- 27 OCTOBER 08 - ดิวาลิครั้งแรกในชีวิต

ดิวาลลิครั้งแรกในชีวิต

Mon premier Diwali


     วันนี้เป็นวันหยุด เนื่องในเทศกาล Diwalli เทศกาลแห่งแสงไฟของประชาชนชาวอินเดีย ว่ากันว่าเป็นเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดในรอบปีของประเทศนี้

     ในวอร์เตอร์ วูด โครงการที่อยู่เล็กๆ ที่ฉันอยู่มีการจัดงานปาร์ตี้ ให้คนใน "หมู่บ้าน" มาเจอกัน มีการทักทาย สอบถามชื่ออะไร พักอยู่ยูนิตไหน ทำงานการอะไรกันบ้าง วันนี้ฉันได้รู้ว่าในโครงการ นอกจากบ้านฉันและอูร์ก เพื่อนร่วมงานหวานใจชาวแคนาดาแล้ว ก็มีครอบครัวชาวออสเตรเลียที่ทำงานบริษัทไอบีเอ็มพักอยู่ด้วย นอกนั้นเป็นชาวอินเดียล้วนๆ

     หนึ่งทุ่ม พอได้เวลาเริ่มงาน ฉันแต่งชุดเก่งที่ดูอินเดียที่สุด (ตอนแรกจะใส่อ่าวหย่ายที่สะสมตอนไปเวียดนาม แต่ร่างอวบอ้วนใส่แล้วปลิ้นๆ เลยพักไว้ก่อน) หยิบแคนดี้ทูออกไปถ่ายรูป เริ่มตั้งแต่งานพิธีการบูชาของครอบครัวสมาชิกต่างๆ ร่ายเรียงไปถึงการแสดงของเด็กและผู้ใหญ่ เป็นกิจกรรมง่ายๆ สนุกสนานฮาเฮ มีความสุขกันอย่างไม่ต้องคิดมาก แค่เห็นเด็กๆ กระโดดโลดเต้น เริงระบำให้ดู แค่นี้พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็ยิ้มแป้นกันแล้ว

     ส่วนฉันกับหวานใจ - คนนอก ก็ร่วมงานดูอย่างชื่นชมยินดี เด็กๆ ที่นี่น่ารักน่าชัง ล้วนแล้วแต่เป็นลูกคนชั้นกลางมีกะตังส์ กล้าคิดกล้าแสดงออก มีตั้งแต่เด็กเล็กเจ็ดแปดขวบจนถึงเริ่มแตกเนื้อสาว พอถึงเวลาเต้นโชว์ ก็วาดลวดลายกันอย่างเต็มที่

     หลังจากนั้นมีรายการคุณแม่ แต่งชุดดำเต้นกันเฮฮา ฉันพลาดไปไม่ได้จับภาพ เพราะขึ้นบ้านมากรึ๊บคลายคอแห้งกับหวานใจ พอกลับลงไปเท่านั้นแหละ เจอบรรดาคุณพ่อวัยสามสิบ-สี่สิบ แต่งตัวเต้นเหมือนในหนังบอลลีวู๊ดไม่มีผิด คนในงานทั้งลูกทั้งภรรยากรี๊ดกร๊าดกันถูกใจ ขำกลิ้ง สนุกสนานเบิกบานกันถ้วนทั่ว

     ปิดท้ายด้วยอาหารการกิน เป็นอาหารมังสะวิรัติ คิดว่าคงจะเพื่อให้ทุกคนกินได้ มีข้าวผัดเนย โรตี แกง กับคูดรฺที่ทำจากนมคล้ายๆ โยเกิร์ต ฉันกับหวานใจกินเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย เพราะคืนนี้หวานใจเปิดตำราในเน็ต เข้าครัวทำขาแกะย่างให้กิน

     ส่วนพรุ่งนี้จะมีการดูพลุไฟตอนสามทุ่ม ฉันว่าจะไปหัดถ่ายรูปพลุเสียหน่อย ไม่รู้ว่าจะได้รูปดีๆ พอใช้ได้สักกี่มากน้อย ... Happy Diwali khaaa






ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 28 ตุลาคม 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 13:10:18 น.
Counter : 758 Pageviews.  

- 24 OCTOBER 08 - ทำงานไป ไม่ต้องคิดอะไร

ทำงานไป ไม่ต้องคิดอะไร

Ne pense a' rien.... bosse!!

     ช่วงนี้ โดยเฉพาะวันนี้ อากาศที่บังกาลอร์ชื้นๆ อมฝนอมหนาว ชวนให้เนื้อตัวตะครั่นตะครอ เหมือนกับจะเป็นไข้ตลอดเวลา

     วันนี้ ฉันงดกิจกรรมหลังลุกจากเตียง อันได้แก่ รายการรดน้ำต้นไม้ ด้วยเกรงความชุ่มฉ่ำเกินสมควรจะทำให้ต้นไม้ที่บำรุงกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมาจะเจออาการรากเน่าตายกันไปเป็นแถบๆ เช้านี้ตื่นหลังสามีไปทำงาน ล้างหน้าแปรงฟัน เปิดคอม ชงกาแฟ นั่งอัพบล้อกห้องโอเวอร์ซีที่ว่างเว้นไปเกือบปี เหวอ ... ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยตั้งใจจะไล่อัพขึ้นบล้อกไปวันละเรื่อง

     ค้นไฟล์ที่ส่งผ่านฮอตเมล อัพโหลดรูป แปะข้อความและลิงก์เข้าโปรแกรมโน้ตแพ็ด ก็อปมาแปะลงหลังบ้านของบล้อกแก็งค์ให้ออกมาเป็นบล้อกรายวัน

     ตอนนี้แปะข้อเขียนในคอลัมน์โอเวอร์ซี่ไปถึงคอลัมน์ที่ 29 แล้ว เห็นตัวเลขแล้วก็อึ้งนิดๆ เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ฉันเขียนคอลัมน์โอเวอร์ซีที่ที่อะเดย์มา 4 ปีแล้วหรือเนี่ย ปีแรกทำคนเดียว ปีต่อมาจนถึงปัจจุบันสลับทำกับน้องอีกคน เพิ่งสังเกตเห็นว่าเล่มที่ลงเรื่องของฉันจะเป็นฉบับเลขคี่

     ภารกิจของวันนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ เขียนคอลัมน์มิวเซ่ ส่งแฮพเพนนิ่งให้เรียบร้อย นั่งเคาะแป้นพิมพ์ เกลาๆ ขัดๆ จนเห็นสมควรแก่เวลาจึงส่งไป ... เสร็จไปอีกหนึ่งอย่าง ต่อด้วยการเกลาต้นฉบับแปลทอล์ค ทู สเนล ที่ค้างเติ่งรบกวนจิตใจ แต่เร่งมือทำเร็วกว่านี้ไม่ได้



     ชักจะล้า ... ปิดคอมพ์ ไปอ่านหนังสือ La lenteur ของ มิลาน คุนเดรา ที่กำลังอ่านค้างอยู่ดีกว่า


ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 24 ตุลาคม 2551    
Last Update : 24 ตุลาคม 2551 19:13:01 น.
Counter : 809 Pageviews.  

- 22 OCTOBER 08 - ตุ๋นซี่โครงแกะแบบอินตะระเดีย

ตุ๋นซี่โครงแกะแบบอินตะระเดีย

Mouton Curry a l'indienne…

     ช่วงนี้ไม่มีอะไรให้เล่าสู่กันฟังมากมาย หลังจากหยุดงานดูแลเด็กไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ อาทิตย์นี้ฉันกลับเข้าสู่โหมดทำงานๆๆๆๆ เพื่อปิดต้นฉบับที่ค้างมานานเป็นชาติ เลยกำหนดที่ต่อแล้วต่ออีกกับสำนักพิมพ์จนรู้สึกละอายใจเหลือเกิน

     แต่ก็ตามประสาฉัน ฉันยอมเสียคำพูด เสียคน ทำให้เสียเวลา มากกว่าจะทำงานออกไปลวกๆ ชุ่ยๆ จะด่าทอต่อว่าก็ไม่ว่ากัน งานของฉัน ฉันต้องทำให้ดีที่สุด เพราะเป็นชื่อเสียงและหน้าตาของฉัน

     ฉันกะจะปิดต้นฉบับเล่มนี้ให้เสร็จภายในเดือนนี้ พร้อมๆ ไปกับการตามสัญญาลิขสิทธิ์หนังสือของกำมะหยี่ เดือนหน้ากลางๆ เดือน ฉันจะกลับเมืองไทยไปสิบกว่าวัน ภารกิจหลักคือหาซื้อข้าวของเครื่องปรุงอาหารไทยกลับมาที่นี่ ดูเรื่องการจดทะเบียนบริษัทให้กำมะหยี่มีฐานะเป็นนิติบุคคลเสริมความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือ กลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่ระยอง

     ไปคราวนี้ ฉันกะว่าจะลงทุนติดอินเตอร์เน็ตที่บ้านระยอง ให้พ่อกับแม่ลองใช้การติดต่อผ่านอินเตอร์เน็ต เราจะได้เปิดเวบเคมคุยกัน หรืออย่างน้อยให้ดูหน้าหลานๆ ที่บ้านพี่มีนที่ศรีราชา คุยกับพี่มีนเรียบร้อยแล้ว พี่มีนจะดูแลเรื่องการติดตั้ง ส่วนฉันจะออกค่าบริการรายเดือน

     แวะมาส่งข่าวกับแฟนานุเฟร็นด์ของบล้อกเพียงแค่นี้ในวันนี้นะคะ แต่ก่อนจากกันมีสูตรทำตุ๋นซี่โครงแกะแบบอินเดียมาฝากกันด้านล่างค่ะ คลิกลูกศร เพื่อจดสูตรการทำได้เลยค่ะ







ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 22 ตุลาคม 2551    
Last Update : 22 ตุลาคม 2551 21:20:49 น.
Counter : 830 Pageviews.  

- 19 OCTOBER 08 - ชีวิตเดิมๆ เริ่มขึ้นอีกครั้งอย่างแตกต่าง

ชีวิตเดิมๆ เริ่มขึ้นอีกครั้งอย่างแตกต่าง

Antoine est rentré dans son monde, moi le mien…

     เช้านี้ตื่นมาบนเตียงที่ว่างเปล่า หวานใจพาอองตวนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยเมื่อคืนนี้

     หลังจากไปส่งที่สนามบิน กลับถึงบ้านโล่งๆ เงียบๆ เปิดเบียร์คิงฟิชเชอร์ดราฟท์หนึ่งกระป๋อง นั่งดูทีวี - หนังช่องเอชบีโอจบหนึ่งเรื่อง มาม่าต้มยำปลากรอบหนึ่งชาม เบื่อทีวีที่มีแต่หนังอินเดีย ตาเริ่มตก เปิดยูทูบดูในไอโฟน - โหลดช้าน่ารำคาญมาก ต้องคอยเลื่อนเริ่มต้นใหม่รอให้ข้อมูลเข้าเครื่อง ตีสามกว่าๆ โผเผขึ้นห้อง นอนเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวใจ

     เมื่อเช้านอนตาค้างนึกทบทวนนิ่งๆ ฉันว่าฉันเปลี่ยนไปมากในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ฉันชอบอยู่ตามลำพัง ไม่ชินกับการต้องติดหนึบกับใคร พอต้องใช้ชีวิตคู่ ตอนแรกๆ ก็อึดอัดนิดหน่อย ต้องคอยขอเวลานอกปลีกตัวนั่งนิ่งๆ ตามลำพัง แต่พออยู่ๆ ไปก็เริ่มชินและชักจะชอบที่มีคนอยู่ข้างๆ อย่างอบอุ่น มีคู่คิดที่ปรึกษาไว้พูดคุย (อันเป็นนิสัยใหม่ล่าสุดที่ติดห้อยมา -- ฉันรู้สึกว่าฉันพูดมากขึ้นเยอะเลยหลังจากเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นมาดามเนี่ย)คาดว่าเกิดจากความไว้วางใจ ความเชื่อมั่น และ... แฮ่ม... ความรัก ในตัวสามีนั่นเอง

     ความรู้สึกดีๆ เหล่านี้เองที่ทำให้ฉันเปิดใจรักและรับลูกๆ ของหวานใจเข้ามาในชีวิตของฉันด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันผ่านช่วงเวลาที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าจะทำได้ไปกับการดูแลเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างใกล้ชิดเต็มเวลาตลอดเจ็ดวัน ตั้งแต่เช้าตื่นมา จนถึงพาเข้านอน กิจกรรมต่างๆ นั้นก็ได้บรรยายเล่าไปแล้วในบล้อกก่อนหน้า ส่วนบล้อกนี้เป็นการแสดงความยินดีกับตัวเองที่สามารถตัดความเห็นแก่ตัวเพราะเห็นแก่งานออกไปได้ในระดับหนึ่ง ... ฉันเติบโตขึ้นอีกหนึ่งระดับแล้ว



     อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า ฉันจะเก่งกาจมาจากไหน ความตั้งใจของฉันเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้ฉันผ่านผันช่วงเวลานั้นได้อย่างสะดวกสบายใจหรอก ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันเสริมกำลังใจสร้างความฮึกเหิมด้วยหนังสือประเภท self-help (คาดว่าเป็นศัพท์ใหม่เพื่อยกระดับหนังสือออกจากหนังสือประเภท How to)ของโรบิน ชาร์มา กูรูชื่อดังระดับโลก หนังสือเล่มเล็กๆ ที่ฉันปลีกเวลาช่วงเด็กน้อยดูการ์ตูน เข้าครัวไปเปิดอ่านวันละบทสองบทนี้ ชื่อ Who will cry when you die? (ใครจะร้องไห้เมื่อคุณสิ้นใจ)

     แต่ละบทที่เปิดผ่านให้หลักยึดในเรื่องต่างๆ อย่างน่าสนใจและตรงกับข้อข้องใจที่ฉันตั้งถามตัวเองอยู่ในขณะนี้ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน คุณชาร์มาช่วยตอกย้ำให้ฉันมั่นใจว่าฉันตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ปลีกเวลาให้กับเด็กน้อยอย่างเต็มที่ หนังสือเล่มนี้เน้นเรื่องคุณภาพของชีวิต ความหมายของชีวิต การเรียงลำดับความสำคัญในชีวิต การเลือกทำสิ่งที่มีคุณค่าสร้างความสมดุลในชีวิต วิธีการตัดความกังวลใจในชีวิตที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้น หรือเป็นเรื่องเล็กน้อยหยุมหยิมที่ไม่ควรค่าให้มาทำจิตใจหม่นหมองเลยแม้แต่น้อย

     ขณะเดียวกัน คุณชาร์มาเองก็เชื่อมั่นในเรื่องวินัยและความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการทำงานว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้กับตนเอง และช่วยให้งานที่ทำประสบความสำเร็จ ... พอมีคนให้ท้ายเห็นด้วยอย่างนี้ กำลังใจในการทำงานเพิ่มขึ้นมาเพียบเลย เพราะเคยมีเสียงแว่วมาว่าฉัน "ตั้งใจทำงานมากเกินไป" ทำเอาฉันชะงักลังเลกับนิสัยของตัวเองไปพักนึง มาบัดนี้มีคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตบอกว่าฉันทำถูกแล้ว ฉันก็สรุปกับตัวเองว่า ถึงฉันจะไม่เท่ห์ ไม่ไนซ์ ไม่ทำงานแบบสบายๆ อะไรก็ได้ ถึงฉันเป็นคนไม่คูลเลยแม้แต่น้อย ... แต่ฉันมีผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน และฉันพอใจที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปกับผลงานเหล่านั้นอย่างเต็มที่ ไม่มีคำว่า "รู้อย่างนี้ น่าจะ..."

     มีประโยคหนึ่งในหนังสือเล่มนี้บอกว่า คนมากมายตายตั้งแต่อายุยี่สิบ แต่ถูกฝังเมื่ออายุแปดสิบ หกสิบปีแห่งความสูญเปล่าอยู่ตรงกลางสำหรับคนที่ปล่อยชีวิตล่องลอย ไร้จุดมุ่งหมาย ไม่สร้างคุณค่าให้กับการดำรงอยู่ของตน



     ฉันจะไม่ยอมให้ชีวิตของฉันเป็นเช่นนั้น





ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 19 ตุลาคม 2551    
Last Update : 19 ตุลาคม 2551 14:15:28 น.
Counter : 762 Pageviews.  

- 16 OCTOBRE 08 - คนสำคัญของฉัน

คนสำคัญของฉัน

Une semaine par an, je lui donne (presque) 100 pour cent de mon temps...

     สัปดาห์นี้เป็นการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในชีวิตของฉัน

     การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ คือ การรู้จัก "วินัย" คุณวินัยที่เป็นแรงสำคัญในการสร้างตัวสร้างตน สร้างผลงานและชื่อเสียงในการทำงาน ส่วนในครั้งนี้ สิ่งที่ฉันรู้จักคือ "สำคัญ" คุณสำคัญที่จะเป็นคนช่วยเตือนกระตุ้นให้ฉันรู้จักเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิต

     สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ นี้ คือ เด็กน้อยอองตวน ลูกเลี้ยงของฉัน งานการอื่นใดก็ไม่หลงเหลือความสำคัญ ต้นฉบับรอได้ กิจการกำมะหยี่ สัญญาลิขสิทธิ์งานแปลเล่มอื่นรอได้ งานเสนอเล่มต่อๆ ไปกับสนพ.อื่น รอได้


     ฉันตั้งใจมั่นถึงขนาดไม่เปิดเครื่องคอมฯ ตั้งแต่วันอาทิตย์ ยกเว้นนิดนึงเมื่อเช้า เพราะต้องเข้าไปจัดทำโพลลงคะแนนที่เวบกำมะหยี่ มีแอบตรวจเมลคร้งแรกเมื่อเช้านี้ทางไอโฟน โชคดีไม่มีอะไรเร่งด่วน แล้วคืนนี้ รอให้แกขึ้นนอนก่อนจึงแว่บมาอัพบล้อก

     อองตวนกับฉันจะกลับมาเจอกันปีละหน หนละประมาณหนึ่งสัปดาห์ เจอกันครั้งนี้ ในตอนแรกๆ นั้นอองตวนออกแนวขวัญเสีย เอะอะก็ร้องไห้ ฉันคิดว่าแกไม่รู้และไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ เพราะแกมีโลกของแกดีๆ อยู่ที่เมืองไทย มีแม่ มีพี่สาาว มีเพื่อนๆ ให้เล่นด้วย ฉันต้องค่อยๆ "ป้อนข้อมูล" ไปว่า อย่างไรอองตวนก็มีป่ะป๊า และป่ะป๊าของอองตวนชื่อฟิลิปป์ ไม่ใช่ ป่ะป๊าเต้ -- สงสัยจะเป็นแฟนใหม่ของคุณแม่ --- และป่ะป๊าฟิลิปป์รักอองตวนเท่ากับที่รักหลุยส์ -- สงสัยแม่สาวหลุยส์จะพูดกรอกหูว่าป่ะป๊าฟิลิปป์เป็นพ่อตัวเองคนเดียว --- เฮ่อ---

     กิจกรรมยามเช้าของฉันกับอองตวนคือ การแปรงฟันด้วยกันหน้ากระจก ฉันแปรงฟันเป็นต้นแบบให้อองตวนเลียนแบบตาม เป็นกิจกรรมที่เวิร์กมากเพราะหลังจากนั้นทุกเช้าอองตวนจะอยากแปรงฟันไม่ต้องเคี่ยวเข็ญให้เหนื่อยใจ แต่อาจจะเหนื่อยกายต้องลุกจากเตียงไปแปรงด้วย

     ต่อด้วยลงมากินอาหารเช้ากับป่ะป๊า พอป่ะป๊าไปทำงาน เราสองคนช่วยกันรดน้ำต้นไม้ในกระถางที่ตั้งอยู่ตามระเบียงต่างๆ รอบบ้านจำนวนห้าระเบียง เสร็จแล้วปล่อยเด็กน้อยเล่นเกม Wii แป๊บนึง ก่อนจะเปิดชั้นเรียน ทำแบบฝึกหัดคัดตัวอักษรไทย แบบฝึกหัดสะกดคำกับสระ ปิดท้ายด้วยแบบฝึกหัดคิดเลข ในจังหวะอื่นๆ ที่อยู่ด้วยกัน ฉันก็จะนำแกท่องสูตรคูณ และก็ได้ผลเป็นอย่างดี ท่องกันอยู่สองวัน แกจำแม่สองได้เกือบหมดแล้ว

     ครั้นเริ่มเที่ยง ฉันเข้าครัวทำกับข้าว หรือไม่ก็พาออกไปกินนอกบ้าน วันจันทร์พาไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ (ไม่ไหวฮ่ะ แกมีแต่เสื้อยืดยอดมนุษย์ต่างๆ ทำจากผ้าใยสังเคราะห์กับเสื้อยืดขาวโดเรมอนตัวใหญ่โคร่ง ใส่แล้วหมดราศีเหมือนเด็กกะโปโล)วันอังคารเล่นเกมด้วยกัน วันนี้พาไปพิพิธภัณฑ์เครื่องบิน กลับบ้านต่อด้วยสระว่ายน้ำ ก่อนจะกลับขึ้นบ้านอาบน้ำสระผม แต่งตัว รอป่ะป๊ากลับมากินอาหารค่ำด้วยกัน


     กลับมาเจอกันเที่ยวนี้ อองตวนตัวสูงใหญ่และลงพุง หน้ากลมดิกเชียว สิ่งที่ชวนชื่นอกชื่นใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือแกกินอาหารง่ายขึ้น ทำอะไรให้กินก็กินเอากินเอา อาจจะเป็นเพราะฉันไม่จัดอาหารว่างจุกจิกระหว่างมื้อให้กินเลยแม้แต่นิดเดียว (ควรหรือไม่ควรไม่รู้ รู้แต่ไม่มีปัญญาหรือเวลามาคิดมาทำ) พอถึงมื้อหลักแกก็เลยกินอาหารได้ คนทำเห็นแล้วก็ชื่นใจ


     ในกิจกรรมประจำวันของเรานั้นมีตัวล่อ ชนิดที่สามารถนำมาต่อรองกับทุกอย่างได้อยู่สองอย่าง นั่นคือ การลงสระน้ำกับการเล่นเกม ก่อนกิจกรรมทั้งสอง อองตวนยอมเปิดแบบฝึกหัดคิดเลขด้วยตัวเองเชียวนะ หลังๆ นี่กิจกรรมลงสระชักจะลดเสน่ห์ลง แกบ่นว่าเบื่อที่ต้องสระผมอาบน้ำ โดยไม่คิดเลยว่า ผมสั้นขนาดนั้น โชคดีแค่ไหนแล้ว คนผมยาวๆ แถมขี้เกียจอาบน้ำอย่างฉันล่ะ ชีวิตแทบจะเปลี่ยนเป็นขาวกับดำ เนื้อตัวสะอาดสะอ้านรอสามีกลับบ้านตอนค่ำทุกวัน จากที่เคยตอนเช้าสภาพไหน ตอนเย็นสภาพนั้น

     หลังจากกินอาหารค่ำเสร็จแล้ว อองตวนจะเล่นเเกมกับป่ะป๊าหรือไม่ก็ "นิชา" (ฉันเอง - ชื่อของฉันเปลี่ยนไปอีกแล้วตามระยะเวลาและจำนวนครั้งที่เจอกัน คราวนี้เป็นชื่อเหมือนสาวอินเดีย เข้าบรรยากาศมากๆ) ด้วยความเหน็ดเหนื่อยกับกิจกรรมยามกลางวัน สองคืนที่ผ่านมาแกนอนฟุบหลับที่โซฟา(ฉันด้วย)ส่วนคืนแรก ฉันฟิตจัดขนาดเข้าไปอ่านหนังสือนิทานให้ฟังก่อนนอน ซึ่งก็ทำได้แค่คืนเดียวแหละ --- จะเอาอะไรกับฉันนักหนา ... อยู่กับเด็กทั้งวัน ... เหนื่อยนะจะบอกให้... ไม่เชื่อลองดูสิ

      แต่คืนนี้ ฉันตั้งใจมั่น ชวนอองตวนมาดูที่นาฬิกา บอกว่าพอเข็มยาวถึงเลข 6 (สามทุ่มครึ่ง) หนูต้องเข้านอนนะลูก แววตาเด็กน้อยสลดไปนิดนึง แต่ก็พยักหน้ายอมรับ พอถึงเวลาแกก็ยอมขึ้นบันไดไปโดยดี ป่ะป๊าทำหน้าที่พ่อที่ดีขึ้นไปแปรงฟันเป็นแบบอย่างหน้ากระจกเป็นเพื่อนลูกชาย

     ความรู้สึกหนึ่งที่เห็นได้ชัด เด็กชายอองตวนเปลี่ยนไป แกไม่ใช่เด็กน้อยบอบบางที่ไม่มีหลักยึดอีกแล้ว แกมีโลกที่ของตัวเองที่แกพอใจ รายล้อมด้วยแม่ พี่สาวและเด็กๆ ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ขณะเดียวกันฉันรู้สึกว่าแกสูญเสียความพิเศษ กลายเป็นเด็กบ้านๆ คนหนึ่งที่ไม่ได้รับการกล่อมเกลา อองตวนพูดจาห้วนๆ ไม่มีหางเสียงเหมือนไม่ได้รับการอบรม ความน่ารักหดหายไปไม่น้อยเลย ฉันต้องคอยย้ำให้พูด "ครับ" ลงท้ายตลอดเวลา วันหลังๆ มานี่ดีหน่อย ดูแกจะพอเข้าใจแล้วว่ามาบ้านนี้ ต้องพูดอย่างนี้ ... จะว่าน่าเสียดายนั้นก็จริงอยู่ แต่ฉันว่าแกมีความสุขกว่าเมื่อก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ช่วยกลบความน่าเสียดายทั้งหลายทั้งปวงลงได้



     เพราะฉันเอง ถึงจะเห็นอย่างนั้น จะอย่างไรก็คงดูแลให้แกมีความสุขมากมายยาวนานไปกว่าหนึ่งอาทิตย์ต่อปีไม่ได้ ... พูดไปจึงสองไพเบี้ย แต่จะให้นิ่งเสียก็อึดอัดใจ





ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 16 ตุลาคม 2551    
Last Update : 16 ตุลาคม 2551 0:51:41 น.
Counter : 835 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.