- 09 AVRIL 09 ภารกิจช่างภาพงานศพเสร็จสิ้น

ภารกิจช่างภาพงานศพเสร็จสิ้น

La Crémation de Ma grand-mère...

เสร็จเรียบร้อย สำหรับหน้าที่การเป็นช่างภาพงานศพย่า ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

เมื่อคืนฉันทดลองใช้โหมด TV บนแคนดี้ ซึ่งหวานใจบอกคร่าวๆ ว่า เป็นการกำหนดความเร็วเปิดหน้ากล้อง เหมาะสำหรับภาพเคลื่อนไหว แทนที่จะเป็นการกำหนดความกว้างของรูรับแสง ความชัดลึกอย่างโหมด AV (หรือจะสลับกัน หรือไม่ใช่ตัวไหนสักตัวเลยก็ไม่รู้นะฮะ รู้แต่ว่ามันมีตัวเลขสองตัวให้เราควบคุม)

สรุปว่าเป็นการเริ่มทดลองใช้กล้องในเงื่อนไขใหม่ ผลก็คือ สามารถถ่ายภาพได้ทุกรูป ไม่คิดขัดเพราะแสงไม่พออีกต่อไป ปัญหาที่ตามมาก็คือ ภาพที่ได้อาจจะมัวหม่นโดยเราไม่รู้ตัว ถ้าไม่เช็ค ไม่ปรับกันหน้างาน มาปรับในคอมก็ไม่สวย ดูจืดชืด ไม่มีชีวิตชีวา

สรุปคร่าวๆ ก็คือ TV เหมาะกับการเคลื่อนไหวจริง แต่เป็นการเคลื่อนไหวในแสงจ้า จะได้ภาพใสสวยสมใจ หรือถ้าถ่ายในที่่ร่ม ก็ห้ามลืมเช็ครูปแรกที่ถ่ายก่อนเด็ดขาด โดยเฉพาะตอนที่เปลี่ยนจากการถ่ายข้างนอกเข้าข้างใน


กดลูกศรหรือไม่ก็คลิกที่มุมพับเขียวๆ ด้านบนซ้าย เพื่อรับชมสไลด์ เห็นภาพได้ถ้วนทั่วค่ะ


บ่ายวันนี้ เป็นงานพิธีปลงศพย่า ฉันไปเป็นตากล้องตามระเบียบ แต่เนื่องจากคุณนายแม่จับใส่ชุดกระโปรงแบบผ้าจับจีบใต้อกปล่อยชายบานเแฉ่งลงล่าง เวลามีลมที่พัดขึ้นจากพัดลมกระทบพื้นปูนในศาลาเมรุ กระโปรงจึงพัดเปิดขึ้นเวลายืนในจุดที่ลมกระพือ นำความหวาดเสียวให้กับแขกที่มาร่วมงาน และนำความรำคาญมาให้กับตัวฉันเป็นอย่างมาก โชคดีที่พี่มีนมาแตะมือเอากล้องไปถ่ายต่อให้ โดยมีฉันนั่งเฝ้า “ลูก” อันได้แก่กล้องแคนดี้อยู่ใกล้ๆ เผื่อมีปัญหาจะได้แก้ไขทัน เพราะการถ่ายรูปเหตุการณ์พิธีอย่างนี้ ถ้าพลาดผ่านไปแล้ว คือผ่านไปเลย และมีคนสำคัญหลายคนที่ห้ามพลาดเด็ดขาด

พรุ่งนี้จะถึงคราวของการเลือกรูปที่ถ่ายสี่วันตกประมาณพันกว่ารูปกับพ่อ เพื่อส่งไฟล์ให้คุณนายจุ๋ม เถ้าแก่เนี้ยร้านถ่ายรูปจัดการอัดล้าง เรียงลงอัลบั้ม แล้วฉันก็จะได้กลับมานั่งแกะงานแปลที่เหลือเพียง ๑๖ หน้าก็จะจบเล่มต่อ




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่









 

Create Date : 09 เมษายน 2552    
Last Update : 9 เมษายน 2552 2:12:20 น.
Counter : 821 Pageviews.  

- 07 Avril 09 -หน้าที่ใหม่ที่เต็มใจยิ่ง : ตากล้องประจำงานศพย่า

หน้าที่ใหม่ที่เต็มใจยิ่ง : ตากล้องประจำงานศพย่า

Les funerailles de ma grand-mère


สองสามวันนี้โปรแกรมชีวิตแน่นเอี้ยดจากที่คาดการณ์เอาไว้แบบแน่นอยู่แล้ว เพราะต้องเร่งปั่นต้นฉบับแปลให้เสร็จก่อนกลับอินเดีย ด้วยมีเหตุที่เหนือความคาดหมายแทรกเข้ามาดึงเวลาและแรงกายแรงใจออกจากเรื่องงานส่วนตัวเพียงอย่างเดียว คือ ย่าของฉันเสียเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ฉันจึงต้องไปงานศพย่า ซึ่งตั้งสวดเพียงสามวัน เรื่องจากติดขัดไม่สามารถตั้งเจ็ดวันได้ ตามความเชื่อที่ฉันไม่เข้าใจนัก คือติดวันพระใหญ่วันเสาร์ และย่าเกิดวันอาทิตย์ อะไรสักอย่าง สรุปว่างานศพกระทำอย่างรวบรัด แต่ทางลูกๆ ของย่า ก็พยายามจัดอย่างสุดความสามารถ มีวงดนตรีไทยที่บรรเลงโดยเด็กๆ มาเล่น

ฉันกับย่าไม่เคยสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว เพราะย่าแยกกับก๋งไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนพ่อ ในฐานะลูกคนโต ก็ช่วยเหลือจุนเจือกันเป็นระยะๆ มาโดยตลอด ฉันถึงกับเคยพูดกับพ่อครั้งหนึ่งว่า พ่อจะหวังให้มิวรักย่า เพียงเพราะย่าเป็นแม่ของพ่อ คงจะไม่ได้ มิวมีให้เพียงความนับถือห่างๆ เพราะถ้าไม่มีย่า ก็ไม่มีพ่อ และไม่มีมิว ถ้าจะให้มิวรักญาติ ต้องเป็นญาติที่รู้จักกันจริง อย่างพี่มีน มิวรักพี่มีน ไม่เพียงเพราะพี่มีนเป็นพี่สาวของมิว แต่เป็นเพราะพี่มีนรักที่มิวเป็นมิว พี่มีนรู้จักและหวังดีกับกับมิว ไม่เพียงเพราะมิวเป็นน้องสาวคลานตามกันมา


กดลูกศรหรือไม่ก็คลิกที่มุมพับเขียวๆ ด้านบนซ้าย เพื่อรับชมสไลด์ เห็นภาพได้ถ้วนทั่วค่ะ


สิ่งที่น่าเสียดาย และอาจจะสายเกินไปแล้ว คือ การเสียชีวิตของย่าครั้งนี้ จึงอาจจะเป็นการตัดด้ายเส้นสุดท้ายที่เชื่อมฉันกับญาติฝ่ายแม่ของพ่อ ญาติฝ่าย "ภู่ระหงษ์" ที่สืบเชื้อสายสุนทรภู่กวีเอกของโลก เพราะต่อจากพ่อผู้ให้ความสำคัญกับญาติโกโหติกาเอามากๆ รุ่นของพี่มีนกับฉัน คงไม่ได้ไปมาหาสู่ญาติก๊กนั้นอีกต่อไป เหลือก็แต่ญาติฝ่ายก๋ง จากตระกูล "โหงว" ที่อยู่ในอำเภอเดียวกัน และช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดีมาตลอดตั้งแต่ฉันจำความได้

นอกจากรับหน้าที่สารถีขับรถไปส่งพ่อแม่ที่งานซึ่งจัดที่บ้านย่าที่ห่างจากบ้านฉันประมาณ ๓๐ กิโลเมตรแล้ว ในงานฉันรับหน้าที่ตากล้องประจำงาน เริ่มถ่ายตั้งแต่วันรดน้ำศพเมื่อวันอาทิตย์ ส่วนอีกสองวันที่เหลือก่อนวันปลงศพ เราออกจากบ้านกันตอนสี่โมงเย็น

ตัวฉันเองมีโควต้างานประจำที่ต้องแปลอยู่วันละ ๒๐ หน้า ก็หนักหนาอยู่ เนื่องจากกว่าจะตื่นได้ก็ใกล้เที่ยง ทำงานสองสามชั่วโมง แล้วก็ต้องไปบ้านงาน ฉันติดน้องปอมปอม เครื่องแม็คบุคไปนั่งทำงานรอแขกเหรื่อที่เริ่มทะยอยมาตอนหนึ่งทุ่ม พอถึงเวลา ฉันถึงจะได้ปิดเครื่องคอมพ์ใส่กระเป๋า เปิดเป้กล้องแคนดี้ออกมาทำหน้าที่ของตัวเอง

เมื่อเลิกงาน แขกเหรื่อกลับประมาณสามทุ่ม ขับรถพาพ่อแม่กลับบ้าน เปิดคอมพ์อีกรอบ ทำงานที่เหลือต่อให้เสร็จ

แปลกแต่จริง หรือเป็นเพราะฉันโตขึ้น นิ่งขึ้น เลิกเอาแต่ใจบ้าบอ ฉันไม่รู้สึกเหนื่อยกายหรือหนักใจในการทำตัวเป็นประโยชน์กับญาติพี่น้องอย่างนี้ อย่างที่คนที่รู้ว่าฉันไม่ค่อยเอาญาติ ไม่รับรู้ไม่สนใจ ไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยง งานบุญ งานรวมญาติทั้งหลาย จะคิดกัน

ฉันแค่รู้สึกว่า ถึงฉันจะไม่สนิทสนมหรือมีความหลังฝังใจรักใคร่ย่าแท้ๆ ของฉันเป็นพิเศษ แต่อย่างน้อย ในฐานะเพื่อนมนุษย์ ฉันช่วยอะไรได้ ฉันก็จะช่วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่อด้วยล่ะ นานๆ จะได้ทำอะไรให้พ่อชื่นใจต่อหน้าญาติที่พ่อรักหนักหนาเสียที ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฉันอยากฝึกถ่ายรูป อยากลองดูว่าถ่ายรูปงานศพยังไงไม่ให้แห้งๆ นิ่งๆ เหมือนที่เคยๆ เห็น



ส่วนเรื่องงานถ้ามันล่าช้าเดี๋ยวฉันทำ "โอที" เอาที่บ้านก็ได้




ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่





 

Create Date : 07 เมษายน 2552    
Last Update : 9 เมษายน 2552 2:12:51 น.
Counter : 837 Pageviews.  

- 03 AVRIL 09 - อดีตที่ไม่ไกล (ความเสียหายจากงานหนังสือ) และอนาคตอันใกล้ (หนังสือแปลเล่มต่อไป)

อดีตที่ไม่ไกล (ความเสียหายจากงานหนังสือ) และอนาคตอันใกล้ (หนังสือแปลเล่มต่อไป)

A la maison, je ne fais rien que dormir, manger et travailler.
Photos : Les livres que j'ai achete' au salon de livres.


กลับมาจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าเมืองนั้นได้สองวันแล้ว

วันๆ ไม่ได้ทำอะไรอื่นนอกจาก นอน นอนให้หายอยาก นอนกินบ้านกินเมืองตื่นเพลตื่นเที่ยง ตอนอยู่กรุงเทพฯ ธุระมากมายแถมตอนกลางคืนเป็นนางซินภาคใจแตก ไม่เคยกลับก่อนเที่ยงคืน แต่รุ่งขึ้นตื่นสายไม่ค่อยได้ เพราะมันเหมือนมีอะไรจี้ๆ มีภารกิจที่ต้องทำคอยปลุกให้ตื่น ให้ออกจากโรงแรมไปจัดการอะไรๆ ให้เรียบร้อย

นอกจากนอน แล้วก็ กิน กินของโปรดที่คุณนายแม่จัดหามาให้ หอยดองสารพัด ทั้งหอยนางรมและหอยแมงภู่ เมื่อกลางวันได้กินเกี๊ยวน้ำเนินหย่องเสียที สมใจอยาก แต่ยังอยากจะกินอีก

นอกจากนอนกับกิน ก็ ทำงาน มุเกลาต้นฉบับแปล "ทุกสิ่งอันที่เรามิได้เอื้อนเอ่ยต่อกัน" โดยการแกะดราฟท์แรกหนังสือเล่มนี้ ฉันลองเทคนิคใหม่ที่แตกต่างไปจากเล่มอื่นๆ คือ แทนที่จะหาความหมายคำที่ติดขัดหรือไม่แน่ใจอย่างเดิม ฉันไม่เปิดดิกดูทันที แต่ทำเครื่องหมาย 000 เอาไว้ให้ตรวจเช็คตอนเกลา ผลก็คือ แกะดราฟท์แรกทำได้ค่อนข้างเร็ว แต่มาช้าเอาตอนเกลา เนื่องจากต้องเปิดหนังสือไล่ตามตลอดเวลา ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พอแกะรอบแรกเสร็จ ฉันเกลารวดเดียวเลยโดยไม่ต้องย้อนเช็คต้นฉบับอีก เพราะมั่นใจว่าแกะความหมายมาได้หมดแล้ว เหลือแต่เรียบเรียงให้สลวยได้สไตล์คนเขียน

เมื่อคืนส่งต้นฉบับที่เกลาเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุณแอนกับคุณแต้ ณ แพรว สนพ. ไป ๓/๔ ตก ๓๐๐ หน้า เหลืออีกหนึ่งร้อยหน้า ตั้งโควต้นแบบโหดหิน แกะวันละ ๒๐ หน้า ๕ วันแกะเสร็จ เกลาสัก ๓ วันน่าจะโอเค ส่งได้ก่อนกลับอินเดีย ๑๐๐ หน้าหลังนี้ ฉันว่าจะกลับไปใช้เทคนิคเดิมคือเปิดดิกหาความหมายคำติดขัดตอนที่แกะดราฟท์แรกเลย

นั่นคือการกะการณ์อนาคตใกล้ๆ ในช่วงสิบวันนี้ ย่อหน้าต่อไป ขอรายงานย้อนอดีตที่ผ่านมาไม่นานนักเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว



ภาพสไลด์ที่นำมาฝากข้างล่างนี้ เป็น "ความเสียหาย" (คำฮิต ใช้แล้วรู้สึกร่วมสมัยชะมัดยาด) จากงานหนังสือ ไปงานหนังสือเที่ยวนี้ ไม่ได้ไปแค่ในฐานะเจ้าสำนักพิมพ์ที่เอาหนังสือไปฝากขายตามบุธต่างๆ แต่ไปในฐานะคนแปลที่ไปลูบๆ คลำๆ หนังสือตัวเอง + คุณนายนักอ่านที่หยิบหนังสือส่งให้ผู้ขายตามบูธโดยไม่พลิกดูราคา ด้วย



กดลูกศรหรือไม่ก็คลิกที่มุมพับเขียวๆ ด้านบนซ้าย เพื่อรับชมสไลด์ เห็นภาพได้ถ้วนทั่วค่ะ



ในฐานะเจ้าสำนักพิมพ์ - ที่จริงฉันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกเพราะส่วนใหญ่คุณแอน บ.ก.บริการจัดการคนเก่งเป็นคนดูแลจัดการ ส่วนฉันก็ไปเยี่ยมหน้าดูหนังสือตามบูธที่ฝากขายนิดๆ หน่อยๆ ไปดูคุณสิบแปลงกายเป็นพนักงานขายที่บูธนิตยสารใต้ดินเป็นระยะๆ ที่เข้าไปนั่งนานที่สุดเห็นจะเป็นบูธที่แป๊ด สนพ.ระหว่างบรรทัด พี่แป๊ดแนะนำให้รู้จักคนในวงการที่แวะเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ฉันเลยถือโอกาสทาบทามเรื่องงานเอาไว้พอเป็นกระสาย

ฐานะคนแปล - งานหนังสือครั้งนี้ อาจจะมีหนังสือที่ฉันแปลออกมาท้ายๆ งานหนึ่งเล่ม คือ "Talk to the Snail" หนึ่งในชุด Merde ที่ทำกับสนพ.ฟรีฟอร์ม ส่วน "ช้ำจนชิน" ที่ สนพ.วงกลม คุยกับเจ๊นวล เจ๊บอกว่าใกล้แล้วๆ กำลังพิสูจน์อักษรอยู่ สำหรับทางแพรวฯ ก็ ... แฮ่ม เขาคงรอเล่มที่ฉันกำลังทำอยู่ เพื่อโปรโมทชุดพ่อมาร์ค เลอวี ในงานหนังสืออัมรินทร์บุคแฟร์เดือน พ.ค. (หรือเปล่า) นั่นเป็นแผนเดิม ตอนที่ฉันยังนึกว่าจะส่งต้นฉบับให้ได้ปลาย ก.พ. แต่เมื่อเลื่อนมาถึงต้นเมษาอย่างนี้ ก็ไม่รู้ว่ากอง บ.ก. จะทำงานได้ทันหรือเปล่าน่ะสิ

เฮ่อ ... ยังไงก็ขออภัยเป็นอย่างสูงฮ่ะ ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่เสียดายโอกาสการขายนะคะ หนังสือขายได้ ดิฉันก็ได้ตังค์เพิ่มเมื่อพิมพ์ใหม่ แต่มันไม่ทันจริงจริ๊งงงง ฮือ

ฐานะคุณนายนักอ่าน - ครั้งนี้หยิบซื้ออย่างมีสตินึกถึงสถานการณ์การเงินของโลก (และของธนาคารที่สามีทำงานอยู่ ซึ่งหมายถึงของสามีด้วย) รู้จักบันยะบันยังนิดนึง หมดไปไม่เท่าไหร่ น้อยกว่าที่ผ่านๆ มาเยอะ และยังโชคดีจับฉลากไปรษณีย์ได้รางวัลใหญ่ คือ ส่งฟรี ด้วยนะ ประหยัดไปตั้ง ๑๒๐ บาทแน่ะ ดีใจ๊ ดีใจ (อ้าว ถ้าไม่งก จะมีเงินเหลือมาจับจ่ายใช้ซื้อหนังสือเหรอคะ)

หนังสือส่วนใหญ่ซื้อตามบูธพันธมิตรที่ไปฝากขายหนังสือ เช่น นิตยสารใต้ดิน อัลเธอเนทีฟไรเตอร์ และระหว่างบรรทัด หนังสือส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรมแปล (สนพ. สมมติ) วรรณกรรมไทย (งานของคุณทินกร หุตางกูร - สนพ.เม่นวรรณกรรม กับงานของน้องโย - กิตติพล สรัคคานนท์ ซึ่งจะมาเป็น บ.ก.ให้งานแปลคุนเดอรา จึงสมควรทำความรู้จักกันผ่านตัวหนังสือสักเล็กน้อย ส่วนตัวจริงเจอแล้ว น่ารักดีออก ใครว่าหยิ่ง ไม่จริ๊ง นี่ร่ำๆ จะตั้งตัวเป็นแม่ยกให้เลยทีเดียว และงานของคนอื่นๆ ที่หลงคารมคุณสิบซื้อไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว) บทความทั้งหนักทั้งเบา (นิตยสารใต้ดิน นิตยสาร+สนพ.อ่าน, สนพ.มหาสมุทร - ได้เจอและพูดคุยกับเจ้าสนพ. นี้ คือ คุณจักรพันธ์ ขวัญมงคล ด้วย) หนังสือนำเที่ยวโตเกียว (สนพ.ระหว่างบรรทัดกับ สนพ.ใต้ฝุ่น - ได้เจอ ทักทายและถ่ายรูป คุณปราบดา หยุ่น และ น้องฝน ปาลิดา พิมพะกร ที่แปลเรื่องเส้นแสงฯ ด้วย ในวันที่ทั้งสองนำหนังสือมาส่งที่บูธพี่แป๊ด) เพื่อเตรียมไปเที่ยวในเดือนพ.ค.

บางทีมีซื้อหนังสือของสำนักพิมพ์กำมะหยี่ของตัวเองด้วยนะ ซื้อให้เพื่อนตี่ที่แวะมาในงาน (เถ้าแก่ร้านอาหารในอเมริกาก็ไม่มีเงินสดฮ่ะ มีแต่เครดิตการ์ด) ซื้อให้คุณนายแม่ และให้หวานใจดูผลงานภาพถ่ายของตัวเองบนปก อันที่จริงฉันสามารถเบิกที่สนพ.ได้อยู่หรอก แต่ฉันลืมเบิก เลยตัดใจซื้อๆ ไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ถ้าเบิกสนพ. จะต้องเข้า สนพ. ค่ารถค่าราน่าจะเกินค่าหนังสือ (นิสัยคุณนายน่ะค่ะ ช่วยไม่ได้ แก้ไม่หายแล้ว) อีกอย่างจะได้กระจายรายได้ให้ถ้วนทั่วด้วย

หนังสืออื่นนอกจากวรรณกรรมทั้งจ๋าและไม่จ๋า ก็มีหนังสือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต จิตใจ และการอยู่กิน ไม่ว่าจะเป็น ปรัชญาเต๋า โยคะ อายุรเวท การนวด (เอาไว้เอาใจสามี) การเพาะถั่วงอก เนื่องจากที่อินเดียไม่มีถั่วงอกขายและฉันกับหวานใจชอบกินถั่วงอก อื่นๆ นั้นเล่า ที่มาแรงเน้นเป็นพิเศษในครั้งนี้ คือ หนังสือสำหรับประกอบการเลี้ยงเด็ก ได้แก่ สมุดคัดไทย คัดเลข หนังสือนิทาน การ์ตูน การพับกระดาษ การวาดรูป ที่ฉันเตรียมไว้สำหรับเป็นตัวช่วยในการเลี้ยงเด็กหญิงหลุยส์ ลูกเลี้ยงที่จะมาอยู่ที่อินเดียด้วยหนึ่งเดือนโดยเฉพาะ



ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 03 เมษายน 2552    
Last Update : 7 เมษายน 2552 1:07:34 น.
Counter : 950 Pageviews.  

- 30 Mars 09 - ใจตก เก็บใจ แล้วก้าวเดินต่อไป

ใจตก เก็บใจ แล้วก้าวเดินต่อไป

ฉันยังคงอยู่กรุงเทพฯ


จากกำหนดการเดิมที่ว่าจะกลับวันนี้ ฉันเลื่อนเวลาออกไปอีกสองวัน นอนที่โรงแรมสุข ๑๑ ต่ออีกสองคืน

เหตุผลค่อนข้างไร้เหตุผล คือ ฉันตกใจ ใจตกอย่างเดียวยังไม่พอ ตัวยังตกหกล้มด้วย

กายและใจตกจนรู้สึกว่ายังไม่อยากกลับไปบ้านเจอพ่อแม่ ไม่อยากให้เรื่องที่ตกใจตกตะกอนนอนก้นรอวันฟุ้งขึ้นมาขุ่นในวันข้างหน้าเวลามีคนมาแตะเรื่องนี้อีก ฉันอยากอยู่นิ่งๆ คนเดียวในโลกของตัวเอง โลกที่ไม่มีใครถือสาอะไรใคร

ฉันใจหล่นและหกล้ม (ทุกความหมายทั้งความนัยและตามตัวอักษร) ใจและกายเป็นแผล แผลที่ฉันปล่อยทิ้งไว้ แผลในใจใ้ห้เวลาที่จัดให้ตัวเองอยู่นิ่งๆ คนเดียวหาทางคิดให้ตกเพื่อรักษาให้หายขาด ส่วนแผลที่หัวเข่าข้างขวา ดูเหมือนจะเริ่มแห้งลงแล้วโดยไม่ต้องใช้ยาอะไร

และเมื่อเช้านี้ ฉันก็คิดได้ เก็บหัวใจที่ตกกระจายกลับขึ้นมา ขณะที่แปรงฟันอยู่ จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ฉันตกใจที่เห็นคนเขาถือสากัน แล้วฉันจะถือสาพวกเขาไปทำไม

ใครเขาจะถือจะสาจะคิดเล็กคิดน้อยอะไรก็เรื่องของเขา เราไม่ต้องไปถือสาที่เขาเป็นอย่างนั้นหรอก

ถือมากๆ หนักจะตาย วางลงดีกว่า



___ เรื่องนี้จบไป___



มากรุงเทพฯ ครั้งนี้ ฉันทำตัวเหมือนทุกครั้งที่มาคือเป็นนักท่องเที่ยวผู้เตร็ดเตร่อยู่ในเมืองหลวงของประเทศตัวเอง พักตามโรงแรมซึ่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ครั้ง คราวนี้เป็นโฮสเต็ลเล็กๆ ในซอยสุขุมวิท ๑๑ ชื่อ สุข ๑๑ สนใจไปดูภาพถ่าย คลิกตามลูกศร
--> อัลบั้ม สุข ๑๑

แต่นักท่องเที่ยวไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศที่กลับมาเที่ยวกรุงเทพฯ ในช่วงนี้ไม่ได้มีแต่ฉันคนเดียว มีไอ้ตี่ เพื่อนสมัยเรียนเตรียมฯ ที่ตอนนี้เป็นเถ้าแก่ร้านอาหารที่อเมริกาก็กลับมาเที่ยวในจังหวะเดียวกัน เมื่อคืนหลังจากนั่งกินอาหารค่ำด้วยกันกับเพื่อนหญิงสมัยเตรียมฯอีกสองคน คือ จอยกับเชอรีที่ร้านอาหารหน้าโรงแรม ฉันกับตี่ สองสหายคนไทยพลัดถิ่นก็เริ่มตะลุยราตรีแบบนักท่องเที่ยวสุดๆ เริ่มที่ซอยคาวบอย ไปนั่งดูน้องๆ นักเต้นอะโกโก้เลือกซื้อชุด แล้วไปจบที่สีลมซอย ๔ นั่งดูเกเก้สบตาปิ๊งปั๊ง

นอกจากเมื่อคืนนี้ ทุกคืนก่อนหน้าก็มีสีสันแตกต่างกันไป คืนแรก ฉันนั่งกินเบียร์กับพนักงานของโรงแรมตรงโต๊ะกลางยาวหน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับ น้องๆ เขาฉลองรับปริญญาให้พนักงานคนนึง ฉันเองนั่งดื่มเบียร์อยู่ข้างๆ นั่งไปนั่งมาก็ขยับเก้าอี้นั่งคุยกันยาวถึงตีสอง

คืนถัดมา ไปดริง แดรง ดรัง และซิงอะซองกับสองสาวหุ้นส่วนบริษัท สนพ.กำมะหยี่จำกัด คือ คุณแอนกับแหม่ม โดยเริ่มต้นกันที่ร้านอาหารอีสานข้างๆ หลังสวนพลาซ่า แหล่งเที่ยวของหนุ่มสาวไฮโซ กินส้มตำ น้ำตก ซุปหน่อไม้ กันเสร็จ ฟ้าเริ่มมืด สามสาวชาลี’ ส แองเจิลส์ (ซึ่งในที่นี้เป็น ฟิลิป’ส แองเจิลส์ เสียมากกว่า) ก็ขึ้นไปร้องคาราโอเกะที่ร้าน ชิลล์ ชิลล์

อีกคืนนึงไปดื่มเบียร์กับคุณนพดลที่บ้านท่าน ซื้อกล้วยไม้สวยๆ ไปฝากหนึ่งต้นจากเต้นท์ที่มาขายในงานหนังสือ กับเสื้อยืดชื่อดังจากมุมไบ หยิบบทแปล “ ๑๐ เรื่องควรรู้เกี่ยวกับฮารูกิ มูราคามิ” ๕ ข้อสุดท้าย ซึ่งจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญที่รู้เรื่องราวในหนังสือของมูราคามิอย่างแท้จริงตรวจทานไปให้ท่านดูให้ เพราะคงไม่มีใครที่จะรู้จักหนังสือมากกว่าคนที่ลงมือแปลเองหรอก นั่งคุยกันเรื่องนี้โน้นนั้นอยู่สองสามชั่วโมง ก่อนจะลากลับ --> คลิกตามไปอ่านบทแปลที่ว่า

ภารกิจอีกอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จ แม้ว่าจะดูโชคชะตาจะไม่ค่อยเข้าข้างเสียเท่าไหร่ คือ ปะขากางเกงยีนของหวานใจ ตอนที่ไปหาคุณแอนที่สำนักพิมพ์เมื่อวันพฤหัส เอาไปทิ้งไว้กับคุณน้าที่นั่งถีบจักรรับแก้ปะชุนแถวๆ ซอยอารี ราคาถูกกว่าที่ปะกับคุณลุงตรงถนนประดิพัทธ์ครั้งที่แล้วตั้งครึ่งนึง จาก ๑๐๐ บาท ส่งบ่ายได้เย็น เป็น ๕๐ บาทใช้เวลาสามวัน คุณน้าบอกให้มาเอาได้วันเสาร์ กี่โมงก็ได้

ฉันกลับไปเอาตอนหกโมงวันเสาร์ คนขายผลไม้บอกว่าคุณน้ากลับตั้งแต่ตอนบ่ายๆ แล้ว วันนี้ฉันนั่งรถไฟฟ้ากลับไปอีกรอบตอนเที่ยง ถามแม่ค้าที่ร้อยพวงมาลัยแถวนั้น ได้ความว่าวันจันทร์เป็นวันหยุดของคุณน้า สรุปว่าฉันคงต้องกลับไปอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ช่วงแปดโมงเช้าถึงบ่ายๆ

บวกลบคูณหารแล้ว การปะกางเกงตัวนี้ ค่าปะ ๕๐ บาท ค่ารถไฟฟ้าไปกลับ ๓ วัน ๑๘๐ บาท รวมเบ็ดเสร็จ ๒๓๐ บาท (ในกรณีที่คุณน้าอยู่ที่นั่นตอนที่ฉันไปพรุ่งนี้พอดี)



โชคดีที่ย่านนั้นของกินเยอะ เลยไม่ค่อยหงุดหงิดเท่าไหร่



ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่









 

Create Date : 30 มีนาคม 2552    
Last Update : 30 มีนาคม 2552 19:00:02 น.
Counter : 896 Pageviews.  

- 23 Mars 09 - แยกกันไปเคลียร์ศึกส่วนตัวก่อน แล้วค่อยย้อนมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

แยกกันไปเคลียร์ศึกส่วนตัวก่อน แล้วค่อยย้อนมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

On se separe pour le retour avec le bonheur total .

ฉันกับหวานใจที่ฮ่องกง
นานๆ กลับมาบ้านที ฉันรู้สึกเหมือนกำลังกอบโกย กอบกู้เวลาแบบดั้งเดิมที่ห่างหายไปยาวนานกลับมาในช่วงเวลาสั้นๆ

เริ่มจากโหมกินอาหารที่ถูกปากที่ตักกินกับข้าวมื้อละหลายจานอย่าง แกงเหลืองหน่อไม้ดอง กับต้มหน่อไม้กับกระดูกหมู ฝีมือคุณนายแม่ กินสลับกันมาสองสามมื้อแล้วและยังสามารถกินได้ต่อไป เมนูที่แจ้งไว้สำหรับพรุ่งนี้คือหอยดอง จะหอยแมงภู่หรือหอยนางรมก็ได้ กินได้หมด กลับมาเที่ยวนี้ยังไม่ได้ไปกินเกี๊ยวปลาของโปรดที่เนินหย่องเลย ไหนจะส้มตำ และอาหารอีสาน โอย... ท้องแตกก็ยอม

นอกจากโหมกินอาหาร ตกค่ำ ฉันยังโหมอ่านบทความต่างๆ ที่เขียนลงนิตยสารต่างๆ ที่ส่งมาถึงบ้าน แล้วคุณนายแม่สอดที่คั่นหนังสือไว้ให้ ถึงฉันจะเป็นคนเขียนบทความเหล่านั้นกับสองมือที่จิ้มแป้นพิมพ์ แต่การอ่านต้นฉบับหน้าจอจะมาเทียบกับการอ่านแบบที่ได้รับการจัดหน้า พิมพ์ลงนิตยสารได้อย่างไรเล่า

ระหว่างวัน เป็นการทำงานที่คั่งค้าง เกลาต้นฉบับแปลได้คืบหน้าเป็นอย่างยิ่ง จนแทบจะมั่นใจได้ว่าเสร็จตามกำหนดที่ตั้งไว้แน่นอน โล่งใจ กลับไปจะได้เริ่มงานอื่นต่อ

ในเรื่องนี้ คิดดูแล้วก็แปลกดี ฉันทำงานที่บ้านนี้ได้มากกว่าตอนที่อยู่อินเดีย เหมือนสมองโล่งโปร่ง มีสมาธิมากกว่า อาจจะเป็นเพราะไม่ต้องรับภาระหน้าที่ในการสวมบทบาทอื่น อยู่ที่นี่ ฉันเป็นลูกสาวของพ่อแม่ เป็นนักแปลที่เริ่มงานตอนบ่าย เนื่องจากตื่นเที่ยง ทำงานลากยาวไปเรื่อยๆ จนถึงกี่โมงก็ได้ตามใจปรารถนา ตามกำลังจะทำไหว หยุดพักกินข้าวที่แม่เตรียมตั้งสำรับไว้ให้ ไม่ต้องกังวลคอยคิดสรรเอง ไม่ต้องมีคนที่ต้องคิดเมนูให้ในตอนกลางวันให้มันจุฬา ส่วนมือค่ำกับหวานใจ

พูดถึงหวานใจ ใช่ว่าฉันจะไม่คิดถึง แต่ฉันเองก็เหมือนกับเขา คือ อยากอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องมีเรื่องให้ทุกข์ใจจนไม่สามารถมีความสราญใจเวลาอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง จึงอยากจะมีเวลาแยกตัวไปจัดการเรื่องกวนใจให้เรียบร้อยก่อน

อ่านแล้ววกวนหรือเปล่า งั้นขออธิบายใหม่

เรื่องของเรื่อง คือ หวานใจจะนำความรู้สึกเวลาอยู่กับฉันเป็นมาตรวัดว่าชีวิตของเขากำลังมีความสุขหรือเปล่า เวลาอยู่ที่ทำงานไม่ได้อยู่กับฉันแล้วเขาต้องต่อสู้อย่างดุเดือดกับเสือสิงห์กระทิงแรด เขาไม่หวั่น เพราะรู้ว่ามันคืองานเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำ แต่เมื่อหมดเวลางาน เวลากลับมาอยู่กับฉัน เป็นช่วงที่เขาควรจะมีความสุข ความสบายใจ หากวันใดเรื่องงานยุ่งยากจนเขาไม่สามารถตัดความกังวลทิ้งไป แถมความอึดอัดใจนั้นมากางกั้นไม่ให้เขามีความสุขกับฉันได้ แสดงว่าเรื่องงานมันชักจะหนักหนามากไปแล้ว เขาต้องรีบจัดการเคลียร์ทางนั้นให้เร็วที่สุด เพื่อจะกลับมามีชีวิตที่สงบสุขใจกับฉัน

สำหรับฉัน ในตอนแรก ฉันคิดว่าชีวิตคู่ควรจะอยู่ด้วยกันทั้งยามสุขและยามทุกข์ แต่หลายหนเลยที่การอยู่ร่วมกันในยามทุกข์ไม่สามารถช่วยให้อะไรดีขึ้นได้ เพราะการแก้ปัญหาจำเป็นต้องทำด้วยตนเองเพียงลำพัง

ไม่ใช่เพียงแต่เขาฝ่ายเดียวเท่านั้นที่มีเรื่องร้อนใจในงาน ฉันเองก็มีเรื่องงานการเข้ามาก่อกวนใจยามอยู่กับเขา เช่น ส่งงานไม่ทันตามกำหนด ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ เวลาในการทำงานของฉันลดลง เนื่องจากฉันกำลังใช้ชีวิตคู่ ไม่ได้มีเวลาทำงานจนถึงดึกดื่นแค่ไหนก็ได้และไม่สามารถทำใจจดจ่อกับงานได้โดยไม่ต้องสนใจเรื่องปากเรื่องท้อง เรื่องว่าคืนนี้จะกินอะไร จะต้องออกไปซื้อกับข้าวตอนกี่โมง ฯลฯ

ในตอนนี้ ฉันจึงเริ่มเข้าใจในสิ่งที่หวานใจทำอยู่ คือ แยกไปจัดการกับศึกส่วนตัวของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยกลับมาเจอกันตัวโล่งๆ ฉันจึงพอใจที่ช่วงนี้ได้กลับมาบ้าน เป็นสาวโสดชั่วคราว มีเวลาให้ทำงานจนถึงดึกดื่นกี่โมงก็ได้ เป็นลูกสาวที่รอกินอย่างเดียว ช่วยคิดเมนูให้แม่ออกไปซื้อไปหามาทำให้ เพื่อที่ฉันจะได้ทำงานที่สายเกินกำหนดมากแล้วชิ้นนี้ให้เสร็จ

ก่อนจะกลับไปอยู่กับสามี ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ด้วยจิตใจสดใสปลอดโปร่ง ส่วนหวานใจก็ไปเคลียร์เรื่องหนักหนาในการงานกับเจ้านายที่ปารีสให้เรียบร้อย แล้วกลับมาเจอกับฉัน



มาใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขกันอีกครั้ง


ป.ล. ภาพประกอบ เป็นภาพเก่าแก่มากสมัยยังอยู่ฮ่องกงกันเมื่อสามปีที่แล้ว


ฝากข้อความ เชิญคลิกที่นี่






 

Create Date : 23 มีนาคม 2552    
Last Update : 24 มีนาคม 2552 12:32:18 น.
Counter : 864 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  

Mutation
Location :
somewhere in Hong Kong SAR

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉั น คื อ ใ ค ร

     สาวพฤษภชาวแกลงแห่งเมืองระยอง ลอยละล่องเรื่อยไปจนปาเข้าสามสิบ กว่าจะได้พบอาชีพที่ต้องจริตจนคิดตั้งตัวเป็นนักแปลรับจ้างเร่ร่อนไร้สังกัด ปัจจุบันเปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ "กำมะหยี่"

     จุดหมายในชีวิต หลังจากผันผ่านคืนวันมาหลายปีดีดัก ขอพักไม่หวังทำอะไรใหญ่โต ขอเพียงมีชีวิตสุขสงบ ได้ทำสิ่งที่ดีๆ ทำตามหน้าที่ของตนในทุกด้านอย่างดีที่สุด แค่นั้นพอ

      ฉันมีหวานใจ- สามี - สุดที่รักแสนดีชาวฝรั่งเศส แถมเรือพ่วงสองลำเล็กๆ ตอนนี้มาใช้ชีวิตกันอยู่ที่ฮ่องกง



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Mutation's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.