- 13 JANVIER 09 - The day is done.

The day is done.

La journée est faite.....

นกโผผิน
     ดูสิ The day is done. แต่ฉันยังมานั่งอัพบล้อก

     คงเพราะการอัพบล้อกเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของฉันด้วยกระมัง ถ้าปล่อยทิ้งไม่ได้เขียนเล่าความเป็นไปเป็นมาในชีวิตปัจจุบัน จะมีอาการคล้ายยังไม่เต็ม

     เสาร์-อาทิตย์และจันทร์ที่ผ่านมา หวานใจพาไปนั่งเรือบ้าน Houseboat ที่รัฐ Kerala หรือในชื่อไทยว่า รัฐเกรละ ถ่ายรูปไว้ประมาณ 350 รูป เตรียมจะเขียนบล้อก "เที่ยวอินเดียแบบมีสไตล์กับคุณนายมิว" กะว่าจะเป็นคู่มือเที่ยวแบบ snobbish แนะนำเฉพาะดีๆ แบบอยู่ดี กินดี ไม่จำกัดงบประมาณ

     วันนี้ ฉันใช้เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างเต็มที่ เริ่มจากประชุมงานทางไกลกับพลพรรคสนพ.กำมะหยี่ สรุปประเด็นที่ต้องแยกย้ายกันไปทำงานต่อได้เสร็จเรียบร้อย เขียนอีเมลส่งถึงสนพ.เจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือที่ติดต่อเจรจากันอยู่ ดูแลเรื่องหนังสือที่จะออกใหม่เดือนหน้า ทุกอย่างคืบหน้าไปช้าๆ ด้วยดี

     ต่อด้วยเรื่องการจองรีสอร์ทที่เชียงรายที่จะไปพักสิ้นเดือนนี้ ฝากคุณแอนโอนเงินมัดจำ คอนเฟิร์มทุกอย่าง -- จบไปอีกเรื่อง

     มันจุฬาต้มมาม่าหมูสับให้กินที่โต๊ะทำงาน อีเมลน้อยใหญ่ถูกส่งไปทั่ว กินไปได้ครึ่งชามก็ยกชามไปตั้งบนโตีะในห้องครัว

     ห้าโมงนิดๆ ชักจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ อยากลงไปขยับเนื้อตัวออกกำลังกายที่น้องยิมเต็มทน เข้าห้องครัวยัดขิง ต้นหอม ผักชี ราดน้ำผึ้งใส่ไก่ ยกใส่เตาอบไฟอ่อนสำหรับเป็นอาหารค่ำคืนนี้ ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่ถุงเท้า สวมรองเท้าลงไปเดินยืดเส้นยืดสายกับเครื่องสเต็ปเปอร์ ต่อด้วยเดินบนรางวิ่ง 50 นาทีผ่าน เข้าห้องสตีมกับกห้องซาวนา เหงื่ออกท่วมตัว ชื่นใจ กลับขึ้นบ้าน อาบน้ำเอี่ยมอ่อง เตรียมลงไปถ่ายรูปบรรยากาศงานเทศกาลฉลองไฟ Lohriที่จะจัดขึ้นในหมู่บ้าน



     The day is done.





ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 13 มกราคม 2552    
Last Update : 13 มกราคม 2552 21:11:27 น.
Counter : 782 Pageviews.  

- 08 JANVIER 09 - ชีวิตสุขสงบประจำวัน

ชีวิตสุขสงบประจำวัน

ma vie d'aujourd'hui - bien calme comme il faut...

     เช้านี้รู้สึกตัวตื่นมาก่อนเสียงกริ่งของเจ้าเบเบ้ โทรศัพท์แบล็คเบอรีของหวานใจที่แปลงกายเป็นนาฬิกาปลุก 2 วินาที

     แต่สองสามีภรรยายังโอ้เอ้ ไม่มีใครยอมขยับลุกขึ้นจากเตียง สักพัก เสียงกริ่งประตูบ้านข้างล่างดังลั่นเป็นเสียงดนตรีจากแรงกดของพนักงานประจำหมู่บ้านที่มีหน้าที่เก็บถุงใส่ขยะที่ฉันกับหวานใจควรจะต้องเอาออกไปวางตั้งแต่คืนก่อนหน้า กริ่งนี้ถือเป็นนาฬิกาปลุกสำรอง แต่ละวันอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างสามสี่นาที แต่ถ้าไม่มีถุงขยะหน้าบ้าน รับรองได้ยินแน่ๆ ไม่ต้องห่วง

     หวานใจลุกขึ้นจากเตียงเดินตุปัดตุเป๋ เข้าห้องน้ำ ไม่นานนัก เสียงกริ่งที่ 3 จากวิโนจน์ คนขับรถคนใหม่ดังขึ้น ฉันตัดใจลุกจากเตียง เดินลงไปเปิดลิ้นชัก หยิบกุญแจรถส่งให้ แล้วขึ้นไปใส่เสื้อเค็มเข้าเครื่องซักผ้า รองน้ำใส่กระป๋องรดน้ำต้นไม้ตามระเบียง ส่งสามีไปทำงาน หยิบถ้วยกาแฟมาที่โต๊ะทำงาน เปิดเครื่องคอมพ์ปอมม์ แล้วเริ่มเช็คเมล

     วันนี้ กิจการงานกำมะหยี่ก้าวหน้าขยับไปด้วยดี ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่กำหนดไว้ ยังไม่มีอะไรสาย สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือจัดการเรื่องจองตั๋วเครื่องบินและห้องหับโรงแรมที่กรุงเทพ เชียงดาวและเชียงราย ที่จะไปพักกับหวานใจช่วงปลายเดือนนี้ให้เรียบร้อย

     เปิดหนังสือที่แปลค้างอยู่ออกแกะต่อ พักกินอาหารกลางวัน วันนี้เป็นแกะตุ๋นฝีมือของแม่มันจุฬาที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้เป็นอาหารค่ำของฉันกับหวานใจ แต่ฉันเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย ชวนหวานใจไปกินบุฟเฟต์อาหารทะเลที่โรงแรมลีลาปาลาสแทน แกะตุ๋นที่ว่าเลยค้างข้ามคืนกลายมาเป็นอาหารกลางวันของฉันในวันนี้ ตักราดข้าวร้อนๆ ฉันเจียวไข่กรอบเกรียมโปะเข้าไป เป็นอันเอร็ดอร่อยเริ่ด ... จบไปอีกหนึ่งมื้อ อย่างที่พ่อชอบพูดหลังกินอาหารเสร็จ

     กลับมาที่เครื่องคอมพ์ เริ่มเขียนบล้อก ทั้งๆ ที่ไม่มีประเด็นหวือหวาอะไรให้เขียน เล่าเรื่องราวตั้งแต่ตื่นเมื่อเช้าไปเรื่อยๆ ลุกไปชงชามาวางไว้ข้างๆ พอหอมๆ เดี๋ยวจะกลับไปทำงานต่อ ตอนเย็นจะลงไปออกกำลังกาย เข้าห้องสตีมและซาวน่าข้างล่าง เย็นนี้มีเพื่อนบ้าน คนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนโยคะจะเอาหนังสือเรียนฝรั่งเศสของลูกชายของเธอเรียนที่โรงเรียนมาให้ดู เพราะพอเธอรู้ว่าฉันแปลหนังสือฝรั่งเศส ก็เลยอยากให้ช่วยสอนเสริมภาษาฝรั่งเศสให้ลูกชายของเธอด้วย ฉันไม่รู้จะปฏิเสธไปยังไง และอีกใจก็อยากจะลองสอนดูด้วย เลยไม่ได้บอกปัดหรืออ้างว่าไม่มีเวลา

     ตอนนั้นน่ะรับปากไปไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอมานั่งนึกๆ ตอนที่เขียนอยู่นี่ ... หวายๆๆ ถ้าฉันรับงานนี้เข้ามาอีกอย่าง บวกกับเวลาลงยิม เวลาเข้าเรียนโยคะที่เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 3 วัน ...



     ขอตัวกลับไปทำงานต่อดีกว่า


ป.ล. ภาพประกอบเป็นภาพเดเด้ เพื่อนรักของหวานใจ กับหวานใจที่ห้องในโรงแรมที่ปงดิเชอรีตอนที่เราไปเที่ยวช่วงคริาต์มาสที่ผ่านมา ธีมของขวัญประจำปีนี้คือ ชุดอินเดีย - จะเป็นชุดประจำชาติแบบอินเดีย หรือเสื้อผ้าเมดอินอินเดียก็ได้ ฉันซื้อเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวแบบยาวของผู้ชายที่เรียกว่า "คุทตา" ให้สองหนุ่ม




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 08 มกราคม 2552    
Last Update : 8 มกราคม 2552 15:29:47 น.
Counter : 1147 Pageviews.  

- 06 JANVIER 09 - สวัสดี โยคะ

สวัสดี โยคะ

Je me mets au yoga... et j'adore.

ด้านหลังพระพิฆเนศ
     อันที่จริงน่าจะขึ้นชื่อหัวข้อประจำบันทึกนี้ ว่า นมัสเต โยคะ ... แต่ฉันว่าใช้สวัสดีน่ะดีแล้ว เพราะตอนนี้ฉันเป็นแค่สาวไทยที่เริ่มรู้จักโยคะ

     เมื่อวานนี้ฉันเข้าคอร์สเรียนโยคะอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก คอร์สนี้จัดขึ้นโดยกลุ่มแม่บ้านชาววอเตอร์วูดส์ หมู่บ้านที่ฉันมาอาศัยแจมอยู่ด้วยที่อินเดียนี่ คอร์สโยคะที่วอเตอร์วูดส์มีสองเวลาคือ ตอนเช้า 6-7 โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่ฉันกำลังอุตุอยู่บนเตียง การจะลงเรียนคอร์สนี้จึงเป็นการเสี่ยงจะล้มเหลวมีโดดเรียนแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว

     นอกจากคอร์สเช้า ก็มีคอร์สเย็นบ่าย 5 โมงครึ่งถึง 6 โมงครึ่ง สัปดาห์ละสองวัน คือวันจันทร์กับวันพุธ อันนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เมื่อมีอีเมลเวียนสอบถามว่าใครอยากเรียนคอร์สนี้บ้างเมื่อเดือนที่แล้ว ฉันจึงไม่ลังเลตอบรับกลับไปในทันที

     คาบแรกที่เข้าไปเรียน มีแม่บ้านนักเรียนอยู่สามคนรวมทั้งฉันด้วย อาจารย์เป็นหนุ่มน้อยหน้าหวาน รูปร่างสะโอดสะอง คาบแรกประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะนักเรียนคนหนึ่งเคยไปเข้าแคมป์วิปัสนาอะไรสักอย่างแล้วหลังจากนั้นรู้สึกว่าตัวเองอ่อนไหวสติแตกง่าย จึงสอบถามอาจารย์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คุณเธอกลัวว่าการเรียนโยคะจะทำให้เธอกลับไปเป็นอย่างนั้นอีก อาจารย์หนุ่มพยายามตอบแต่คุณนายคนนั้นก็ยังไม่สิ้นสงกา

     ฉันนั่งฟังไปเรื่อยๆ เซ็งก็เซ็ง ฉันอยากเรียนโยคะเว้ย อยากขยับเนื้อยืดตัว ฝึกควบคุมลมหายใจ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการถูกสะกดจิตหมู่อะไรของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในเมื่ออาจารย์เองก็ไม่สามารถให้คำตอบเฉียบขาดว่า การเรียนโยคะกับเขาจะไม่ทำให้อาหารผิวบางจิตป่วนปั่นของเธอกลับคืนมา มันไม่เกี่ยวกันสักนิด เธอควรจะไปสอบถามกูรูคนอื่นเรื่องนี้ หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ในวันนั้นก็เลยผ่านไปเปล่าดาย

     หลังจากนั้น ชั้นเรียนนี้ก็เลื่อนมาเริ่มต้นใหม่ในเดือนมกราคม วันจันทร์ที่ 5 เมื่อวานนี้เอง

     ห้าโมงเย็น ฉันปิดคอมพ์ ขึ้นไปอาบน้ำเอี่ยมอ่อง ใส่กางเกงโยคะที่ซื้อมาเป็นพิเศษกับเสื้อยืดสีม่วงเข้ากัน หอบเสื่อโยคะสีม่วงเหมือนกันออกจากบ้านตรงไปบ้านเลขที่ 23 ตอนห้าโมงครึ่งแป๊ะๆ วันนี้นักเรียนมีแค่ฉันกับเจ้าของบ้าน คุณนายเจ้าปัญหาคราวก่อนไม่ได้มาด้วย แอบโล่งใจนิดๆ แต่ก็หวั่นๆ อยู่หน่อยๆ ว่า ถ้ามีนักเรียนน้อยอย่างนี้ อาจารย์จะอยากสอนหรือเปล่า เพราะมันไม่น่าจะคุ้มกับค่าสอนเท่าไหร่ นอกจากจะเก็บเงินเพิ่ม ... อะ...ฉันว่าฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อนละกัน

     กางเสื่อลงพื้น นั่งขัดสมาธิ สิบห้านาทีแรกเป็นการฝึกสูดลมหายใจ เริ่มจากการสูดอากาศเข้าเต็มปอดให้อกพองแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก ส่งเสียงโอมสามครั้ง แล้วถูมือด้วยกันให้เกิดความร้อนมาลูบหน้า ต่อไปเป็นท่าที่ฉันชอบที่สุด พ่นลมหายใจออกพร้อมกับกระตุกท้องเข้าเป็นจังหวะถี่ นาทีละ 60 ครั้ง อันนี้ง่าย อาจารย์บอกให้ฝึกทำอย่างนี้ที่บ้านวันละ 900 ครั้ง... ชักจะไม่ง่ายแล้ว

     จากนั้นเป็น การปิดหูปิดตาทำเสียงหึ่งเหมือนตัวต่อเพื่อล้างลำคอ ต่อด้วยบิดเอว ดัดตัวหน้าหลัง ซ้ายขวา ยกแขนยกขา เหวี่ยงแขน กระโดดตบ -- อาจารย์อธิบายสรรพคุณของท่าต่างๆ และบอกชื่อท่าเป็นระยะๆ ทุกท่าจะมีการกำหนดว่าจะต้องหายใจเข้าจังหวะไหน หายใจออกจังหวะไหน ตรงไหนต้องกลั้นหายใจ ... รวมเสร็จสรรพ ฉันว่าน่าจะถึง 20 ท่า บางท่ารู้สึกถึงเลือดลมวิ่งพล่าน บางท่ารู้สึกถึงความตึงจากการออกแรงของกล้ามเนื้อ

     ตลอดเวลาที่อยู่ในชั้นเรียน ฉันรู้สึกสงบสบายใจ เพราะการเรียนโยคะต้องใช้สมาธิจดจ่อกับลมหายใจเข้าออกให้ถูกจังหวะ เป็นช่วงเวลาลืมโลกวุ่นวายภายนอก ไม่มีช่วงไหนที่มีความคิดฟุ้งซ่านเข้ามาเยี่ยมกรายเลยสักครั้งเดียว ส่วนร่างกายนั้นก็ต้องยก ต้องเลื่อน ต้องเหยียดให้ถูกท่า บางท่าต้องอาศัยความฮึดความอึดเอาชนะความเหนียวหนืดอืดฉืดที่สะสมมาให้ได้




     ฉันว่า ฉันชอบโยคะล่ะ




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 06 มกราคม 2552    
Last Update : 9 มกราคม 2552 12:29:40 น.
Counter : 817 Pageviews.  

- 02 JANVIER 09 - ปีใหม่ กับ กิจกรรมใหม่ๆ ให้ชีวิต

ปีใหม่ กับ กิจกรรมใหม่ๆ ให้ชีวิต

Nouvel an avec des nouvelles passions : l'exercice, le yoga, le voyage et la pêche.


     เริ่มต้นวันที่สองของปีใหม่ ด้วยการ ... ทำงาน

     ทำงานแปลหนังสือของพ่อมาร์ค เลอวี ที่รับงานมาจากแพรว สนพ. ตั้งชื่อเรื่องไว้คร่าวๆ ว่า "ทุกสิ่งอันที่เราไม่ได้เอื้อนเอ่ยต่อกัน" แปลตุนเอาไว้ในช่วงที่ยังไม่ต้องปลีกเวลาไปดูแลจัดการงานของสนพ.กำมะหยี่ ซึ่งจะเริ่มต้นในวันจันทร์หน้า เพราะตอนนี้ใครๆ ก็คงจะอยู่ในอารมณ์เฉลิมฉลองกันอยู่

     หลังจากสรุปชีวิตในปี 2008 ไปเมื่อบล้อกที่แล้ว วันนี้ก็คงจะถึงเวลาของการคาดคะเนว่าปี 2009 ชีวิตฉันน่าจะเป็นอย่างไรบ้าง

     ในปี 2009 ฉันจะทำงานหนักขึ้น สิ่งที่ฉันจะต้องใส่ใจเป็นอันดับแรกคือ กิจการ สนพ.กำมะหยี่ ปีนี้เรามีโครงการจะออกหนังสือหลายเล่ม กำหนดการทำงานของทุกเล่มวางไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่พยายามตามงานและประสานให้ตรงตามกำหนดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ... กำหนดงานที่วางไว้ค่อนข้างแน่นเอี้ยด จะเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพของพลพรรคกำมะหยี่ได้อีกบทหนึ่งว่าสามารถทำงานให้ได้ทั้งคุณภาพและปริมาณในเวลาจำกัด โดยจะยังคงมีความสุขในการทำงานหรือไม่ ณ จุดไหน พอได้คำตอบมาแล้ว เราจะได้นำไปปรับเปลี่ยนการทำงานในปีต่อๆ ไป

     พออาชีพการงานไปได้สวย คนบ้างานอย่างฉันก็จะมีจิตใจแจ่มใส เท่าที่สังเกตดู ถ้าฉันอยากมีชีวิตส่วนตัวราบรื่น จิตใจของฉันต้องปราศจากความขุ่นข้องหมองจากงานการ ทางออกก็คือ ฉันต้องตั้งใจเพิ่มวินัยในการทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีสมาธิ งานที่ได้จะมีคุณภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยจะต้องพยายามฝึกใจไม่ล่อกแล่กว่อกแว่กเที่ยวเล่นตามเน็ต พอทำได้แล้ว หลังจากนั้นฉันก็จะสามารถแบ่งเวลาให้กับกิจกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเพิ่มความรุ่มรวยให้กับชีวิตของฉันในปีนี้ อันได้แก่ --

     -การออกกำลังกาย การเรียนโยคะ - โปรเจคส่วนตัวที่เริ่มไปเมื่อไม่นานมานี้ ฉันรู้สึกพอใจในตัวเองทีเดียว


     -การท่องเที่ยว - ฉันกับหวานใจตกลงกันว่า เราจะไม่เก็บตัวนิ่งอยู่ในกะลาบังกาลอร์ เราจะวางแผนล่วงหน้า ออกไปเยี่ยมชมอินเดียให้ถ้วนทั่วที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกเหนือจากโปรแกรมการเดินทางไปต่างประเทศที่เข้ามาประปรายตลอดทั้งปี ทั้งไปเมืองไทย ไปฝรั่งเศส และปีนี้จะมีทริปพิเศษเพิ่มขึ้นมา คือ ทริปฉลองวันเกิดของฉันที่ญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคม


     -การตกปลา - กิจกรรมโปรดของหวานใจ ที่ฉันกำลังพยายามฝึกหัดอย่างขมักเขม้น ตามที่เห็นในภาพข้างบนนี้แล




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 02 มกราคม 2552    
Last Update : 2 มกราคม 2552 15:33:04 น.
Counter : 896 Pageviews.  

- 31 DECEMBRE 08 - ชีวิตในปี 2008

ชีวิตในปี 2008

Ma vie en 2008...

ทะเลช่วงปีใหม่
     ใกล้จะหมดปี 2008 แล้ว เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเปิดดูบล้อกเก่าที่เขียนบันทึกไว้ตอนต้นปี... ตอนนั้นฉันเขียนไว้ว่า

     ถ้า 2007 เป็นปีที่ฉันใช้ในการรอคอย เปลี่ยนแปลงชีวิต ปรับสถานะทั้งเรื่องส่วนตัว เปลี่ยนคำนำหน้าจากนางสาวเป็นนาง และเรื่องงานที่ขยับจากงานแปล เริ่มงานเขียนใหม่ๆ เปิดสำนักพิมพ์ของตัวเอง ชีวิตที่ฉันเห็นในปีนี้ (2008) ก็จะเป็นปีที่ต้องสะสาง จัดการสิ่งต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง จัดระบบ จัดเวลาของตัวเองทีละเรื่อง ทีละเปลาะ 2008 จะเป็นปีแห่งการสานต่อสิ่งใหม่ๆ ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีที่แล้ว มีหลายเรื่องที่ต้องขยับเนื้อขยับตัวจัดการ ตัดสินใจ เดินหน้าและหาทางออกให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีปัญหาอื่นๆ ที่เห็นวีแววว่ารอท่าอยู่เข้ามาทับถมเพิ่มพูนจนล้นพ้นตัว


     นั่นคือคำคาดคะเน อ่านจบแล้ว ก็เริ่มนึกทบทวนถึงช่วงเวลาสามร้อยหกสิบกว่าวันที่ผ่านมา

     2008 ที่กำลังจะผ่านไปผิดแผกจากที่ตั้งใจไว้ ... 2008 ยังคงเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวมากมายในชีวิตของฉันเช่นเดิม เริ่มจากการย้ายที่อยู่จากฝรั่งเศสมาอินเดียตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง สิ่งใหม่ๆ ในชีวิตคู่ที่เริ่มไว้เมื่อปี 2007 คั่งค้างเติ่งอยู่ที่ฝรั่งเศส พับเก็บไว้เพื่อเปิดหน้าใหม่ตั้งต้นกันอีกครั้งที่นี่

     แต่การเริ่มต้นใหม่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเริ่มต้นที่ศูนย์ทุกครั้งไป อาจจะเป็นเพราะต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่เคยได้หยุดได้หย่อนนานๆ ฉันก็เลยเริ่มมีประสบการณ์ สามารถตั้งตัวรับมือจัดการความแตกต่างได้ดีกว่าเดิมมาก ฉันเปิดใจมองปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ทั้งจากตัวฉันเองและจากภายนอกอย่างไม่ปล่อยให้ความหงุดหงิดเข้าครอบงำ พยายามหาทางแก้อย่างสงบประนีประนอม หลีกเลี่ยงความรุนแรงที่สร้างหมอกควันรบกวนจิตใจให้เศร้าหมอง

     ฉันโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น รู้จักจัดแบ่งระดับความสำคัญและลำดับก่อนหลังของสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้ดีขึ้น ฉันรู้จักยอมรับว่าไม่มีทางที่เราจะได้ทุกอย่างมาไว้ในครอบครอบ มีได้ก็ต้องมีเสีย ถ้าจะทำอะไรให้ทำทีละอย่าง ตั้งใจทำให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องรีบร้อนเร่งรัด เพราะมันจะมีโอกาสพลาดมากกว่าประสบความสำเร็จ

     โดยรวมแล้วฉันพอใจในความก้าวหน้าของตัวเองทีเดียว ฉันว่าชีวิตทั้งสองด้าน ทั้งสำนักพิมพ์และบ้านช่องห้องหับอาหาร เริ่มเข้าที่เข้าทางนิดๆ แล้ว ถึงแม้จะต้องเจออุปสรรคกระจุกกระจิกน่าปวดหัวมากมายเป็นระยะๆ อาศัยว่ามีหวานใจอยู่เคียงข้างคอยให้ท้าย ให้กำลังใจสนับสนุนเป็นที่ปรึกษาข้างกาย ฉันจึงสามารถผ่านพ้นมาได้


     2008 เป็นปีที่ฉันได้เรียนรู้ที่จะยอมรับ และชักจะติดใจการใช้ชีวิตคู่ ฉันเริ่มเข้าใจคำว่า "ร่วมชีวิต" ตอนนี้ชีวิตของฉันไม่ได้เป็นของฉันเพียงคนเดียว ชีวิตของฉันมีอีกชีวิตหนึ่งมาร่วมด้วย ขณะเดียวกัน ชีวิตๆ นั้นก็มีชีวิตของฉันร่วมอยู่

     คนๆ นั้นเป็นคนที่ฉันเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของเขา คนที่สวมแหวนนิ้วนางข้างซ้ายแบบเดียวกัน คนที่นอนข้างกายฉันทุกคืน คนที่ฉันคิดถึงเมื่อมีเรื่องทุกข์ คนที่ฉันคิดถึงเมื่อมีเรื่องสุข คนที่ฉันเรียกว่า "สามีของฉัน" เรียกอย่างขัดเขินเพราะไม่ชินในคราวแรกๆ หากต่อมาแปรเปลี่ยนเป็นการเรียกด้วยความภาคภูมิใจ


     สรุปว่า ถึงจะไม่เป็นไปตามที่คาดคิดไว้เป๊ะๆ แต่ 2008 ยังคงเป็นปีที่ดีของฉัน





     ส่วน 2009 ปีหน้าฟ้าใหม่ ไม่ว่าคำใครๆ จะพยากรณ์ว่าร้ายกาจอย่างไร ก็เชิญเข้ามา ... มาสู้ให้รู้กันไป




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 31 ธันวาคม 2551    
Last Update : 31 ธันวาคม 2551 16:11:48 น.
Counter : 751 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.