- 18 JANVIER 10 - แม่หมามือใหม่เอี่ยม

แม่หมามือใหม่เอี่ยม
Je vous presente “Sartre”.

Sartre
     ต่อแต่นี้ ชีวิตฉันเปลี่ยนไปจากชีวิตเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและชีวิตก่อนหน้าที่เคยเป็นมาอย่างยิ่ง ขณะนั่งอัพบล็อกอยู่นี้ เสียงกรนคร่อกๆ เบาๆ แว่วมาจากใต้โต๊ะอย่างสม่ำเสมอ นานๆ ทีจะมีกลิ่นตดโชยมา เป็นผลงานของเจ้า “ซารฺตรฺ” สมาชิกใหม่ในครอบครัวที่เพิ่งไปรับตัวมาเมื่อบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์

     เจ้าตัวนี้แหละที่เป็นต้นเหตุทำเอาฉันเบลอเอ๋อมาตั้งแต่เช้า เพราะปลุกให้ตื่นมาเช็ดอึเช็ดฉี่ตอนตีสี่ เช็ดเสร็จขึ้นไปนอนก็นอนหลับไม่เต็มตา เพราะไอ้หนูส่งเสียงร้องตลอดเวลาจากในห้องครัวที่ใช้เป็นที่กักกันสุนัขตอนกลางคืนชั่วคราว คืนนี้ว่าจะลองเอาขึ้นไปนอนในห้องนอน เพราะถ้าให้ฉันเลือกระหว่างทนกลิ่นฉี่ กลิ่นอึ กลิ่นตด กับต้องทนฟังเสียงร้องครวญครางโหยหา ฉันว่าฉันพยายามฝึกให้มันฉี่และอึเป็นที่เป็นทางน่าจะง่ายกว่า

     การเลี้ยงหมาเป็นหนึ่งในความตั้งใจช่วงปีใหม่ของฉันกับหวานใจ คนที่อยากได้ บริทิช บูลด็อกคือหวานใจ ส่วนฉัน ใจจริงอยากได้หมาตัวเล็กๆ มากกว่า แต่ลองหาข้อมูลดุแล้ว บูลด็อกเป็นหมาขี้เกียจไม่ดุ๊กดิ๊กวิ่งพล่าน ไม่ต้องมีพื้นที่มาก น่าจะเหมาะกับเรา ถึงแม้ว่าจะราคาสูงเพราะหมาพันธุ์นี้เพิ่งเป็นตัวเอกในโฆษณาเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่อินเดียนี้ ผสมกับการที่เป็นหมาที่เพาะพันธุ์ยาก ราคาแพงอยู่แล้วด้วย


     ไอ้หนูซารฺตรฺ เป็นหมาเด็กที่สงบเสงี่ยม ไม่ค่อยตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าด แต่ติดคนมาก เดินตามต้อยๆ คอยมาคลอเคลียอยู่ข้างๆ เป็นหมาที่ไม่โง่สักเท่าไหร่ สอนอะไร ห้ามอะไรก็เชื่อฟัง เป็นเด็กดีมากเวลาอยู่ด้วยกัน เลี้ยงไม่ยาก นอกจากต้องคอยดูเวลาให้อาหาร 4 มื้อ คอยลงโทษด้วยการใช้นิ้วชี้ตีปากเป็นสัญญาณว่าห้ามทำ คอยลูบหัวเวลาไปอึไปฉี่บนหนังสือพิมพ์ที่จัดไว้ ยังต้องคอยแปรงขน ใส่แป้งฝุ่นเพื่อลดกลิ่นตัวและให้ตัวย่นๆ แห้งสบาย เมื่อเช้าตอนไปเข้าเรียนโยคะ ฉันลองปล่อยไว้ที่บ้านตามลำพัง กลับมาไม่เห็นหลักฐานของอาการเพ้อคลั่งเสียเท่าไหร่

     ตอนไปรับตัวที่ฟาร์ม คนขายจูงพ่อ ปู่ และพี่สาวที่เกิดเมื่อครอกที่แล้ววัย 7 เดือนมาให้ดู แต่ละตัวเห็นแล้วต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก แม้จะเตี้ยม่อต้อ แต่ร่างใหญ่บึกบึน ฉันถึงกับอึ้งไป ก่อนที่ไปรับตัว ฉันรู้สึกตื่นเต้นกระดี๊กระด๊า หาข้อมูลวิธีการฝึกการเลี้ยง พอได้เห็นตัวไอ้อุ้มได้กอดก็รู้สึกเลยว่าเจองานหนัก เป็นความรับผิดชอบระยะยาว ความรู้สึกต่อมาก็คือความกลัวว่าจะดูแลไม่ไหว ฉันกำลังหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัวหรือเปล่าหว่า



     ส่วนตอนนี้ ได้แต่ทำใจว่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ล่วงเลยถึงขึ้นปล่อยใจรักใคร่ไปแล้ว ก็ต้องดูแลกันต่อล่ะนะ





>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 18 มกราคม 2553    
Last Update : 18 มกราคม 2553 15:59:51 น.
Counter : 868 Pageviews.  

- 16 Janvier 10 คุณนายใจร้าย

คุณนายใจร้าย
Mauvaise nouvelle : Je viens de virer la femme de menage. Bonne nouvelle : On va peut-etre avoir un bull dog.


Photobucket
เมื่อวานนี้มีสุริยะคราสที่บังกาลอร์ คนอินเดียเชื่อกันว่าในช่วงที่เข้าคราส ห้ามออกจากบ้าน ห้ามทำงาน ห้ามกิน เพราะช่วงนั้นมีความชั่วร้ายกระจายอยู่ในบรรยากาศ

ซึ่งก็อาจจะจริง เพราะเมื่อวานฉันใจร้าย เพิ่งไล่แม่มันจุฬา แม่บ้านคนทำความสะอาดบ้านออกจากงาน

เรื่องของเรื่องก็คือเธอไม่ยอมมาทำงาน อ้างว่าอยู่ในเทศกาลที่ต้องอดอาหาร และแม่ไม่ให้มาเนื่องจากมีสุริยคราส ทั้งๆ ที่เมื่อวันพฤหัสก็ได้หยุดงานไปแล้วหนึ่งวัน และวันเสาร์ก็ไม่ต้องมาทำงานเหมือนแม่บ้านบ้านอื่น ฉันเห็นว่ามันชักจะลามปามมากเกินไป คนอื่นๆ เขามาทำงานกันได้ คนขับรถ แม่บ้านของคนข้างบ้าน ยามรักษาการที่หมู่บ้าน ฉันเห็นมาทำงานกันตามปกติ ทำไมแม่มันจุฬาถึงจะมาไม่ได้ หรือเป็นเพราะเธอเห็นว่าฉันใจดี สามีป่วย ฉันให้หยุด พี่ชายรถชน ฉันให้กลับไปดูแลได้ ญาติตาย ญาติแต่งงาน เธอขอหยุดทุกงาน ถ้าฉันไม่ให้หยุดก็จะกระเง้ากระงอด

ฉันเลยบอกไปว่า ฉันไม่ให้หยุด ถ้ากลัวสุริยคราส ก็มาหลังบ่ายสามโมง หรือไม่ก็ไม่ต้องมาอีกเลย

ด้วยความหยิ่ง หรือด้วยความกลัว หรือนึกว่าฉันไม่เอาจริงกระมัง เธอจึงไม่มา ฉันโทรไปก็ไม่รับสาย เอาเถอะ ไม่เป็นไร กินศักดิ์ศรีให้อิ่มท้องไปละกันแม่คุณ

เป็นอันว่า ฉันจะได้เปลี่ยนแม่บ้านรับปีใหม่ กับคนใหม่ฉันจะไม่ใจดีแล้วเพราะฉันเริ่มเป็นคุณนายที่มีประสบการณ์แล้ว ฮ่าๆ จะคุยกันตั้งแต่แรกเลยว่าฉันจะให้ลาหยุดได้ในกรณีไหนบ้าง ถ้าป่วย ต้องเอาใบรับรองแพทย์มาให้ดูด้วย ตั้งใจว่าจะหาผ่านนาบิลา เลขาฯ ของหวานใจ เราจะได้มีคนอีกคนคอยดูแลกำหราบ



นอกเหนือจากแม่บ้านคนใหม่ ในอีกไม่นานนี้ที่บ้านจะมีสมาชิกใหม่เป็นลูกหมาบูลด็อก สรุปว่า ชีวิตที่ฉันเคยคิดว่าจะนิ่งๆ สงบๆ ได้อยู่กับสิ่งที่เริ่มคุ้นเคยเสียทีคงจะยังมาไม่ถึง

>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 16 มกราคม 2553    
Last Update : 16 มกราคม 2553 11:37:18 น.
Counter : 851 Pageviews.  

- 14 JANVIER 10 นานาจิตตัง

นานาจิตตัง

On ne peut pas plaire à tout le monde

วันนี้เป็นวันหยุดราชการของอินเดีย พยายามหาคำอธิบายว่าเป็นวันหยุดเนื่องในโอกาสอะไรในเน็ต ได้ความว่าเป็นวัน Makar Sankranti ซึ่งเป็นเทศกาลเดียวของอินเดียที่มีวันที่ที่แน่นอนทุกปี คือ วันที่ ๑๔ ม.ค. เพราะไม่ได้นับตามจันทรคติ แต่นับตามสุริยะคติ เป็นอีกวันที่เฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์ โดยก่อนหน้าวันนี้อีกเทศกาล Lohri ของทางรัฐปัญจาบ

ที่หมู่บ้านที่ฉันอยู่ มีคนมาจากหลากหลายที่ ส่วนใหญ่น่าจะมาจากทางเหนือ จึงมีการจัดงานเฉลิมฉลองร่วมกันเมื่อคืนนี้ มีการก่อกองไฟ เต้นรำ กินขนมแห้งประเภทถั่วงา ฉันรับหน้าที่ช่างกล้องประจำหมู่บ้านตามระเบียบและตามความคาดหมายของสมาชิกในหมู่บ้าน

เมื่อถ่ายรูปเสร็จ ฉันก็อัพรูปขึ้นเว็บอัลบั้มแล้วส่งลิงก์เข้ากรุ๊ปอีเมลของหมู่บ้านเช่นเคย และนำมาฝากแฟนานุเฟรนด์ที่นี่ด้วย






ส่วนที่เกี่ยวกับหัวข้อบล็อกวันนี้ เรื่องมีอยู่ว่า จู่ๆ “นานาจิตตัง” ก็กลายมาเป็นประเด็นหลักในการทำงานที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ในหลายเรื่องในช่วงนี้ ตั้งแต่เรื่องความเห็นแย้งกันเรื่องแบบปกหนังสือเล่ม “ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน” คนนึงอยากได้อย่างนั้น อีกคนอยากได้อีกอย่าง ทางหนึ่งอยากให้มัว ทางหนึ่งอยากให้ชัด ต่อด้วยความเห็นเรื่องการตลาด ด้านนึงว่ามากไป ด้านนึงว่าน้อยไป ปิดท้ายด้วยเรื่องความเห็นจากคนอ่านที่ส่งมาทาง เว็บบอร์ดที่เว็บกำมะหยี่ี่

สองเรื่องแรก ฉันอยู่ตรงกลาง เลยต้องรับหน้าที่หนักหน่อยในการหาทางสายกลาง เรื่องปก ไม่ค่อยยาก ใช้สามีทำงาน บอกให้หวานใจเข้านั่งหน้าจอทำมัวในส่วนที่ควรมัว ส่วนที่ไม่ควรมัวก็ให้พยายามหาเทคนิคชัดเฉพาะจุดอย่าให้มัวทั้งแผง เรื่องการตลาด ฉันยังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไง ไม่ให้ฮาร์ดไป ไม่ให้ซอฟต์ไป ไม่ให้เปิดอ้า ไม่ให้ปิดกั้น แต่ตอนนี้สมองเริ่มโล่งๆ แล้วเพราะเพิ่งเกลา “แช่มช้า” เสร็จรอบแรก แถมได้ ปกตุ๊กตา มาทำงานต่ออีกต่างหาก เดี๋ยวเพ่งสมาธิครุ่นคิดอย่างจริงจังอีกสักพัก น่าจะคิดตก


ส่วนเรื่องสุดท้าย ฉันว่าฉันทำดีที่สุดแล้ว คงไม่มีอะไรให้ทำต่อ ได้แต่บอกตัวเองว่า นานาจิตตัง เราไม่สามารถทำถูกใจคนทุกคนได้หรอก




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 14 มกราคม 2553    
Last Update : 14 มกราคม 2553 16:47:02 น.
Counter : 972 Pageviews.  

- 12 JANVIER 10 - ก็แค่พอใจ ใครจะทำไม

ก็แค่พอใจ ใครจะทำไม
Mon cher mari, Gamme Magie, traduction, yoga, photography, pottery ... voila ma vie.

      เหนื่อยแฮ่ก แป็กมาก เมื่อคืนเข้านอนแต่หัวค่ำเนื่องในโครงการลดละเหล้าประจำสัปดาห์ตามที่ฉันกับหวานใจตั้งใจกันไว้ แค่นั้นไม่พอ ยังชวนกันงดกินเนื้อสัตว์ ต้มเห็ดสามอย่างกับผัดผักล้วนๆ กินกับข้าวตอนมื้อค่ำอีกต่างหาก

     ผลก็คือ ฉันตื่นมาลืมตาโพลงกลางดึก กว่าจะข่มตาหลับอีกครั้งก็ใกล้เช้า ก่อนจะสลึมสลือลุกจากเตียงแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปเข้าชั้นโยคะ ตอนนี้ช่วงวันธรรมดา ฉันมีเรียนโยคะสัปดาห์ละ 7 ชั่วโมง ช่วงเช้าเข้าไปแจมคอร์สพื้นฐานและระดับกลางทุกวัน วันจันทร์กับวันศุกร์ ตอนเย็นเป็นคอร์สชั้นสูงที่มีนักเรียนแค่สองคน เป็นนักเรียนที่คัดมาแล้วว่ามีแวว (แฮ่ม) ในชั้นเรียนนี้ ครูเข้มงวดเป็นพิเศษ ให้ทำแต่ท่ายากๆ ตอนที่ครูชวนมาเรียน ฉันรับปากเข้าคอร์สนี้ด้วยความเกรงใจครูเป็นหลัก เพราะเห็นกระตือรือร้นอยากสอนระดับสูงมากจนฉันไม่กล้าปฏิเสธ (ส่วนหนึ่งก็แอบภูมิใจด้วยล่ะ)

     ตอนแรกฉันไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไมต้องเปิดชั้นสูง หานักเรียนก็ยาก จำนวนนักเรียนน้อยกว่าชั้นพื้นฐานแน่ๆ ไม่น่าจะคุ้มค่ากับเวลาสอน ยิ่งครูไม่เก็บเงินค่าเรียนสอนจากฉันด้วย มันยิ่งไม่น่าจะคุ้มเข้าไปอีก แต่เมื่อวานเห็นครูตั้งใจสอนมากและดูมีความสุขในการทำท่ายากๆ ต่างๆ ให้ดูเป็นตัวอย่าง ฉันเลยพอเข้าใจเลาๆ ว่า มันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินค่าตอบแทนหรือเวลาที่เสีย แต่เป็นความสุข เป็นความภูมิใจในการได้สอนวิทยายุทธขั้นสูงให้กับลูกศิษย์ที่มีศักยภาพในการเรียนรู้ เป็นความสุขของคนเป็นครูที่จะได้ถ่ายทอดแบบไม่ต้องมีกั๊ก ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องเกรงว่าจะยากเกินไปหรือไม่อย่างที่ต้องระวังในชั้นเรียนเบื้องต้นมากกว่า


     จบจากชั้นโยคะ ต่อด้วยคอร์สปั้นดินซึ่งไม่ค่อยได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันนัก การบ้านก็ไม่ได้ทำ กลบเกลื่อนด้วยการพูดคุยตลอดเวลา มือไม่ได้ค่อยได้จับได้แตะดินสักเท่าไหร่ ทั้งยังแอบฆ่าเวลาด้วยการให้ครูสาธิตตัวอย่างให้ฉันถ่ายวิดีโอด้วย

     ครูกลับไปแล้ว กลับมานั่งหน้าจอ ตอบอีเมลก็อกแก็ก งานประจำวันนี้คือเกลา “แช่มช้า” ต่อ เหลืออีกแค่ 1/4 ก็จะจบเล่มแล้ว วันนี้ไม่เปิดเพลงคลอจากวิทยุออนไลน์อย่างที่ทำมาตลอดในช่วงหลังๆ เพิ่งสังเกตตัวเองได้ว่า เวลาทำงานแบบเงียบๆ จะมีสมาธิทำงานได้คล่องกว่า เสียงเพลงที่คลอบรรยากาศจะดีก็ตอนที่งานไม่เร่งไม่รีบทำแบบสบายๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างเสียมากกว่า

     10 วันหลังปีใหม่ผ่านไป ดูเหมือนตอนนี้ชีวิตของฉันกลับมาติดเครื่องเทอร์โบอีกครั้งนึงแล้ว เมื่อวานส่งอีเมลแจกจ่ายงานให้กับผู้ร่วมงานทำหนังสือของสำนักพิมพ์กำมะหยีที่จะออกภายในเดือนสองเดือนนี้ แบ่งกระจายหน้าที่การทำงานออกเป็นสองทีม เพื่อลดความรีบร้อนเร่งรัด ไม่ให้มีใครถืองานสองงานในเวลาเดียวกัน ยกเว้นฉันคนเดียวที่พร้อมๆ กับที่นั่งเก้าอี้เจ้าสำนักคุมหางเสือคอยประสานตรวจสอบผลงานโดยรวม ยังต้องรับหน้าที่นักแปลและบ.ก.พายงัดๆ เป็นหนึ่งในลูกเรือด้วย

     อันที่จริงแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องทำงานสองหน้าที่ก็ได้ แค่เป็นเจ้าสำนักอย่างเดียว ส่วนงานแปล งานบ.ก. ให้คนอื่นทำก็ได้ เพราะถึงยังไงกำมะหยี่ก็ต้องจ่ายเท่าเดิม แต่มานึกๆ ดูแล้ว เหตุผลที่ฉันรับแปลและตรวจต้นฉบับเองก็คงจะไม่ต่างกับการที่ครูสอนโยคะเปิดสอนขั้นสูงเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องของความพึงพอใจและภาคภูมิใจในวิชาความรู้ของตน เป็นสิ่งที่เราทำแล้วรู้สึกมีคุณค่า เป็นความอยากล้วนๆ ไม่เกี่ยวว่าได้เงินมากเงินน้อยหรอก




     ทางด้านชีวิตครอบครัว ทุกอย่างหวานจ๋อยเหมือนเดิม และคล้ายจะมากกว่าเดิมด้วย เพราะพอร่างกายฉันเริ่มฟิตแข็งแรงจากการออกกำลังกาย น้ำหนักลดไปตั้ง 3 กิโล ตั้งแต่ออกกำลังทุกวันมาสองเดือน จิตใจฉันก็มั่นคงไม่มีเวลาให้อ่อนไหวงอแงจิดตกไร้สาระ บุคลิกก็เลยหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม แมนเสียยิ่งกว่าสามี หวานใจก็เลยได้ทีออดอ้อนกระแซะเข้ามานัวเนียคลอเคลียตลอดเวลา น่าเอ็นดูก็น่าเอ็นดูอยู่ แต่บางทีก็อยากฟาดก้นให้สักป้าบ แล้วลากขึ้นเตียง หึหึหึ



ป.ล. สไลด์ประกอบบล็อกวันนี้เป็นรูปที่ฉันถ่ายระหว่างการตระเวนขี่เฟร็ดดี้ เอ็ม ไปถ่ายรูปคอลเล็คชั่น ผนังอาคารในอินเดีย ของหวานใจ ส่วนฉันเกาะท้ายไปถ่ายรูปเบื้องหลังและบรรยากาศการถ่ายทำ โดยมีเด็กๆ ชาวบ้าน (และวัว) แถวนั้นมาเข้ากล้องเป็นนายแบบให้อย่างสนุกสนาน


>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 12 มกราคม 2553    
Last Update : 12 มกราคม 2553 18:26:50 น.
Counter : 930 Pageviews.  

- 08 JANVIER 10 - ไฟโหมก่อนกำหนด

ไฟโหมก่อนกำหนด

Je me remets au boulot pour Gamme Magie.


Ghost
      วันนี้เป็นวันที่ได้งานเกินคาด ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะ “เปิดทำการ” ดูแลกิจการสนพ.กำมะหยี่ในวันจันทร์ แต่ไม่รู้อะไรดลใจ เปิดเข้าเว็บไซต์กำมะหยี่ (www.gammemagie.com) แล้ว เผลอคลิกอัพเดทข้อมูลในหน้าแรก

     ตอนแรกว่าจะกล่าวทักทายสวัสดีปีใหม่สั้นๆ แต่ตามนิสัยคนชอบพล่าม จึงอดใจไม่ไหว ไล่เรียงรายการหนังสือที่จะออกในปีนี้ยาวเหยียด แต่ถึงจะยาวเหยียดก็ยังเป็นแค่การเกริ่นรายการเรียกน้ำย่อย เพราะคุณนายละเอียดอย่างฉันชอบข้อมูลแน่นๆ เต็มๆ มากกว่า นอกจากเพื่อแจ้งให้แฟนหนังสือทราบแล้ว ยังเป็นการทบทวนตัวเองเพื่อการตั้งหลักอย่างมั่นคงด้วย ในอีกไม่นานนี้คงได้พล่ามแบบเต็มเหยียดสมใจ ทั้งในหน้าเว็บต่อสาธารณะ และในอีเมลที่จะกระหน่ำส่งถึงเพื่อนร่วมงานผู้เกี่ยวข้องในแต่ละเล่มทุกคน

     หลังจากนั้น พอวิญญาณเจ้าสำนักเข้าสิง ฉันก็เริ่มนึกถึงโครงการรับนิสิตฝึกงานจากคณะอักษรที่ค้างคามาตั้งแต่ปลายปี จึงได้ฤกษ์ดำเนินการกรอกแบบฟอร์มคร่าวๆ ส่งให้น้องออมดำเนินการประสานงานต่อ

     ในการกรอกแบบฟอร์มนี้เอง มีข้อหนึ่งถามว่าต้งการให้นิสิตส่งเอกสารอื่นเพิ่มเติมจากที่มีอยู่หรือไม่ ฉันจึงได้ทีหาบทสัมภาษณ์หรือบทความเกี่ยวกับนักเขียนของเรา จัดเป็น “แบบทดสอบการแปล” สำหรับนิสิตรุ่นน้องที่ต้องการมาฝึกงานกับเรา

     และไปเจอในเว็บไซต์ของเจเรมี เมอร์เซอร์ นักเขียนที่เราจะออกผลงานลำดับต่อไปคือ ปารีส/พำนัก/คน/รัก/หนังสือ กล่าวถึงปกที่เราส่งอนุมัติ จึงต้องนำความปลาบปลื้มมาเขียนลงที่บล็อกทีมงานในเว็บไซต์ ใครอยากอ่านตามไปดูได้ >> ที่นี่ี่

     ปรากฏการณ์ไฟโหม ลุกขึ้นมาทำงานในกิจการกำมะหยี่ก่อนกำหนดคงจะจบเพียงเท่านี้ ถ้าไม่ได้ความแข็งขันตั้งใจจากเพื่อนร่วมงาน คือ น้องออม ที่ส่งความเห็นเกี่ยวกับปก “ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน” ที่คุณอาร์ตส่งมาอย่างรวดเร็ว เป็นความคืบหน้าที่น่ารักมากจากพลพรรคสำนักพิมพ์กำมะหยี่น้องไหม่คนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ เธอยังสงวนท่าทีไม่ค่อยกล้าออกความเห็นเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่คุณแอนเรียกว่า “ความรู้สึกในการเป็นเจ้าของ” เป็นห่วงเป็นใย มีส่วนร่วมของน้องเริ่มเด่นชัด ฉันรู้สึกดีใจและพอใจมาก จนกระทั่งฉันต้องเปลี่ยนใจจากที่ตั้งว่าจะเปิดดูไฟล์ปกสักวันจันทร์ มาเปิดดูพร้อมกับตากล้องคือหวานใจ ได้ข้อสรุปความเห็นจากเราสองคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการกระตุ้นช่วยตัดทอนการอืดฉืดได้เป็นอย่างดี

     วันนี้ไม่ได้เกลาต้นฉบับแปลเลย แต่พรุ่งนี้หวานใจต้องทำงานมีสัมมนาของบริษัท ฉันอยู่บ้านคนเดียวคงได้มีงานออกมาบ้าง ไม่มากก็น้อย มื้อค่ำคืนนี้ ฉันเข้าครัว ทำข้าวผัดปู ของโปรดของหวานใจ กินกับผัดผักบุ้ง ที่ไปฟลุ๊คเจอผักบุ้งขายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเมื่อวาน แถมด้วยต้มจืดไก่ใส่ฟักซดคล่องคอ




ป.ล. รูปประกอบบล็อกวันนี้เป็นรูปที่ตกรอบไม่ผ่านการพิจารณาจากนักออกแบบปก “ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน” ของเรา เลยแอบเอามาปล่อยในที่นี้ค่ะ



>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 08 มกราคม 2553    
Last Update : 8 มกราคม 2553 21:42:57 น.
Counter : 803 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.