- 19 SEPTEMBRE 07

ล้มเหลว

--- Ma première "pinhole photographie : ratée ... ---


      เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ฉันเข้ากรุงไปทำพาสปอร์ตใหม่ เล่มที่มีอยู่ที่ใกล้หมดอายุแล้ว ประกอบกับต้องเปลี่ยนเล่มเพราะฉันเปลี่ยนคำนำหน้าและนามสกุลด้วย

     โชคดี ... คุณสิบกับคุณแอลเข้ากรุงวันนี้พอดี เลยขับรถจากบ้านเพมารับไปด้วยกัน ฝนตกตามรายทาง แวะกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อกัน ฉันลงที่เซ็นทรัลบางนา

     ประชาชนคนมารอที่แผนกหนังสือเดินทางเยอะมาก อีกประมาณสองร้อยกว่าคิวจะถึงคิวฉัน บอกตัวเองให้ใจเย็นนั่งฟังเพลงจากไอพ็อตรอเรียกคิวอยู่ราวสองชั่วโมงได้ ลองจับเวลาดูคิวจะเลื่อนไปนาทีละคน คิดเอาเองว่าน่าจะประมาณชั่วโมงละหกสิบคน แต่พอสอบถามเจ้าหน้าที่ เธอหน้าเสียบอกว่าเป้าที่ตั้งไว้คือชั่วโมงละร้อยคน แต่วันนี้มีคนมารอเยอะเพราะเมื่อเช้าเจ้าหน้าที่มาทำงานสาย เนื่องจากฝนตก-น้ำท่วม-รถติด

     นัดเจอจอยสามโมงกว่าๆ ระหว่างรอเผลอตัวเดินเข้าไปในห้าง ผ่านแผนกเสื้อผ้าสตรี เผลอใจซื้อเสื้อผ้าอีกสองสามชิ้น แต่ละตัวผ้าบางๆ ทั้งนั้นแต่แบบสวย ครั้นจะอ้างว่าเอาไปใส่ที่ฝรั่งเศสก็แอบอายตัวเอง เพราะกำหนดเดินทางต้นเดือนพฤศจิกา ตอนนั้นฝรั่งเศสจะเริ่มหนาวแล้ว (ที่จริงตอนนี้ที่นั่นก็ใช่ว่าจะร้อนจนใส่เสื้อพวกนี้ได้)

     คืนนั้นไปนอนที่คอนโดรัตน์ จอยใจดีไปส่งถึงที่เลยทีเดียว คืนนั้นละคร "เมื่อดอกรักบาน" ถึงตอนอวสานพอดี คุณนายรัตน์นั่งเฝ้าหนิบติดหน้าจออยู่แล้ว ส่วนฉันกับจอยไปถึงทันได้ดูแค่ฉากจบ คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสาม เพราะคุณนายรัตน์ไม่รู้เป็นไร นั่งเล่าเรื่องประทับใจในอดีตสมัยเด็กๆ ไม่ยอมไปหลับไปนอน

     วันรุ่งขึ้น ลาเพื่อนออกไปสถานทูตฝรั่งเศสที่ถนนสาทรเพื่อขอแบบฟอร์มขอวีซ่าติดตามสามีแบบอยู่ยาว เอาสำเนาบัตรประชาชนไปส่งแปลที่ศูนย์การแปลเผื่อต้องใช้ แวะเข้าไปคุยอัพเดทชีวิตกับฟ๊าบที่สมาคมฝรั่งเศสแป๊บนึง นั่งแท็กซี่ไปต่อรถทัวร์กลับบ้าน



     ส่วนวันนี้ ... สงสัยจะไม่ใช่วันของฉัน

     ตื่นมาสิบโมง เตรียมตัวอัดวิดีโอข่าวช่อง TV5 เพื่อเตรียมแปลส่งช่องเก้า อัดไปได้แค่ครึ่งเดียว ฝนฟ้าเทลงมาบังจานดาวเทียมจนรับสัญญาณภาพไม่ได้ แต่ก็ได้ทำส่งไปเท่าที่มีอยู่

     ตอนนี้เลยกำหนดส่งต้นฉบับโอเวอร์ซีให้อะเดย์มาสองวันแล้ว น้องนุ้ยโทรมาทวงแล้ว ฉันขอผลัดไปส่งอาทิตย์หน้า บอกไปว่า "พี่กำลังรอแดดอยู่ แต่ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน" น้องนุ้ยคงไม่เข้าใจ แต่ฉันกำลังรอแดดจริงๆ

     เพราะวันนี้ฉันลงมือทำกล้องถ่ายรูปแบบรูเข็มหรือ Pinhole Camera ตัวแรกในชีวิต เพื่อใช้ประกอบการเขียนบทความ แล้วกล้องทำมือประเภทนี้มันต้องถ่ายกลางแจ้งตอนแดดแรงๆ

     เช้านี้ระหว่างรอข่าวมา ฉันเปิดเวบไซต์ที่สอนวิธีทำกล้องถ่ายรูปรูเข็มจากกล่องไม้ขีด งมประดิษฐ์ประดอยตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ ใจตุ้มๆ ต่อมๆ เสร็จแล้วลองถ่ายดูโดยไม่สนหลักการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสูตรการคำนวณ fstop / explosure / ความกว้างของช่องรับแสง และอื่นๆ แถมเบ๊อะๆ บ๊ะๆ ลืมเลื่อนฟิล์มบ้าง เปิดหน้ากล้องนานไปบ้าง

     ถ่ายหมดม้วนอย่างรวดเร็วเพราะเลื่อนฟิล์มมากไป ขับรถแจ้นไปร้านถ่ายรูปคุณนายจุ๋ม-เพื่อนเก่าแก่สมัยอนุบาล อวดกล้องกล่องไม้ขีดคนเขาไปทั่วจนเพื่อนพลอยตื่นเต้นไปด้วย ขณะที่ฟิล์มเข้าเครื่องล้าง ฉันนั่งเฝ้าตรงช่องทางออกของฟิล์ม ช่วยกันลุ้นทั้งร้าน ฟิล์มออกมากระดำกระด่าง อย่างที่เห็นในภาพประกอบวันนี้ (อารามตื่นเต้น ลืมกระทั่งถ่ายรูปตัวกล้องมาอวด ดูสิ...)

     ถึงจะเรียกได้ว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแต่ฉันไม่เข็ดง่ายๆ หรอก กลับบ้านมานั่งอ่านเวบบอร์ดที่ชุมนุมของคนที่ทำกล้องแบบเดียวกันแล้วเริ่มเข้าใจว่าทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง

     พรุ่งนี้ลองใหม่อีกที คราวนี้จะไม่ให้พลาดเลยเชียว วันนี้ซื้อฟิล์มมาแล้วสามม้วน คุณนายจุ๋มก็ดีใจหายไม่คิดค่าล้างฟิล์มวันนี้



     เพื่อนบอกว่า "ถ่ายให้สำเร็จก่อนเถอะ แล้วจะคิดตังส์"






>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 19 กันยายน 2550    
Last Update : 19 กันยายน 2550 21:59:35 น.
Counter : 858 Pageviews.  

- 16 SEPTEMBRE 07

บุพการีโปรดทราบ : รักได้ ห่วงได้ แต่ขอร้อง อย่ามาล้ำเขตกันนะคะ

--- Selon l'astrologie thaie, je serais billionaire... ---

     พักงานหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำกล้อง pinhole หันมาอัพบล้อกสักครู่หนึ่ง

     ฉันกำลังจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับความฮิตของกล้องรุ่น "ทำมือ" นี้ กะว่าจะลองลงมือทำเองด้วย เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ว่ามันทำได้จริงๆ นะ ตอนนี้เข้าใจวิธีการทำกล้องแล้ว แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจระบบการเปิดปิดหน้ากล้องเสียเท่าไหร่

     ได้แต่หวังว่าหลังจากทดลองทำกล้องตัวแรกแล้ว อะไรๆ ที่มองไม่ออกจะกระจ่างขึ้น นำมาเขียนถึงได้อย่างมั่นใจ

     กำหนดส่งต้นฉบับคือวันจันทร์นี้ แต่ฉันว่าจะลองขอโทรไปเลื่อนกับบ.ก. น้องก้อง ณ อะเดย์ เพราะพรุ่งนี้กับมะรืนนี้ ฉันจะเข้าไปทำธุระในเมืองกรุง



     เมาค้างอีกแล้ว ... เมื่อสองคืนที่ผ่านมา ฉันไปนอนริมทะเลที่บ้านเพ เป็นรายการ "ติดลมบน" อีกตามเคย คล้ายๆกับที่หลงไปร่วม "ทัวร์ตับเหล็ก" ที่หัวหินเมื่อสองสามเดือนก่อนยังไงยังงั้น แล้วก็ดื่มไม่น้อยกว่าตอนไปทัวร์นั้นเลย

     เริ่มจากคืนวันศุกร์ คุณสิบ-เพื่อนนักเขียน กับคุณแอล-เพื่อนคูณสิบ มารับไปกิน-ดื่มกันที่ร้านตังเก ริมหาดแม่พิมพ์ ดึกๆ คึกๆ ฉันติดลมรอบแรก ติดรถไป "ต่อ" ที่เพ

     วันเสาร์บ่ายๆ - นั่งเรือตกปลาหมึกข้ามไปเกาะเสม็ด กินส้มตำรสชาติดีไปสองจาน ไก่อีกสองน่อง โค้ก "หนัก" หนึ่งกระป๋อง เล่นน้ำนิดหน่อยแล้วนั่งเรือกลับฝั่ง พอได้กิน-ดื่มอีกรอบ ฉันก็โทรไปเลื่อนกำหนดกลับบ้านกับแม่อีกหน วางสายจากแม่ปุ๊บ มีสายของพ่อสวนเข้ามาปั๊บ ทำเสียงแข็งเชียว

     และเช้าวันนี้ ตอนใกล้ๆ เที่ยง บุพการียังโทรมาตามตัวอีกรอบ... วางหูไปงงๆ เอ๊ะ ยังไง ฉันชักโมโหตะหงิดๆ ... มันอะไรกันนักกันหนา ทำไมต้องโทรมาจิกมาตามกันถี่ขนาดนี้ จริงอยู่..ฉันเปลี่ยนใจโทรเลื่อนไปเรื่อยๆ มันไม่เหมาะ แต่อย่างน้อยฉันก็โทรบอกนะ ไม่ได้หายไปเฉยๆ ไม่ทราบจะมากะเกณฑ์อะไรกันนักเล่า

     ให้ตายเถอะ ฉันเข้าใจดีว่าพ่อแม่เป็นห่วง ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่หรือแต่งงานแต่งการออกเรือนไปแล้ว หรือเคยผจญภัยเดินทางข้ามโลกร้อยเจ็ดย่านน้ำมาก่อน ลูกก็ยังเป็นลูกเล็กๆ ในสายตาของพ่อแม่เสมอ แต่การทำอย่างนี้ฉันว่ามันออกจะล่วงล้ำเขตความเป็นส่วนตัวของฉันมากไปนิดนึง

     ฉันไม่ชอบใจเลย คุณนายแม่เล่าว่า เมื่อวานขณะที่ทางเพแค่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่ที่บ้านแกลง ฝนตกฟ้าร้องหนักทั้งวันที่บ้าน แถมมีข่าวเกี่ยวกับซึนามิที่อินโดนีเซีย พ่อเลยเป็นห่วงเมื่อรู้ว่าฉันข้ามไปเกาะเสม็ด ... ฉันย้อนถามไปว่า แล้วพ่อเขาไม่นึกเลยใช่มั้ย ว่า คนที่ว่ายน้ำไม่แข็งอย่างฉัน ถ้าฝนตกฟ้าร้อง ฉันไม่มีวันออกทะเลหรอก



     คุณนายแม่เลยงัดประโยคเด็ดออกมา "มิวไม่มีลูก มิวไม่รู้หรอก"


     ป.ล. - แง... ไม่ได้เอาแคนดี้ไปด้วยเลยไม่มีภาพถ่ายมาให้ดูกัน ฉันเสียดายมากๆ เพราะเมื่อคืนมีลิเกเปิดโรงเล่นแถวๆ นั้นด้วย แสงสีสันตระการตาน่าถ่ายรูปมากๆ




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 16 กันยายน 2550    
Last Update : 23 กันยายน 2550 14:10:26 น.
Counter : 867 Pageviews.  

- 14 SEPTEMBRE 07

แม่ ฉัน กับของแถมจากทีวีไดเร็ค

--- Maman, moi et le cadeau de la TV achat'... ---


     วันนี้ตื่นลงมาสิบโมงครึ่ง เมื่อคืนเข้านอนเที่ยงคืนกว่าๆ สิบชั่วโมงเต็ม สบายใจอะไรอย่างนี้ ...

     ลงมาข้างล่าง คุณนายแม่ยื่นโบรชัวร์ Pest Free ให้ดู ทางบริษัททีวีไดเร็คส่งมาให้ คุณนายแม่สงสัยว่าเขาเอาชื่อที่อยู่ของแม่มาจากไหน ฉันตอบไปว่าสงสัยจะจากการที่แม่เคยเป็นสมาชิกของนิตยสารฉบับนึงมั้ง แล้วนิตยสารฉบับนั้นก็เอาข้อมูล ชื่อ-ที่อยู่ของแม่ไปขาย

     น้องโน้ตเคยบอกว่า เขาขายกันชื่อนึงตั้ง 50 สตางค์แน่ะ

     เท่าที่อ่านรายละเอียดในโบรชัวร์ Pest Free เป็นเครื่องที่เสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้ แล้วมันจะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปรบกวนประสาทของพวกหนูและแมลงสาบที่แอบซ่อนอยู่ในบ้าน โดยไม่ต้องยี้เวลาเจอหนูติดกาวหรือต้องเสี่ยงกับสารเคมี ราคาเครื่อง 3,990 บาท ซื้อ 1 แถม 1 ผ่อนได้ และแถมไม้ปัดฝุ่นขนแกะ (ว้าว ใจดีอะไรอย่างนี้ จอร์จ)

     แม่บอกว่า เคยเห็นในทีวี เขาเอามาโฆษณาเหมือนกัน มีลดราคา 1000 บาทด้วย แม่จดเบอร์ไว้ ฉันลองโทรไปที่เบอร์จากทีวีก่อน ปรากฎว่าไม่มีการลดราคา มีแต่การแถมเครื่องอีกเครื่องนึง ฉันสั่งไปหนึ่งชุด พนักงานรับเรื่องถามซ้ำ ทวนผิดทวนถูกตลอดเวลาจนฉันต้องบอกให้เขาตั้งสติฟังดีๆ ทางโน้นอุบอิบมาบอกว่า มีสายเข้ามาเป็นร้อยสาย เขาหูชาทำอะไรไม่ถูกแล้ว

      พอวางหู แม่ถามว่า ได้ของแถมหรือเปล่า ...อ้าว ฉันลืมถาม น่าจะได้แหละน่า เพราะว่าเป็นบริษัทเดียวกับในโบรชัวร์ แม่บอกว่า ถ้าไม่มีของแถม จะไม่ยอมจ่ายตังตอนที่ของมาส่ง

     เพื่อความแน่ใจ ฉันโทรกลับไปอีกรอบ ปรากฎว่าไม่มีของแถมจริงๆ ฉันอ้างโฆษณาในโบรชัวร์ เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องจ่ายเป็นบัตรเครดิตเป็นงวดๆ ถึงจะแถม

     เออ แปลกดีแฮะ แทนที่จะชอบให้ลูกค้าจ่ายเงินสดเป็นก้อนๆ กลับอยากให้จ่ายเป็นงวดๆ สงสัยจะมีการได้เสียอะไรกับบริษัทบัตรเครดิต

     คุณนายแม่ทำหน้างอแงยืนยันว่า ถ้าไม่มีไม้ปัดฝุ่นขนแกะจะไม่เอา ฉันลองโทรไปที่เบอร์โทรศัพท์ในโบรชัวร์ เจ้าหน้าที่บอกว่า แต่ละแผนกจะมีรายการส่งเสริมการขายต่างกัน ถ้าซื้อกับทางแผนกของเธอ จะมีของแถมให้ ถึงจะจ่ายเป็นเงินสดก็ตาม

     ฉันเลยต้องโทรกลับไปยกเลิกออร์เดอร์ที่สั่งไปกับแผนกทีวี แล้วโทรกลับไปสั่งกับแผนกโบรชัวร์ที่มีของแถมแทน ทั้งยังกำชับเจ้าหน้าที่ด้วยว่าต้องมีของแถมนะคะ ...


          เท่านั้นล่ะค่ะ... คุณนายแม่ยิ้มแป้นเลย





ป.ล. เมื่อวานฉันไปเปิดบล้อกสำหรับใส่บทแปลข่าวต่างประเทศที่แปลจาก TV5 Monde ของฝรั่งเศส ส่งรายการข่าวช่องดาวเทียมของช่อง 9 (ไทย) ไว้
ใครสนใจ >> คลิกตามไปดู ได้เลยค่ะ



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 14 กันยายน 2550    
Last Update : 14 กันยายน 2550 17:38:58 น.
Counter : 1121 Pageviews.  

- 12 SEPTEMBER 07

หนังสือตีพิมพ์ซ้ำ = ความสุขสองชั้นของนักแปล

---Re-imprimerie = Le double bonheur d'une traductrice... ---



     ตื่นมา 9 โมงครึ่งตามเสียงนาฬิกาปลุกพอดิบพอดี แต่ยังกดปิดแล้วขอนอนต่ออีกสักนิด ตัดใจลุกขึ้นเมื่อสิบเอ็ดโมงกว่าๆ

     เมื่อคืนเข้านอนแต่หัววัน เที่ยงคืนนิดๆ วันนี้ต้องเตรียมอัดข่าว TV5 ตอนเที่ยง

     เมื่อคืนนอนฝันร้าย สะดุ้งตื่นเป็นระยะๆ ตลกดี รู้สึกเหมือนกำลังคับข้องหัวใจในเรื่องงาน ผสานกับเรื่องบล้อกที่อยากเขียนอัพเดท มีเรื่องอยากพูดถึงอยู่เรื่องสองเรื่อง เพราะถึงแม้ชีวิตจะอยู่นิ่งๆ กับบ้าน ไม่ได้ออกเร่ร่อนไปที่ไหน แต่ฉันก็ได้เดินทางวนเวียนอยู่ในโลกของตัวเองหลายรอบเหมือนกัน

     ในฝัน... หากมันคือฝัน... ฉันรู้สึกอึดอัดๆ รีรอเงื้อง่า จะเขียนไม่เขียน ถ้าเขียนจะเขียนยังไงอยู่นั่นแหละ ที่แปลกคือ เรื่องที่จะเขียนถึง มันเป็นเรื่องอะไร จำไม่ได้แล้ว หะหะ

     ส่วนเรื่องงานแปล อย่างที่บอก ฉันกำลังแกะหนังสือของ martin page เล่มใหม่ ที่หลายคนอาจจะกำลังรออ่าน รวมทั้ง บ.ก. พี่นวล ผู้ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องส่งให้ทันทำหนด และทำต้นฉบับมาให้เรียบร้อยด้วยนะ ... ล่วงเลยถึงป่านนี้ มีวี่แววแน่ชัดเหลือเกินว่า ฉันจะส่งต้นฉบับไม่ทันแน่ๆ


     โธ่...ฉันแกะๆ เกาๆ หนังสือเล่มนี้มาเกือบอาทิตย์นึงแล้ว ผ่านไปแล้วสามสิบกว่าหน้า แต่ยังไม่รู้สึกอินกับเรื่องเสียที แค่แตะๆ ถากๆ ผิวๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโปรแกรมแปล ประโยคมายังไงถอดไปอย่างนั้นก่อน ที่จริงในทางเทคนิก ใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่ากังวล เพราะเดี๋ยวก็ต้องกลับมาเกลาเหลาให้เนียนอยู่แล้ว แต่....แต่อะไรก็ไม่รู้ทำให้ฉันเฉื่อยๆ เนือยๆ

      เสียงแว่บขึ้นในสมอง ...(ดีดนิ้วเป๊าะ) เป็นไปได้ว่าฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบไปเป็นปีๆ แล้ว เลยจำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ ความประทับใจจางหาย คงต้องพักการแปลสักครู่แล้วหยิบหนังสือมาเปิดอ่านอีกรอบเพื่อเรียกความฮึกเหิมกลับคืนมา

     จะว่าไปก็คือการเตรียมสภาพพื้นที่จิตใจของฉันนั่นแหล่ะที่ปรับได้ไม่เรียบเนียนแน่นหนาพอ ครั้นลงเสาลงตอม่อมันก็โอนเอียงเป็นธรรมดา (พยักหน้า เห็นด้วยกับความคิดตัวเองอย่างยิ่ง ช่างเฉียบแหลม รู้จักเปรียบเปรยได้เห็นภาพอะไรอย่างนี้นะแม่คุณ)



      แล้วยังไง ... แล้วอะไรที่ขาดไปอย่างนั้นหรือ (เอาสองมือกุมหัว เค้นคิดอย่างหนัก)

     สิ่งที่ขาดไปก็คือ วินัย นั่นเอง (ล้มตัวลงคร่ำครวญ) โอ้....วินัยหายไปไหน วินัยที่ฉันเคยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดหายไปไหน ฤาจะเร้นกายหายไป เมื่อโดนความสุขอื่นๆ ของชีวิตที่หลั่งไหลถั่งโถมมากลบความสุขในการเห็นตัวเองทำงานเป็นเล่มๆ เป็นชิ้นเป็นอัน

     (ผุดลุกขึ้น กำมัดแน่น มองขึ้นฟ้า มาดมั่น) ฉันต้องกลับเจรจาต่อรองกับปรปักษ์ตัวร้ายของตนซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล คือ ตัวฉันเอง อีกรอบ (รอบที่ล้านแล้วมั้ง) อาจจะต้องร่างสัญญาสันติภาพฉบับใหม่กัน โดยการ กำหนดตารางงาน ตารางชีวิตให้สมเหตุสมผล ไม่ตึงไปหรือหย่อนไป

     เพราะฉันได้เรียนรู้แล้วว่า ฉันไม่อาจจะมีความสุขได้อย่างเต็มที่ ถ้าไม่ได้ทำงานหรือทำหน้าที่นักแปลของตัวเองอย่างเต็มที่ ฉันจะรู้สึกผิดทุกครั้งที่เผลอไผลเฉไฉไม่ทำงานให้เสร็จตามที่กำหนดไว้

     เพราะฉันได้ประจักษ์แล้วว่า การทำงานแปลหนังสือสามารถให้ความสุขได้ยืนยาวกว่าการเถลไถลไปตามเน็ต (ตาโตเป็นประกาย ราวกับเพิ่งตรัสรู้ในสัจธรรมอันล้ำเลิศ ทั้งๆ ที่เป็นความจริงที่น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว)

     เพราะว่าชีวิตนักแปล ถึงจะเงินน้อย งานหนัก แต่มีสุขได้หลายเด้ง มีสุขเมื่องานเสร็จ มีสุขเมื่องานตีพิมพ์เป็นเล่ม และมีสุขเป็นสองเท่าเมื่อหนังสือได้รับการตีพิมพ์ซ้ำ อย่างเช่นที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ .... เพราะว่า ... แต่น แตน แต๊นนนน...


     "7 วันเพื่อ 1 นิรันดร" และ "จะตามติดชิดเธอทุกชาติไป" พิมพ์ครั้งที่ 2 แล้วค่ะ


     (ที่เสียพลังงานทำท่างี่เง่า เขียนพล่ามเพ้อวกวนไปมาทั้งหมดนี้ เพื่อจะบอกประโยคสุดท้ายนี่ล่ะค่ะ ฮ่าๆๆๆ ... เอิ้ก .. )



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 12 กันยายน 2550    
Last Update : 12 กันยายน 2550 20:40:53 น.
Counter : 925 Pageviews.  

- 10 SEPTEMBRE 07

และนี่คือ.... นางกาบูล็อง คนใหม่

--- Et voila... la nouvelle Madame GABULON'... ---


     วันนี้ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก 1 นาที ตั้งไว้ตั้ง 9 โมงครึ่ง ตื่นมา 9 โมง 29 นาที เอื้อมหยิบนาฬิกาปลุกมานอนมองจนกระทั่งมันส่งเสียง ถึงยอมลุกจากเตียง

     วันนี้ตั้งอกตั้งใจไว้แม่นมั่น ภารกิจหลักประจำวันคือเปลี่ยนบัตรประชาชน เปลี่ยนคำนำหน้าและนามสกุลในบัตรประชาชนและในทะเบียนบ้านเป็น นางสาวอธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง

     ลงมาข้างล่าง เสียบเครื่องต้มกาแฟ เข้าห้องน้ำ ถอดม่านพลาสติกออกมาทำความสะอาด บ้านฉันใช้น้ำบาดาล ห้องน้ำจะเลอะคราบโคลนเหลืองๆ ง่ายมาก อยู่บ้านสองเดือนคราวนี้ ฉันตั้งใจ จะค่อยๆ ขัดห้องน้ำ ทำความสะอาดบ้านไปวันละนิดละหน่อย หวังทิ้งความรู้สึกดีๆ เอาไว้ให้พ่อกับแม่ว่าตอนลูกสาวอยู่มันยังช่วยหยิบจับเช็ดถู แม้จะวันละเล็กน้อยก็ตาม

     ตากผ้าม่านเสร็จ เปิดคอม ชงกาแฟ เช็คเน็ต เข้าบล้อก ทำงานแปลนิดหน่อย วันนี้เน็ต true มีปัญหาเข้า MSN ไม่ได้ Hotmail ไม่ได้ bloggang ไม่ได้อีกแล้ว เมื่อวานฉันโทรไปแจ้งกับทางฝ่าย Customer service เขาพยายามบอกให้เปลี่ยนค่าโน่นค่านี่ แก้ไขเบื้องต้นแล้วก็ยังไม่หาย

     ฉันเลยต้องกลับมาใช้เน็ตฟรี tot ซึ่งต่อได้เพียงสองชั่วโมงก็ตัด แต่วันนี้ไม่อารมณ์อยากโทรไปที่ true พรุ่งนี้ถ้าอาการยังเหมือนเดิมอยู่เดี๋ยวค่อยโทรจิก

     บ่ายกว่าๆ แล้ว ฉันยังแปลงานไปได้ไม่เท่าไหร่ เสียเวลาอยู่ในเน็ต ดูโน่นนี่นั่น ดูโปรโมชั่นใหม่ของ dtac แล้วโทรไปเปลี่ยน จากจ่ายขั้นต่ำเดือนละ 250 เป็นเดือนละ 99 บาท ส่วนค่าโทรก็ 1-2 บาทต่อนาที (แล้วแต่เครือข่าย) เหมือนกัน

     ที่สะกิดใจให้เปลี่ยน เพราะในใบแจ้งหนี้เขียนว่าโปรโมชั่นเก่าจะหมดเดือนหน้า ต่อไปจะเก็บเดือนละ 500 บาท นี่ถ้าฉันไม่เหลือบไปเห็นก่อนก็คงจะต้องจ่ายแพงๆ ฟรีๆ สินะ แล้วโปรโมชั่นโทรศัพท์นี่นับวันมันถูกลงถูกลง ไม่รู้หมกเม็ดอะไรหรือเปล่า ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนว่าจะปิดมือถือดีมั้ยเมื่อต้องย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศส แต่ตอนนี้ยังต้องใช้อีก 2 เดือน เดี๋ยวใกล้ๆ ค่อยดูอีกทีว่าจะเอายังไง

     อาบน้ำ ผัดหน้าด้วยแป้งแม่ เติมปากด้วยลิปสติกแม่ เตรียมตัวไปถ่ายรูปติดบัตรประชาชนใบใหม่เต็มที่ คราวนี้ฉันรวบผมตึง เผยหน้ากลมๆ ให้เห็นกันชัดๆ เลย เพราะทรงผมคราวที่แล้ว เป็นผมเป๋ปาดหน้าผาก พอเวลาล่วงเลย ทรงผม ขนาดของใบหน้าและทรวดทรงเปลี่ยนแปลง เจ้าพนักงานด่านศุลกากรชอบเขม้นมอง บอกว่าไม่เหมือนในรูป

     ขับรถไปถึงที่ว่าการอำเภอ ขนเอกสารทุกอย่างที่มีอยู่ในมือไปด้วย เจ้าหน้าที่หน้าห้องตรวจดูเอกสารต่างๆ บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน แล้วบอกให้ไปถ่ายเอกสารใบสำคัญสมรสและทะเบียนสมรส

     ฉันเดินออกจากบริเวณอำเภอ ผ่านสนามฟุตบอลด้านกว้าง ข้ามถนนไปถ่ายเอกสารแล้วเดินกลับเข้ามายื่นใหม่ เจ้าหน้าที่คนเดิมกดบัตรคิวให้แล้วบอกให้ไปที่คอมเครื่องที่ 3

     เจ้าที่หน้าที่ประจำคอมเครื่องที่ 3 รับเอกสารไปพิมพ์อะไรกรุ๊กๆ กริ๊กๆ เขียนเปลี่ยนคำนำหน้าและนามสกุลของฉันในทะเบียนบ้าน แล้วบอกให้ไปยื่นให้ปลัดเซ็นชื่อ ท่านปลัดอำเภอเห็นนามสกุลฉันแล้วถามว่าเป็นลูกใคร ฉันบอกชื่อพ่อไป ท่านว่าเราเป็นญาติกัน เพราะก่อนที่พ่อฉันจะเปลี่ยนนามสกุลเป็นมัญชุนากร พ่อเคยใช้ "แซ่โหงว"เหมือนกัน นัยว่าบรรพบุรุษมาจากหมู่บ้านเดียวกันในเมืองจีน

     ท่านปลัดเซ็นเสร็จ ฉันออกไปยื่นให้เจ้าหน้าที่หน้าห้อง ตอนนี้ต้องถ่ายเอกสารทะเบียนบ้านที่มีการแก้ไขเพื่อนำมายื่นขอทำบัตรประชาชนใบใหม่ คราวนี้ฉันไม่ดงไม่เดินมันแล้ว ขี้เกียจและฝนเริ่มตกปรอยๆ ด้วย ใครจะว่าไม่รักษาสภาพแวดล้อม ใช้น้ำมันสิ้นเปลืองก็ว่าเถิด ฉันจะขับรถ จะทำไม...

     หลังจากนั้น เป็นขั้นตอนการทำบัตรประชาชนตามปกติ คือ ยื่นคำร้อง ถ่ายรูป รับบัตร ให้ท่านปลัดเซ็น ตอนเจ้าหน้าที่ให้ฉันเซ็นชื่อในสมุดบันทึกคำร้องโดยใช้นามสกุลใหม่ ถึงจะได้ยินเขาบอกแหม็บๆ แต่ฉันก็ยังเผลอเขียนนามสกุลเก่าเข้าไปจนได้



     เจ้าหน้าที่บอกยิ้มๆ ว่า ... ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ชินไปเอง ...


>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 10 กันยายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 21:03:43 น.
Counter : 1119 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.