จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
3 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

จับปูดำ ขยำปูนา (บทที่ 14 ตอนที่ 2)


ผมกำลังหันรีหันขวางอยู่ ก็มีใครคนหนึ่งปราดเข้ามาจากทางไหนก็ไม่ทันสังเกต เขาปรี่เข้ามาหาผม พอถึงตัวก็จับมือผมเขย่าดีใจ

“ โอ้โฮ ! คุณกนก ” เขาพูดออกมา ยิ้มแย้มร่า “ ทำไมมาช้านัก ที่โต๊ะเขารอกันอยู่ ” ว่าแล้วเขาก็ดึงมือผมให้ตามเขาไป

ผมไม่เคยเห็นหรือรู้จักเขามาก่อนไม่ว่าที่ไหน สาบานได้ แต่ผมก็ต้องเดินตามเขาไป นี่ก็คงจะเป็นลูกเล่นของอีตาผู้การเยี่ยมอีกนั่นแหละ แกต้องจัดฉากไว้ให้ผมเรียบร้อยมาก่อน ให้ผมสวมบทเอาเอง แกคงจะต้องเดาออกว่า ผมจะต้องตีบทได้แตก รับบทกับคนของแกได้ถูกต้อง ผู้การคนนี้แกไม่ใช่คนชุ่ย ๆ ที่จะต้องให้มาแก้ปัญหาเอาเองเสียทุกเรื่อง ผมชักจะนับถือแกเสียแล้ว

โต๊ะที่คนคนนั้นจูงผมไป มีที่ว่างอยู่ที่เดียว พอดีเป็นที่นั่งที่อยู่ติดกับเขา ผมลงนั่งที่ที่ว่างซึ่งเขาเลื่อนเก้าอี้ให้ แล้วเขาก็เริ่มแนะนำตัวผมกับผู้ร่วมโต๊ะทุกคน แต่ละคนอยู่ในเครื่องแต่งตัวด้วยสูทราคาแพง ส่วนมากในชุดสีเข้ม ผมจำชื่อเขาไม่ได้หมด ฉีมั่ง-ฝงมั่ง-กวงมั่ง มีชื่อไทย ๆ ที่ผมพอจะเรียกได้ถนัดปาก ผมก็ก้มศีรษะรับคำแนะนำทำเป็นรู้จักไปยังงั้น รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าชื่อเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องจำ ไม่ใช่พวกที่ผู้การเยี่ยมแกจัดสรรมาก็ต้องเป็นคนที่อีตาคนที่จูงผมเข้ามานั้นเป็นคนจัด ตัวเขาเองนั้นมีนามกรว่า คุณโฉลก-ฉะโหลก ไม่ใช่โฉ-ลก ช่างเลือกชื่อได้เพราะพริ้งเสียด้วย

พอผมนั่ง เขาก็จัดแจงรินเหล้าจากขวดกลม ๆ สีขาว ๆ กระเบื้องเคลือบ ใส่ลงในจอกเล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างที่นั่งบนโต๊ะ แล้วเขาก็ยกถ้วยขึ้นเชิญชวนผมดื่ม และหันไปชูจอกในมือของเขาไปที่แต่ละคนเรียงไป เมื่อครบตัวบุคคลบนโต๊ะแล้วทุกคนก็ยกจอกขึ้นดื่มพร้อม ๆ กัน ผมทำตามเขา รสเหล้าสีขาว ๆ ที่ถูกเทพรวดเดียวเข้าลำคอนั้นมันฉุนกึ๊ก จนผมแทบจะพ่นพรวดออกมา ผมต้องจำใจกลืนมันลงไปใหม่อย่างแค้น ๆ คอ

พอวางถ้วยหยิบอาหารเข้าปากแกล้มไปได้คำเดียว ก็ได้ยินเสียง เชียะ – เชียะ ดังมาจากคนที่นั่งถัดพ่อโฉลกคนนั้นไป เขายกจอกในมือขึ้นชูมาทางผม คุณโฉลกเอาจอกของผมไปรินเหล้าเติมลงไปอีกจนเต็ม แล้วแกก็ยกจอกนำ ผมก็ต้องยกจอกของผมขึ้นตามแก อีตาคนนั่นก็ทำอย่างคุณโฉลกทำเมื่อกี้นี้ไปรอบ ๆ โต๊ะ เสร็จแล้วทุกคนก็พร้อมใจกันเทเหล้าในจอกของตัวลงลำคอไปอีก ผมต้องกล้ำกลืนเทเหล้าในจอกของผมลงลำคอตามเขาไปอีก รสของมันบาดคอดีพิลึก แต่คราวนี้ผมไม่สำลักเพราะพอรู้รสมาแล้ว เตรียมใจได้

คีบอาหารตามเป็นแกล้มลงไปได้อีกคำ คนที่นั่งถัดไปก็เริ่มอีกแล้ว ร้อง เชียะ – เชียะ มาอีก พร้อมทั้งยกจอกในมือทั้งสองข้าง คุณโฉลกก็รินเหล้าลงในจอกของผมอีก ตอนนี้นัยน์ตาผมชักจะลาย ๆ แล้ว โดนเข้าสองจอกเพียว ๆ มันชักจะรู้สึก

นัยน์ตาผมมันคงจะชักขวาง ๆ หรือไม่มือไม้ก็คงจะคว้าจอกไม่ค่อยจะถูก คุณโฉลกแกจึงเอียงหน้าเข้ามากระซิบเบา ๆ ข้างหูผมว่า

“ จิบทีละนิดครับ ทีละนิด ”

ผมหันไปค้อนแก จะบอกเสียทีแรกก็ไม่ได้ ปล่อยให้เทพรวด ๆ ลงไปทั้งจอกตั้งสองที แล้วไอ้เหล้าจีนขนานนี้มันเดินทางเร็วเสียด้วย ออกฤทธิ์เร็ว มิน่าผมถึงไม่ได้เห็นคนอื่นเขารินเหล้าลงในจอกใหม่อย่างของผม แต่ละครั้งที่วางถ้วยลง เขาคงจะค่อย ๆ จิบกันตามธรรมเนียมเป็นการแนะนำตัวครั้งแรกเมื่อร่วมโต๊ะกัน ผมมันจิบเหล้าเป็นเสียเมื่อไหร่ เห็นจอกเล็ก ๆ นึกว่ากระดกก้นกันเลย ก็กระดกลงคอตามความเคยชิน

การจิบเหล้าเป็นไปตามธรรมเนียมจนครบคน เหตุการณ์ก็สงบลงได้ ผมก็เริ่มหันไปคุยกับคนตรงข้ามเป็นการท้าทายตามมรรยาท เขาตอบมาเป็นภาษาที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง

“ เขาพูดไทยไม่ได้หรอกครับ แต่คุณคุยไปเถอะ อย่าไปเอาใจใส่ ทำเหมือนกับว่าเราคุยกันรู้เรื่องก็แล้วกัน ผมคนเดียวเท่านั้นที่โต๊ะนี้ที่พูดกับคุณรู้เรื่องได้ ”

ผมจึงนั่งสงบได้ แต่ชั่วครู่เดียว คนที่นั่งตรงหน้าผมถัดไป ก็เริ่มคุยมาที่ผมเป็นภาษาของเขา ผมฟังเพราะดี นั่งหันไปมองคุณโฉลก นึกว่าแกจะแปลให้ แต่แกกลับพูดขึ้นว่า

“ คุณพูดออกไปเถอะครับ พูดภาษาไทยก็ได้ เราจำต้องคุยกันไปด้วย ”

เท่านั้นผมก็เข้าใจ อีตาผู้การเยี่ยมนี่แกเล่นทดสอบฝีมือผมเสียแล้ว คัดเอาคนจีนล้วน ๆ นอกจากคุณโฉลกคนนี้เท่านั้น ให้มาร่วมโต๊ะกับผม ให้ผมแก้ปัญหาเอาเองในชื่อของนายกนก ผมต้องพูดคุยกับผู้ร่วมโต๊ะกับผมได้ คุณโฉลกคนนี้เป็นคนคัดท้ายให้ผมที่แกจัดมาให้

ทีนี้ผมก็พูดไทยของผมตามถนัด ไม่ว่าจะหันไปพูดกับใครตรงหน้า เขาเป็นต้องตอบแกมาเป็นภาษาที่ผมไม่เข้าใจนี้สวนมา เหมือนกับว่าเราคุยกันรู้เรื่อง เขาหัวเราะ ผมก็ต้องหัวเราะตามไปด้วย คุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้เรื่องแล้ว ก็ไม่รู้ว่ามันขันตรงไหน ลูกเล่นอีตาผู้การเยี่ยมคนนี้แพรวพราวนัก แกไม่บอกให้ผมรู้ตัวล่วงหน้าเสียด้วยว่าจะต้องมาเจอกับใครบ้าง และจะต้องมาเจอของอย่างนี้ ป่านนี้แกอาจจะนั่งหัวเราะชอบใจอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วก็ได้

ผมหันไปพูดไปปรายตาไปทั่ว ๆ ควานหาตัวนายอุทิศ ผมก็ยังไม่เห็นตัวเขาอยู่ดี ที่โต๊ะใหญ่ใกล้เวทีซึ่งจัดทำเหมือนเวทีการละเล่น ยกพื้นสูงแบบเวทีละคร และไฟตรงนั้นสว่างกว่าที่อื่น ผมก็มองไม่เห็นตัวเขา เขาควรจะมาถึงแล้วก่อนแขกเหรื่อ หรือว่ามันมีอะไรที่ผิดปกติ ผมคลำปืนที่เหน็บไว้ข้างเอว มันยังอยู่แนบสนิทกับที่พกเครื่องเก็บเสียงที่ยื่นยาวออกมาหน่อยนั้น ไม่เกะกะอะไร โต๊ะที่ผมนั่งอยู่ริมทางเดิน ใครผ่านไปมาผมต้องเห็น คุณโฉลกแกเลือกโต๊ะได้เหมาะ

ผมกำลังจะคีบกับแกล้มเข้าปาก เงยหน้าขึ้นก็เห็นไอ้ทองเดินผ่านมาทางด้านหลังช้า ๆ มันกวาดสายตามาพบผมพอดี แล้วมันก็พยักหน้าน้อย ๆ แล้วเดินเลยไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ไม่มีอะไรผิดปกติ ผมส่งกับแกล้มที่คีบติดแล้วเข้าปาก สายตาชำเลืองไปที่ทางเดิน

ไอ้สองตัวหน้าเหี้ยมที่ผมเห็นยืนพิงบังโกลนรถอยู่ที่หน้าตึกนั้น กำลังเดืนส่ายอาด ๆ คู่กันมา สายตาของมันทั้งคู่กวาดไปทั่วตามทางที่มันเดินไป ผมไม่ให้สายตาของมันมาชนกับของผมได้ คีบกับเข้าปากแล้วหยิบจอกเหล้าขึ้นมาเทเข้าคอ

.....เว้นระยะชั่วสองสามเมตร.... ตัวเขาก็เดินช้า ๆ มาด้วยมาดของผู้ดี ขนาบข้างด้วยผู้ชายสองคน คนหนึ่งถือกระเป๋าแบบกระเป๋าเอกสารเดินอยู่ทางด้านขวามือของเขา อีกคนทางซ้ายหนีบกระเป๋าหนีบในย่อม ๆ ขนาดพกปืนสั้น ๆ กระบอกหนึ่งได้พอดี ๆ เขาเดินโค้งศีรษะให้กับคนที่นั่งเรียงรายกันอยู่ที่โต๊ะที่เขาเดินผ่านไปตลอดทาง ผมทำผ้าเช็ดปากตกก้มลงเก็บพอดีที่เขาเดินผ่านโต๊ะผมไป สายตาของเราจึงไม่ได้เจอกัน

เขาละ นายอุทิศ ตันผลานุสนธิ์ คนนั้น

เขาเดินเยื้องย่างไปยังโต๊ะตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าเวที คนที่นั่งอยู่ก่อนต่างก็ลุกขึ้นต้อนรับเขาทั้งโต๊ะ มีทั้งโค้งคำนับจนหัวแทบติดพื้น และยื่นมือไปจับ ที่ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมก็มี นายอุทิศนั่งลงบนเก้าอี้หันมาทางแขกทั้งหลาย มือปืนหน้าเหี้ยมสองคนเดินเข้าไปยืนอยู่ในเงามืดข้างหลืบเวที อีกสองคนเดินอ้อมหลังโต๊ะที่เขานั่ง ไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งของเวที ระวังทั้งสองด้าน

สักครู่ใหญ่ ๆ ก็มีเสียงประกาศเรียกตัวคุณวรวิทย์ หรือเสี่ยตั้งดังออกมาทางเครื่องขยายเสียงที่ติดตั้งรอบ ๆ ห้องสอง-สามครั้งแล้วก็เงียบ

แสดงว่าเรื่องของเสี่ยตั้งยังไม่รู้ถึงหูเขา

นี่เป็นข้าวดีของผม ผมเบาใจไปได้เปลาะใหญ่ ๆ ขนาดที่เขามั่นใจว่าเสี่ยตั้งทำงานของเขาสำเร็จ และคงไม่มีผมอยู่ในโลกนี้แล้ว การระวังป้องกันของเขาก็ยังขนาดนี้ ต้องใช้มือปืนถึงสี่คน

ผมนั่งบังตัวคนที่อยู่ตรงหน้าทางทิศที่ตรงกับเขาอยู่ ไม่ให้อยู่ในสายตาของเขาที่จะมาปะทะได้ ผมเห็นเขาเอียงตัวไปกระซิบกระซาบอะไรกับคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เมื่อเสียงเรียกหาเสี่ยตั้งดังไปแล้วสอง-สามที อีกครู่ใหญ่ ๆ ก็มีเสียงเรียกอย่างเดิมดังขึ้นอีก คราวนี้มันดังออกมาว่า

“ คุณวรวิทย์ วิเศษสุริยอนันต์ ครับ โปรดมาพบท่านเจ้าภาพที่โต๊ะเดี๋ยวนี้ครับ ” แล้วก็มีเสียงดังออกมาใหม่ว่า “ เสี่ยตั้งครับ อยู่ที่ไหน ท่านเจ้าภาพต้องการพบครับ ”

ผมตอบเขาในใจว่า “ อยู่ที่คูข้างถนนพัฒนาการโน้นแน่ะ ”

แล้วผมก็ยกจอกเหล้าของผมขึ้นจิบ คราวนี้รสชาติของมันชักจะถูกปากผม มันฉุนจริงแต่ก็หอมหวาน คุณโฉลกแกรินเหล้าลงจอกของผมอีก เมื่อมันพร่องไปเกือบหมดจอกแล้ว เขาก็จ้องหน้าผมนิ่ง ผมไม่สบตาเขา กลับยกจอกขึ้นร้อง เชียะ – เชียะ ไปยังพวกที่นั่งร่วมโต๊ะ เชิญชวนดื่มเสียงั้น เขาสะกิดที่ขาผมแล้วกระซิบว่า

“ ยังไม่ถึงเวลาดื่ม ต้องให้อาหารจานใหม่มาเสียก่อน ”

ผมจะไปรู้เรอะ อยากจะดื่ม แล้วดื่มคนเดียวได้ยังไง เขาไม่ได้สอนธรรมเนียมผมไว้ ในหัวผมความคิดมันกำลังเพ่นพ่าน ผมจะหาวิธีอย่างไรที่จะทำงานของผมที่ได้รับมอบหมายมาให้สำเร็จได้

สักครู่มีใครคนหนึ่งขึ้นไปบนเวที จับไมโครโฟนพูดเชิญนายอุทิศขึ้นไปพูดกล่าวอะไรสักเล็กน้อย สำหรับงานอันเป็นมงคลนี้

เขาไม่ขึ้นไป ให้ใครคนนั้นยกไมโครโฟนลงไปข้างล่างที่โต๊ะที่เขานั่ง คนที่ขึ้นไปประกาศก็จัดแจงยกไมโครโฟนทั้งแท่นขึ้นทำท่าจะส่งลงมาให้ หน้าเหี้ยมสองคนรีบเดินไปที่หน้าเวทีช่วยกันรับไมโครโฟนทั้งแท่นนั้นจากคนข้างบนลงมา ช่วยกันจัดวางที่ที่หน้าเวทีข้างหลังที่นั่งของนายอุทิศ แขกเหรื่อปรบมือเกรียวกราวเมื่อนายอุทิศลุกขึ้นจับไมโคร โฟน

นายอุทิศลุกขึ้นพูดด้วยเสียงไทยปนจีน เขาพูดปราศรัยได้ไม่เลว คงจะฝึกหัดมาก่อนเพื่องานนี้ เมื่อจบการปราศรัยของเขา เขาก็เชิญชวนให้แขกเหรื่อร่วมบริจาคเงินหรือสิ่งของตามแต่จะศรัทธา เพื่อเอาไปร่วมกุศลให้แก่เด็กกำพร้า

ผมนึกอยู่ในใจว่า ไอ้เงินหรือสิ่งของที่ใครต่อใครจะบริจาคกันนี้ ส่วนหนึ่งมันคงจะไปตกอยู่ที่องค์การคอมมูนิสต์ของเขาแน่ และคงจะเป็นส่วนใหญ่กว่าส่วนของเด็กกำพร้าด้วย ใครจะไปรู้

จบคำประกาศของเขา เขาก็ยืนนิ่งอยู่ที่ที่นั่ง บางคนลุกขึ้นจากโต๊ะ ค่อย ๆ ทยอยกันเดินถือซองบ้าง หีบห่อใหญ่บ้างเล็กบ้าง เดินเป็นแถวไปยังที่เขายืนคอยอยู่ ทีแรกแถวก็สั้น นาน ๆ เข้าก็ค่อย ๆ ยาวขึ้น –ยาวขึ้น จนหางแถวมาอยู่ตรงข้างทางเดินใกล้ ๆ กับที่ผมนั่ง

ตอนนี้เองที่ผมหันไปดู คุณโฉลกของผมหายไปไหนเสียแล้ว เขาแอบลุกขึ้นไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ผมนั่งมองดูหางแถวที่ค่อย ๆ เขยื้อนก้าวไปข้างหน้าทีละคน ๆ คนที่เดินไปวิ่งมาต่อหางแถวก็ยังมี รู้สึกว่าทุกคนต่างมีศรัทธาในตัวนายอุทิศคนนี้ไม่เบา แถวนั้นค่อย ๆ ขยับไปเรื่อย ๆ จนหางแถวกำลังมาอยู่ตรงข้างผมพอดี

คุณโฉลกของผมก็รีบเดินมาที่โต๊ะ ในมือของเขาถือหีบห่อขนาดย่อมมาอันหนึ่ง มีกระดาษสีสดห่ออย่างสวยงาม ผูกด้วยริบบิ้นสีแดง เขามาถึงที่ผมนั่งก็ส่งหีบห่ออันนั้นให้ผม

“ เอาไอ้นี่ไปร่วมการกุศลกับเขาซีครับ ” เขาพูดกับผม

ผมรับหีบของอันนั้นไว้อย่างงง ๆ เขากระซิบที่ข้างหูผมอีกว่า

“ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ คุณกนก ”

มันน่าจะเป็นสัญญาณอะไรสักอย่างหนึ่ง เพราะเขาพูดจบก็มองหน้าผมนิ่งด้วยสายตาที่มีความหมาย โอกาสของผมอยู่ตรงนี้เอง

ผมลุกขึ้นยืน ดึงปืนที่เอวออกมาถือไว้ในมือขวาที่ประคองห่อของขวัญห่อนั้น มือซ้ายช่วยประคองหีบห่ออีกข้างหนึ่ง ลำกล้องปืนทอดกับความยาวของกล่อง เมื่อมืออีกข้างช่วยประคองมันก็แนบเนียน ผมก้าวเข้าไปต่อท้ายแถวทันที

แถวนั้นค่อย ๆ ขยับไปช้า ๆ ทีละก้าว ผมไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเพราะรู้บทตัวของดีอยู่แล้ว ค่อย ๆ ขยับเท้าตามแถวเข้าไป ใกล้เข้าไป – ใกล้เข้าไปทีละก้าว

พอแถวถึงมุมที่จะหักไปหน้าเวทีที่นายอุทิศกำลังยิ้มแย้มรับของพร้อมกับทักทายขอบคุณผู้ที่ส่งของในมือให้อยู่ ผมก็เห็นไอ้ทองยืนบังเงามืดอยู่ที่มุมห้อง มันยืนสงบมือกุมเป้ากางเกงมองดูผมแล้วมันก็ยักคิ้วให้ แถมลูกยิ้มอีกด้วย ถ้าเป็นธรรมดาผมก็ได้ออกไปวาดลวดลายเท้ากับมันแล้ว

ในที่สุด ผมก็ก้าวก้มหน้ามาอยู่ตรงหน้านายอุทิศพร้อมกับห่อของที่ประคองอยู่ในมือ เขากำลังยื่นมือออกมาจะสัมผัสมือกับผม

ผมเงยหน้าขึ้นมองดูเขา พอเขาเห็นหน้าผมถนัด นัยน์ตาของเขาก็ลุกโพลงเบิกกว้างเหมือนเห็นผีมาโผล่ตรงหน้า !





 

Create Date : 03 ตุลาคม 2552
1 comments
Last Update : 3 ตุลาคม 2552 1:00:16 น.
Counter : 715 Pageviews.

 

หวัดดีคะแวะมาทักทาย และแวะมาเอากล่องแชทมาติดไว้เพื่อไว้พูดคุยกับเพื่อนๆคะ ขออนูญาติเอามาติดไว้นะคะ


โค้ดห้องแชท  friendly11.com



(ถ้าเคยเอาไปใส่แล้วใส่ซ้ำ ต้องขออภัยด้วยนะคะ หรือถ้าไม่ชอบก็ลบไปได้เลยน้า)






 

โดย: benji2 3 ตุลาคม 2552 1:44:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.