- 18 JANVIER 08

สวมแหวนแต่งงาน


--- Les alliances qui nous lient ---





หลังการรอคอย และความตื่นเต้นตกใจ เมื่อไปรับแหวนที่ร้านแล้วเจอร้านปิดปรับปรุงกระทันหันโดยไม่มีคำบอกกล่าว เมื่อวานนี้ ฉันไปรับแหวนแต่งงานที่เคาน์เตอร์ Fred ที่ห้างแกเลอรีลาฟาแย็ตต์ และได้แหวนแต่งงานของเรามาอยู่ในครอบครองจนได้

ถึงจะเหน็ดเหนื่อยจากกการเดินวนดูข้าวของที่ห้างขนมาลดราคากระหน่ำ (เดินอยู่เป็นชั่วโมง ได้แค่กระเป๋าฝากคุณนายแม่กับพี่สาวแสนสวยแค่สองใบ)แต่ตอนหัวค่ำ ฉันก็ยังกัดฟันลงไปซื้อกับข้าวสำหรับค่ำคืนสำคัญที่จะประทับใจฉันไปตลอดชีวิตอีกค่ำคืนหนึ่ง เพราะเป็นคืนที่ฉันได้สวมแหวนแต่งงานวงแรกของชีวิต

ที่บอกว่าเป็นวงแรกของชีวิตนั้น ไม่ได้หมายความว่าฉันคิดวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะแต่งงานใหม่หรอกนะ แหม... ฉันเพิ่งแต่งงานมาได้ไม่กี่เดือนเอง ถ้าคาดการณ์ล่วงหน้าไปถึงจุดจบและจุดเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่ตอนนี้มันก็ยังเร็วเกินไป

ที่บอกว่าเป็นแหวนแต่งงานวงแรก เพราะฉันกับหวานใจตกลงกันว่า จะซื้อแหวนแต่งงานใหม่ทุกๆ 7 ปี ลองนับไปนับมา คำนวณจากอายุของหวานใจกับอายุเฉลี่ยของคนในครอบครัวของเขา ราวๆ 80 ปี ได้คำตอบคร่าวๆ ว่ายังเหลือแหวนแต่งงานให้เลือกอีกประมาณ 5 แบบ วนครบรอบทุกร้านที่ตั้งอยู่ในจตุรัสวองโดมพอดี


ดั่งเช่นนโปเลียนทำพิธีสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ เราสองคนจัดพิธีสวมแหวนแต่งงานของเราเอง (จะว่าไปแล้วฉันเองก็ไม่ได้แตกต่างจากโจเซฟินสักเท่าไหร่ เพราะสามวันอาบน้ำที)

พิธีการเป็นไปอย่างเรียบง่าย ที่โต๊ะอาหารค่ำ ฉันแกะสติกเกอร์เปิดถุง หยิบกล่องใส่แหวนหน้าตาเหมือนกันเปี้ยบออกมาตั้งบนโต๊ะ แล้วแบ่งกันหยิบมาเปิดดูคนละกล่อง ฉันหยิบได้วงใหญ่ของหวานใจ หวานใจหยิบได้วงเล็กของฉัน (แน่ล่ะ) นับเป็นนิมิตรหมายอันดี (อันนี้คิดเอาเอง) หลังจากนั้น คู่สามีภรรยาช่วยกันจัดฉากสำหรับถ่ายรูป ก่อนจะผลัดกันสวมแหวน


ปิดพิธีด้วยการถ่ายรูปมือที่สวมแหวนอยู่ แล้วเริ่มกินอาหารค่ำ




เมื่อวานนี้ ฉันออกไปเจอฟิลูลู แฟนเก่า+เพื่อนรัก ฟิลูลูถามว่า แต่งงานแล้วเป็นยังไงบ้าง

"แต่งแล้วก็เป็น "มาดาม" (นาง) ไง"

"เหรอแค่นั้นเองเหรอ"

"ไม่หรอก เหตุผลหลักที่ฉันแต่งงานคือฉันจะได้อยู่กับสามีของฉัน ที่จริงมันก็แปลกๆ นะเวลามองผู้ชายคนหนึ่ง แล้วบอกตัวเองว่า คนนี้แหล่ะที่ฉันจะร่วมชีวิตด้วย และรู้สึกเหมือนกับปิดประตูไม่รับผู้ชายอื่นเข้ามาในชีวิตแล้ว เรื่องเร้าใจแบบนั้นคงจะไม่มีอีกแล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันเป็นการก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่งของชีวิต ไม่ต้องติดอยู่กับความคิดความกังวลที่ว่า ผู้ชายที่เราคบอยู่เป็นคนที่เราจะร่วมชีวิตด้วยหรือเปล่า เขารักเราจริงหรือเปล่า เขาจริงจังกับเราหรือเปล่า แล้วฉันจะตัดสินใจแต่งงานกับเขาหรือเปล่า มันช่วยลดคำถามที่กวนใจและกินเวลาคนโสดประเภทนี้ไปได้เยอะเลย เป็นการตัดสินใจที่เปิดประตูเข้าสู่เรื่องราวอีกเรื่องหนึ่ง ให้ทำสิ่งที่ต่างออกไป"



และสิ่งที่ต่างออกไปสิ่งหนึ่ง ก็คือ การสวมแหวนแต่งงานอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้าย นี่ไง





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 18 มกราคม 2551    
Last Update : 18 มกราคม 2551 19:11:13 น.
Counter : 823 Pageviews.  

- 17 JANVIER 08

ออกจากบ้าน


--- Je vais sortir pour faire des soldes... ---



     เช้านี้ตื่นมาอย่างระโหยโรยแรง สิบนาทีก่อนหกโมง เพราะเมื่อคืนมัวแต่เสียเวลานั่งดูทีวี กว่าจะเข้านอนก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าๆ แถมถูกตัดกำลังด้วยเหล้ากาลวาโดสที่ซื้อมาจากนอร์มองดีเมื่อวันอาทิตย์ (ตอนนี้ระดับของเหลวลดลงพรวดพราดเหลือติดก้นขวดแล้ว)

     เมื่อตรวจดูเรียบร้อยแล้วว่าวันนี้เครื่องรับสัญญาณทีวีไม่มีปัญหา เครื่องอัดทำงานตามที่ตั้งไว้ ฉันก็นอนสลบหลับๆ ตื่นๆ ต่อบนโซฟาหน้าจอโทรทัศน์ เสียเวลาต่อสู้กับตัวเองเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะตัดใจลุกขึ้นมาเปิดคอม เปิดดูข่าวที่อัดไว้ แล้วเริ่มทำงาน

     ส่งงานเสร็จทันเวลา ฉันเริ่มชินกับการแปลข่าวยาวๆ แบบนี้แล้ว แต่พูดก็พูดเถอะ ช่วงเวลาหลังจากส่งข่าวตอนประมาณ 9 โมง เป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุด เพราะสมองเริ่มตื่นแล้ว แต่ร่างกายยังรู้สึกเพลียๆ เริ่มทำงานแปลต่อเลยยังไม่ไหว แต่จะมุดกลับเข้าเตียงนอนต่อก็ไม่ได้ มันก้ำๆ กึ่งๆ บอกไม่ถูก ... เลยหันมาอัพบล้อก เพื่อผ่อนคลายและทบทวนเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตน้อยๆ โดยไม่รู้สึกผิด


     และต่อไปนี้เป็นบทสรุปคร่าวๆ ของการทบทวนตัวเองในวันนี้


     หลังจากทดลองใช้ชีวิตแม่บ้าน-นักแปลมาพักใหญ่ หลังจากลองสังเกตพฤติกรรมและระดับความตื่นตัวของตัวเองมาสองเดือน ฉันเริ่มเห็นรางๆ ว่าถ้าจะมีวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์ที่ฉันน่าจะกำหนดให้เป็นวันออกไปเยี่ยมชมโลกภายนอก ก็น่าจะเป็นวันพฤหัสนี่แหล่ะ

วันจันทร์ -- เป็นการอุ่นเครื่องที่เย็นลงระหว่างวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เริ่มต้นแตะงานแบบเบาๆ เขียนรายการที่ต้องทำในสัปดาห์ ตัดสินใจ เดินหน้าในส่วนของงานจัดการที่ต้องส่งต่อให้คนอื่นทำงานต่อ

วันอังคาร -- เป็นวันทำงานอย่างเต็มที่

วันพุธ -- ตื่นมาแปลข่าวแต่เช้าเป็นวันแรก ยังคงทำงานต่ออย่างเต็มที่ไหวอยู่

วันพฤหัส -- หลังจากต้องตื่นเช้ามาสองวันติดๆ ช่วงบ่ายของวันนี้น่าจะเป็นการออกไปเดินเล่น เปิดหูเปิดตา เฟ้นหาเรื่องราวมาเขียนลงคอลัมน์

วันศุกร์ -- เป็นวันนอนอืดฉืดในช่วงเช้า เริ่มทำงานตอนบ่าย

วันเสาร์-อาทิตย์ -- หยุดสุดสัปดาห์ ใช้เวลากับสามี



     ... อืม ไม่เลว

     สิ่งที่ขาดไปในตารางชีวิตนี้ คือ การออกไปเข้าคอร์สเรียนอะไรๆ ที่ตนเองสนใจเพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถ แต่ดูจากงานที่ท่วมหัวอยู่ตอนนี้ เรื่องนี้คงจะยังเป็นไปไม่ได้ เอาเป็นว่าขอผัดไปก่อน รอให้กลับจากเมืองไทยก่อนนะ พอถึงตอนนั้นคงจะปิดจ๊อบ "ช้ำจนชิน"ไปแล้ว "Vous revoir" ก็คงจะไม่มีอะไรให้ดูแลมากนัก (คุณแอนเพิ่งแจ้งมาว่า อยากจะออกตอนงานหนังสือช่วงปลายมีนา) เหลืองานตรวจต้นฉบับ "ร้านฆ่าตัวตาย" กับงานเขียนคอลัมน์ ... ชีวิตน่าจะโล่งขึ้น ...หวังไว้เช่นนั้น ... (กรุณาหยุดหางานเข้ามาเพิ่มในปีนี้ ช่วยทำงานที่มีอยู่ในมือแบบไม่เร่งรัดก่อนเถิดคุณนายขา)


     ส่วนวันนี้...ฉันตั้งใจจะออกไปทำธุระข้างนอก มีนัดกินกลางวันกับฟิลูลู นัดไปรับแหวนแต่งงานกับร้าน Fred ที่แกลเลอรีลาฟาแยตต์ เมื่อวันเสาร์ ฉันกับหวานใจไปที่ร้านที่จัตุรัสวองโดม ปรากฎว่าร้านที่เราสั่งแหวนกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุง เลยต้องแวะไปที่เคาน์เตอร์ของร้านที่ห้างลาฟาแย็ตต์เพื่อให้เขาส่งแหวนมาจากตู้นิรภัยกลางของบริษัท นอกจากนั้นแล้ว จะถือโอกาสตระเวนดูข้าวของ ทำการช้อปปิ้งตามร้านค้าที่ตอนนี้อยู่ในช่วงลดราคาด้วย


     อืม... (ปิศาจจอมงกเข้าสิง) ไหนๆ จะออกไปข้างนอกทั้งที มันก็น่าจะแวะไปดูพิพิธภัณฑ์สำหรับเอามาเขียนคอลัมน์มิวเซ่ลงแฮปเพ็นนิ่งเสียหน่อย ค้นหาดูเจอ Musée de la Contrefaçon พิพิธภัณฑ์ของปลอม --- อืม ... (ปิศาจช้อปปิ้งเข้าสิง) น่าสนใจดี แต่ถ้าเลยไปพิพิธภัณฑ์นั่น ฉันก็ต้องขนกล้องแคนดีไปด้วย และถ้าขนกล้องแคนดีไปด้วย ฉันก็จะช้อปปิ้งไม่สะดวก เพราะมีกระเป๋าหนักรุงรังนะ




     ลังเลอย่างแรง --- สุดท้ายปิศาจช้อปปิ้งชนะ ---





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 17 มกราคม 2551    
Last Update : 17 มกราคม 2551 17:17:16 น.
Counter : 852 Pageviews.  

- 16 JANVIER 08

ไม่มีอะไรได้ดังใจหมายในครั้งแรก จึงต้องปรับตัวกันไปเรื่อยๆ


--- Rien n'est parfait au premier coup,il faut s'adapter... ---



     เช้านี้ตื่นจากความฝันอันเร้าใจ (จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร รู้แต่ว่าสนุกดี) ตั้งแต่ตีห้าห้าสิบ ด้วยเสียงเจ้าเบเบ้ โทรศัพท์แบล็คเบอรี่ของหวานใจที่รับจ๊อบเพิ่มเป็นนาฬิกาปลุก ลุกขึ้นมาเปิดทีวีดูว่ามีสัญญาณภาพให้อัดเพื่อทำงานแปลข่าวหรือเปล่า ระหว่างที่รอเครื่องอัดภาพทำงานไป ฉันก็เก็บจานชาม แก้วและอุปกรณ์การกินที่หลงเหลือมาจากเมื่อคืน ล้าง เช็ด เก็บเข้าตู้

     ผู้ช่วยแม่บ้านที่เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญช่วยผ่อนงานหนักให้เป็นเบาคือเครื่องล้างจานมีอาการป่วยหนัก ท่ออุดตัน น้ำไม่ไหลออก หยุดหายใจไปเสียเฉยๆ เมื่อาทิตย์ที่แล้ว ฉันจึงต้องล้างจานแบบคืนสู่สามัญด้วยสองมือน้อยๆ บ่ายวันนี้จะมีช่างมาดูแลแก้ไข ... เพี้ยง ขอให้ซ่อมได้เสร็จเร็วๆ ด้วยเถอะ ถึงแม้การล้างจานจะเป็นการผ่อนคลาย เปลี่ยนบรรยากาศจากการทำงานได้ดีไม่น้อย แต่ฉันชักจะขี้เกียจแล้วล่ะ

     ที่วันนี้ต้องเก็บจานชามแก้วและอื่นๆ แต่หัววัน หมักหมมไว้ทำก่อนสามีกลับบ้านอย่างที่ทำเป็นประจำไม่ได้ เป็นเพราะตอนเก้าโมงเช้าจะมีแม่บ้านมาทำงานจากบริษัทที่ฉันติดต่อให้ส่งคนมาช่วยจัดการทำความสะอาดบ้านให้ทุกวันพุธเป็นเวลาสามชั่วโมง งานก็คือรีดผ้า ปัดฝุ่น ดูดฝุ่น เช็ดบ้าน ล้างห้องครัวและห้องน้ำ วันนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีแม่บ้านมา เมื่อวันพุธที่แล้วเริ่มงานครั้งแรก มีขลุกขลัก ขาดโน่น ขาดนี่อยู่สองสามอย่าง วันนี้การทำงานค่อนข้างราบรื่น เพราะเริ่มปรับตัวกันได้แล้วทั้งเธอและฉัน

     จากตอนแรก คิดว่าให้มาทำสักอาทิตย์ละครั้งก็น่าจะพอ ที่เหลือฉันจะหยิบจับทำเอง ไม่ต้องเสียเงินจ้างเยอะ แต่ไปๆ มาๆ ฉันก็ได้พบว่า งานแปลและงานอื่นๆ (รวมทั้งงานเขียนบล้อกและเที่ยวสอดส่ายสายตาไปตามเวบ)รัดตัวฉันแน่น จนไม่สามารถปลีกตัวมาหยิบจับเช็ดถูได้อย่างที่ใจมาดหมายไว้ หวานใจเลยบอกให้เพิ่มวันจ้างแม่บ้านมาอีกหนึ่งวัน เริ่มต้นหลังจากที่เรากลับจากพักร้อนที่เมืองไทยปลายเดือนหน้า


     การมีมืออาชีพมารับผิดชอบดูแลทำความสะอาดบ้านอย่างนี้ ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดเวลาที่เห็นฝุ่นหรือเครียดขึ้นขมับเมื่อเห็นห้องน้ำมีคราบสกปรกมาจับอีกแล้ว ถึงแม้ว่าค่าจ้างจะไม่ได้ถูกเหมือนให้เปล่าแต่อย่างใด แต่หวานใจบอกว่าถ้ามันทำให้ฉันสบายใจ ทำให้บ้านสะอาดตาน่าอยู่ และเป็นการสร้างงานให้คนที่จำเป็นต้องใช้เงินค่าจ้างก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เราไม่ควรจะหยุมหยิมเสียดายในเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่ใช้ซื้อเวลา ความสะดวกกายและความสบายใจ ช่วยให้ฉันมีชีวิตและทำงานแปลหนังสืออย่างเต็มที่ ... น่ารักมั้ยเล่า... สามีดิฉัน




     วันสองวันนี้ พยายามติดต่อขอจองห้องพักที่โรงแรมพระนครนอนเล่นในช่วงที่จะอยู่ดำเนินเรื่องวีซ่าในกรุงเทพฯ ก่อนกลับบ้านระยอง ตอนแรกโทรศัพท์ไปกะจะจองกับน้องนุ่นโดยตรงไม่ต้องผ่านระบบจองในเน็ต เพราะน้องเขาเคยบอกว่าพี่โทรศัพท์มาดีกว่าเพราะมีอีเมลเข้ามาวันละเป็นร้อย ตามอ่านไม่ทัน ปรากฎว่าตอนนี้น้องนุ่นลาออกไปแล้ว และคนรับสายยืนกรานให้เข้าไปจองในเวบ เอ้า ... จองในเวบก็ได้ กดกรอกรายละเอียดไป วันนี้ได้อีเมลกลับมาว่าระบบของเขาอ่านภาษาไทยไม่ได้ ฉันก็งงๆ เอ ฉันกรอกแบบคลิกตามข้อมูลที่มีในแบบฟอร์มนา ไม่ได้เขียนภาษาไทยลงไปมากมายสักกะหน่อย


     ฉันเลยลองจองตอบกลับไปที่อยู่อีเมลที่ส่งมา ได้คำตอบกลับมาว่าให้ไปจองที่เวบไซต์ โดยตรงเถอะ ... เข้าไปลองเช็คห้องดูอีกทีก็ได้ อ้าว เหลือแต่ห้องใหญ่ ราคาสูง ... ฉันเลยถอยกรูด ไม่จอง ไม่พักที่นี่ก็ได้ ไม่เป็นไร ลองของใหม่ไปพักที่โรงแรม Luxx แถวถนนเดชาดีกว่า ที่นี่เป็นบูติกโฮเต็ลเล็กๆ ดัดแปลงจากห้องแถว ดูภาพในเวบไซต์แล้วสวยน่ารักไปอีกแบบ กรอกแบบฟอร์มส่งไปทางเวบไซต์แล้ว ผลจะออกมาแบบไหน จะได้นอนโรงแรมเก๋ๆ แห่งนี้หรือไม่ หรือต้องระเห็จไปเคาะประตูขอนอนบ้านเพื่อนๆ



     คงต้องติดตามกันต่อไป





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 16 มกราคม 2551    
Last Update : 17 มกราคม 2551 15:25:40 น.
Counter : 909 Pageviews.  

- 15 JANVIER 08

สันดานเสีย


--- Je ne suis pas parfaite et ne le serais jamais.---



     ทั้งๆ ที่เมื่อวานนอนตลอดบ่าย และเมื่อคืนเข้านอนตั้งแต่เที่ยงคืน แต่เช้านี้ฉันก็ยังไม่ยอมตื่นมาดูแลหาอาหารเช้าให้สามีที่ต้องฝืนกายลุกขึ้นไปทำงานหาเงินเข้าบ้าน .. แย่จริงๆ เลย ทำไมฉันถึงได้เห็นแก่ความสุขความสบายของตัวเองถ่ายเดียวอย่างนี้ ไม่ไหวเลย ...เฮ่อ

     พลาดไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนี่ จะแก้ตัวก็ฟังไม่ขึ้นหรอก พรุ่งนี้ค่อยแก้ตัวใหม่นะ ... มาดาม

     ประจวบเหมาะเลย เพราะพรุ่งนี้เช้าฉันต้องตื่นก่อนหกโมงมาดูไอ้เครื่องรับสัญญาณทีสีดิจิตอลและเครื่องอัดภาพให้ทำงานอย่างปกติอย่างที่ควรเป็นด้วย ช่วงหลังๆ นี่ชักจะรวนๆ ตั้งเวลาอัด เซ็ตช่องให้แล้วล่วงหน้า ไม่รู้มันตัดสัญญาณตัวเองตอนไหน เปิดออกมาดู ไม่มีภาพ มีแต่สีดำๆ ต้องโทรศัพท์ไปขอโทษขอโพย บ.ก. ข่าวของช่องเก้าเป็นการใหญ่ เป็นอย่างนี้ติดๆ กันสองสามครั้งแล้ว ใจหนึ่งก็ดีใจ ไม่ต้องทำงาน อีกใจหนึ่งก็ละอายใจ เธอนี่ ช่างไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย

     นึกๆ ดูแล้วก็ใจหายนะ ดูเหมือนชีวิตและการงานของเราจะต้องขึ้นอยู่กับไอ้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ นี่เพิ่มขึ้นทุกที สิ้นเดือนนี้ ฉันกลับเมืองไทย ก็คงไม่ได้ทำงานแปลข่าวยาวสามอาทิตย์ เพราะที่บ้านระยองไม่มีเคเบิ้ลแล้ว และตอนที่ระหกระหินอยู่ในกรุงเทพ ก็คงไม่มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือให้ทำได้สะดวกๆ



     เช้านี้ ลุกขึ้นมาตอนสิบโมงเช้า อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ความเย็นและความชื้นแทรกหน้าต่างกระจกสองชั้นเข้ามาถึงในบ้าน มองผ่านหน้าต่างออกไป เห็นฝนตกปรอยๆ ฟ้าสีเทาลดต่ำเคลื่อนไหวช้าๆ อยากจะโทษลมโทษฟ้าว่าทำให้ฉันนอนอืดฉืด แต่ก็ไม่กล้า ... จะบ้าเหรอคุณนาย ... ผิดเอง ก็ต้องยอมรับผิดสิยะ จะไปลงกับดินฟ้าอากาศได้ยังไง

     วันนี้ต้องทำงานเกลา "ช้ำจนชิน" รอบที่สองที่พิมพ์ลงกระดาษหนาปึกเรียบร้อยแล้ว ปกติแล้วก่อนหน้านี้ ด้วยความงกและขี้เกียจ ฉันจะทำงานเกลาบนหน้าจอเท่านั้น แต่ตอนนี้ พอจะมีสามีมาช่วยจ่ายค่ากระดาษ ค่าหมึก และค่าเครื่องพิมพ์ ฉันจึงใช้วิธีที่เข้าใจว่า จะช่วยให้ทำงานได้อย่างละเอียดละออ และสะดวกง่ายดาย ถนอมสายตา แต่ก็เพิ่มงานกินเวลามานั่งแก้หน้าจออยู่ดี เอาเถอะ ลองดูสักตั้ง รับปากเจ๊นวลไปว่าเล่มนี้จะทำอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ



     เวลาวารีและกำหนดส่งต้นฉบับไม่รั้งรอ หดสั้นลงทุกวินาที แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังมีกะใจเถลไถลมานั่งอัพบล้อก อย่างนี้ไม่เรียกว่าสันดานเสียแล้วจะเรียกว่าอะไร ... เฮ่อ... ขอตัวไปทำงานก่อนนะจ๊ะ





>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 15 มกราคม 2551    
Last Update : 15 มกราคม 2551 18:11:00 น.
Counter : 848 Pageviews.  

- 14 JANVIER 08

ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป


--- On s'adapte.---



     เมื่อเช้านี้ตื่นตั้งแต่ตีห้าห้าสิบ เพราะต้องฉันกับหวานใจต้องไป Nanterre Prefacture เพื่อทำเรื่องขอวีซ่ากลับมาทำบัตรอีกครั้งในเดือนหน้า ให้ทันตามใบนัดยื่นเรื่องที่เขาให้มาเมื่อเดือนที่แล้ว

     ไปถึงหน้าที่ทำการตอนเจ็ดโมงครึ่ง ทนรอที่อุณหภูมิ 4 องศา ยืนรอขาแข็งต่อแถวหน้าประตูทางเข้าหนึ่งชั่วโมงเต็ม แปดโมงครึ่งถึงค่อยเขาไปข้างในได้ เข้าไปยืนต่อคิวข้างในอีกเกือบหนึ่งชั่วโมง ถึงได้เข้าไปยังเคาน์เตอร์ดำเนินการรับเรื่อง ตอนแรกกะว่าจะขอวีซ่าเพื่อกลับเข้ามาตามนัด ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่จัดการรับเรื่อง ตรวจเอกสารที่นำไปแล้วยื่นเรื่องขอบัตรให้เลย ได้ใบรอรับบัตรตัวจริงมา กำหนดออกเดือนเมษาโน่นแน่ะ


     แปลกดี พอได้ใบนี้มา ฉันมีสิทธิทำงานในฝรั่งเศสได้ แต่ไม่มีสิทธิเดินทางเข้าออกโดยไม่มีวีซ่า ฉันตกลงกับหวานใจว่าจะกลับเมืองไทยไปขอวีซ่ากลับเข้ามาใหม่ที่กงสุลฝรั่งเศสที่กรุงเทพฯ แทน เพราะดูแล้วท่าทางจะยุ่งยาก ลำบากตรากตรำ ตากลมหนาวรอคิวน้อยกว่าที่นี่ ตอนนี้กำหนดกลับเข้ามาของฉันก็ยืดออกไปแล้ว จากเดิม 20 ก.พ. เป็นเดือนเมษาก่อนที่ใบรอรับที่ได้มาอย่างอัศจรรย์นี้จะหมดอายุ ... ไม่ต้องลุ้นรอว่าขอวีซ่าจะใช้เวลานานเกินไป จะกลับมาทันหรือเปล่าหนออีกแล้ว ...เย้

     เสร็จธุระแล้ว แยกกับหวานใจ นั่งรถไฟใต้ดินกลับบ้าน ผ่านหน้าร้านขายเสื้อผ้าเลยแวะเข้าไปซื้อเสื้อเพื่อเป็นการฉลองเงียบๆ หนึ่งตัว ช่วงนี้เป็นช่วงลดราคาของบรรดาร้านค้าที่ฝรั่งเศส เดี๋ยวภายในสัปดาห์นี้ ไม่พรุ่งนี้ก็วันพฤหัส ฉันจะออกไปซื้อของลดราคาฝากพี่แม่พี่น้องที่เมืองไทยสักรอบ


     เมื่อวันเสาร์ ฉันกับหวานใจเริ่มการถ่ายรูปพอร์เทรตของฉัน เพราะฉันจะต้องส่งรูปให้หนังสือที่มาสัมภาษณ์ ใจฉันก็แค่ถ่ายรูปออกมาให้ดูดีกว่าตัวจริงนิดนึง ช่วยหลบมุมลบข้อบกพร่องและความกลมของใบหน้าในบรรยากาศสวยๆ แสงดีๆ ไม่ต้องถึงกับให้หน้าเด้งใสกลายเป็นสาวน้อยก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ช่วยเลือกมุมให้เลยสักนิดเดียว

     ส่วนหวานใจนึกไปถึงการนำเสนอตัวตนที่แท้จริง ธรรมชาติและจริงๆ ของแท้ แบให้เห็นจะจะของฉัน มันก็เลยไปกันไม่ค่อยได้ เพราะรูปที่เขาชอบ ฉันไม่ชอบ รูปที่ฉันว่าพอใช้ได้ เขาก็ส่ายหน้าบอกว่ามันไม่ใช่ฉัน หวานใจบอกว่าเขากับฉันมีปัญหาในเรื่องการถ่ายรูปพอร์เทรตของฉันมาตั้งนานแล้ว ฉันไม่ไว้ใจในตัวเขา ไม่เคยพอใจรูปที่เขาถ่าย ส่วนเขาเองพอรู้สึกว่าฉันไม่พอใจก็เกิดอาการเกร็งแกมงอนว่า ไม่ไว้ใจกันก็ไปให้คนอื่นถ่ายสิ

      เลยต้องมานั่งปรับความเข้าใจ พูดคุยถึงสิ่งที่แต่ละคนนึกเอาไว้กันใหม่ เหมือนเริ่มนับหนึ่งกันอีกรอบ พอทำความเข้าใจ รู้กันแล้วว่าภาพแบบไหนที่พอจะอยู่ตรงกลางให้พอทำใจรับได้ทั้งสองฝ่าย ก็ค่อยๆ ถ่ายกันไปเรื่อยๆ โชคดีที่เป็นกล้องดิจิตอล ถ้าเป็นกล้องฟิล์มล่ะก็เปลืองแย่เลย


     ตอนแรกที่รู้ว่าเรามีปัญหานี้ ฉันรู้สึกตกใจนิดหน่อย จากที่เคยคิดว่าเราสองคนมีอุปนิสัยที่เข้ากันได้ มองอะไรๆ ในทางเดียวกันแทบจะทุกเรื่อง แต่เอาเข้าจริงๆ ยังมีความขัดแย้งแทรกอยู่ลึกๆ ตกม้าตายในเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่เอง




      แต่นึกไปนึกมา มีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เข้ามาให้แก้ไขและได้ทำความรู้จักกันอย่างลึกซึ้งบ้างเป็นบางครั้ง ก็ช่วยเติมรสชาดชีวิตคู่ได้ดีเหมือนกัน






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 14 มกราคม 2551    
Last Update : 14 มกราคม 2551 19:10:36 น.
Counter : 1280 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.