู่ ใจเราสองคนตรงกัน คือ ที่พักที่เราต้องการต้องมีคาแรคเตอร์ จะบ้าบอ สวยเฉิ่ม (Kitch) ก็ได้ หรือไม่ก็ใหม่ล่าสุดไปเลย แต่ไอ้แบบครึ่งๆกลางๆ ไม่สวยแถมยังไม่สนุก ...เราไม่เอา

อพาร์ทเมนต์แห่งแรกก็แล้ว แห่งที่สองก็แล้ว

พอถึงอพาร์ทเมนต์แห่งที่สามเท่านั้นแหละ ระหว่างที่รอเจ้าของบ้านมาเปิดประตูให้ ฉันก็เหลือบเห็นบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม มีสวนรกรุงรัง บ้านเป็นทรงเหลี่ยมเล่นระดับแบบยุคห้าสิบ สะกิดหวานใจเข้าไปเดินด้อมๆมองๆหน้ารั้ว สบตาหนเดียว เป็นอันรู้กันว่า อยากได้แบบนี้

นิรมลพยายามอธิบายเกลี้ยกล่อมว่าการอยู่อพาร์ทเมนต์จะปลอดภัย มียามดูแลตลอดเวลา มีเพื่อนบ้านอยู่ใกล้ๆ บลาๆๆๆ ถ้าอยู่บ้านเดี่ยวที่เรียกว่า “อินดีเพนเดนต์ เฮ้าส์ คอนเสปต์” เราจะต้องดูแลทุกอย่างเอง ต้องจ้างยามมาเฝ้าตลอดเวลา ต้องจ้างแม่บ้านอยู่ประจำ ต้องดูแลเรื่องไฟฟ้า น้ำ และอื่นๆเองทั้งหมด เพราะระบบสาธารณูปโภคที่นี่ยังไม่ค่อยพัฒนา ไฟฟ้าอาจจะติดๆดับๆ ต้องมีเครื่องปั่นไปเอง น้ำดื่มน้ำใช้ก็ต้องจัดหาซื้อ เก็บกักเอง ขโมยขโจรก็ชุกชุม บลาๆๆๆๆ

แต่คำอธิบายต่างๆนานาก็ไม่อาจเปลี่ยนใจสองสามีภรรยาหน้าใหม่ผู้ดื้อรั้นได้ นิรมลเลยพาไปดูบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้กับสนามบินเก่าที่เพิ่งปิดไป พอไปถึงที่นั่น ฉันกับหวานใจก็ยิ้มออก บ้านเดี่ยวของคนอินเดียที่มีเงินสร้างมีเอกลักษณ์บ่งบอกถึงความ “บ้า” ที่น่ารักของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี บ้านเดี่ยวหลังนั้นมีรูปร่างเหมือนหอคอยตัดครึ่ง มีบันไดวนข้างบ้านขึ้นบนดาดฟ้า ข้างในตกแต่งแบบหลุยส์ ประดับลายทอง ห้องนอนหลัก มีหัวเตียงฝังไฟ ได้ใจมากๆ

สองสามีภรรยาหัวเราะกิ๊กกัก ตาเป็นประกาย เข้าออกห้องต่างๆ ส่งเสียงโอ้โห-อู้หูกันสนุกสนาน

นิรมลเริ่มหวั่นใจว่าเจอลูกค้าเป็นคนบ้าไม่รู้ประสีประสา รู้เท่าไม่ถึงการณ์เข้าแล้ว แต่ถึงจะมึนงงในรสนิยมขนาดไหน ระหว่างทางที่นั่งในรถ เธอก็พยายามติดต่อเพื่อนฝูงหาบ้านเดี่ยวให้เราชมในวันต่อไป




วันอาทิตย์ เว้นหยุดพัก

วันจันทร์บ่าย เป็นคิวของการเยี่ยมชมที่อยู่ไฮโซในย่านไวท์ฟิลด์

อย่างที่บอกไปว่าไวท์ฟิลด์อยู่ใกล้ไอทีพาร์ค ซึ่งเป็นที่ตั้งออฟฟิศบริษัทไอทีต่างชาติมากมาย ดังนั้นย่านนี้จึงมีโครงการอสังหาริมทรัพท์ มีหมู่บ้านสวยๆแพงๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพื่อรองรับชาวต่างชาติที่ถูกส่งตัวมาทำงานที่นี่ รวมทั้งคนอินเดียระดับผู้จัดการ ที่ไม่ต้องการเผชิญกับรถติดทั้งเช้าและเย็น

วันนี้นิรมลซิ่งรถพาเราไปดูบ้านที่อยู่ในโครงการหมู่บ้านแบบต่างๆ เริ่มจาก การเข้าซอยลึก ถนนขรุขระเป็นหลุมกว้าง ไปดูบ้านแบบแชร์ผนัง คล้ายทาวเฮาส์ แต่ตั้งล้อมสี่ด้านรอบสระว่ายน้ำ ภายในมีการเล่นระดับ มีทั้งที่ว่างๆ และที่ช่างกำลังทาสีฉูดฉาดตกแต่งแบบไม่เกรงว่าจะปล่อยเช่าไม่ได้ พร้อมตู้เตียงบิลด์อินตามปกติของทุกบ้าน

หวานใจชอบที่นี่ บอกว่าห่างจากถนนใหญ่เงียบสงบดี ฉันเองไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ว่าควรจะลัดเลาะถนนดินเข้าไปลึกขนาดนั้น ส่วนตัวบ้านและบรรยากาศโดยรอบสะอาดเรียบร้อยเป็นที่น่าพอใจ


ต่อไปเป็นการดูที่พักลักษณะคล้ายๆกัน คือ ตั้งติดแชร์ผนังรอบสระว่ายน้ำ แต่ที่นี่ประตูเข้าโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ อย่างไรก็ตาม บ้านที่เปิดให้เยี่ยมชมตั้งอยู่มุมด้านในสุด ห่างจากถนนใหญ่ เสียงดังลดลงในระดับที่พอรับได้ หลังแรกเป็นบ้านชั้นล่าง มีสวนด้านหลัง ห้องโถงกลางกว้างใหญ่มาก แต่ความกว้างทำให้เพดานดูต่ำลงน่าอึดอัด ห้องครัวไม่ถูกใจ ห้องนอนก็งั้นๆ แถมด้านหลังกำลังมีการก่อสร้างตึกขนาบอยู่



หลังต่อไป ตั้งเป็นมุมฉากกับหลังแรก แต่เริ่มต้นบริเวณที่ชั้นสอง ขึ้นบันไดที่ทอดขึ้นบ้านยูนิตนี้เท่านั้น เปิดประตูเข้าไป ฉันถึงกับร้องว้าว ถูกอกถูกใจมาก เพราะห้องโถงเพดานสูงโปร่ง มีระเบียงกว้างขวาง แถมได้ชั้นดาดฟ้าทั้งชั้น วิวด้านหลังเป็นทุ่งและทะเลสาบ

ติดอยู่ก็แต่ว่า มีการก่อสร้างอาคารใหม่แนบขนาบทั้งสองด้าน ... อย่างไรก็ตาม นิรมลบอกว่าการก่อสร้างที่นี่เสร็จเร็วมาก เดือนสิงหาก็ทำข้างนอกเสร็จแล้ว เหลือแต่ตกแต่งข้างใน

แต่ก็นั่นแหละที่เป็นปัญหา เพราะถ้ามันเสร็จเร็ว ไอ้ตึกที่ผุดขึ้นมามันจะบังวิวทะเลสาบไปหมดน่ะสิ

เฮ่อ คะแนนตกไปเล็กน้อย แต่ยังคงได้คะแนนสูงสุดอยู่

ออกจากที่นั่น นิรมลพาไปดูบ้านที่เจ้าของบ้านสร้างติดทาวเฮาส์สามยูนิตติดกัน อยู่เองสองยูนิต ให้เช่าหนึ่งยูนิต แต่งด้วยหินอ่อนและเล่นสีสันสีเหลือง ให้ความสำคัญกับรายละเอียดด้วยการตกแต่งแบบอินเดียทางใต้ ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากคือห้องนอนใหญ่ข้างบนสุดกินพื้นที่ทั้งหมดของชั้น กว้างมาก แถมมีกิมมิคห้องส้วมห้องน้ำเป็นแบบเปิดโล่ง ก่อปูนกั้นขึ้นมาเมตรกว่าๆเท่านั้น

ฉันกับหวานใจกระดิกกระดี๊กันมาก แต่นิรมลแอบกังวลมากระซิบถามฉันว่า “เวลา poopoo (อึ๊) ไม่เหม็นแย่เหรอ”

“ไม่เป็นไรหรอก เราสองคนไม่ poopoo” ฉันตอบไปหน้าตาเฉย

ถึงแม้เท่าที่ดูมา บ้านหลังนี้ดู “คิด” มากที่สุด มีการแทรกสัญลักษณ์ประจำประเทศ และมีความบ้าบิ่นพอได้คะแนนเต็มสำหรับห้องนอนใหญ่มโหฬารข้างบน แต่การอยู่ติดๆกับเจ้าของบ้านที่ดูท่าทางเจ้าระเบียบเคร่งครัด ถึงจะมั่นใจว่าเรื่องน้ำเรื่องไฟ เรื่องความไม่สะดวกต่างๆ ในบ้านจะได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว แต่ในทางกลับกันฉันรู้สึกอึดอัดว่าจะมีสายตาคอยสอดส่องมองดูตลอดเวลา บรื๊ออออ…

หวานใจเห็นด้วย อีกเช่นกัน สรุปว่า สอบตก



รายการต่อไป เป็นบ้านในหมู่บ้านเดี่ยวแต่ตั้งติดๆ หันหน้าเข้าหากันทั้งสองด้าน เจ้าของบ้านทาสีตัวบ้านทั้งหลังรวมทั้งกำแพงบ้านเป็นสีชมพู ชวนให้ฉันนึกถึงช่วงชีวิตตอนที่ฉันพักอยู่กับพ่อในตัวจังหวัดระยองสมัยเรียนมอต้น ตอนนั้นมีนายกเทศมนตรีที่ชอบเพลงสีชมพูและเพลง “วิมาณสีชมพู” ที่เริ่มต้นว่า “วิมาณแห่งนี้ สีชมพูพูพูพูพู สีแห่งรักงามหรู....” มาก ขนาดให้เปิดส่งเสียงตามสายทุกวันหลังเพลงชาติ

และท่านนกยกเทศมนตรีท่านนั้นยังสั่งให้ทาสิ่งประดับต่างๆ เช่นกระถางต้นไม้ริมทาง และอื่นๆ เป็นสีชมพูด้วย ภาพกระถางสีชมพูเหล่านั้นยังติดตามาจนถึงทุกวันนี้

กลับเข้าเรื่องบ้านต่อ... บ้านในหมู่บ้านนี้มีการอกแบบพื้นที่ใช้สอยไว้กว้างขวางดี หลังคาเพดานสูง มีระเบียง มีสวนหลังบ้านติดกำแพงสีชมพู หวานใจบอกว่าจิลล์กับครอบครัวเคยอยู่หมู่บ้านนี้ ฉันถามว่า "แล้วทำไมพวกเขาถึงย้ายออกไปล่ะ” หวานใจบอกไม่รู้เหมือนกัน

ดูบ้านสีชมพูเสร็จ นิรมลเปิดประตูบ้านหลังติดๆกันให้เยี่ยมชม ข้างในแพลนเดียวกันเปี๊ยบ จะต่างก็แต่แทนที่ตัวบ้านและกำแพงจะเป็นสีชมพูก็เป็นสีฟ้าทั้งหลังแทน

ถึงหวานใจจะบอกว่าไม่รังเกียจบ้านลูกกวาดทาสีชมพูกับสีฟ้าทั้งหลังแบบนี้ เพราะข้างในบ้านกว้างขวางโปร่งสบายดี แต่ฉันยังไม่ถูกใจสักเท่าไหร่ เพราะฝังใจกับภาพวัยเด็กที่ผ่านมา และชอบบ้านเพดานสูงโล่งที่เห็นก่อนหน้ามากกว่า



ปิดท้ายรายการเยี่ยมชมวันนั้นด้วยหมู่บ้านไฮเอ็นสองแห่งซึ่งเลื่องลือในหมู่ชาวตะวันตกผู้เข้ามาอยู่บังกาลอร์ว่าเป็นหมู่บ้านที่ “ปลอดภัย” ที่สุด ฉันได้ยินชื่อเสียงระบือไกลตั้งแต่อยู่ฝรั่งเศส หมู่บ้านทั้งสอง ชื่อ โอโซน กับ ปาล์มเมโดวส์

แวะไปที่โอโซนก่อน ที่นี่เป็นโครงการบ้านจัดสรรเปิดใหม่ล่าสุดและกำลังได้รับการกล่าวขวัญอยู่ในสมัยนิยมว่าเก๋ เพราะมีสปอร์ตคลับ มีสปาอย่างดี กำลังมาแรงใกล้จะแซงปาล์ม เมโดวส์ ที่ยึดตลาดฝรั่งและคนรวยได้แล้ว


แต่พอเข้าไปดูบ้านที่เปิดให้เช่าจริงๆ ฉันกับหวานใจก็ต้องผิดหวัง เพราะตัวบ้านที่อยู่ในงบประมาณ (ซึ่งก็ไม่น้อยเลยนะ) กลับได้แค่บ้านขนาดเล็กที่แคบอึดอัด ไร้เสน่ห์ ไม่น่าอยู่อย่างยิ่ง บ้านตั้งเป็นแถวๆ หน้าตาเหมือนกันหมด ไม่เหมาะกับเราสองคนอย่างยิ่ง

เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ชอบคอนเสปท์หมู่บ้านเป็นแถวๆแบบนี้จริงๆ หรือว่าเป็นเพราะเราไม่ถูกใจแบบบ้านที่โอโซนเท่านั้น เราก็เลยลองไปดูที่ปาล์ม เมโดวส์ กัน

และเมื่อเข้าไปยังอาณาเขตของหมู่บ้านที่ใหญ่โต หรูหรา โดดเด่นที่สุดในบังกาลอร์แห่งนี้ เมื่อได้เห็นบ้านตั้งเป็นแถวแนวตลอดทั้งสองข้างทางมากมายแบบนั้น เมื่อเข้าไปในบ้านที่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษพิสดารสมกับราคาเลยแม้แต่น้อย



เราสองคนก็ตัดสินใจได้


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 12 มิถุนายน 2551    
Last Update : 13 มิถุนายน 2551 11:20:29 น.
Counter : 833 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.