No. 1116 เยือน อ.ปายแบบติดดิน. |
 |
เขียนเล่าเรื่อง อ.ปายตอน ยังเป็นหนุ่มกระเตาะเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านคงจะมาแซวว่าตอนนี้ไม่เหลือ อ.ปายแบบเก่าแล้ว หุ หุ |
อันนี้จริงแต่ก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน ปายมีที่พักและวิถีชีวิตแบบเดิม อากาศน้ำเย็นต้องไปหา นอกตัวเมืองหน่อย |
กลางคืนค่อยขับรถเข้าหาแสงสี เสื้อยืด อาหารเยอะ เบียร์ เซเว่นในเมืองใกล้ ๆ ก็ได้ |
ข้างบนเป็นภาพ เมื่อปี พศ.2565 งดงามสดชื่น |
ผมกับเพื่อน ไปปาย มักจะ ไปพักรีสอร์ต นอกเมืองค่อนข้างออกไปไกลให้รีสอร์ทจัดอาหารง่าย ๆ ให้กินแล้วขับรถลัดเลาะไปตาม |
หมู่บ้าน ย่ำไปในในนา ไร่กระเทียม หรือไม่งั้นก็ ล่องแพน้ำปายภูมิประเทศการอยู่อาศัยยังเหมือนเดิมตอนเป็นเด็ก |
ตกตอนกลางคืน มองไม่เห็นลายมือแล้ว แต่งตัวใส่เสื้อกันหนาวขับรถเข้าตัวเมืองไปเดินเที่ยวหาอาหารร้านขายของหรือไม่ก็ |
ก็หากาแฟ กับน้ำพรรค์นั้นมั่งแล้วแต่ใครจะต้องการ |
////////// ย้อนไปเมื่อครั้งที่เป็นเด็กอายุ สิบกว่าขวบติดตามน้าหยา ผจก.โรงหนังตงก๊กเชียงใหม่ไป เที่ยว อ.ปาย |
สายวันนั้น ที่ปาย แสงแดดเริ่มทอแสง ผ่านหมอกหน้าบ้านน้าชาญชัยเป็นถนนดินแดงค่อนข้างกว้างนาน ๆ จะมีคนเดินผ่าน มีเกวียน |
คนเดินผ่าน เกวียนภาคเหนือ ค่อนข้างกว้าง  |
ค่อนข้างกว้างแล่นผ่านช้า ๆ ถนนที่กว้างขนาด สิบเมตรมีเศษฟางตกล้อเกวียนแล่นทับจนแบนแหลกปนไปกับดินสีแดง |
เสียง ครก(รูดุม)ล้อเกวียนที่มีเพลาเหล็กสอดอยู่หลวม ๆ ดังโคลกคลั๊กยามขึ้นเนินแล้วลงหลุมเล็ก ๆ |
บ้านน้าชาญชัย เป็นบ้านชั้นเดียวทรงสูง ข้างล่าง ถ้าภาคเหนือเขาจะพูดว่า พื้นกะล่างก็เป็นใต้ถุนบ้านโล่งสูงขนาดเมตรครึ่ง |
พอให้คนเดินลอดไปมาได้ แต่ถ้าคนสูงคงต้องก้มหัว |
 |
ไม้ฟืน ถูกตัดสับเป็นท่อน วางเรียงรายจากพื้นดินสูงถึงคานของตัวบ้านมีค่อนข้างเยอะฟืนสำคัญมากสมัยนั้นใช้ก่อไฟหุงอาหาร |
ให้ความอบอุ่นร่างกาย ที่รอบกายจะหนาวเย็น ตลอดวัน |
ลึกเข้าไป จะมีไม้ซ่าว หรือที่ภาคกลางเรียกว่า ไม้ราว เขาใช้ไม้ไผ่รวกที่ลำต้นเล็กแต่ข้างในตันสอดเข้าไปต้นไผ่ซางที่เจาะ |
เป็นรูสูงเสมอกัน จากเสาโน้นมาเสานี้  |
บนราวไม้ไผ่ กระเทียมแห้งแต่ยังไม่แห้งจัด ถูกพาดเรียงรายกันเต็มแต่ละชั้น ที่นั่นเยอะจริง ๆ น้าเขาปลูกกับรับซื้อไว้ขายดูพื้นที่ |
น่าจะ กว้างขนาด 3 เมตรคูณ 6 เมตร |
ใกล้กัน มีกองกระเทียมจัดเรียงเป็นวงกลม ตรงกลางกลวงหัวกระเทียมอยู่บ้างนอกข้างในเป็นต้นแห้งของกระเทียม |
ทำไมไม่พาดกระเทียมไว้ทั้งหมดครับน้า |
คืองี้ กระเทียมที่เราถอนจากต้น มีความชื้นในห้ว ถ้ากองไว้เกิดความร้อนอบเน่าเสียได้เลยต้องพาดแขวนไว้เกือบเดือน |
มันแห้งพอดีเราก็ นำมาลงกองเป็นวงกลมกับพื้นให้มันอบตัวมันเองบ้าง น้ำหนักจะได้ไม่หายไปเยอะเวลาขายก็ได้เงินเยอะ |
เราบ่มให้มีกลิ่นหอม แห้งพอดีด้วย |
น้าเอาไปขายที่ไหนครับ |
มีคนเชียงใหม่มาซื้อขนไปเชียงใหม่ |
อ้าว ที่เชียงใหม่ก็มีปลูกนี่น้า |
ใช่ เขาปลูกเอาไว้หัวโต ๆ ใส่ไห เป็นกระเทียมดอง ของน้าเป็นกระเทียมหัวไม่โตเขาเอาไว้ทำ หัวพันธ์นะ ที่เชียงใหม่เขาอัดปุ๋ยเยอะ |
เวลาเก็บทำพันธ์หัวมันฝ่อชาวสวนเลยหาหัวพันธ์ที่ไม่อัดปุ๋ยมากไง |
น้าดองกระเทียมไว้บ้างเปล่า |
มีซิ โน่น ดองใส่ไหใหญ่ไว้ 2 ไห อยากจะทำอะไรกินละ  |
ผัดใส่ไข่ครับน้า |
ได้เลย เอาไว้กินตอนค่ำนะ ใครจะไปเขา หะปลา(วิดน้ำหาปลา)กับน้าหรือจะไปกินขนมจีนน้ำเงี้ยว |
ไปหะปลาดีกว่าครับ |
พวกเราชาวเชียงใหม่เดินตัดทุ่งนาที่แห้งเหลือแต่ตอฟางข้าวมุ่งสู่ทิวไผ่ข้างหน้าแสงแดดแรงกล้าแต่ไม่ร้อน |
ดงไผ่ ข้างหน้าพวกเรา กว้าง เป็นไผ่ป่า มีไม้ใหญ่แซม กอไผ่เล็กใหญ่ขึ้นห่าง ๆ กันลำห้วยคดเคี้ยวไปมา น้ำแห้งไม่มากนัก |
น้าชาญชัยกับน้าหยายืนดูทำเลพักหนึ่ง |
ชัย ผมว่ากั้นตรงโคกสูงแต่แคบตรงนั้น กับอีกที่โน่นใต้ต้นมะตัน(พุทรา)ดีกว่านะ |
ฮา(กูู) ว่าดีเหมือนกันเนาะ มีหนุ่ม ๆ มา 3 คน วิดน้ำเยอะหน่อย |
คำว่า "ฮา" เป็นคำที่ไม่ค่อยสุภาพถ้าภาคกลางคือ กู ใช้เรียกกันในหมู่เพื่อนสนิทนะครับ |
 |
เราสามหนุ่ม เร่งใช้กระป๋องวิดน้ำกว่า ชั่วโมงน้ำในห้วยแห้งงวดลง เศษกิ่งไม้ใหญ่หญ้าโผล่มา |
พร้อมกับปลากระโดดสู่พ้นน้ำหลายตัว  |
น้าหยาลงไปกลางห้วยที่น้ำงวดลง ลงดึงกิ่งไม้ใบไม้ที่เน่าออกโกยไปไว้ข้าง ๆ น้ำไหลช้า ๆ ตกขลักนพกับวิชัยใช้ปี๊ปจ้วงตักน้ำ |
จนเกือบหมด หันไปมองข้างหลังน้ำแห้ง ปลาช่อนปลาขาวหางแดงว่ายริก ๆ ไปกับน้ำโคลนหนีไปซุกตรงกลาง |
น้าชัย น้าหยา ผม ย่ำโคลนใช้สองมือช้อนปลาที่แดกตัวหนีใส่กระป๋อง ใส่ข้องไม้ไผ่ นพกับวิชัยยังคงวิดน้ำต่อไปเรื่อย ๆ นพเห็นปลา |
แถกซุกในพงหญ้าที่ทอดใบแห้งคลุมใช้มือดึงหญ้าออก  |
ปลาดุก วะ กลัวเงี่ยงมันทิ่มเอา |
มะ ฮา(กูู) จับเอง ว่าแล้ว วิชัยกางมือคล่อมปลาดุกช้า ๆกางนิ้วนาง ห่าง ๆ กดปลาดุกติดโคลนกดหัวปลาดุกไว้ที่ส้นมือให้ตัวปลา |
อยู่ระหว่างนิ้วชี้ กับนิ้วกลางจนแน่นคว้าปลาดุกหย่อนใส่กระป๋อง  |
ดูมัน ง่าย แต่ผมไม่ค่อยกล้าจับ เคยถูกเงี่ยงปลาดุก ตำปวดมากตกเย็นมือขวาเริ่มเขียวขึ้นสู่ข้อพับแขนต้องไปหาหมอ |
เกือบสาม ชม. ที่วิดน้ำจับปลา แสงตะวันลอดจากข้างบนผ่านกิ่งไผ่เป็นลำ ทะแยงไปด้านหลังท้องเริ่มร้องหิว ๆ ๆ กัน |
หลายคน พร้อมกับหมดแรงกัน น้าหยาให้เราจับปลาหลิม(ช่อน) ล้างจนสอาดใส่กระป๋องน้ำเตรียมไว้ |
 |
น้าชาญชัยเหลาไม้ไผ่สดแหลมเอาปลาช่อนเสียบให้หัวปลาลงล่าง ขุดดินเป็นรูเล็ก 5 รูใกล้กันเอาไม้เสียบปลาทิ่มลง |
เราไปโกยฟางมาพร้อมกัน ขุดดินลึกแค่ 2 นิ้วพอกับปิ๊บน้ำมันก๊าดปี๊บครอบปลาทั้งหมด  |
โกยดินกลบปากปิ๊บชิดดิน จุดไม้ขีดจ่อฟางข้าวจากนากองโตสุมไฟลุกท่วมปี๊บนานกว่าครึ่ง ชม.น้าชาญใช้ไม้ดันปิ๊บโยนออก |
ไป ข้าง ๆ กลิ่นหอมเริ่มฟุ้งโชยออกมาก เราใช้ฟางข้าวจับปลาเผาร้อน ๆคนละตัว |
ผมจับปลามันร้อนเลยต้องรีบ วางบนฟางสีเหลืองทอง  |
ใช้ไม้เขี่ยเกล็ดปลาออกเนื้อสีขาวมีไอลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมค่อย ๆ ใช้มือบิเนื้อปลาใส่ปากทั้งที่ร้อน ๆ |
เกือบทนไม่ไหว ต้องแหงนหน้า เป่าปากให้ไอร้อนออก |
เนื้อปลามันหอมกลิ่นฟาง หวานสุด ๆ กินจนเกือบหมดเหลือแต่พุงใช้มือควานพุงปลาแต่ไม่กล้ากิน แหะ ๆ ก็ไม่มีใครแหวะปลา |
ทำความสอาดพุงมันนี่นา |
น้าหยา หัวเราะ ใช้มีดเหน็บอันเล็ก กรีดพุงปลาเขี่ย ๆ สีดำ ๆ ออกแล้วหย่อนพุงปลาใส่ปากยกหัวแม่มือแบบเครื่องหมาย ไลค์ของ |
เฟชบุคไงงั้นแหละ ปลาหมดเดินกลับบ้านพักรีบอาบน้ำที่เย็นมาก ขึ้นบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมเสื้อกันหนาว ก็ผ้าสำลีทับเสื้อแขนสั้นอีกชั้นอุ่นขึ้น..เกือบบ่ายสามโมงอากาศเย็นลงอีก นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา น้าหยา(คนระยอง) ผจก.โรงหนักตงก๊กมีชื่อจริงชาญชัยเหมือนกันน้าชาญชัย อ.ปายอายุใกล้เคียงกันใจดีทั้งคู่ น้าหยาพาผมกลับไปเยือนบ้านเกิดคือ อ.ปายเป็นครั้งแรก หลังจากที่ แม่พาผม กับพี่น้องอีก 4 คนอพยพไปอยู่เชียงใหม่.. ยังจำภูมิประเทศอากาศที่นั่นได้ดี |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ (Re 260/7302) |
st ผู้เข้าชม 2,325,475. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |
|
ใส่กระป๋อง
อ่านแล้วหนุกหนานตามพี่ไวน์
เจิม