- 14 Avril 10 ตั้งหลัก เตรียมย้ายแหล่ง

ตั้งหลัก เตรียมย้ายแหล่ง


Zam
วอเทอร์บอยเพิ่งยกถังน้ำดื่มมาส่ง ราคาค่าน้ำดื่มในปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วจากถังละ 70 รูปี ขึ้นเป็น 90 รูปีกันแบบดื้อๆ อันนี้ไม่เท่าไหร่ ถ่านไฟไบโอไฮโซมียี่ห้อที่ใช้กับเตาบาร์บีคิวขึ้นจาก 250 เป็น 390 ในชั่วหกเดือน

แต่ถ้ามองโลกในแง่ดี น้ำสองถัง 180 การจ่ายเงินก็ง่ายหน่อย หยิบแบ็งค์ร้อยออกมาสองใบ แล้วบอกให้ คีพ เดอะ เช้ง ไม่ต้องอีหลักอีเหลื่อไล่กวาดแบงค์สิบยี่สิบแล้วส่งเกินให้แล้วคนรับไม่เข้าใจว่าเป็นทิปเหมือนตอนที่จ่ายร้อยสี่สิบ

เช้านี้ตื่นมาในสภาพที่หวานใจเรียกว่า ผลไม้ดองเหล้า กลิ่นคอนยัคแผ่กระจายออกจากรูขุมขนทั่วร่าง เมื่อคืนหลังจากดูรายการ So you think you can dance? รายการโปรดของเราสองคน พร้อมกับกินสเต็กฟริตส์อาหารจานเก่งของหวานใจ ต่อด้วยละครทีวีฝรั่งเศสช่อง TV5monde อีกสองเรื่อง

ปิดทีวีแล้ว นั่งจิบเหล้าแก้วสุดท้าย (แต่รินเติมหลายรอบ) คุยกันเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เรื่องผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้ายที่บล็อกของฉัน เรื่องแนวโน้มทางสังคมและเศรษฐกิจของโลก ความแตกต่างระหว่างสองยักษ์ใหม่คือจีนกับอินเดีย ต่อด้วยสถานการณ์การเมืองไทย สถานการณ์ธนาคารฝรั่งเศส ปิดท้ายด้วยข้อสรุปที่ว่า เราคงจะต้องย้ายกลับไปอยู่ฝรั่งเศสไม่ช้าก็เร็วๆ นี้ เพราะตำแหน่งในบริษัทลูกที่จะเปิดให้หวานใจได้ทำงานที่สิงคโปร์กำลังตกอยู่ในภาวะลำบาก

ลุกจากเตียง รดน้ำต้นไม้ ซักพรมที่ไอ้ลูกหมาอึใส่ ให้อาหารหมา นั่งนิ่งๆ อยู่หลังถ้วยกาแฟแล้วบอกตัวเองว่าฉันต้องลุกขึ้นมาจัดแจงชีวิตตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง เพื่อความเป็นอยู่ในระยะสั้นตรงหน้าที่อินเดีย และในระยะยาวที่ฝรั่งเศส

ในระยะสั้น สิ่งแรกที่ต้องกอบกู้ขึ้นมาอีกครั้งคือวินัยในการทำโยคะ ครูโยคะโทรมาบอกว่าตอนนี้ไม่มีการเรียนการสอน จะเริ่มใหม่อีกทีกลางเดือนพฤษภา แต่ถ้าฉันอยากให้เขามาสอนที่บ้านแบบตัวต่อตัว เขาก็มาได้ ฉันรีบปฏิเสธพัลวัน บอกว่าเดี๋ยวฉันฝึกเองคนเดียวได้ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ลึกๆ แล้วฉันวางเอาไว้ว่าต้องบังคับตัวเองทำโยคะให้เป็นกิจวัตรประจำวันให้ได้เสียแต่ตอนนี้ เดี๋ยวไปฝรั่งเศสอาจจะต้องทำเองไม่มีปัญญาไปเข้าเรียนที่ไหน เหตุผลไม่ใช่แค่ค่าเรียนน่าจะแพงหูฉี่เท่านั้น แต่เป็นเพราะฉันคงไม่สามารถฝ่าฟันความหนาวเย็นออกจากบ้านอย่างสม่ำเสมอได้อย่างแน่นอน

ส่วนในระยะยาว คงต้องเริ่มจากทัศนคติที่ฉันมีต่อประเทศฝรั่งเศสก่อน ฉันควรเลิกพร่ำบ่นได้แล้วว่าไม่ชอบเลย ไม่อยากกลับไปอยู่ที่นั่น ฉันคิดว่าที่ฉันรู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะตอนที่ฉันอยู่ก่อนหน้านั้น ฉันไม่มีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ยังไม่ชินกับการเป็นแม่บ้านแม่เรือน เริ่มหัดใช้ชีวิตคู่ดูแลสามีอย่างจริงๆ จังๆ เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องอาศัยการปรับตัวปรับใจ ฉันเลยไม่ได้เงยหน้ามองเห็นความดีงามของการได้อยู่ประเทศนี้ เห็นแต่ความหนาวของอากาศ ความเย็นชาของผู้คน ราคาสินค้าที่สูงลิบ

กลับไปคราวนี้ ฉันในวันนี้ไม่เหมือนฉันในวันนั้น ฉันมีต้นทุนเป็นฝีมือจากประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้น ทั้งทางทักษะความสามารถรอบตัวที่มีประโยชน์ ไหนจะความสงบนิ่งภายในใจ และที่สำคัญฉันมีหวานใจสุดที่รักที่ได้รู้จักเรียนรู้นิสัยกันมากขึ้นกว่าเดิม ความสัมพันธ์ของเราแน่นแฟ้นทุกมุม มุมคู่รัก มุมเพื่อนรัก มุมดี มุมเลว มุมน่ารัก มุมไม่น่ารัก เราเป็นมนุษย์คนโปรดของกันและกัน เขาไม่ใช่แค่คนที่ฉันอยู่ด้วยได้เฉยๆ แต่เป็นคนที่ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเขาไป

การมีคนที่รู้ใจคอยเคียงข้างเป็นความอุ่นใจชั้นเลิศในการต่อสู้อุปสรรคทั้งมวล ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะอยู่อย่างไร ชีวิตก็เป็นเรื่องง่ายและสนุกได้อยู่แล้วล่ะ

ดังนั้น ฝรั่งเศสก็ฝรั่งเศสเถอะ มาเจอกันอีกสักตั้ง ฉันไม่กลัวหล่อนอีกแล้วล่ะย่ะ จะบอกให้




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 14 เมษายน 2553    
Last Update : 14 เมษายน 2553 13:07:51 น.
Counter : 977 Pageviews.  

-13 Avril 10 - ร้ายเพราะรัก ขอพักเพราะอากาศร้อนอีกสักนิด

ร้ายเพราะรัก ขอพักเพราะอากาศร้อนอีกสักนิด


The sky is blue.
คนส่วนใหญ่มักบอกว่าตนเองเชื่อใน ‘ความจริง’, ‘ความงาม’ และ ‘ความดี’ (หรือบางทีก็ ‘ความรัก’) สำหรับคุณ 3 - 4 สิ่งนี้คืออะไร และคุณเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านี้แค่ไหน


AMG - ความจริง ความงามและความดีเป็นสิ่งไม่เที่ยงแท้ ความจริงของคนหนึ่งอาจไม่ใช่ความจริงของอีกคนหนึ่ง ความงามเป็นสิ่งที่แปรผันตามรสนิยมของแต่ละคนเช่นกัน ความดีในบางครั้งอาจเป็นความไม่ดีของอีกคน ดิฉันเลยไม่ค่อยเชื่อในสามสิ่งนี้สักเท่าไหร่ แต่เชื่อในความรัก ดิฉันคิดว่าความรักเปลี่ยนโลกได้ เพราะความรักเปลี่ยนแปลงคนได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นความรักที่แท้จริงต่อผู้อื่น ไม่ใช่ความรักที่เห็นแก่ตัว มุ่งหวังเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ



ข้างบนเป็นส่วนหนึ่งจากคำตอบของฉันในบทสัมภาษณ์ลง GM ฉบับ เมษายน 53 (ซึ่งยังไม่เห็นกับตาเลยไม่รู้ว่าเขาจะลงให้หรือเปล่า)

วันนั้นฉันลอยตัวอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการมองโลกในแง่บวก ตอนที่ตอบว่าความรักเปลี่ยนแปลงโลกได้ เพราะความรักเปลี่ยนแปลงคนได้ ฉันนึกถึงแต่การเปลี่ยนแปลงในแง่ดี มารู้สึกเมื่อเช้านี้ ตอนที่กลับมาเปิดคอมพ์เข้าบล็อกเห็นข้อความที่มีคนฝากเอาไว้ในบันทึกที่แล้ว เลยได้สำเนียกว่า ความรักสามารถเปลี่ยนแปลงคนที่เคยดีใจหาย เป็นคนที่ร้ายเหลือทนได้เช่นกัน

เขียนบันทึกประจำวันดีกว่า

กลับมาถึงบังกาลอร์กลางดึกเมื่อคืนนี้ เมื่อเช้าออกไปรับไอ้ลูกหมาที่ฝากคนอื่นเขาดูแลอยู่ตั้งสามอาทิตย์กลับบ้าน

กลับมาเป็นแม่หมาให้ไอ้ลูกหมาเดินตามต้อยๆ อีกครั้ง รู้สึกมีความสุขสงบตัดเรื่องกวนอารมณ์ออกไปได้อย่างรวดเร็ว นับเป็นบทพิสูจน์ความเข้มแข็งของจิตใจได้เป็นอย่างดี

ตอนที่ไอ้หนูเดินงัวเงียตาแดงก่ำออกจากหลังร้านหมอสัตว์ที่เอาไปฝากไว้มาเห็นอีแม่นั่งกางแขนรับ ดวงตาไอ้หมาเปล่งประกาย กระโดดถลาเข้าหาแบบสุดตัวสุดใจขาดดิ้น ผิดจากที่คาด (และแอบกริ่งเกรง) ไว้ ตัวของไอ้ลูกหมาไม่ได้เติบใหญ่เต็มล้นจนผิดหูผิดตาอย่างตอนที่กลับมาจากเมืองไทยเมื่อต้นเดือนมีนา คาดว่าอัตราการเจริญเติบโตเริ่มนิ่งแล้วไม่ใหญ่โตพรวดพราดเหมือนเมื่อก่อน

สัปดาห์นี้ตั้งใจจะหยุดพักต่อ ยังไม่เปิดอีเมลดูแลงานการ เป็นความคืบหน้าในการรู้จักระงับใจไม่ใคร่รู้ครั้งใหญ่ของฉันเลยทีเดียว เป็นครั้งแรกที่บอกกับตัวเองได้อย่างหนักแน่นว่าทุกอย่างรอได้ ขอพักเอื่อยเฉื่อยอีกสักหน่อย เดี๋ยวเปิดมาวันจันทร์หน้า จะเริ่มลุย ทำในสิ่งที่ต้องทำ ทำอย่างเต็มที่เต็มตัว

ตอนนี้ที่อยากทำคือเอ้อระเหยลอยชายเขียนบล็อกเล่าเรื่องตอนไปล่องเรือที่ภูเก็ตใต้แสงแดดที่แผดเผาในอุณหภูมิที่ว่ากันว่าสูงเป็นประวัติการณ์ ควบหน้าที่ Superstepmom ของเด็กน้อยสองคน

ตั้งใจไว้เช่นนั้น ทำได้ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องนึง เหอๆๆๆๆ



>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่ค่ะ






 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 15:36:57 น.
Counter : 848 Pageviews.  

- 02 Avril 10 วันศุกร์แสนสุข

วันศุกร์แสนสุข


กลับมาคราวนี้ ตื่นนอนมาด้วยเสียงตอกตะปู เสียงเลื่อยไม้ทุกเช้า


ขณะนี้พื้นที่ใช้สอยที่บ้านระยองของฉันหดลงไป 2/3 เหลือแค่ห้องทำงานเก่าของฉัน ห้องเล็กที่แม่ใช้นอนเล่น และห้องครัวเท่านั้นที่ยังใช้งานได้ ส่วนห้องนั่งเล่นรับแขก และชั้นสองที่มีห้องนอนสองห้อง กับห้องพระ และห้องน้ำในบ้าน ตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ เนื่องจากส่วนที่ทำจากไม้ของบ้านอายุสามสิบปีหลังนี้ถูกปลวกกินจนพรุน เดินทีเนื้อไม้อ่อนยวบชวนหวาดเสียวว่าจะผลุบตกลงไปข้างล่างมาก

พ่อเลยตัดสินใจให้ช่างเข้ามารื้อส่วนที่เป็นไม้ออกทั้งหมด แล้วขึ้นผนังเป็นปูน ทำโครงหลังคาใหม่ด้วยเหล็ก ข้าวของที่เคยอยู่ในบ้านระเห็จออกมาอยู่ข้างบ้านที่เป็นโรงจอดรถหลังคาสูง รอเวลาบ้านเสร็จเรียบร้อยค่อยย้ายกลับเข้าไปอยู่ที่เดิม ซึ่งอาจจะกินเวลาอีกนานทีเดียว เพราะนอกจากปรับโครงบ้านใหม่แล้ว พ่อยังมีโครงการต่อเติมทำห้องหนังสือให้แม่ด้วย

สำหรับชีวิตฉันในวันนี้ เป็นวันสงบสุข หอมหวานดีทีเดียว ตื่นมา คุณนายแม่รีบแจ้งว่าขนมจีนน้ำยาปลาต้มของโปรดรออยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้ว กินเสร็จเปิดคอมฯ “เกร็ดเกร่” ไปเรื่อยๆ ตอบอีเมลเรื่องงานนิดหน่อย ลอยชายเร่ร่อน ไม่ต้องทำอะไร ไม่มีอะไรที่ต้องตัดสินใจ ช่างเป็นเวลาที่ผ่อนคลายดีจริงๆ

คุยเล่นเรื่องนั้นเรื่องนี้กับคุณนายแม่ไปเรื่อยๆ แม่บอกว่ากลับมาคราวนี้ ฉันเย็นลงมาก


บ่ายโมงครึ่ง คุณนายแม่พาไปกินเกี๊ยวน้ำที่เนินหย่อง ร้านโปรดของฉัน กินมาตั้งแต่เด็กๆ อายุห้าหกขวบ สมัยที่ก๋วยเตี๋ยวถุงละหกบาท มันก็ 31 ปีเท่านั้นเอง กินไปสองจาน (อันที่จริงกินได้อีกนะ) หลังจากนั้นได้กินมังคุดสดๆ ที่คนสวนเอามาฝาก อืมม มีความสุขจัง คนเราเนี่ย ก็แค่นี้นะ กินอิ่มอร่อย แค่นี้ก็มีความสุขได้แล้ว ไม่ต้องไปคว้าไขว่อะไรไกลๆ ยากๆ หรอก

อ้อ ก่อนจบ ขอบันทึกย้อนขึ้นไปเมื่อวานอีกนิด

เมื่อวานเป็นวันครบรอบ 5 ปี การพบกันของฉันกับหวานใจ เป็นการเจอตัวเป็นๆ กันครั้งแรกหลังจากแชทคุยกันผ่านทางอินเตอร์เน็ตกันอยู่ประมาณสองอาทิตย์ แล้วหวานใจบินจากฮ่องกงมา “ดูตัว” ผู้หญิงไทยพูดฝรั่งเศสที่ก้าวร้าวหยาบคายแต่มีอะไรบางอย่างที่อ่อนหวานซ่อนอยู่คนนี้ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้น ฉันรับความเสี่ยงครั้งใหญ่บินไปหาเขาที่ฮ่องกงคนเดียว (คิดแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองช่างบ้าดีจริงๆ ถ้ามีลูกสาว แล้วลูกสาวฉันทำอะไรอย่างนี้ ฉันคงหัวใจวายตาย)

เรื่องราวเริ่มต้นของคู่เรามันช่างหวือหวาไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำให้เวลาฉันตอบคำถามยอดฮิตของใครๆ ว่าฉันเจอกับหวานใจยังไง แล้วฉันตอบว่าเจอกันทางเน็ต ทุกคนจะมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันให้ฉันคอยจับสังเกตแล้วรู้สึกสนุกดี บ้างทำท่าประหลาดใจ บ้างทำหน้าเหวอๆ บ้างทึ่ง บางคนอึ้ง


ก็นี่ล่ะค่ะ ชีวิต จะไปกะเกณฑ์อะไรมากล่ะ การที่ฉันรอดตัวมาได้หนึ่งคน แสดงว่าทุกอย่างในโลกนี้มันมีข้อยกเว้นจากกฎตายตัวและการตัดสินล่วงหน้า

และบางครั้ง เราต้องรู้จักไว้ใจคน โดยเฉพาะไว้ใจสัญชาติญาณการตัดสินใจของตัวเอง ถ้าขืนกลัวว่าการเปิดตัวเปิดใจจะเป็นการเปิดสิ่งชั่วร้ายเข้ามาในชีวิต ขณะที่ปิดตัวเอง เราก็พลาดจากสิ่งดีๆ ที่รอเข้ามาหาเราอยู่เช่นกัน






>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 02 เมษายน 2553    
Last Update : 2 เมษายน 2553 16:25:56 น.
Counter : 891 Pageviews.  

- 01 Avril 10 - ชีวิตแบบตื้นๆ

ชีวิตแบบตื้นๆ


...
มาถึงเมืองไทยแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านระยอง เมื่อวานลงเครื่องตอนเช้าตรู่ กินอาหารเช้ากันก่อนที่สนามบิน แล้วขึ้นแท็กซี่ไปสำนักงาน ระหว่างขึ้นทางยกระดับ ก่อนเข้าด่านทางด่วน รถแท็กซี่ความร้อนขึ้น เลยลงจากรถโบกเรียกแท็กซี่อีกคัน จ่ายเงินเท่าที่ขึ้นในมอเตอร์บวกกับค่าหัวคิวสนามบินให้

ที่จริงฉันว่าฉันจะอิดเอื้อนจ่ายแค่ค่ามิเตอร์ก็คงจะได้ แต่ฉันไม่อยากให้การเดินทางเพื่อมาพักร้อนของฉันเริ่มต้นด้วยการทำให้คนที่โชคร้าย รถที่ใช้ทำมาหากินเสียบนทางยกระดับขาดรายได้ แล้วยังโชคร้ายเจอกดราคาค่าบริการอีก

รถแท็กซี่คันที่สองขับมาส่งที่สำนักพิมพ์เรียบร้อย ระหว่างที่หวานใจเอนกายพักเหนื่อยบนโซฟา ฉันจัดหนังสือเตรียมเอาไปส่งที่งานหนังสือ ขนเท่าที่ขนได้ใส่กระเป๋าผ้าที่เตรียมมาจากอินเดียเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เหลือบเห็นหนังสือ 1Q84 ที่คาดว่าคุณเจนขอทางญี่ปุ่นส่งมาให้ เลยออกไปจ้างรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าปากซอยให้ไปส่งให้ ก่อนจะเข้าเซเว่นไปเติมเงินเข้ามือถือ

สิบโมงกว่าๆ ไปกินกาแฟกันแล้วไปนอนให้นวดในสปากันจนถึงเที่ยง นั่งแท็กซี่อีกรอบไปศูนย์สิริกิติ์ นัดน้องที่มาฝึกงานกินข้าวกลางวันด้วยกัน กินเสร็จเพื่อนฝนมาแจม แล้วพาตระเวณเยี่ยมเยียนบูธต่างๆ ที่เราเอาหนังสือไปฝาก ก่อนกระโดดขึ้นรถแท็กซี่อีกรอบไปส่งหวานใจที่สนามบินไปรับลูกๆ ที่ขอนแก่น ส่วนฉันมีคุณนายแม่นั่งรถที่พี่เปี๊ยกมารับกลับบ้านระยอง


วันสองวันสามวันที่กลับมาอยู่บ้านเนี่ย ตั้งแต่เช้าตั้งใจว่าจะไม่ทำงานอะไร จะเอาแต่เขียนบล็อกและอยากเขียนอะไรเรื่อยเปื่อย เป็นช่วงเวลาที่กลับมาเกาะพ่อแม่ กลับเป็นลูกสาวอีกครั้ง ไม่ต้องทำหน้าที่ศรีภรรยาคอยดูแลสามี ต้องคิดเมนูอาหาร ดูแลบ้านช่องให้เรียบร้อย

ได้กลับมากินอาหารถูกปากที่คุณนายแม่จัดหามาให้ หอยนางรมดอง ต้มหน่อไม้ ผัดสะตอ เติมข้าวหลายรอบมาก พรุ่งนี้นัดกับคุณนายแม่จะไปกินเกี๊ยวปลาเนินหย่อง

แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ชีวิตไม่ค่อยได้เป็นเหมือนในฝัน มีรายละเอียดจุบจิบ ทั้งเรื่องงานและเรื่องคนให้ประสานงานเรื่องการวางแผงของ “ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน” ในงานหนังสือ ไม่มีเวลาเขียนบล้อกแบบมีเวลานั่งนิ่งๆ เขียนอะไรฉลาดๆ หรือซึ้งๆ เล่าความรู้สึกถึงความแตกต่างของการได้กลับมาอยู่ในอ้อมอกของพ่อแม่อีกครั้ง หรือความแตกต่างระหว่าไอ้โต หมาไทยปากเปราะของฉัน กับ ไอ้ลูกหมาซารฺตรฺที่ตอนนี้เข้าค่ายฤดูร้อนอยู่กับเพื่อนหมาตัวอื่นๆ อยู่ที่อินเดีย

ตอนนี้หนังสือลงบูธครบเรียบร้อยแล้ว ปัญหาเฉพาะหน้าหมดไปหนึ่งเปลาะ แต่หมดแรงเขียนได้แค่รายงานชีวิตตื้นๆ แบบคร่าวๆ

บล็อกวันพรุ่งนี้อาจจะลุ่มลึกขึ้น เมื่อได้หายใจหายคอ นอนเต็มที่ กินอิ่ม สบายกาย และใจ




>> ฝากข้อความเชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 01 เมษายน 2553    
Last Update : 1 เมษายน 2553 21:40:03 น.
Counter : 892 Pageviews.  

- 30 Mars 10 ก้อนความรัก หนัก 16 กิโลกรัม

ก้อนความรัก หนัก 16 กิโลกรัม


sartre
ระหว่างรอสปาเกตตี้คาโบนาราที่หวานใจจะทำให้กินเป็นมื้อค่ำ ย่องเข้ามาอัพบล็อกสักเล็กน้อย

วันนี้เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น ออกกำลังกายในคอร์สโยคะช่วงเช้าจนกระชุ่มกระชวย กลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำอีกรอบ แล้วเข้านั่งประจำสถานีทำงานหน้าจอ โทรศัพท์หาคุณนายแม่แจ้งเวลามารับที่สนามบินช่วงเย็นวันที่ 31

คืนพรุ่งนี้ ฉันกับหวานใจจะบินไปเมืองไทยเพื่อพักร้อนล่องเรือตกปลาที่ภูเก็ตกันหนึ่งอาทิตย์ วันที่ 31 ถึงสนามบินแต่เช้าตรู่ ว่าจะเข้าไปที่สนพ. เผื่อมีเรื่องอะไรให้ดำเนินการ ตอนเที่ยงครึ่งมีนัดกินข้าวกับน้องฝึกงานจากอักษร แล้วก็ตระเวนเยี่ยมเยียนบูธต่างๆ ที่เรานำหนังสือไปฝากขาย วันพุธอย่างนั้น ไม่น่าจะมีคนล้นหลามมากนัก หลังจากนั้นกลับสนามบิน หวานใจต่อเครื่องไปขอนแก่น เพื่อรับลูกๆ ส่วนฉันแยกไปหาบุพการีที่ระยอง และกลับมาเจอกันวันที่ 3

งานการวันนี้เป็นเรื่องสนพ.กำมะหยี่โดยเฉพาะ ทำรายการเงินจ่ายออกของเดือนนี้กับเดือนหน้า เห็นตัวเลขแล้วก็ถอนใจหนึ่งเฮือกใหญ่ เอาเถอะ เอาเถอะ ยังจ่ายได้น่า ไม่มีปัญหาหรอก อย่างมากก็โปะเงินเพิ่ม ยอดไม่น้อย แต่ก็ไม่เยอะมาก ยังพอไหวอยู่ หลังจากนั้นก็เข้าไปอัพเดทหน้าเว็บกำมะหยี่

เสร็จงานตอนสี่โมงกว่าๆ ขึ้นไปตากผ้า เก็บผ้า แล้วลังเลว่าจะอัพบล้อกดีมั้ย หรือจะเช็ดตัวไอ้ลูกหมา รำพึงดังๆ ใน FB คุณบุญชิตเสนอมาว่าให้เช็ดตัวหมาแล้วเอาเรื่องหมามาอัพบล็อก

ความคิดเยี่ยม ... เล่าเรื่องหมากันดีกว่า

ตอนนี้ซารฺตรฺ ไอ้ลูกหมาอายุย่างเข้า 5 เดือน ของฉันหนัก 16 กิโลกรัมแล้วค่ะ หมาของฉันน่ารักรูปหล่อ นิสัยดี ไม่ค่อยดื้อ ไม่ค่อยซน วันๆ กินแล้วก็นอน แล้วก็ฉี่ แล้วก็อึ แล้วก็เดินตามฉันไปทั่ว ตลอดเวลา ย้ำว่าตลอดเวลา แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ

และใครว่าหมาบูลด็อกหน้าตาบึ้งตึงตลอดเวลา ฉันขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะทุกครั้งที่ฉันกลับจากข้างนอก ไอ้หนูจะยิ้มร่าวิ่งตุบตับตัวส่ายไหวทั้งร่างเข้ามาคลุกเคล้าคลอเคลีย

การมีลูกหมาให้ดูแล เป็นตัววัดคุณภาพชีวิตอย่างหนึ่ง ถ้าเราสามารถทำให้เขาสุขภาพแข็งแรง มีความสุขได้ แสดงว่าชีวิตของเราไม่ได้บัดซบรัดแน่นมากเกินไป เรามีเวลาและมีใจให้สิ่งอื่นๆ ที่นอกเหนือจากงานและตัวเอง

สิ่งตอบแทนที่ได้รับจากการดูแลให้ข้าวให้น้ำ พาไปเดินเล่น เช็ดฉี่ เก็บอึให้เขา คือ สิ่งมีชีวิตที่นอนกรนและตดอยู่ข้างๆ เวลานั่งหน้าเครียดทำงาน พอก้มลงไปเห็นลมหายใจสั่นกระเพื่อมน้อยๆ ส่งเสียงดังอย่างสม่ำเสมอ และกลิ่นตดที่โชยมาเป็นระยะ จิตใจกลับอ่อนโยน คลายความตึงลง ยิ่งตอนที่เตรียมข้าวของเพื่อเช็ดตัวประจำวัน พอเห็นกะบะใส่น้ำ และกล่องใส่ข้าวของวางอยู่หน้าประตูที่เปิดออกไปยังระเบียงที่ประจำ ไอ้หนูจะรีบมานั่งรออย่างเรียบร้อยสงบเสงี่ยม

ดังที่เห็นในรูประกอบบล็อกวันนี้




>> ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่ค่ะ






 

Create Date : 29 มีนาคม 2553    
Last Update : 29 มีนาคม 2553 22:50:46 น.
Counter : 769 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.