- 06 NOVEMBRE 07

ค่อยๆ ปรับตัวกับชีวิตใหม่


- Je m'habitue à ma nouvelle vie. -


     ขณะนี้เป็นเวลา แปดโมงห้าสิบสอง ... เป็นเวลาที่ตอนอยู่เมืองไทย ฉันจะยังนอนอุตุอยู่บนเตียง

     เวลานี้ ที่เมืองไทย ฉันอาจจะรู้สึกตัวขึ้นมาควานหารีโมทปิดแอร์ที่เปิดกล่อมตลอดทั้งคืน แล้วมุดหัวลงนอนต่อ รอเวลาตื่นปกติคือสิบเอ็ดโมงครึ่ง

     แต่พอมาใช้ชีวิตคู่ที่นี่ เวลาตื่นของฉันก็เปลี่ยนไปตามเวลาตื่นของหวานใจ คือ หกโมงถึงหกโมงครึ่ง ... ถึงแม้จะอยากนอนต่อขนาดไหน แต่ฉันก็ยังพอใจจะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารเช้า ชงกาแฟ ปิ้งขนมปัง คั้นน้ำส้ม เทโยเกิร์ตจากกระปุกพลาสติกใส่กระปุกแก้ว เตรียมเอาเสื้อผ้าที่หวานใจจะใส่ทำงานไปผิงเครื่องทำความร้อนให้ใส่แล้วอุ่นสบาย

     พอส่งหวานใจไปทำงานแล้ว ฉันเริ่มกดปุ่ม "ผู้ช่วยแม่บ้าน" อันได้แก่ เครื่องซักผ้ากับเครื่องล้างจานให้เริ่มทำงานประจำวัน ส่วนตัวเองมานั่งหน้าเครื่องน้องป้อม อัพบล้อก อุ่นเครื่องสำหรับการทำงานแปล ...

     ที่ตั้งใจไว้ และเมื่อวานพอจะทำได้ คือ อัพบล้อกเสร็จแล้วทำงานจนถึงบ่ายสามโมง แล้วออกจากบ้าน จะออกไปซื้อของกินของใช้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างบ้านหรือจะออกไปดูนิทรรศการโปรแกรมอะไรที่น่าสนใจก็แล้วแต่ ก่อนจะกลับมาจัดเก็บบ้าน รีดผ้า เตรียมทำอาหารค่ำ หรือ อ่านหนังสือรอหวานใจกลับมาทำอาหารค่ำด้วยกัน

     นี่เป็นตารางสำหรับวันที่ไม่มีแปลข่าว ถ้ามีข่าวให้แปล ฉันอาจจะงดอัพบล้อกไป หรือไม่ก็อัพสิ่งที่มันไม่เสียเวลานั่งเขียน นั่งทำรูปมากนัก เช่น การทำอาหาร ฝึกมือเอาไว้เผื่อสักวันหนึ่งจะออกตำราอาหารส่วนตัวพร้อมรูประกอบแพรวพราว อย่างเช่นต่อไปนี้




     เมื่อวานนี้ ฉันลองทำ Tarte aux pomme หรือทาร์ตแอ้ปเปิ้ล ขั้นตอนง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก เริ่มจากเครื่องปรุง คือ

     - แอ้ปเปิ้ล 6 ลูก (เมื่อวานเป็นแอ้ปเปิ้ลจากต้นในสวนที่บ้านชนบท ปลอดสารพิษของแท้แน่นอน)
     - น้ำผึ้ง
     - แป้งสำเร็จรูป ชนิด Pâte brisée (บางคนอาจจะใช้แป้งแบบ feuilletée หรือ sablée ซึ่งจะให้รสชาติผิวสัมผัสของแป้งที่ต่างอออกไป)


     เรื่องแป้งสำเร็จรูปนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากว่าควรจะใช้หรือเปล่า แม่บ้านบางคนเห็นว่าโฮมเมดของแท้ควรจะทำแป้งเอง แต่บางคนบอกว่าซื้อแบบที่ทำสำเร็จมาก็ไม่เห็นจะเสียหาย ไม่เสียเวลาและได้ผลแน่นอน ตัวฉันเองนั้นไม่ค่อยจะคุ้นชินกับการทำขนมอบเสียเท่าไหร่ ลำพังแค่ดูให้หน้าสวยงามน่ากินก็กะไม่ค่อยจะถูกแล้ว ถ้าจะต้องมานั่งลุ้นว่าแป้งเกาะตัวได้ที่อย่างที่ควรจะเป็นหรือเปล่า การทำอาหารคงจะเป็นเรื่องเครียดมากกว่ารื่นรมย์

     แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็เห็นด้วยนะว่าเราควรจะรู้พื้นฐานการทำแป้งชนิดต่างๆ ไว้ แต่เอาไว้ก่อน รอทำกับหวานใจดีกว่า จะได้ช่วยกันลุ้น ถ้าพลาดจะได้ไม่เซ็งคนเดียว

     มาถึงวิธีการทำ


     --- ก่อนอื่นต้องทำแอ้ปเปิ้ลบด หรือ compote de pomme เพื่อรองพื้นทาร์ต ด้วยการปอกเปลือกแอ้ปเปิ้ล 3 ลูก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่หม้อ ใส่น้ำลงไปพอปริ่มๆ ตั้งไฟให้เนื้อแอ้ปเปิ้ลสุก กวนๆๆๆๆ แล้วเอาที่บดหรือส้อมกดให้เนื้อเละ เมื่อน้ำแห้งแล้ว ปิดไฟ ตั้งรอให้เย็น หรือจะเอาหม้อไปแช่น้ำเพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการลดอุณหภูมิก็ได้

     --- เปิดเตาอบ เอาไว้ที่ 7-8 (ประมาณ 200-220 องศาเซลเซียส)



     --- ทำหน้าทาร์ต ... ปอกเปลือกแอ้ปเปิ้ลที่เหลือ หั่นเป็นเสี้ยวบางๆ แผ่แป้งลงบนพิมพ์ ดูบนฉลากเขาบอกว่าควรจะเอาแป้งออกจากตู้เย็นสิบนาทีก่อนลงมือจะได้แผ่ง่ายๆ ตักเนื้อแอ้ปเปิ้ลบดลงบนแป้ง เกลี่ยให้ทั่ว วางเนื้อแอ้ปเปิ้ลฝานลงไปทำลวดลายตามสะดวก สามารถวางแน่นๆ ได้ เพราะอบเสร็จแล้วเนื้อแอ้ปเปิ้ลจะหด พับแป้งริมถาดตามรสนิยม เกลี่ยหน้าทาร์ตบางๆ ด้วยน้ำผึ้ง



     --- เอาพิมพ์เข้าเตาอบ ประมาณ 25-30 นาที รอจนหน้าทาร์ตและแป้งของพิมพ์เริ่มเป็นสีน้ำตาลทอง เนื้อแอ้ปเปิ้ลนิ่ม เอาออกจากเตา ตั้งวางให้เย็นลงแล้วเอาออกจากพิมพ์ ตัดเสิร์ฟได้ทันที กินกับวิปครีมหรือไอติมวานิลลาดูเข้ากันดี หรือจะกินเปล่าๆ ก็เข้าที


     --- สูตรนี้เป็นสูตรอย่างง่ายๆ บางคนเขาจะขูดผิวลูกจันเทศหรือซินเนมอนลงในแอ้ปเปิ้ลบด บ้างผสมครีม ใส่แยม ใส่แป้งโรยหน้า สุดแต่ใจจะสร้างสรรค์กันไป





     Bon appetit!!



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2550 16:15:39 น.
Counter : 1363 Pageviews.  

- 05 NOVEMBRE 07

ลาก่อนเมืองไทย ... ฉันจะไปอยู่กับหวานใจ


- Je quitte la Thailande en business classe pour rejoindre mon époux+amour.-



     ส่งสามีไปทำงานที่หน้าประตู ทำภาพที่ถ่ายไว้ เลือกเพลงประกอบบล้อก ตากผ้า พาดไว้ตามเก้าอี้และลูกบิดประตู แล้วเริ่มอัพบล้อก

     ตอนนี้อัพล้อกบนเครื่อง "น้องป้อม" ไอแม็คสีขาวใสสุดเก๋ เสริมกำลังด้วยอินเตอร์เน็ตไวไฟความเร็วสูง ให้ความรู้สึกต่างจากเน็ตสายโทรศัพท์ที่สัญญาณขาดๆ หายๆ แล้วยังช้าเป็นเต่าคลานราวฟากับดิน มาคราวนี้ฉันติดชมพู่ โน๊ตบุคคู่บารมีมาด้วย เอาไว้เป็นตัวสำรอง เปลี่ยนบรรยากาศ

     คืนวันพฤหัส พ่อกับแม่ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ อย่างที่โม้โอ้อวดเอาไว้ มาฝรั่งเศสคราวนี้ หวานใจใช้ไมเลจแลกตั๋วชั้นบิสิเนส หรือที่การบินไทยเรียกว่า Royal Silk ฉันเลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ อยากจะรู้นักว่ามันแตกต่างกับชั้นประหยัดสามัญธรรมดาขนาดไหน และทำไมมันถึงได้แพงนัก

     เริ่มต้นเลย คือ การเช็คอิน ทางการบินไทยจัดบริเวณสำหรับผู้โดยสารชั้นนี้เป็นพิเศษ ตกแต่งสวยงาม มีเก้าอี้บุนวมสีสวยคอยบริการ ไม่ต้องไปปะปนต่อแถวยาวเหยียดกับคนอื่นๆ น้ำหนักกระเป๋าได้มากกว่าสองเท่า มีเคาน์เตอร์ศุลกากรแยกต่างหากอยู่ข้างในเสร็จสรรพ

     เมื่อศุลกากรลงประทับตราแล้ว ผู้โดยสารสามารถเข้าไปนั่งดื่มและกินอาหารที่จัดไว้ให้ฟรีในเลาจ์ ที่จัดเหมือนล็อบบี้โรงแรมหรู มีที่นั่งพักผ่อน มีบริการอินเตอร์เน็ต มีบริการนวด (นวดเท้าสำหรับชั้นบิสิเนส - นวดแบบเต็มคอร์สสำหรับชั้นหนึ่ง)ฉันนั่งเพลินๆ อ่านนิตยสาร หนังสือพิมพ์ ดื่มจินโทนิค แกล้มขนมอบเล็กๆ สามชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว



     เมื่อได้เวลาขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารชั้นนี้จะได้ขึ้นเครื่องก่อน เก้าอี้นั่งกว้างใหญ่ ปรับเอนได้มากกว่า จอทีวีใหญ่กว่า อาหารเสิร์ฟมาในภาชนะสวยงาม ไม่ได้ใส่กล่องพลาสติก แก้วเป็นแก้ว ไม่ใช่แก้วพลาสติก แถมมีผ้าปูถาด แสดงความเนี้ยบกริบ ไวน์ดูดีมีสกุลกว่า เครื่องดื่มหลังอาหารเป็นเหล้าระดับเอ็กซ์โอ มีเซ็ตเครื่องเคราส่วนตัวแจก ประกอบด้วย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าผิดตา ถุงเท้า ฯลฯ ใส่ในกระเป๋าผ้าสวยงาม

     การเดินทางครั้งนี้จึงเรียบรื่นดุจแพรไหม 12 ชั่วโมงลื่นไหลไปกับการกินดื่ม นอน และตื่นมากินอีกมื้อ ไม่ต้องปวดเนื้อตัวหลับๆ ตื่นๆ คอยนับถอยหลัง พอเครื่องลงจอดที่สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ประมาณ 6.15 น.ได้ลงจากเครื่องก่อนคนอื่นๆ ได้รับกระเป๋าก่อนใคร

     แต่ไอ้อภิสิทธิ์ได้กระเป๋าก่อนคนอื่นถูกทำให้เสียหายยับเยิน เมื่อต้องออกมายืนรอหวานใจมารับอยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงตรงประตูทางออกเข้าตัวอาคารสนามบิน เพราะเจ้าประคุณดันตื่นสาย เนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไปกลัวจะตื่นไม่ทัน ตื่นมาครั้งแรกตอนตีสี่ เลยแอบนอนงีบต่อ ตื่นอีกทีปาเข้าไปแล้วหกโมงสี่สิบห้า กว่าจะบึ่งจิ๊บจิ๊บมาถึงสนามบินได้ก็ปาเข้าไปเจ็ดโมงครึ่ง

     นั่งจิ๊บจิ๊บ เอากระเป๋าไปเก็บที่อพาร์ทเมนต์ อาบน้ำอาบท่าแล้วขี่ลาดุชเชสไปเที่ยวละแวกที่หวานใจเคยพักอยู่เมื่อสิบกว่าปีก่อน หวานใจพาไปร้านกาแฟที่เขาเคยมานั่งกินทุกเช้า ไปเดินดูตลาดสด Marché Les Enfants Rouge นั่งกินตาจินอาหารโมร็อคโกเป็นมื้อกลางวัน ก่อนจะเดินเล่นย่อยอาหารกันแถวๆ นั้น

     บ่ายกว่าๆ กลับมาเปลี่ยนรถ เก็บกระเป๋าออกเดินทางไปอาเมียงส์ คืนนั้นนอนที่บ้านชนบท หวานใจเปิดไวน์กรองด์ครูของแซงต์จูเลียงที่โลร็องต์ให้เป็นของขวัญการแต่งงาน ดื่มกับเนื้อติดซี่โครงย่างและถั่วฝักเขียวต้ม ตบท้ายด้วยคาวาลโดส ก่อนจะหลับไป




     ตื่นมาตอนเจ็ดโมงเช้า เสียงระฆังที่โบสถ์ข้างบ้านดังเหง่งหง่าง กินอาหารเช้ากัน นั่งจิ๊บจิ๊บไปถ่ายรูปกันที่บึงข้างๆ หมู่บ้าน ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เปลี่ยนใบรอผลัดรุ่นสีสวยอยู่บนต้น มาคราวนี้ ฉันไม่ได้หยิบแคนดี้มาด้วย เลยยืม เดอะ ด๊อก - กล้องไลก้า เอ็ม 8 ของหวานใจมาใช้งาน ส่วนหวานใจใช้กล้องฟิล์มมามิยะถ่ายภาคคอลเล็คชั่นปิกาดีของตัวเอง

     ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่กล้องไฮโซยี่ห้อนี้ไม่ถูกมือถูกใจฉันเลย ถ่ายแล้วหงุดหงิดไม่ได้ดังใจ ไม่เหมือนแคนดี้กล้องประจำที่ใช้อยู่ หวานใจบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะระบบการทำงานของกล้องสองยี่ห้อนี้ต่างกัน

     หวานใจทดลองขับเคลื่อนจิ๊บจิ๊บด้วยระบบสี่ล้อ ขับเข้าไปในพื้นที่ขรุขระเป็นหลุมบ่อ ต่อด้วยบริเวณป่าโปร่งข้างๆ พอเจอภาพสวยๆ ก็ยกกล้องขึ้นยิง ถ่ายไปได้สักสองสามรูป มีชายสองคนหน้าตาเคร่งเครียดในชุดนายพราน ใส่เสื้อกั๊กเหน็บกระสุนเพียบ มือถือปืนยาว กับหมาหนึ่งตัวเข้ามาที่รถ เพื่อบอกว่าในบริเวณนั้นห้ามรถเข้ามาเพราะเป็นเขตล่าสัตว์

     ขณะที่ขับรถเข้าสู่ถนนใหญ่ หวานใจหันมาบอกว่า ดีนะที่ป้ายทะเบียนของจิ๊บจิ๊บเป็นหมายเลขของอาเมียงส์ พวกนายพรานก็เลยฮึดฮัดในระดับกลางๆ พอเราบอกว่าเราไม่รู้ พวกเขาก็เลยไม่ว่าอะไร ได้แต่จดหมายเลขทะเบียนรถไป



     ถ้าเป็นเลขทะเบียนของเนยยี่ พวกเขาต้องอารมณ์เสียถึงขั้นฉุนเฉียวแน่ๆ ว่า ไอ้พวกบูร์ชัวร์หยิบโหย่งมีกะตังส์ ไม่รู้ประสีประสามาล้ำเขตแดนของพวกเขาได้ยังไง








>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2550 16:42:58 น.
Counter : 1044 Pageviews.  

- 31 OCTOBRE 07

ได้เวลานับถอยหลังแล้วจ้า


---J'arrive!!! ---

      เหลือเวลาน้อยลงทุกที ทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง

      อีกไม่นานหน่วยเวลาที่นับจะเหลือเป็นชั่วโมง เป็นนาที เป็นวินาที

      หัวใจของฉันกำลังเต้นถี่ขึ้นทุกขณะด้วยความตื่นเต้นยินดีสมกับที่รอคอยมากนาน วันนี้แปลข่าวเสร็จ เก็บกระเป๋าสองใบที่จะโหลดลงใต้เครื่อง ส่วนใบที่จะเอาขึ้นเคบินเปิดค้างเอาไว้ เผื่อจะนึกออกว่าลืมอะไรหรือเปล่า

      ตอนแรกว่าจะเปิดหนังสืออกมาแปลสักหน้าสองหน้า แต่ตอนนี้ชักขี้เกียจเสียแล้ว ว่าจะเปิดดูทีวีเป็นครั้งสุดท้าย ฉันแจ้งให้เขาตัดวันนี้ อยากรู้ว่าจะตัดตอนเที่ยงคืนแป๊ะเลยหรือเปล่า

      พรุ่งนี้เย็นๆ พ่อกับแม่จะนั่งรถไปส่งที่สนามบิน เห็นว่าจะแวะกินร้านอาหารเจ้าอร่อยกันก่อน กินกันตั้งแต่หัววัน เพราะพี่เปี๊ยก คนขับรถที่เราจ้างให้ขับไปส่งเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของเขาใหม่ไม่นอนดึก ฉันเลยอาจจะต้องถึงสนามบินก่อนเวลาบิน 3 ชั่วโมง หวานใจบอกว่าไม่เป็นไร ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ไปเตร็ดเตร่นั่งเล่น ดื่มเครื่องดื่ม นั่งให้เขานวดที่เลาจ์ของการบินไทยก่อนก็ได้....หุหุหุ ไฮโซดีมั้ยล่ะ



     แล้วจะมาเล่าให้ฟังนะคะ



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 31 ตุลาคม 2550    
Last Update : 31 ตุลาคม 2550 20:53:58 น.
Counter : 947 Pageviews.  

- 29 OCTOBRE 07

รอเวลา


---J'attends---


      วันนี้ตื่นมาแต่เช้า ... 10 โมงเช้า เมื่อคืนเข้านอนตอนเที่ยงคืนกว่าๆ คุยโทรศัพท์กับหวานใจอีกพักใหญ่ แล้วหลับตาสราญใจ จำไม่ได้ว่าฝันดีหรือฝันร้าย หรืออาจจะไม่ได้ฝันอะไรเลย

      หวานใจแจ้งมาว่า ตอนนี้ที่ฝรั่งเศสปรับเวลาเป็นหน้าหนาวแล้ว คือ เลื่อนเวลาออกไปจากเวลาหน้าร้อนหนึ่งชั่วโมง ส่วนเรื่องอุณหภูมิ ไม่ต้องเปลี่ยนเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาก็รู้ว่ากำลังอยู่ในหน้านาว

      ได้ยินดังนั้นฉันชักลังเล เอ แล้วเวลาที่รายการข่าวออกอากาศตอนหกโมงเช้าฝรั่งเศส เที่ยงวันเมืองไทย มันจะเลื่อนหรือเปล่าหนอ แล้วถ้าเลื่อนมันจะเลื่อนเข้าหรือเลื่อนออก

      เช้านี้ก็เลยต้องรีบตื่นมาเช็คโปรแกรม TV5Monde วันนี้ฉันรับทำงานแปลข่าวแทนคุณตู๋ซึ่งติดงานอื่นเลยฝากงานไว้ ปรากฎว่าเวลาออกอากาศยังเป็นหกโมงกับเที่ยงวันเหมือนเดิม เอ... หรือ TV5Monde จะยังไม่ปรับเวลา หรือว่าที่จริงแล้วมันไม่ต้องปรับ หรือปรับไปแล้ว ... งงๆ แต่ช่างมันเถอะ ให้ทางเราอัดข่าวแปลสคริปต์ทัน ให้ทางช่อง 9 เตรียมอัดภาพเอาไว้สำหรับสริปต์ของเราทันแค่นั้นก็พอ




     เย้ๆๆ เหลือเวลาอีกแค่สี่วันเท่านั้นก็จะได้บินไปอยู่กับหวานใจที่ฝรั่งเศสแล้ว จู่ๆ เวลาก็วิ่งฉิวราวติดปีก หลังจากอืดๆ ฉืดๆ เหมือนเต๋าคลานมาตั้งแต่ต้นเดือน

      กองกระเป๋าเดินทางและเสื้อผ้าต่างๆ ที่จัดค้างอยู่ยังค้างแปะอยู่เหมือนเดิม ไม่มีการขยับเคลื่อน วันนี้เย็นๆ ว่าจะหยิบจับเสียหน่อย

      ทางด้านงานการ ไม่เลวนัก แปลหนังสือได้ตรงตามโควต้า เรื่องราวกำลังสนุก แต่คนแปลก็ไม่วายเกิดอาการกัดฟันกรอดๆอยู่เป็นช่วงๆ สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากอาการ "ขาดเน็ต" เมื่อวานทดลองเปลี่ยนเครื่องจากพีซีติดเน็ตได้ ไปใช้ชมพู่โน๊ตบุ๊คโมเด็มเดี้ยง จะได้เปลี่ยนท่านั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวเดิมที่นั่งจนเบาะพังกระจุย ไปนอนเอกเขนกแปลงานบนม้านอนบ้าง

      จุดประสงค์หลัก นอกจากจะลดอาการปวดหลังเพราะนั่งท่าเดิมนานๆ ติดต่อกันแล้ว ฉันตั้งใจจะบังคับตัวเองให้ทำงานโดยไม่วอกแวก สกัดใจไม่ให้ลอยห่างจากงาน รั้งมือไม่ให้คลิกไปดูอะไรต่อะไรในเน็ต และที่สำคัญคือดูความเคลื่อนไหวบนบล้อก



     ยังไม่ค่อยสำเร็จสักเท่าไหร่ ต่อไปอาจจะดีขึ้น


ป.ล. หลังจากครึ้มเมฆมานานเป็นเดือนๆ วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งเป็นสีครามสวยจังเลยค่ะ อดใจไม่ไหว เลยคว้าแคนดี้ออกไปเดินดุ่มๆ ใต้ต้นไม้ในสนามหน้าบ้าน แล้วยิงๆๆๆๆๆ


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 29 ตุลาคม 2550    
Last Update : 29 ตุลาคม 2550 15:52:35 น.
Counter : 935 Pageviews.  

- 28 OCTOBRE 07

บ่นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเหนื่อยก็หยุดไปเอง

--- Je m'appelle Madame Aticha GABOULAN---


      ตื่นมามึนๆ เมื่อคืนดื่มเบียร์หนักไปหน่อย นอนโหยๆ อยู่บนเตียง คอแห้งผาก อยากจะลงไปหาน้ำดื่มให้ชื่นใจ แต่ยังขี้เกียจลุก

     บ้านเงียบกริบ ตอนเช้า ฉันสลึมสลือได้ยินเสียงแม่คุยกับป้านก เพื่อนของแม่ที่มารับไปทอดกฐิน หลังจากนั้นฉันก็หลับไปอีกงีบ ตื่นมายังไม่รู้สึกดีขึ้น ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว อยากไปนอนให้คนนวดให้น่วมจัง

     เมื่อวานทำงานแปลเสร็จตามโควต้าตั้งแต่หัวค่ำ ช่วงนี้วินัยตกอย่างแรง งานที่คั่นๆ ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้เสร็จในหนึ่งวัน ทำได้มั่งไม่ได้มั่ง บางทีต้องใช้เวลาถึงสองวัน และวันที่สองยังตีขลุมโกหกตัวเองหน้าด้านๆ ว่าทำงานเสร็จแล้ว ... เฮ่อ นิสัยอย่างนี้ต้องรีบปรับปรุงเป็นการด่วน เพราะเดี๋ยวไปมีชีวิต "หาร 2" ใช้ชีวิตคู่กับหวานใจที่ฝรั่งเศส ฉันจะต้องแบ่งเวลาทำอะไรอื่นๆ อีกมากมายก่ายกอง เวลาทำงานเหลือแค่จันทร์ถึงศุกร์ เสาร์-อาทิตย์ต้องใช้เวลาให้เต็มที่กับสามี

     แต่ไม่เป็นไร ไม่เสียดายหรอกที่จะเป็นอย่างนั้น ใจฉันเองอยากใช้ชีวิตให้คุ่มค่า ได้ขยับเนื้อขยับตัวไปโน่นมานี่ ทำอะไรๆ ที่น่าสนใจ ไม่ใช่นั่งแปะอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างทุกวันนี้อยู่แล้ว เป็นอันว่าเข้าทางพอดี ไม่มีอะไรให้บ่น เหลือแต่บังคับตัวเองให้ทำงานอย่างเต็มที่ก็พอเนอะ (ก็อันนี้แหละที่ยากที่สุดในโลก)



     พูดถึงชีวิตคู่แล้วขอพูดต่ออีกนิด

     ไม่น่าเชื่อว่าแค่เซ็นชื่อเปลี่ยนสถานภาพจากการเป็นแฟนกันมาเป็นสามีภรรยากันนี่ มันจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของฉันต่อหวานใจได้มากขนาดนี้ ฉันรู้สึกถึงความมั่นคงในจิตใจที่ฉันแสวงหามาตลอดชีวิตโดยไม่รู้ตัว ความมั่นคงนี้มันไม่ได้เกิดจากการที่ฉันคงจากคานทองแล้วหรอก แต่เป็นความรู้สึกว่า ฉันเจอแล้ว เจอคนที่ฉันจะก้าวเดินไปด้วยกันแล้ว ชีวิตใหม่ของฉันเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และคราวนี้มีคนๆ นึงเดินอยู่เคียงข้างฉัน ไม่ต้องคลำทางอย่างเดียวดายอีกต่อไปแล้ว

      แต่ทุกอย่างมันก็ต้องมีหลายๆ ด่านแหละเนอะ ไอ้ความอบอุ่นใจหลังแต่งงานมันก็ดีอยู่หรอก แต่ขั้นตอนหลังจากเปลี่ยนสถานะจากนางสาวเป็นนางนี่สิออกจะวุ่นวายไปสักนิด ฉันต้องเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อและนามสกุลในเอกสารทุกอย่าง บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ใบขับขี่ ชื่อในบัญชีธนาคารทุกแห่ง แล้วต้องส่งเอกสารไปตามสำนักพิมพ์ต่างๆ ให้เขาเปลี่ยนข้อมูลทางบัญชี

     อันนั้นไม่เท่าไหร่ ถือว่าเอานามสกุลเขามาใช้มันก็ต้องยอมทำไปเพื่อแลกเปลี่ยน สิ่งที่เซ็งหัวใจที่สุดคือการถอดเสียงนามสกุลเป็นภาษาไทยซึ่งสืบทอดต่อเนื่องมาจากเอกสารสมัยหวานใจกับภรรยาเดิม ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่ไหน ถอดเสียง กาบุลง (Gabulon) ว่า กาบูล็อง (Gaboulan)

     วันก่อน ตอนที่หวานใจแวะมาเจอกัน ฉันอดจะบ่นฟ่อดแฟ่ดเรื่องนี้ไม่ได้ว่า ไอ้การออกเสียงแปลกๆ นี่กำลังจะทำให้ฉันปวดใจ เพราะต่อไปนี้ฉันจะเติมนามสกุลใหม่ลงในหนังสือที่ฉันจะแปลเล่มต่อๆ ไป บทความต่างๆ ที่ฉันเขียน และบนนามบัตรที่ต้องทำใหม่ แต่ฉันไม่อยากใช้นามสกุลอย่างเป็นทางการที่ถอดเสียงแปร่งๆ เลย ฉันว่าฉันจะใส่ตามการออกเสียงที่ฉันพอใจคือ กาบุลง แต่ถ้าทำอย่างนั้นเอกสารต่างๆ ทางกฎหมายเวลาเคลียร์เงินมันจะยุ่งยากมากมาย ต้องอธิบายเหตุผลให้อีกหลายคนฟังว่าทำไมมันไม่เหมือนกัน

     หวานใจบอกว่า งั้นก็ไม่ต้องยุ่งยากเปลี่ยนให้วุ่นวายหรอก ก็ใช้ตามเอกสารราชการนั่นแหละ นามสกุลของเขาถ้าออกเสียงตามสำเนียงใต้ๆ พอจะกล้อมแกล้ม เพี้ยนเป็น กาบูล็อง ได้



     ถือเสียว่าเป็นการออกเสียงที่ทำให้รำลึกว่า ดั้งเดิมครอบครัวของเขาอพยพมาจากทางใต้ของฝรั่งเศส ก็แล้วกัน



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 28 ตุลาคม 2550    
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 13:49:25 น.
Counter : 1260 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.