- 09 SEPTEMBRE 07

กูร์เมต์ ไรเตอร์ มือใหม่เอี่ยม

--- Et si j'étais une 'gourmet writer'... ---


     พักจากงานแปลหนังสือเล่มใหม่ เรื่อง 'On s'habitue aux fins du monde'(แปลคร่าวๆ จากเนื้อเรื่องว่า “ช้ำจนชิน”) ของ Martin Page หนึ่งในนักเขียน "ในสังกัด" ของฉัน มาอัพบล้อก

     หยิบเล่มนี้มาทำก่อนเพราะความรู้สึกผิดกระตุ้น เนื่องจากมีวี่แววว่าจะเสร็จไม่ทันกำหนดที่ผลัดแล้วผลัดเล่ากับเจ๊นวล ณ วงกลม โดยแช่เค็มต้นฉบับ Vous revoir เตรียมไว้เกลารอบสอง เมื่อโอกาสอำนวย (หรือบ.ก.แอน ณ แพรว สนพ.เริ่มทวง)

     หลังจากไม่ได้จับงานแปลนิยายมาเป็นเดือน บางครั้งรู้สึกเหมือนแปลได้โลดลิ่วคล่องแคล่วจนแอบแปลกใจตัวเอง เอ..หรือวิชาจะเข้าฝัก แต่บางช่วง แปลฝืดจนต้องเบือนหน้าหนีจากจอ ... ไอ้เจ้าวิชานี่มันเข้าฝักไม่สม่ำเสมอเลยเว้ย

     ช่วงนี้กลับมาอยู่บ้านระยอง เพื่อดำเนินเรื่องการเปลี่ยนสถานภาพการเป็น "มาดาม" (ซึ่งฉันหมายถึงการเป็น "นาง" ไม่ใช่การเป็น "คุณนาย") ให้เสร็จเรียบร้อย เป็นต้นว่า เอกสารส่วนตัวต่างๆ เช่น บัตรประชาชน ชื่อในทะเบียนบ้าน และที่สำคัญคือ พาสปอร์ต จะได้เอาไปประกอบยื่นเรื่องขอวีซ่าติดตาม "ซะมี" ไปมีชีวิตคู่อยู่ในตู้เย็นยี่ห้อลาฟรองซ์

     หวานใจเจ้าประคุณซะมีโทรศัพท์มาหาทุกวันวันละสองครั้ง เช้าหนเย็นหน... น่าร๊ากกก...เหมียนเดิม (บางครั้งคล้ายจะมากกว่าเดิม) วันนี้เราตกลงกันแล้วว่า ในเบื้องต้นนี้ฉันไม่ต้องไปทำเรื่องเติมนามสกุลเดิมของฉันมาเป็นชื่อกลางในเอกสารของทางราชการหรอก ถ้าอยากเติมในนามปากกาหนังสือแปลก็เติมไปเลย เพราะไม่แน่ใจว่าถ้าทำเรื่องเป็นทางการจะต้องเติมชื่อลงในสมุดครอบครัวที่ทางกงสุลฝรั่งเศสออกให้หลังการจดทะเบียนสมรสหรือเปล่า


     ถ้าต้องเปลี่ยนเล่ม อาจจะต้องใช้เวลานาน ทำสิ่งที่มันเรียบง่ายไม่ต้องวุ่นวายมากก่อน จะได้ไม่ต้องหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตั๋วเครื่องบินเราก็ซื้อไว้แล้ว ถ้าเกิดเติมชื่อกลาง แล้วต้องรอโน่นรอนี่ ต้องเลื่อนการเดินทางออกไปยืดยาว หัวใจของเราสองคนจะรอไม่ไหว (อันนี้ฉันเติมเอง ให้หวานหยดย้อยเล่นๆ) แล้วที่นั่งเครื่องบินช่วงปลายปีก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ

     การเดินทางเที่ยวนี้ หวานใจเก็บสะสมไมเลจได้พอจะแลกตั๋ว กรุงเทพ-ปารีส-กรุงเทพ ให้ฉันนั่งๆ นอนๆ กินๆ ดื่มๆ ดูหนังๆ ในชั้นธุรกิจเชียวนะ -- ตรงนี้ล่ะ ใครจะคิดว่าเป็น 'มาดาม' ในเชิงคุณนายก็กรุณาคิดไป แต่สาวๆ ชาวไทยที่อ่านต้องใช้วิจารณญาณ ต้องไม่ลืมนะคะว่าฝรั่งไม่ใช่เทวดา ไมเลจแลกตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจไม่ได้ปลุกเสกขึ้นจากปลายนิ้วมาให้แลกได้บ่อยๆ


     เอาล่ะ มาเข้าความตามหัวเรื่องกันดีกว่า

     วันนี้ ฉันกะจะลองเขียนเกี่ยวกับร้านอาหารที่มีโอกาสไปรับประทานเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว หนึ่งในงานเขียนที่ฉันอยากทำมากๆ ประเภทหนึ่งก็คือการเขียนถึงอาหาร ทั้งที่ทำเองและอาหารตามร้านอาหาร

     มื้อนั้นเป็นมื้อที่ฉันกับหวานใจตั้งใจจะฉลองการร่วมชีวิตอย่างเป็นทางการของเราเพียงลำพังสองคนจริงๆ เสียที เพราะคืนวันพฤหัสไปกินกับ "ชาวหนอน" - ที่ศูนย์อาหารมาบุญครอง เพราะฉันพาหวานใจไปเที่ยว "สภาหนอน" ซึ่งเป็นการนัดสังสรรค์กันของสมาชิกแคนอนคลับแห่งเวบพันทิบ


     ส่วนคืนวันศุกร์ ไปร่วมวง "ชมรมวันศุกร์" กับชาวมติชน ก่อนจะไปต่อที่ "กางแปลงผับ" (ตามลิงก์ทางขวามือก็ไปดูรุปในเวบอัลบัมได้ที่ - Multiply ค่ะ) วันเสาร์-หวานใจไปเยี่ยมลูกๆ ที่ขอนแก่น กลับเช้าวันจันทร์

     เราตกลงกันว่าจะเป็นอาหารฝรั่งเศส ตอนแรกนึกถึง เลอ นอร์มองดี ที่โอเรียลเต็ล แต่ติดขัดว่าหวานใจไม่ได้เอากางเกงผ้ามา และที่นั่นเขาไม่อนุญาตให้นุ่งกางเกงยีนส์หรือกางเกงหน้าตาคล้ายกางเกงยีนส์ (ผ้าหนาๆ) เข้าไป

     งั้นไปที่อื่น ลองหาในอินเตอร์เน็ต ได้ร้านชื่อ เลอ วองโดม (Le Vendome ) อยู่ในซอยสุขุมวิท 31 (ซอยสวัสดี) โทรฯสำรองโต๊ะไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท เผื่อใครเขาจองเหมาทั้งร้านหรือที่นั่งไม่พอ ต้องไปยืนรอ ต้องหาร้านอื่นตอนกำลังหิวๆ เดี๋ยวจะหงุดหงิดไปกันใหญ่ ไม่คุ้ม

     วองโดม เป็นชื่อย่านหรูหรากลางกรุงปารีส ที่มีร้านค้าขายสินค้ามียี่ห้อตั้งอยู่มากมาย ส่วนร้านอาหาร เลอ วองโดมที่กรุงเทพ ย้ายที่ตั้งจากตึกออลซีซันเพลซ บนถนนวิทยุ มาอยู่ที่ซอยสวัสดีมาเป็นปีแล้ว

     ฉันกับหวานใจนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานพร้อมพงศ์ หลังจากเดินย้อนขึ้นและหาแท็กซี่เข้าซอยได้ยากมาก เนื่องจากมีไฟแดงตรงนั้นพอดี รถแท็กซี่จะจอดก็จอดไมได้ เกรงใจคันหลัง ฉันต้องเดินเลยซอยไปขึ้นแท็กซี่ที่จอดรอไฟแดง จึงขอแนะนำให้ลงที่สถานีอโศกแล้วนั่งรถแท็กซี่ต่อเข้าซอยจะสะดวกกว่ามาก

     เข้าซอยตรงไปจะถึงสี่แยก เลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาตามเส้นทางบังคับ ตรงไปถึงสามแยก จงตรงไปไม่ต้องเลี้ยวซ้าย สักห้าสิบเมตรจะเห็นป้ายร้านหน้าบ้านทางขวามือ


     เมื่อเข้าไปถึง พนักงานพาเดินลอดทางเดินเลียบสระว่ายน้ำจนถึงบริเวณร้านอาหาร บรรยากาศในร้านสบายๆ ไม่ได้หรูหราจนลูกค้าเกร็ง แต่สะอาดสะอ้าน พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส สุภาพนอบน้อมแต่ไม่ถึงกับนบนอบจนฉันรู้สึกกระดาก

     ในเมนูเป็นอาหารฝรั่งเศสแบบฟิวชั่น หมายถึง มีการผสมผสานเครื่องปรุงจากหลากหลายชาติ จัดแต่งสวยงาม สบายตาน่าดูและปริมาณไม่มาก ประกอบด้วย อองเทร่ หรืออาหารเรียกน้ำย่อย ต่อด้วยเมนคอร์ส-อาหารจานหลัก และของหวาน

     เครื่องดื่มมื้อนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นไวน์ - หวานใจเลือกไวน์บอร์โดซ์ Chateau Lafon Rochet ไวน์ Saint-Estèphe ปี 1990

     ก่อนหน้าอองเทร่ ทางร้านเสริฟแฮมแห้งสอดใส่ผักหัวหอมกับครีมมาสยบเสียงท้องร้องก่อน เป็นรายการพิเศษจากเชฟ

     และอองเทร่ - เราสองคนเลือก หอยเชลล์ญี่ปุ่นมากับหน่อไม้ฝรั่งขาว กับ ฟัวร์กราส์กับแอปเปิลเขียวผัดตะไคร้ -- ตับเป็ดกัดแล้วมีน้ำมันหอมๆ กระเซ็นในปาก ตัดแอปเปิลเขียวกินแก้เลี่ยนแบบนุ่มๆ กำลังดี

     หมดจานนี้ มีเชอเบ็ตส้มสีแดงเปรี้ยวปริ๊ด เย็นชื่นลิ้นมาล้างปากคั่นรายการและรสชาติอาหารไม่ให้ปะปนกัน คนละหนึ่งช้อนชา ตามธรรมเนียมโต๊ะอาหารฝรั่งเศส


     แล้วต่อด้วย น่องเป็ดแช่น้ำมันทอดกรอบ กับ ตุ่นเนื้อแก้มวัวแบบโปรวองซ์ เนื้อนุ่ม กัดกินแล้วแทบละลายในปาก ดื่มไวน์รสชาติเบาๆ ละเมียดละไมตามเข้าไปด้วยเล็กน้อยเพิ่มความรู้สึกกลมกล่อมในปาก นี่ล่ะค่ะ... เสน่ห์ของอาหารฝรั่งเศส

     อาหารหมดจาน ไวน์หมดพอดี ตบท้ายรายการ ด้วยเหล้าเรียกน้ำย่อยตามระเบียบ (ของเรา) สั่ง พัวซ์วิลเลียม (40 ดีกรี) แล้วออกไปนั่งข้างนอก ทางร้านแถมของหวานเป็นครีมเข้มข้นหวานมันมากับครีมช็อคโกแล็ตที่เข้มข้นพอกัน



     สรุปว่าเป็นร้านอาหารที่น่านั่ง สบายๆ ไม่ต้องเกร็ง อาหารไม่เลวเลยทีเดียว ราคาไม่ถึงกับแพงจนหูฉี่สำหรับโอกาสพิเศษ หวานใจบอกว่าในไวน์ลิสต์มีไวน์ดีๆ ไม่น้อยทีเดียว



      ส่วนกูร์เมต์ไรติ้งชิ้นแรกของฉัน คงจะต้องปรับปรุงอีกเยอะ เพราะฉันออกแนว กูร์มองต์ (Gourmand- ตะกละ) มากกว่ากูร์เมต์ (Gourmet - ช่างกิน)

     สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ต้องศึกษาหาบทความประเภทนี้มาอ่านก่อนเป็นแนวทางว่าเขาเขียนถึงแง่มุมไหนกันบ้าง ถ้าไม่ใช่การเขียนเชียร์ร้าน ต้องหาวิธีการสื่อความรู้สึกของรสชาติอาหาร ฉันก็ยังไม่มีศัพท์แสงที่เพียงพอสำหรับบรรยายความรู้สึก ชื่ออาหารและส่วนผสมของอาหารแต่ละชนิดก็ยังจำไม่ค่อยแม่น อ่านแล้วไม่รู้ว่คนอ่านจะนึกออกหรือเปล่า

     จะดีอยู่อย่างก็เรื่องรูปถ่ายอาหารที่คงไม่ต้องเป็นห่วงมากเท่าไหร่ เพราะฝึกปรือฝีมือมาตั้งสองสามปีแล้ว ... แต่ยังไงก็อาจจะต้องลองปรับแต่งกับโฟโตชอฟบ้าง เพื่อเพิ่มความน่าดูน่ากินยิ่งขึ้นไปอีก

     ...เฮ่อ มีอะไรต้องทำตั้งเยอะนะเนี่ย...กว่าจะได้เป็นกูร์เมต์ ไรเตอร์




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 09 กันยายน 2550    
Last Update : 11 ตุลาคม 2552 15:41:37 น.
Counter : 3132 Pageviews.  

- 05 SEPTEMBRE 07

สุดท้าย ..ก็ได้เป็นมาดาม

---Je suis enfin mariée. ---


     อืดๆ ฉืดๆ เข้า-ออกบล้อกมาหลายรอบ แต่ก็ไม่ได้ฤกษ์ อารมณ์อยากเล่าเรื่องยังไม่มาเสียที

      ตอนนี้กำลังใช้บริการ "สีนิล" เครื่องพีซีสำรองตัวดำขลับที่ซื้อเอาไว้เผื่อชมพู่โน้ตบุ๊คน้อยคู่ใจจะเป็นอะไรไปกะทันหัน

     แล้วก็ถึงเวลานั้นจริงๆ ... เมื่อวาน หลังจากส่งไฟล์แปลข่าวให้ทางช่องเก้าเสร็จเรียบร้อย เน็ตที่ต่อด้วยสายโทรศัพท์หลุด ต่อใหม่อีกกี่รอบก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ทดลองตรวจสอบสายโทรศัพท์ดู ไม่มีปัญหาอะไร

     หันมาจะใช้สีนิลแก้ขัด อ้าว... อะแด็ปเตอร์โมเด็มหายไปไหนหว่า ใช้เวลาตามหากว่าครึ่งค่อนชั่วโมง ไปเจอในลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ของพ่อ สงสัยว่าพ่อจะเก็บไปรวมหลังจากย้ายสลับห้องกัน แล้วฉันเอาอะแด็ปเตอร์ไปวางใกล้ๆ กองสายไฟ-ปลั๊กไฟของพ่อ พ่อเลยเก็บโลด

     วันนี้ตามคุณสมยศ ช่างคอมพ์เข้าประจำมาดู ปรากฏว่าชมพู่โมเด็มเสีย ถ้าจะเปลี่ยนหรือซ่อมต้องส่งศูนย์อย่างเดียว ... งั้นก็เอาไว้ก่อน เดี๋ยวเข้ากรุงเทพฯ จะลองหยิบไปส่งให้ศูนย์ดู ถ้าราคาไม่แพงมากอาจจะเปลี่ยน แต่ถ้าแพงเกิน ก็ช่างมัน เพราะปกติเวลาอยู่ฝรั่งเศสใช้อินเตอร์เน็ตไวร์เลสอยู่แล้ว จะใช้เน็ตสายโทรศัพท์ก็ตอนที่อยู่ระยองเท่านั้น และฉันจะอยู่ที่นี่อีกไม่นานแล้ว

     ใช่แล้วค่ะ... อีกสองเดือน ฉันจะย้ายไปตั้งรกรากมีชีวิตคู่อยู่ที่ฝรั่งเศสเป็นการถาวรกว่าที่แล้วๆ มาในชีวิต

     เพราะตอนนี้ ฉันแต่งงานแล้วค่ะ ...เป็น "นางอธิชา กาบุล็อง" แล้ว

     ("กาบุล็อง" ออกเสียงตามใบสมรส แต่ให้ตายเถอะ ฉันอ่านและฟังหวานใจออกเสียงยังไงก็ "กาบุลง" อยู่ดี)

     ตั้งใจว่าจะเอา "มัญชุนากร" นามสกุลของตัวเองมาตั้งเป็นชื่อกลางด้วย จึงจะเป็น "อธิชา มัญชุนากร กาบุล็อง" แต่ยังลังเลอยู่ว่าจะเริ่มใช้ชื่อยาวๆ นี่ในงานแปลเล่มต่อไปเลยดีหรือเปล่า หรือจะยังใช่ ชื่อ-นามสกุล แบบเดิมไว้ ... เอาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยตัดสินใจ

     เล่าเรื่องการ(จดทะเบียน)สมรสดีกว่า


     วันที่ฉันเปลี่ยนสถานภาพการสมรสคือ วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม 2550


     ก่อนหน้านั้นสามสี่วันเป็นช่วงเวลาลุ้นเรื่องเอกสารเพราะต้องนำเอกสารบางส่วนทยอยไปรับรองที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ที่แจ้งวัฒนะ

     วันอาทิตย์ - ขณะที่นั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปสมทบกับหวานใจที่มาถึงตั้งแต่เช้าจากฝรั่งเศสที่โรงแรมพระนครนอนเล่น ฉันนึกขึ้นได้ว่าควรจะจ้างเมสเซนเจอร์สักคนมาเดินเรื่องนำเอกสารใบรับรองโสดของหวานใจที่เราจะต้องไปรับที่สถานกงสุลฝรั่งเศสไปประทับตรารับรองที่กรมการกงสุลแถวแจ้งวัฒนะแทน เราจะได้มีเวลาทำอย่างอื่นกัน ไม่ต้องเดินเรื่องเองทั้งหมด

     โทรศัพท์หาพี่ปลา เพื่อนร่วมงานเก่าสมัยฉันทำงานออฟฟิศอยู่กรุงเทพฯ เมื่อ 5-6 ปีก่อน พี่ปลาทำงานเป็นออฟฟิศเมเนเจอร์ที่คุ้นเคยกับงานเอกสาร ตระเตรียม ยื่น ติดตาม ฯลฯ ฉันคิดว่านอกจากเมสเซนเจอร์ประจำบริษัทแล้ว พี่ปลาอาจจะรู้จักหรือใช้งานเมสเซนเจอร์นอกที่ไว้ใจได้

     และเป็นไปดังคาด พี่ปลาให้เบอร์โทรศัพท์ของ "ตี๋" ผู้คุมคิวเมสเซนเจอร์อิสระ ฉันติดต่อนัดแนะเรื่องการมารับ-ส่ง เตรียมเอกสาร พี่ปลาแสนดีเป็นธุระจัดเตรียมเรื่องใบมอบอำนาจให้อย่างพรักพร้อม น่ารักจริงๆ


     วันจันทร์เช้า - ฉันกับหวานใจนั่งเรือจากท่าเทเวศร์ไปท่าโอเรียลเต็ล รับเอกสารเสร็จส่งให้คุณสมาน "มือขวา" ของตี๋ ที่แวะไปเอาจดหมายมอบอำนาจที่ออฟฟิศพี่ปลามาให้ฉันเซ็น พร้อมกับรับเอกสารรับรองโสดของหวานใจ ก่อนจะบึ่งไปแจ้งวัฒนะ

     หนึ่งชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์เข้า คุณสมานแจ้งว่า คนที่ต้องออกจดหมายมอบอำนาจต้องเป็นหวานใจ ไม่ใช่ฉัน เพราะเอกสารที่จะให้รับรองเป็นเอกสารของหวานใจ

--- แป่ว 1 ---



     ไม่เป็นไร นัดไปเจอกันที่ออฟฟิศพี่ปลาแถวนานาก็ได้ เพราะฉันนัดเลี้ยงข้าวกลางวันพี่ปลาและแนะนำหวานใจให้รู้จักพี่ปลาอยู่แล้ว กินอาหารญี่ปุ่นใต้ตึกเพลินจิตกันเสร็จ ขึ้นออฟฟิศ พี่ปลาเป็นธุระกรอกเอกสารให้ใหม่ ถ่ายเอกสารพาสปอร์ตของหวานใจเสร็จสรรพ

     คุณสมานรับเอกสารกลับไปเตรียมยื่นวันรุ่งขึ้น ฉันให้เงินไป 400 บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับรับรองเอกสารแบบด่วน ยื่นแล้วได้เลยภายในหนึ่งวัน


     วันอังคารเช้า - หลังจากกินอาหารเช้าด้านล่าง ฉันกับหวานใจขึ้นห้องพัก บนโทรศัพท์มือถือของฉันมีมิสส์คอลล์ขึ้นเป็นสิบครั้ง มีของพี่ปลาด้วย ฉันสังหรณ์ใจว่าต้องมีเหตุขัดข้องเกิดขึ้น โทรกลับไปหาพี่ปลา ใจเต้นตึกๆ

     พี่ปลาเล่าว่า ทางกรมกงสุลคิดค่ารับรองเอกสาร 800 บาท ถึงแม้ว่าจะเป็นเอกสารตัวเดียวกันแต่มีสองแผ่นเป็นภาษาไทยหนึ่งแผ่นกับภาษาฝรั่งเศสอีกหนึ่งแผ่น แต่คุณสมานมีเงินไปแค่ 600 บาท โทรหาฉันก็ไม่มีคนรับสาย เพราะฉันไม่ได้เอามือถือลงไปกินข้าวเช้าด้วย

--- แป่ว 2 ---


     พี่ปลาเลยตัดสินใจให้ยื่นไปในอัตราปกติคือ 400 บาท และจะได้เอกสารวันพฤหัสฯ

     ถึงแม้ว่าจะยังพอมีเวลาอยู่ แต่ก็จะเฉียดฉิวมาก แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย และหวังว่าจะไม่มีอาการแป่วเกิดขึ้นอีกรอบ

     เมื่อเป็นดังนี้ คุณสมานต้องไปรับเอกสารตอนเช้าตรู่วันพฤหัสแล้วตีกลับมาให้ฉันที่เขตพระนครเลย ถ้าจะเลื่อนไปอีกก็จะวุ่นวายต้องเปลี่ยนแปลงตารางกันหลายฝ่าย เพราะฉันได้จองห้องให้เพื่อนสาวๆ รัตน์กับจอย ที่จะมาเป็นพยานการจดทะเบียนให้ในคืนวันพุธ

     เนื่องจากสองคนอยู่คนละมุมเมือง จากแผนเดิมที่จะจดทะเบียนที่เขตบางรัก ก็ต้องเลื่อนมาที่เขตพระนคร เพราะเขตบางรักรถติดมากในตอนเช้า เพื่อนทั้งสองอาจจะไม่ค่อยสะดวกมากันไม่ครอบตามเวลา และหากต้องรอกันไปรอกันมาจะยุ่งเหยิงมากเข้าไปอีก ฉันเลยเสนอให้มานอนเก็บตัวอยู่ใกล้ๆ กันเลย


     วันพุธ - ถึงแม้ฝนจะตกหนัก ฉันก็ยืนยันว่าเราสองคนต้องลองไปสำรวจดูลาดเลา ดูว่าสำนักงานเขตตั้งอยู่ที่ไหน จะต้องใช้เวลาเดินทางเท่าไหร่ แล้วการจดทะเบียนกินเวลานานไหม และถือโอกาสนำสำเนาเอกสารที่มีอยู่ไปตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่เขตพระนครก่อนด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีเอกสารครบถ้วนถูกต้องเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นจดทะเบียนได้เลย ไม่มีอะไรขาดไปให้ใจหายใจคว่ำ

     พอไปถึง เจ้าหน้าที่ตรวจดูเอกสาร แล้วบอกว่าต้องใช้ใบทะเบียนหย่าของหวานใจด้วย แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างเราสองคนบ้างเพราะหวานใจหย่าที่เขตพระนครพอดี เจ้าหน้าที่เลยให้ทำเรื่องขอคัดสำเนาที่นั่นเลยทีเดียว และให้แบบฟอร์มคำร้องขอจดทะเบียนสมรสมากรอกล่วงหน้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลา



     วันพฤหัส - ฉันตื่นแต่เช้า นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นเต้นกลัวจะมีเหตุขลุกขลักเกิดขึ้นอีก ช่างเสริมสวยที่นัดไว้เดินทางมาถึงตอนแปดโมง ขณะนั่งให้เขาแต่งหน้า-ทำผม ในใจฉันภาวนาตลอดเวลาว่า ขออย่าให้มีโทรศัพท์จากคุณสมานมาแจ้งข้อขัดข้องอะไรอื่นอีกเลย

     แฮ่ม...ตอนแรกๆ ฉันไม่ได้คิดว่า การจดทะเบียนจะต้องแต่งหน้าทำผม หรือแต่งตัวสวยๆ หรอก แต่พอใกล้เวลาเข้ามาทุกที พอเห็นกำหนดเป็นรูปเป็นร่าง ฉันกับหวานใจเห็นดีด้วยกันว่า เราน่าใส่ชุดที่พิเศษกว่าปกตินิดนึง อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉันที่จะมีวันอย่างนี้ (ส่วนจะเป็นครั้งสุดท้ายหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้ ฮ่าๆ)

     เราเลยซื้อเสื้อจากร้าน SODA ที่ฉันชื่นชอบมานาน แต่เห็นราคาแล้วตัดใจซื้อไม่เคยลง ส่วนหวานใจซื้อเสื้อเข้าชุดเป็นธีมใกล้เคียงกัน สำหรับเรื่องหน้า-ผม ฉันได้ประสบการณ์จากการถ่ายรูปลงข่าวตอนเปิดตัวนิโกโปลว่า ถึงจะไม่ชอบ ไม่ใช่ตัวเองในชีวิตประจำวัน แต่ถ้ามีการถ่ายรูปในโอกาสพิเศษ แล้วไม่อยากเสียใจในภายหลังว่าหัวกระเจิงหน้ามันแผล็บ ก็สมควรแต่งหน้าทำผมเผ้าให้ดูดีไว้ก่อน ไม่เห็นจะเสียหายต้องตั้งแง่รังเกียจที่ตรงไหน

     เก้าโมงครึ่ง คุณสมาน ชายผู้กำการเริ่มต้นชีวิตแต่งงานของเราสองคน ผู้มีพาสพอร์ตตัวจริงของหวานใจและบัตรประชาชนของฉันอยู่ในมือบึ่งมอเตอร์ไซค์มาถึงโรงแรมพร้อมเอกสารที่ผ่านการรับรองเรียบร้อย

     เอกสารพร้อม เจ้าบ่าว-เจ้าสาว พยานสองคนมาแล้ว ห้าชีวิตเดินขึ้นชั้นสองของตึกสำนักงานเขตพระนคร

     ขั้นตอนการจดทะเบียนเรียบร้อยราบรื่นดี ในห้องทะเบียนไม่มี "ลูกค้า" รายอื่น เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำงานรวดเร็วมีประสิทธิภาพ น่าชื่นชม กลุ่มของเราเฮฮาปราศรัย ผลัดกันถ่ายรูป ผลัดกันเป็นแบบตลอดรายการ ทำเอาห้องทะเบียนเงียบเหงาคึกคักขึ้นมาไม่น้อย

     จะมีขลุกขลักผิดแผนนิดนึง ก็ อรุณรัตน์ แม่เพื่อนสาวน่ะสิ ทำบัตรประชาชนหายตั้งนานแล้วและไม่ว่างไปแจ้งความทำใหม่เสียที คุณเธอมีแต่สำเนา และกะว่าจะใช้ใบขับขี่ช่วยยืนยันเหมือนที่เคยทำสำเร็จมาก่อนหน้านี้ แต่คราวนี้เจ้าหน้าที่ไม่ยอม

     คุณนายก็เลยงัดลูกอ้อนออกมาประมาณ 60 กว่าเล่มเกวียน จนเจ้าหน้าที่ใจอ่อน ยอมให้เซ็นชื่อเป็นล่าม แต่ไม่ให้เป็นพยาน

     จึงมีพยานขาดไปคนนึง แต่ไม่ต้องห่วง ไม่มีการแป่ว เพราะฉันได้เตรียมพยานตัวสำรองเอาไว้แล้ว ตั้งแต่รู้เมื่อวานว่าคุณนายไม่มีบัตรตัวจริง



     เขาผู้นั้นคือ "คุณสมาน" ผู้ส่งสารประจำรายการนี้ ผู้ทำให้ฉันกับหวานใจได้จดทะเบียนสมรสกันจนสำเร็จในที่สุดนั่นเอง


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 07 กันยายน 2550    
Last Update : 7 กันยายน 2550 20:50:05 น.
Counter : 1245 Pageviews.  

- 25 AOUT 07

กลับบ้านเราอีกรอบ

---Après 21h de voyage et les 3 Shrek, je suis enfin rentrée à la maison. ---



     หนึ่งเดือนผ่านไปเร็วมาก เมื่อเรามีความสุข

      วันนี้... ตื่นมาบนเตียงนอนเตียงเดิมที่บ้านระยอง กลับเป็นสาวนอนเดี่ยวอีกรอบ นอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ มันร้อน

     ร้อน...เพราะน้ำยาแอร์ดันหมดพอดี

     คิดแล้วก็ขำ เมื่อวานซืน ฉันยังใช้ชีวิตหนาวๆ ในฝรั่งเศสอยู่เลย ตอนเก้าโมงเช้า ออกจากบ้านเนยยี่ หวานใจขับรถจิ๊บๆ ไปส่งที่สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล

     เครื่องบินขึ้นตอนเที่ยงวันที่โน่น เท่ากับ หกโมงเช้าที่นี่ เริ่มกิจกรรมเดิมๆ ยามอยู่บนเครื่องคือ ดูหนัง นอน กิน ดูหนัง นอนๆๆ ดูหนังๆๆๆ กิน แต่คราวนี้พิเศษหน่อย มีการ์ตูนเรื่อง Shrek มาฉายถึงสามภาครวด เลยได้ดู Trilogie Shrek จนสาสามใจ ทีเดียวหมด

      ดูแล้วช๊อบ ชอบ นอกจากมุขตลกๆ แล้ว ยังรู้สึกดีกับคู่เอกอ้วนๆ ทำให้นึกถึงคู่ของตัวเอง ตอนนี้หวานใจเริ่มลงพุง และฉันไม่ผอมเพรียวเหมือนตอนสาวๆ อีกแล้ว เป็นกำลังใจให้ตัวเองได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ส่วนตัวลึกๆ (ลึกมากๆ) จะตั้งใจลดความอ้วนอยู่บ้างก็เถอะ

     ลงจากเครื่องตอนหกโมงครึ่ง เวลามาเลเซีย เท่ากับ ตีห้าครึ่งที่เมืองไทย เดินโต๋เต๋ นั่งๆ งีบๆ ตื่นๆ เอ๋อๆ อยู่ในสนามบิน จนถึงแปดโมงกว่าๆ จึงได้ผ่านเข้าไปนั่งรอเครื่องบินออกในคอกกรุกระจก หนาวจับใจ เครื่องออกจากกัวลาลัมเปอร์เก้าโมงยี่สิบ กินๆ นอนๆๆ ถึงเมืองไทย สิบโมงครึ่งเวลาบ้านเรา


     โซเซลงจากเครื่อง ซื้อน้ำหอมที่ร้านดิวตี้ฟรีฝากคุณนายมีนพี่สาวแสนสวย ผ่านด่านศุลกากรตรวจพาสปอร์ต รับกระเป๋า เจอศุลกากรด่านก่อนเข้าตัวสนามบินเรียกตรวจกระเป๋าอีกรอบ เปิดอ่างฉ่างดูกันตรงนั้นเอง

     เขาถามว่าเดิน ทางคนเดียวเหรอ ไปไหน ไปเที่ยวเหรอ ทำไมไม่ไปเที่ยงบินตรงๆ ต้องไปต่อที่มาเลเซีย --- ก็มันถูกกว่านี่คะ --- แล้วเจอตรวจค้นบ้างหรือเปล่า --- ไม่เจอค่ะ .... เขาหยิบห่อกาแฟที่ฉันซื้อมาฝากเพื่อนขึ้นมาเขม้นมอง แล้ววางลง (กาแฟค่ะ ไม่ใช่อะไรๆ ที่คุณหาอยู่หรอก)

     นึกในใจ --- ทำไมเหรอ ผู้หญิงเดินทางคนเดียว มีเปอร์เซ็นต์จะขนยาเสพติดหรือของผิดกฎหมายเหรอ ฉันแค่ใส่แว่นตาสุดเก๋ แฟชั่นวิกทิมคู่โตมากแค่นั้นเอง ทำให้ฉันดูเหมือนซุกซ่อนอะไรเข้าเมืองเลยรึไง ... เดินทางคนเดียวตั้งหลายรอบแล้วไม่เห็นเจอ ฉันพลาดกฎหมายหรือนโยบายอะไรใหม่ๆ ของทางการไทยหรือเปล่าหว่า

     เมื่อไม่เจอสิ่งต้องสงสัย เจ้าพนักงานก็ปล่อยตัวฉันแต่โดยดี ฉันลงบันไดเลื่อน ขึ้นเแท็กซี่ ได้แท็กซี่เก่าๆ ตามเคย แถมคนขับพูดมาก ทนฟัง ทนหัวเราะแห้งๆ พูดตอบไปบ้างจนถึงขนส่งเอกมัย ตีตั๋วเที่ยวเที่ยงตรง นอนๆๆๆๆ ถึงสถานีรถทัวร์ที่แกลงตอนสามโมง เรียกพี่เปี๊ยกคนขับรถรับจ้างมารับส่งถึงบ้าน

     สรุปรวมเดินทางจากเนยยี่ถึงระยองได้ 21 ชั่วโมง ... เท่านั้นเอง เร็วกว่าเมื่อร้อยปีก่อนตั้งหลายสิบเท่า



     เข้าบ้าน เปิดกระเป๋า เอาของขวัญของฝากให้แม่ อาบน้ำ กินข้าว คุณนายแม่ทำแกงเผ็ดปลาเห็ดโคนให้กิน ออกไปช่วยรถน้ำต้นไม้ที่สนามหน้าบ้าน ขึ้นนอนตอนห้าโมงครึ่ง


     หวานใจโทรมา ตอนกี่โมงไม่รู้ งัวเงียพูดด้วยแป๊บนึง แล้วขอตัวนอนต่อ ... ร่ำลากันหวานจ๋อย ทำเหมือนจะขาดอกขาดใจ ทั้งๆ ที่พรุ่งนี้ก็จะได้เจอกันแล้ว


     ตื่นมาสิบเอ็ดโมงครึ่ง ... สมองบวม เดี๋ยวต้องเติมกาแฟอีกสักถ้วย แล้วจะเริ่มทำงาน





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 25 สิงหาคม 2550    
Last Update : 25 สิงหาคม 2550 16:49:11 น.
Counter : 993 Pageviews.  

- 23 AOUT 07

หนึ่งเดือนของการเป็นแม่บ้านนักแปล+นักเขียนฝึกหัด


- Après un mois de stage de traductrice+diva domestique, je rentre en Thaïlande demain.-


     พักงานเกลา Vous revoir ที่คืบหน้าไปทีละน้อย และใกล้จะเสร็จสิ้นในรอบที่หนึ่งแล้ว หยิบจับจัดบ้านเล็กน้อย แล้วเริ่มลงมืออัพบล้อก

     ฉันห่างหายการเขียนไดอารีไปหลายวันทีเดียว อัพไว้แต่รูปถ่ายเล็กๆ น้อยๆ พอไม่ให้รู้สึกว่าทิ้งขว้าง "งานประจำ" งานนี้ไปเนิ่นนานนัก

     พรุ่งนี้ เครื่องบินของฉันจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตอนเที่ยงตรง หวานใจยกเลิกนัดประชุมในที่ทำงาน เตรียมขับ "จิ๊บๆ" รถจี๊ปสมาชิกใหม่ของเราไปส่งที่สนามบิน ฉันเองยกเลิกนัดแปลข่าวที่จะต้องทำในตอนเช้าไปเหมือนกัน

     มาฝรั่งเศสครั้งนี้นี้ เวลามีคนถามมาเที่ยวหรือ ฉันตอบได้แค่ ทำนองนั้นแหล่ะค่ะ เพราะถ้าจะให้บอกความจริงออกไป ต้องอธิบายยาวยืดว่า มาใช้ชีวิตอยู่ข้างๆ หวานใจ ระหว่างรอเอกสารแต่งงานค่ะ ไม่ได้มา "เที่ยว" ตามความคิดของคนทั่วไป และก็ไม่เชิงว่ามา "ทำงาน"

     เรียกว่า มาทดลองปรับตัวใช้ชีวิตเป็น "แม่บ้านนักแปล-นักเขียน" เสียมากกว่า

     ผลการทดลองงาน ฉันว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจพอสมควร ฉันเริ่มเคยชินกับอพาร์ทเมนต์ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมีชีวิตชีวาน่าอยู่ขึ้นกว่าตอนแรกๆ ชีวิตการงานของตัวเองก็พอจะถูไถทำได้

     ลองดูกันทีละเรื่อง

     ว่าด้วยเรื่อง การทำความสะอาด -- อพาร์ทเมนต์เล็กนิดเดียว ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ ถ้าจะลงมือทำจริงๆ ฉันต้องไม่ผัดเวลา เลื่อนออกไป อีกชั่วโมง อีกครึ่งชั่วโมง

     ว่าด้วยเรื่อง การซักล้าง --- เครื่องล้างจานเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เยี่ยมยอดพอๆ กับแร๊ปพลาสติก ใส่จานชาม ช้อนส้อม หม้อไห ถ้วยแก้วเข้าไป ใส่น้ำยา ปิดฝา กดปุ่ม อีกไม่นานต่อมา เปิดฝาตู้ดู ทุกอย่างสะอาดเรี่ยม รอเก็บเข้าชั้นวาง เครื่องซักผ้าต่างหากที่ไม่มีระบบอบแห้ง ต้องเอาออกมาผึ่งตามพนักเก้าอี้ เดี๋ยวกลับมาคราวหน้าต้องซื้อราวตากผ้าแบบพับเก็บได้สักอัน

     ว่าด้วยเรื่อง การรีดผ้า --- เตารีดไอน้ำ สวยวินเทจ ถึงจะหนัก แต่รีดแล้วสนุกดี เหมือนได้ออกกำลังยกน้ำหนัก เสื้อเชิ๊ตใส่ไปทำงานของหวานใจไม่มีปัญหา ฉันรีดได้คล่องแคล่ว เสื้อเชิ๊ตใส่วันหยุด หวานใจชอบใส่แบบยับๆ ...สบายไป เหลือแต่กางเกงสแล็คใส่ไปทำงานนี่แหล่ะที่ฉันยังหาจุดและเทคนิคการรีดไม่ค่อยได้ โชคดีหวานใจใส่กางเกงไปทำงานซ้ำๆ กัน เลยไม่ต้องงมรีดมากนัก

     

ว่าด้วยเรื่อง อาหารการกิน --- ซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ห่างออกไปแค่บล้อกเดียว สะดวกสุดๆ แถมหวานใจไม่เกี่ยงที่จะทำอาหารเย็นให้กิน ถ้าฉันไม่มีอารมณ์อยากจะลงครัวเอง ส่วนอาหารเช้า ฉันพยายามปรณนิบัติสุดชีวิต เรื่องการดื่ม ฉันว่าเราดื่มกันมากไปนิดนึง ฉันเมาแป๊ก โซเซเข้านอนเกือบทุกคืน ทำให้ไม่ค่อยได้ทำการบ้านกันสักเท่าไหร่ ... ไม่ดีๆ

     ว่าด้วยเรื่อง งานเขียน --- มาคราวนี้ ฉันรับงานเขียนคอลัมน์ท่องเที่ยวมาชิ้นนึง เป็นงานใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อน ตอนแรกๆ ที่ตารางทำงานค่อนข้างขลุกขลักพอสมควร เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจให้ออกไปเก็บข้อมูลเพื่อทำงานตามที่ตั้งใจไว้ แต่สุดท้ายก็ด้นจนส่งต้นฉบับได้ทันเวลาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

     ว่าด้วยเรื่องงานแปล --- เมื่อส่งงานเขียนคอลัมน์นั้นไปได้แล้ว จังหวะชีวิตของฉันก็เริ่มสม่ำเสมอ เริ่มจัดการตารางทำงานบ้านในแต่ละวัน จัดให้มีเวลาสำหรับงานแปลหนังสือพอสมควร ส่วนงานแปลข่าวตอนเช้าเข้าทางมากๆ

     ว่าด้วยเรื่องความงาม --- ฉันอ้วนเหลือเกิน คางเริ่มเป็นชั้นน่ากลัวมาก อุตส่าห์ติดหนังสือ "โยคะเพื่อการลดน้ำหนัก" มาด้วย แต่ไม่ได้ทำเลย ทางด้านผิวพรรณ ฉันกำลังทดลองผลิตภัณฑ์ Vinotherapie (ไวน์บำบัด...แฮ่ม) ของยี่ห้อ CAUDALIE ซึ่งราคาไม่แพงจนเกินไป และคุณภาพก็พอใช้ได้


     สรุปว่า ตอนนี้ฉันมองเห็นแล้วว่าจะจัดการอย่างไรเมื่อต้องมารับบทบาทนี้อย่างเต็มตัวในอีกสองเดือนข้างหน้า เรื่องที่ต้องทดลองสอดแทรกเข้ามาอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องการออกนอกบ้าน ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้ออกไปสูดอากาศดูอะไรๆ ข้างนอกบ้านเสียเท่าไหร่ในแต่ละวัน ถ้ามาอยู่จริงๆ ต้องจัดสรรเวลาในการออกไปเปิดหูเปิดหา หาสังคม เจอผู้คน สมัครเรียนอะไรสักอย่างที่เวลาเรียนไม่กระทบกระเทือนกิจกรรมหลักของชีวิตมากนัก



     จะทำได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ




     ป.ล. รูปประกอบ :

     รูปแรก - เมื่อกลางวัน ออกไปกินอาหารกลางวันกับฟิลูลู แฟนเก่า อดีตว่าที่สามี เลยแวะเข้าร้าน fnac ซื้อซีดีดิกชันนารีฝรั่งเศสที่อยากได้มาใช้เพิ่มเติมจากที่มีประจำเครื่องอยู่แล้ว

     รูปที่สอง - ของฝากต่างๆ ซีดีเพลงของพี่โจ้ หัวน้ำหอมขี้ผึ้งของพี่ยู สบู่ก้อนยักษ์ของคุณนายแม่ หนังสือมูรากามิของหวานใจ อีกเล่มนึงเป็นการ์ตูนของนักวาดหญิงชาวอิหร่าน ที่ฟิลูว่ากำลังได้รับความสนใจอย่างแรงที่นี่




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 23 สิงหาคม 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 21:07:55 น.
Counter : 891 Pageviews.  

- 16 AOUT 07

ลอยชาย


--- Nous sommes allés en moto à l'Abbaye des Vaux de Cernay. ---



บ้านรก ข้าวของวางเกลื่อน ในครัว จานชามช้อนแก้วรอใส่เข้าครื่อง เสื้อผ้าใช้แล้วสุมกันอยู่ในตะกร้ารอซักล้างเช่นกัน

แต่ฉันก็ยังเอ้อระเหยไม่ใส่ใจ เปิดวิทยุฟังเพลง นั่งดูรูปถ่ายเมื่อวานนี้ไปเรื่อยๆ อัพรูปใส่เวบอัลบั้ม (ใครอยากดู ตามลิงก์ทางขวามือด้านล่างค่ะ) เมื่อท้องร้องหิวๆๆๆ ลุกไปผัดพาสต้า ใส่ผักโขม แฮม ที่เหลือจากทำกราแต็งเมื่อคืน เติมเห็ดลงไปหนึ่งหัวใหญ่ เป็นมื้อกลางวันง่ายๆ อิ่ิ่มแล้วรินออรองจินา น้ำส้มอัดลมของโปรดแล้วเริ่มอัพบล้อก

เมื่อวานเป็นวันหยุด ตื่นมาตอนแปดโมงเช้า ฉันรีบทำงานแปลข่าวส่งช่อง 9 สิบโมง เดเด้มาช่วยขนทีวีที่มีคนฝากลงเรือจากฮ่องกง ฉันทำไข่เจียว สลัดผักอองดิฟ คั้นน้ำส้ม หั่นเนื้อลูกพีชใส่โยเกิร์ต กินเป็นบรันช์ง่ายๆ กันสามคน ก่อนจะออกกันไปขับมอเตอร์ไซค์ชมวิวนอกเมือง

ถึงแม้อากาศจะแสนแย่ ฟ้าเมฆครึ้ม อากาศเย็น มีฝนตกพรำเป็นฝอยกระทบหมวกกันน็อคเป็นบางช่วง แต่การขับรถเล่นเมื่อวานก็ยังชวนเบิกบานใจ ขับกันไปถึง Abbaye des Vaux de Cernay ซึ่งเป็นโบสถ์และอารามที่พักของพระที่สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ก็ราวๆ 800 ปีที่แล้วเท่านั้นเอง

ปัจจุบัน มีการปรับปรุงเป็นโรงแรมหรู เป็นจุดท่องเที่ยวเดินเล่น มีส่วนของสิ่งก่อสร้างเป็นซากโบสถ์เก่าหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง

เราสามคนเข้าไปนั่งดื่มชากับเค้กและคุกกี้กันในโรงแรม เดินดูวิวกันรอบๆ ถ่ายรูปกันสักพักก็ขับรถกลับเข้าปารีส แวะไปซื้ออาหารสด เข้าบ้านมาทำกินกันอย่างเอร็ดอร่อย หมดไวน์ไปสองขวด ต่อด้วยพัวร์วิลเลียม เหล้าหลังอาหารกันคนละแก้วสองแก้ว




      เดเด้ขับมอเตอร์ไซค์บีเอ็มสีแดงเลือดหมูคันใหญ่โตมโหฬาร ฉันลองนั่งซ้อนท้ายตอนขากลับ สบายก้นกว่านั่งลาดุชเดช ดูกาติแสนสวยของหวานใจเยอะเลย แต่ลาดุชเชสน่ารัก นั่งแล้วสดชื่นกว่าพันเท่า


     ถึงจะนั่งแล้วเจ็บก้น ปวดหลังและบั้นเอวไปหน่อยก็เถอะ





     ป.ล. รูปประกอบ :

     รูปแรก - ในห้องน้ำชาของโรงแรมอันอบอุ่น
     รูปที่สอง - หวานใจใต้ซุ้มต้นไม้เขียว
     รูปที่สาม - สองหนุ่ม สองมุม กับมอเตอร์ไซค์สีแดงสองคัน


     ป.ล. 2 เล่าขำๆ

     ช่วงนี้ได้ยินคนเรียกตัวเองว่า "มาดามกาบุลง" ถึงสองสามครั้งติดๆ กัน เริ่มจากมีจดหมายที่ส่งมาที่บ้าน เชิญให้ไปใช้บริการสถานเสริมความงามลดความอ้วน คาดว่าเขาเอาชื่อและที่อยู่จากข้อมูลรายชื่ออะไรสักอย่างที่หวานใจไปสมัครไว้ทางเน็ต ต่อด้วยโทรศัพท์เข้ามาขอสายมาดามกาบุลง ฉันตอบอึกๆ อักๆ เสียงผู้หญิงจากปลายสายถามว่าพูดฝรั่งเศสได้หรือเปล่า ฉันรีบตอบว่าไม่ได้ค่ะ เธอเลยวางหูไป

     ล่าสุด พนักงานส่งของ นำกล่องพัสดุมาส่ง กดอินเตอร์โฟนขึ้นมาถามว่าใช่มาดามกาบุลงหรือเปล่า

     คราวนี้จำเป็นต้องตอบว่าใช่ เพราะเดี๋ยวเขาไม่ยอมเอาของให้ล่ะแย่เลย







>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 16 สิงหาคม 2550    
Last Update : 16 สิงหาคม 2550 20:37:23 น.
Counter : 955 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.