- 25 AOUT 10 ไม่หงุดหงิด

ไม่หงุดหงิด

ennui
ไม่หงุดหงิด ไม่หงุดหงิด ชีวิตก็อย่างนี้ล่ะ

ช่วงนี้ ฉันท่องบอกตัวเองอย่างนี้บ่อยๆ มีเรื่องประดาเข้ามากวนใจหลายเรื่อง มีทั้งเรื่องที่น่ารำคาญจริงๆ เรื่องที่คิดล่วงหน้าข้ามช็อตไปเอง และเรื่องไม่เป็นเรื่องไม่สมควรจะใส่ใจนึกถึง แต่ก็ยังวนมาสะกิดสะเกา รู้สึกอ้ำๆ อึ้งๆ ห้อยแขวนจนไม่ได้อัพบล็อกเสียหลายวัน

คอนเทนเนอร์ที่ขนข้าวของจากอินเดียซึ่งควรจะมาถึงบ้านได้แล้วมาสายจากกำหนดเดิมเลื่อนไปเรื่อยๆ นัยว่าลงเรือมาแยกลำกัน ลำสุดท้ายเพิ่งมาถึงเมื่อวาน และเขาอยากจะมาส่งที่บ้านพร้อมกันทีเดียว อันนั้นไม่ว่ากัน แต่การที่ยังกำหนดวันส่งไม่ได้ จนฉันต้องมาสแตนด์บาย กันเวลาเผื่อเหลือเผื่อมาเอาไว้นี้สิที่ที่เกือบจะเหลือทน จะนัดแม่บ้านให้มาช่วยก็ไม่รู้ว่าจะนัดวันไหน เพื่อนมาจากไทเปก็ยังรับปากไม่ได้ว่าจะแว่บออกไปเจอได้เมื่อไหร่

อีกเรื่องคือฉันอยากจะจัดการยื่นเอกสารของวีซ่าเข้าญี่ปุ่นให้เรียบร้อยจะได้หมดไปอีกเรื่อง เมื่อวันจันทร์ไปที่ฝ่ายวีซ่า ปรากฎว่าขาดหลักฐานทางการเงิน มีทางเลือกสองทางคือยื่นรายการบัญชีธนาคารของตัวเอง หรือ มีใบรับรองการแต่งงานและใช้บัญชีของหวานใจยืนยัน ไอ้เงินในธนาคารที่มีก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่าเลยเลือกใช้แบบที่สอง

ทีนี้ก็งานเข้าเลย เพราะใบรับรองที่ว่า ฉันมีแต่เป็นภาษาฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าควรจะเป็นภาษาสากลคือภาษาอังกฤษ ฉันเองก็ไม่อยากเรื่องมากถามไปว่าแล้วตอนที่ฉันขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่จากอินเดีย ทำไมฉันถึงขอได้ เลยต้องหาคนแปลที่ทางกงสุลฝรั่งเศสรับรอง ต้องเอาใบแปลนั้นไปให้กงสุลลงตราประทับ เห็นว่าจะได้วันพรุ่งนี้ ทีนี้ก็เหลือวันศุกร์ให้ยื่น แต่ไอ้ที่อิหลักอิเหลื่อ ก็คือ คอนเทนเนอร์อาจจะเข้าบ้านวันนั้นก็ได้

แต่ก็นะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไม่ควรจะกังวล เพราะการออกวีซ่าใช้เวลาสามวันทำการ ยื่นวันจันทร์ก็ยังทัน เพียงแต่ว่าฉันเป็นโรคกลัวเอกสาร กลัวไม่ครบ กลัวครบแต่สายเกินไป โดยเฉพาะเรื่องเอกสารสำหรับขอวีซ่าเนี่ย มันฝังอกฝังใจแกมเก็บกดตามประสาประชาชนในประเทศโลกที่สามที่ลำพังตัวเองแล้วไม่มีเครดิตทางการเงินมากพอจะขอเข้าประเทศที่หนึ่งที่ไหนได้ ถ้าไม่อิงแอบอ้างสามี

ชีวิตก็อย่างนี้ล่ะ มีร้ายเข้ามาบ้าง แต่ใช่ว่าจะไม่มีดี หันมามองด้านดีบ้างดีกว่า เรื่องดีๆ ก็คือ ไม่มีเรื่องไหนที่ร้ายแรงถึงชีวิต ฉันไม่ได้อับจนถึงขั้นจะอดตายเสียหน่อย อีกไม่นานจะได้เข้าบ้านใหม่แล้ว อีกไม่นานจะได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น และอีกไม่นานจะได้กลับเมืองไทยอีกรอบ


ไม่หงุดหงิด ไม่หงุดหงิด





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 25 สิงหาคม 2553    
Last Update : 25 สิงหาคม 2553 11:53:06 น.
Counter : 868 Pageviews.  

- 20 AOUT 10 ชีวิตวันๆ

ชีวิตวันๆ

SoFarSoGood
ระหว่างรอย้ายเข้าบ้านใหม่ สร้างมุมของตัวเอง เพื่อเริ่มการกลับมาจับงานกิจการสนพ. และงานแปลอย่างจริงจังอีกครั้ง ในช่วงนี้ ฉันใช้ชีวิตไปวันๆ แต่ใช่่ว่าชีวิตฉันจะเอื่อยเฉื่อยไร้ค่า หายใจออกทิ้งๆ ขว้างๆ เพิ่มมลพิษให้กับโลกเปล่าดายเสียทีเดียว แต่ละวันจะมีภารกิจประจำวันให้ทำ อย่างเมื่อวาน เป็นวันอยู่โยงที่บ้านใหม่รอรับข้าวของที่มาส่ง ช่วงบ่ายต้นๆ เป็นตู้เย็นกับเครื่องซักผ้า ส่วนตอนค่ำเป็นโซฟาชุดใหม่สไตล์และสีแสนจะเรโทรเข้ากับบ้านที่นำรูปมาอวดวันนี้

ส่วนวันนี้ ถึงจะตื่นสายหน่อย จากความอ่อนล้าเนื่องจากเมื่อวานเดินฆ่าเวลาในห้างช่วงที่รอโซฟาเสียหลายชั่วโมง แต่ภารกิจประจำวันก็เรียบร้อย คือ เอาเอกสารของหวานใจสำหรับทำเรื่องขอวีซ่าให้แม่บ้านไปส่งที่ออฟฟิศของเอเยนต์ เสร็จแล้วเลยไปกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา กินไม่หมดชามเพราะเส้นอืด ตอนนี้ชักไม่ค่อยเห่อกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว คงจะเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต่างกับเรื่องอื่นๆ คือ พอไม่มีก็อยากมี พอมีเยอะๆ ก็งั้นๆ ตอนอยู่อินเดียไม่มีก๋วยเตี๋ยวกิน จึงตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าดที่จะได้มากินที่ฮ่องกง พออยู่ฮ่องกง กินเยอะๆ เข้า ก็เริ่มไม่อร่อยเหมือนที่ใจฝันไว้ก่อนหน้า

คนหนอคน เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่ต้องนึกไกลถึงใครคนอื่นๆ แค่ตัวเราเองยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

กินเสร็จ เดินมุดเข้าสถานีรถไฟใต้ดินหลบแดด หยุดหน้าป้ายโฆษณาคอนเสิร์ตของ Mischa Maisky นักเชลโลผู้มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก เขาจะมาแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมฮ่องกงต้นเดือนตุลา เป็นคอนเสิร์ตที่หวานใจอยากดู เจอป้ายโฆษณาคอนเสิร์ตนี้ตามสถานีรถไฟใต้ดินครั้งใด เราสองคนต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ หยุดดูและหมายมั่นปั้นมือกันว่าจะซื้อตั๋วไปดูกันให้ได้ทุกครั้ง

จะว่าไป ฉันเองไม่ได้กรี๊ดกร๊าดคุณนักดนตรีคนนี้ ไม่ได้รู้จักมาก่อนด้วยซ้ำไป แต่เห็นสามีอยากดูนัก และเห็นว่าถ้าปล่อยให้เขาจัดการจองตั๋วเอง ท่าทางจะยากเพราะเขางานยุ่ง อยู่ๆ วิญญาณศรีภรรยาก็เข้าสิง ไปหาซื้อตั๋วเองดีกว่า เปิดไอโฟน ต่อเน็ต เข้าเว็บไซต์ของบูธขายตั๋ว URBTIX หาที่อยู่ของจุดขายที่ใกล้ที่สุด ระหว่างทางแวะร้านแม็ค สอบถามเรื่องไอโฟนรุ่น ๔ เผื่อจะซื้อหิ้วกลับเมืองไทยเดือนหน้า ได้ความว่าของหมดสต็อก และคนขายไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ ถ้าอยากสั่งจองต้องสั่งผ่านเว็บไซต์

ออกจากร้านแม็ค มุ่งหน้าหาซื้อตั๋วต่อ เปิดแผนที่ google map เดินดุ่มไปตามทิศทางที่ปรากฎบนหน้าจอ จนถึง Queen Elizabeth Stadium

ประตูอัตโนมัติเปิดออก ฉันเดินเข้าไป เห็นบูธขายตั๋วแล้วใจหายวาบ ตายแล้ว ฉันลืมชื่อของอีตานักเชลโล (อันที่จริง ลืมกระทั่งว่าเขาเล่นเชลโล นึกว่าเล่นไวโอลิน) ไม่รู้จะยังไงดีเลยเข้าไปบอกคนขายตั๋วซื่อๆ ว่า จะมาซื้อตั๋วแต่จำชื่อคนเล่นไม่ได้ โชคดีที่จำวันเล่นได้ เขาเลยให้ดูหน้าจอว่าเป็นงานไหน

เจอหน้าพ่อ Mischa Maisky แล้ว ถึงเวลาเลือกราคาตั๋ว ใจหายวูบอีกรอบ ฉันไมไ่ด้เตรียมเงินมาล่วงหน้า เพราะตัดสินใจปุบปับ บัตรเครดิตอะไรก็ไม่มี บอกคนขายว่าขอดูก่อนว่ามีเงินเท่าไหร่ แล้วล้วงแบงค์ยับยู่ออกมานับกันซึ่งๆ หน้าตรงนั้นเลย รวบรวมได้พันกว่าดอลลาร์ ซื้อราคาสูงสุดไปเลยละกันจะได้นั่งที่นั่งดีๆ

จ่ายเงินเสร็จ รับตั๋ว เดินกระเป๋าเบาหวิว เหลือเงินไม่ถึงร้อย ฝ่าแดดแผดเผายามใกล้บ่ายสองกลับที่พัก ก่อนเข้าห้อง สานต่อภารกิจประจำวันอีกอย่างหนึ่งคือ การซักผ้า แวะชั้นห้องซักผ้า ย้ายเสื้อผ้าที่เอาไปซักตอนเช้าขึ้นตู้อบ เหลือรอเวลาให้ผ้าแห้ง ขนขึ้นมารีดใส่ตู้

หลังจากนั้น ช่วงค่ำ รอสามีกลับจากทำงานเพื่อไปกินราแคล็ตที่หวานใจอยากกินมาหลายวันแล้วด้วยกันเพื่อปิดท้ายสัปดาห์ทำงาน

เป็นวันที่ฉันทำตัวมีประโยชน์ ถึงจะไม่ได้กว้างไกลระดับสังคมสาธารณะ แค่กับคนๆ เดียว คือ สามีสุดที่รัก แต่ก็นับได้ว่าเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 20 สิงหาคม 2553    
Last Update : 20 สิงหาคม 2553 16:04:56 น.
Counter : 823 Pageviews.  

- 19 AOUT 10 อีกนิดเดียว

อีกนิดเดียว


moi


ภาพข้างบนแสดงภาวะในตอนนี้ของฉันค่อนข้างครบถ้วน นั่นคือ ติดอยู่ในกล่อง จ้องมองเงา เฝ้ารอประตูเปิด ใจระเบิดบิดเป็นเกลียว เดียวดายในชุดซ้ำๆ และยับย่น

หนึ่งเดือนที่ย้ายมาอยู่ฮ่องกง ฉันขึ้นลงลิฟต์รวมกันแล้วมากกว่าสองปีที่อยู่อินเดียเสียอีก -- เอ่อ ไม่มีอะไรลึกซึ้งให้ตีความกว่านั้น เป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาเฉยๆ

เมื่อวานพาคุณ ก. ว่าที่แม่บ้านคนใหม่ลงรถไฟใต้ดินมุดอุโมงค์ใต้ทะเล แวะซูเปอร์ซื้อน้ำยาและอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ขึ้นแท็กซี่ไปบ้านใหม่ การเดินทางครั้งนี้เป็นการยิงนกทีเดียวได้สองต่อ ต่อแรก คือ ฉันจะได้ลองฝึกเดินทางกลับบ้านจากในเมืองเอง ใจเต้นตุ้มต่อมแต่ก็ทำได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ต่อที่สอง คือ จะได้พาคุณ ก. ไปดูบ้านและพูดคุยทำความรู้จักกัน ขากลับเราลองขึ้นรถเมล์จากบ้านไปสถานีรถไฟใต้ดินดู พอกลับเข้ามาในเมืองได้ ก็แวะกินส้มตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้และลาบเนื้อกันอย่างเอร็ดอร่อยที่ร้านอาหารคนไทยในตลาดสด

แปลกดี หรือไม่แปลกก็ไม่รู้ พอออกจากห้องที่เก็บตัวอยู่คนเดียวไปเดินในที่กว้างๆ อากาศดีๆ มีคนให้พูดคุยด้วย อารมณ์ของฉันดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงกับเข้าไปนอนให้คนนวดในร้านนวด จากที่ว่างเว้นกิจกรรมนี้ไปนานหลายเดือน

ที่เว้นไปแม้แต่ตอนที่อยู่เมืองไทย เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาเครียดๆ แล้วไปนวด ความเครียดและความกังวลตลอดจนความคิดด้านลบต่างๆ จะทำให้เราไม่ได้อยู่บนเตียงนวดจริงๆ ใจมันลอยไปโน่นมานี่ ไม่เหมือนกับตอนที่ใจโล่งสบายๆ จิตเคลื่อนตามจังหวะและน้ำหนักของหมอนวด มีความสุขกับปัจจุบันจริงๆ

หวานใจเพิ่งโทรมาบอกว่าเครื่องซักผ้าและตู้เย็นจะถึงบ้านตอนสองโมงครึ่ง บนท้องฟ้า เมฆสีเทาเข้มหนาทึบลอยผ่านยอดตึกสูง สงสัยจะมีฝนเทลงมาอีกรอบ





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 19 สิงหาคม 2553    
Last Update : 19 สิงหาคม 2553 12:07:17 น.
Counter : 846 Pageviews.  

16 AOUT 10 รับกุญแจ

รับกุญแจ

ต้มซุปไก่สูตรคุณนายแม่ตั้งตุ๋นอยู่บนเตา ข้าวสุกแล้ว หมูหมักเครื่องกระเทียมพริกไทยอยู่ในตู้เย็นกับผักบุ้ง รอผัดเมื่อหวานใจกลับ เดี๋ยวอัพบล็อกเสร็จต้องลงไปเก็บผ้าในเครื่องอบข้างล่างขึ้นมารีด

เสียงไซต์ก่อสร้างแข่งดังขึ้นมาจากข้างล่าง วันนี้ฉันไม่ค่อยหงุดหงิดอึดอัดเหมือนก่อนหน้า เพราะบนโต๊ะมีกุญแจบ้านใหม่สำหรับไขเข้าบ้านบนเนินเขานอกเมือง วิวทะเลกว้างสุดสายตา ต้นไม้ร่มรื่นมากมาย อีกแค่อาทิตย์เดียวก็ไม่ต้องมองตึกสีหม่นรายรอบตัวอีกต่อไป

เมื่อเช้านี้ แปดโมงครึ่ง ฉันกับหวานใจสะดุ้งตื่นพรวดออกจากเตียง เพราะเจ้าเบเบ้ แบลคเบอรีของหวานใจที่แปลงกายเป็นนาฬิกาปลุกดันไม่ยอมส่งเสียง เก้าโมงเช้า สองสามีภรรยารอเป็กกี้ เอเยนต์หาบ้านของเราที่หน้าตึกตรงข้ามที่พัก ตึกนั้นเป็นที่ตั้งออฟฟิศ มีรถยนต์แวะเวียนเข้ามาจอดส่งคนทำงาน หวานใจชี้ให้ดูบอกว่า อีกไม่นาน ฉันก็ต้องทำอย่างนี้ ขับรถไปส่งสามีที่สถานีรถไฟฟ้า

หัวเราะหึๆ แต่ข้างในใจสั่นนิดๆ ทักษะการขับรถของฉันห่างไกลคำว่าเก่งกาจคล่องแคล่วนัก อยู่เมืองไทยขับแต่ตอนอยู่บ้านระยอง และนานๆ จะออกจาบ้านที อยู่ฝรั่งเศส หวานใจขับ ตอนนั้นยังพออ้างได้ว่าพวงมาลัยคนละข้าง ฉันไม่ชิน อยู่อินเดีย มีคนขับรถคอยบริการตลอดเวลา

แต่ก็เอาวะ เดี๋ยวไปเข้าเรียนขับรถที่นี่อีกรอบละกัน เพราะถึงจะมีใบขับขี่สากลจากเมืองไทย (ซึ่งตอนนี้หมดอายุไปหลายปีแล้วและอยู่ไหนก็ไม่รู้) ก็ใช้ขับชั่วคราวได้แค่สามเดือน หลังจากนั้นก็ต้องสอบเอาใบขับขี่ถาวรของที่นี่อยู่ดี ทำมันเสียทีเดียวตั้งแต่แรกดีกว่า





เก้าโมงห้านาที เป็กกี้ ขับรถมาจอดเทียบหน้าตึกพาไปที่บ้าน ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาที ฉันกับหวานใจสังเกตเส้นทางกันอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อวานเราสองคนขี่ “กาสตอร์” เวสป้าสีแดงฉานมาวนเวียนแถวนี้แล้วรอบนึง แต่ดันพลาดไม่ได้เข้าอุโมงค์ที่เป็นทางลัดเลยขับวนขึ้นเขาเสียไกลโข เราถือเป็นการสำรวจดูเส้นทางรอบๆ บ้านเสียเลย

กาสตอร์ (castor) ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่าตัวบีเวอร์ เป็นชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียก Simone de Beauvoir นักเขียนหญิงชาวฝรั่งเศส เราเลือกชื่อนี้เพราะจะได้สอดคล้องกับชื่อ ซาร์ตร์ ของไอ้ลูกหมา

ถึงบ้าน มีอเล็กซ์ พนักงานของบริษัทที่เป็นเจ้าของบ้าน กับโซเฟีย เอเยนต์ในพื้นที่อีกทอดนึงรออยู่ เป็กกี้กับกลอเรียลูกมือ เดินตรวจดูจุดต่างๆ เปิดไฟ เปิดแอร์ เปิดน้ำ เปิดเตาในครัว เช็คกุญแจทุกดอก ตรวจดูสภาพพื้น ผนัง ฯลฯ ละเอียดลออสมเป็นมืออาชีพ

หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไป การรับมอบกุญแจเสร็จสิ้น เป็กกี้ขับรถมาส่งแถวๆ ที่พัก เราสองคนฉลองการมีบ้านใหม่ด้วยก๋วยเตี๋ยวน้ำคนละชาม


วันนี้เป็นแค่ก้าวกลางๆ ของการย้ายบ้านใหม่ เป็นแค่ขั้นตอนเบาะๆ เท่านั้น อีกสองวันจะเป็นวันเริ่มขนของเข้าบ้าน ด้วยโซฟาชุดใหม่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น แล้วข้ามไปวันเสาร์ คอนเทนนอร์ที่บรรทุกสมบัติต่างๆ จากอินเดียจะมาถึง วันนั้นคงจะต้องหนักหนาเอาการอยู่




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 16 สิงหาคม 2553    
Last Update : 16 สิงหาคม 2553 18:27:45 น.
Counter : 1127 Pageviews.  

- 13 AOUT 10 หัวเลี้ยว

หัวเลี้ยว

café sur le balcon

เมื่อเช้า ลุกจากเตียงเพราะเสียงโทรศัพท์ ลุกไปรับ ไม่มีคนพูดสาย ได้ยินเสียงกลุกกลักกรอกแกรก เหมือนเสียงค้นกระเป๋า เดาว่าฝั่งโน้นเผลอกดปุ่มโทร.ซ้ำเบอร์เดิม

ฝั่งโน้น คือ แองเจลา ชาวโคลัมเบีย ภรรยาของจอง-ลุค อดีตเพื่อนร่วมงานของหวานใจช่วงที่ทำงานแผนกตรวจการเมื่อสิบกว่าปีก่อน แองเจลากับจอง-ลุคอยู่ฮ่องกงมาหนึ่งปีและกำลังจะย้ายกลับฝรั่งเศสในวันสองวันนี้ เมื่อคืนฉันกับหวานใจไปกินอาหารค่ำกับทั้งสองคนมา ระหว่างตอบคำถามเกี่ยวกับกิจการงานของฉัน ประโยคหนึ่งพุ่งขึ้นในใจ เออ ฉันทำสิ่งที่ดีน่าชื่นชมอยู่นี่หว่า

บางทีฉันก็หลงก็ลืมว่าทำไมตัวเองถึงทำงานหนังสือ บางทีก็ท้อห่อเหี่ยว บางครั้งปล่อยตัวล่องลอยผัดวันประกันพรุ่ง นึกถึงคำที่บอกพี่นวล ณ สนพ. วงกลม เมื่อเจอกันครั้งที่แล้วว่า การทำสำนักพิมพ์เป็นความหมายของชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร ฉันก็จะทำต่อ ไม่หยุดแน่นอน อาจจะมีการชะลอความเร็วลง หรือถอยหลังนิดๆ แต่ก็จะก้าวต่อไปเรื่อยๆ คราวนี้จะเป็นไปตามจังหวะชีวิตของฉัน

และตอนนี้จังหวะชีวิตของฉันไม่ค่อยปกติ มันกึก มันกัก อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ครึ่งๆ กลางๆ รอย้ายเข้าบ้านใหม่ ขอเวลาให้ฉันปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่สักนิด โชคดีนะที่ฉันทำหนังสือ ไม่ได้ทำสวนทุเรียนที่ต้องตัดขายในทันที เลยยังพอเอ้อระเหยลอยชายได้

ช่วงสามสี่อาทิตย์ที่ติดแหง็กอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมติดแอร์บนชั้นสิบเอ็ดแห่งนี้ ถึงงานการจะไม่คืบหน้าพุ่งพรวด ได้แต่ขยับคืบทีละเล็กละน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ศูนย์เปล่าเท่าไหร่นัก ฉันได้อ่านหนังสือที่ขนซื้อมาจากเมืองไทยหลายเล่ม บางเล่มให้ความเพลิดเพลิน บางเล่มให้ข้อคิด

ข้อคิดที่ฉันลองนำมาปฏิบัติแล้วรู้สึกว่าตัวเองก้าวหน้าขึ้น นั่นคือ ข้อคิดจากหนังสือเรื่อง “ข้อตกลงสี่ประการ” (The Four Agreements) ตอนนี้ฉันลองทำแค่ข้อแรกก่อน นั่นคือ ไม่กระทำบาปด้วยวาจา อันได้แก่ มีวาจาสัตย์ พูดให้ปากตรงกับใจ หลีกเลี่ยงคำพูดที่ทำร้ายตัวเองหรือนินทาว่าร้ายผู้อื่น ใช้พลังคำพูดในทางที่ถูกและเปี่ยมด้วยความรัก

ดูจากชีวิตเก็บเนื้อเก็บตัว วันๆ เจอแต่สามีเพียงคนเดียว การทำข้อตกลงนี้ไม่น่าจะยาก ยิ่งกว่านั้น ฉันยังขยายขอบเขตไปถึงความคิดของตนเองด้วยการ ไม่กระทำบาปด้วยใจ เพราะเวลาเราคิดร้าย มันก็เหมือนเราพูดร้าย เวลาคิดถึงคนที่เรารู้สึกว่าเขาร้ายเขาเลว ก็เท่ากับเราด่าทอคนอื่นให้ตัวเองฟัง คนถูกด่าไม่ได้ยิน มีแต่คนที่คิด คนที่พูด คนที่ฟัง คือฉันคนเดียวเท่านั้นที่ร้อน

ส่วนข้อตกลงข้ออื่นๆ คือ อย่ายึดทุกอย่างมาเป็นของเรา การไม่คิดไปเอง และการทำดีที่สุด ฉันยังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้ามีความคืบหน้าจะนำมาบันทึกต่อไป

เย็นนี้ ฉันมีนัดกับหวานใจไปรับตัวรถสกูตเตอร์มือสองที่หวานใจซื้อเอาไว้ขี่ที่นี่ วันจันทร์หน้า เราจะได้กุญแจเข้าบ้านใหม่ วันที่ ๒๑ ข้าวของที่ขนลงเรือจากอินเดียจะมาส่งที่บ้าน

ตื่นเต้นและดีใจมาก เพราะฉันว่าบรรยากาศของที่อยู่อาศัยและที่ทำงานมีผลกับจิตใจและกะจิตกะใจในการดำรงชีวิตของเราเป็นอย่างยิ่ง อาจจะจริงหรือไม่จริงหรือเป็นข้ออ้าง ก็ต้องลองรอดูว่างานการจะวิ่งลิ่วโลดก้าวกระโดดหรือไม่ หลังจากได้จัดบ้านตามรสนิยมของตนเอง กับเครื่องเรือนที่คุ้นเคย มีมุมสวยๆ ให้อยู่ มีเก้าอี้ดีๆ ให้นั่ง มีวิวงามๆ ให้ดู ไม่มีเสียงตอกเสาเข็มดังหนวกหูทั้งวัน ได้ออกกำลังกายเดินเล่น ได้สูดอากาศดีๆ ได้ใช้ชีวิตแสนสุขี ได้มีชีวิตนิ่งๆ แล้ว




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่







 

Create Date : 13 สิงหาคม 2553    
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 15:45:57 น.
Counter : 857 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.