Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2566
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
29 พฤษภาคม 2566
 
All Blogs
 
No. 1197 ชีวิตในป่า ( 2)

No.  1197   ชีวิตในป่า  (2)



 
เสียงไก่ป่าร้องจาก ริมห้วยฝั่งโน้นเสียงน้ำในห้วยไหลไม่ขาดสาย


 
นึกถึงเมื่อวานได้ช่วยพี่พะก่อ เกี่ยวข้าวไร่เหนื่อยสุด ๆ  ได้มาอยู่กับพี่เก่อเกือบสองเดือนเพราะพี่ก่อไปพบผมนอนสลบ
ริมลำห้วย พี่เล่าให้ฟังเพราะตอนนั้นผมบาดเจ็บไปทั้งตัว หัวแตกเลยแบกลากลงมาจากดอยอีกลูก
 ตัวผม...หนักมากเปล่าพี่
หนักมาก   555  เอาตัวพาดบ่าดึงแขนสองข้างไว้ข้างหน้า น้องก็เห็นหัวแม่ตีนเป็นแผลทั้งสองข้างแต่พี่ต้องลากไม่งั้น
น้องตายแน่แถวนั้นมีเสือตัวไม่โตก็จริง แต่อีเห็นหลายตัวแมวป่าด้วย..มันชอบแทะกวางที่พี่ยิงไว้แต่แบกไม่ไหว
นอนนึกย้อนหลังไปพอจำได้เลา ๆ
เสียงเด็กพูดใกล้ตัว แต่ฟังไม่ค่อยถนัด. ความหนาวเย็นจับไปทั้งขาปลายเท้าพยายามขยับนิวกับขาแต่ทำไม่ได้
ขอน้ำกินหน่อย....
ก่ำ ยกหัวพาดขา..  เอ้า..น้องอ้าปากกินน้ำ
ก่ำเอาน้ำในกระบอก ค่อย ๆ เท. น้ำค่อย ๆ ไหลลงคอไปได้อีกหน่อย....แล้วก็รู้สึกหลับผลอยไป...
อากาศหนาวเย็น.....ลืมตามองไม่ค่อยชัด  ผมอยู่ที่ไหนครับ
. น้องตื่นแล้ว ชายกลางคนพยุงหลังให้ลุกนั่ง ที่นี่เขาเรียกว่า บ้านก๊อติ...น้องหลับไปสองวัน...คงหิวไปกินข้าวก่อน
ถูกพยุงออกนอกตัวบ้าน เดินไปใกล้ตลิ่ง อากาศเย็น ทรุดตัวนั่งคนแคร่ไม้ไผ่เตี้ย บนโต๊ะสูงกว่าที่นั่งนิดหน่อยมีจานอาหาร
น้องกิ๋นข้าวกับต้มผักแคบ(ตำลึง)ใส่ปลาย่างกินนัก ๆ เน่อจะได้มีแฮง
ผมชิมน้ำต้มผักตำลึง น้ำอร่อย ตักข้าวเม็ดออกสีแดงกินจนหมด
 เด็กชาย จะตักข้าวให้อีก
ก่ำ พอก่อน. กินมากเปิ้น(เขา)จะกั๊ดต้อง(จุกท้อง) เอาไว้มือเย็นค่อยกินอีก
น้องมาจากไหน..
อยู่ในเมืองเดินหลงป่า 2 วันกินน้ำห้วยแล้วตกจากดอยลงน้ำแล้วไม่รู้สึกตัว
ไม่เป็นไรน้องพักที่นี่ จนกว่าจะหายและจำได้ผมจะพาไปส่งในเมือง
พี่พะก่อเล่าให้ฟังว่าไปพบผมนอนหงายบนริมลำห้วยท่อนล่างอยู่ในน้ำ แล้วพลิกตัวพยายามคลานขึ้นฝั่ง แต่คลานได้นิดเดียว
ก็แน่นิ่ง พี่พะก่อลงจากเนินตลิ่งดูเห็นท้ายทอยมีแผลแตก เลยแบกกลับมาที่บ้านพามาลำบากมากเพราะไกลจากนี่
มากแบกลากลงดอย 2 ดอยพี่พะก่อเหนื่อยสุด ๆ


 
ถึงบ้านก็เอาน้ำล้างเช็ดตัว เห็นแผลแตกที่หัวดูแล้วคงเจ็บหน่วง ๆ นั้น พี่พะก่อ เก็บหญ้าเมืองวาย(สาบเสือ) เอาใบมาตำจน
แหลกเอาดินเขม่าก้นหม้อสีดำ(มินหม้อ)ผสมโป๊ะอัดไปที่แผล เลยไม่บวมไม่เน่า
(ตัวผมคือไวน์ฯ ตอนเด็กเคยถูกตอไม้ตำเท้าป่าละเมาะหลังสนามกีฬาเชียงใหม่เคย ใช้ใบนี้ขยี้โป๊ะ แสบสุด ๆ เลือดหยุดไหล)
วันที่สองนับจากที่ฟื้น สังเกตเห็นบ้านที่อยู่ เป็นบ้านเตี้ย หลังคามุงด้วยใบตองตึก(ใบพลวง) ฝาบ้านเป็นไม้ไผ่ผ่าขัดแตะ
มีหน้าต่างสองบานมีห้องนอน สองห้องกับ ห้องครัว.
ที่ห้องนอน มีฟางอัดแน่นสูงเสมอเข่า ขัดด้วยไม้ไผ่กันเลื่อนใช้เป็นที่นอน
ครัวพื้นเป็นดินอัดแน่นเหมือนกับในห้องนอน มีหินสามก้อนวางเป็นเตาไฟ   มีไม้ฟืนวางเรียงค่อนข้างดีหยิบใช้ง่าย
 
 เหนือเตาไฟห่าง ๆ พริกแห้งเสียบด้วยไม้ แขวนใกล้กับ แผงปลาย่างสีน้ำตาลดำ เลยไปใกล้ประตูข้าวโพดแห้งมัดติดกันเป็น
เป็นพวงเต็มไปหมด. กระบุง ตระกร้า แขวนข้างฝาหลายใบ
 
ตัวบ้านอยู่บนตลิ่งลำห้วยอยู่ข้างล่าง น้ำใสไหลดังจุ๋งจิ๋งยามน้ำไหลถูกก้อนหินใหญ่ พื้นน้ำใสเห็นก้อนกรวดเล็กเต็ม
 ตัวบ้านหันหน้าไปกับลำห้วย ด้านข้างซ้ายไปทางทิศตะวันตกบ้านหน้ากับด้านหลังเป็นเนินเขา เป็นป่าละเมาะทั้งสองฝั่งห้วย
ลำห้วยผ่ากลางคดเคี้ยวไปทางตะวันตก


 
ยามเย็นดวงอาทิตย์จะตกลับขอบดอย. หมอก และความเย็นปกคลุมไปทั่วหุบเขาเราสามคนนอนเล่นบนแคร่ไม้ไผ่ที่เดียว
กับแคร่ที่กินข้าว ดูดาว
แต่ความว่างเปล่า ในหัว ทำให้จิดใจสบาย แต่ก็เกรงใจพี่พะก่อที่ให้ที่พักอาหาร มาอยู่กับสองพ่อลูกเกือบสองเดือน
กระดูกที่เคยปวด กล้ามเนื้อแผลหายดีก็พยายามเดินตาม เด็กชายก่ำกับพี่ก่อไปตามดอยใกล้ ๆ
เลยอยู่ทำไร่กับพี่ก่อไปก่อน 


 
ตื่นมาเช้ามืดช่วยก่ำหุงข้าว เอาไข่ไก่ป่าลูกเล็ก 6 ใบต่อยใส่ชามดิน ซอยพริกขี้หนูเขียวซอยหอมบั่ว(หอมแดง)แดงใส่ไป 3 หัว
หยิบผงเกลือสีมอ ๆ ใส่หยิบมือใช้ช้อนไม้ตีจนแตกเข้ากันดี รอข้าวที่หุงสุก เจียวไข่เป็นแผ่นโตยกไปกินที่แคร่ไม้ไผ่
ริมลำห้วยเราสามคนกินข้าวเช้ากันเงียบ ๆ  เตรียมตัวไปขนฟ่อนข้าวไร่บนดอยลงมาที่บ้าน
 นั่งพักบนแคร่ไม้หน้ากระท่อมหลังเล็ก แสงแดดสาดแสงผ่านแมกไม้ลมพัดเบา ๆ หมอกที่ลอยแผ่นบางเลื่อนไหลงเคลียคลอ
โขดหินข้างลำห้วย แตกเป็นสองทางหมอกผสมไอน้ำของลำห้วยที่ลอยขึ้นมาเป็นหมอกหนาขึ้นอีก
เสียงน้ำในลำห้วยไหลผ่านกิ่งไม้หักทอดยาวขวางน้ำดังคลิก ๆ
พี่พะก่อ หมอกจะลอยแบบนี้ อีกกี่เดือนครับ
 งามเหรอ
ครับ สวยจริง ๆ
ถ้าเป็นหน้าเกี่ยวข้าว บนดินมีความร้อนอยู่บ้าง ผสมความชึ้นในต้นไม้ลำห้วยจะเกิดหมอกลอยที่แอ่งดอยสองเดือนได้มั้ง
ไป... เราไปแบกฟ่อนข้าวบนดอย ลงมาไว้ที่ลาน... พี่พะก่อชวน
เอ้อ ก่ำ.. ยังไม่ต้องตามไป. เก็บจานชามของกินบนแคร่ไปเก็บให้เสร็จแล้วค่อยตามไปนะ
 
เราเอาไม้คานทำด้วยไม้ไผ่ซาง หนาตรงกลาง ปลายสองข้างบางลงปลายไม้คานแหลมทั้งสองข้างแบกไปคนละอัน
ไต่ตะลิ่งหน้าบ้านลงลำห้วย ไอน้ำลอยเรี่ย ๆ ปลาตัวเล็ก ว่ายวิ่งไปมาคงจะกลัวยักษ์สองคนจับมากิน
เท้าเหยียบลงน้ำ ความอุ่นของน้ำทำให้สบายเท้า ไม่เย็นเหมือนตอนนั่งกินข้าวเช้าเหยียบไปถูกกรวดอยู่ใต้น้ำดังเอี๊ยดอ๊าด
 น้ำลึกแค่เข่า จึงต้องดึงขากางเกงสะดอขึ้นมาติดไม่ให้เปียก
ชายตลิ่งเป็นดินละเอียดปนทราบ นุ่มเท้ามีหญ้าขึ้นแซมบ้าง เราเดินขึ้นดอยชันต้องโน้มตัวไปข้างหน้า เมื่อผมโน้มตัวไปข้างหน้า
รู้นึกเดินง่ายไม่หนักเหมือนเดินตรง..ผ่านก้อนหิน ตอไม้เก่า ไม่นานก็ถึงฟ่อนข้าวที่มัดไว้
 
กาน... เอาไม้หลาว(คาน) แทงลงไปที่ฟ่อนข้าวแบบนี้ จนให้โผล่แล้วเอาฟ่อนเข้าวางกับพื้นให้ ไม้คานโผล่โด่เด่
น้องกานเอาฟ่อนข้าวใหม่ยกขึ้นแทงลงที่ปลายไม้คาน แบบนี้.. แล้วก็ยกลงเสมอกัน


 
ทำตามที่พี่ก่อสอนให้ ใส้มัดฟ่อนข้าวใส่ข้างละ 2  ฟ่อนยกใส่บ่าพอไหวเดินลัดเลาะใต่ลงดอยไปวางไว้บนลานกว้างเรียบริมห้วย
เดินกลับพี่ก่อหาบฟ่อนข้าวเต็มคานหน้าหลังประมาณ 8 ฟ่อนดูแล้วหนักน่าดู


 
เราสองคนช่วยกันหาบลงดอยไปเรื่อย ๆ ดื่มน้ำในกระบอกไม้ไผ่ที่ น้องก่ำนำมาแขวนไว้บนตอไม้
เราหยุดพักตอนดวงอาทิตย์ตรงหัว ดีที่อากาศยังเย็นเหงื่อที่ออกแห้งไว้ กลับไปกินข้าวกลางวัน
น้องกานดูจะไม่เคยทำงานหนัก ตอนบ่ายพักก็แล้วกันวันพรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่
ครับพี่
ผมตอบพี่ก่ำง่าย ๆ..เป็นงานหนักมากบ่าระบมเดินขึ้นดอย ลงดอยน่องปวดสุด ๆ  ผลัดเสื้อผ้าลงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อกางเกงขาก๊วย
แล้วงีบนอนที่แคร่ไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมลำห้วยหลับไป
 
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ(ภาพแทนกับถ่ายเองภูมิประเทศคล้ายกัน) (Re No. 08 No.739) พิมพ์ครั้งที่ 3
st ผู้เข้าชม  2,545,745.
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ
 
งานเขียน เรื่องสั้น (ขนาดยาวปานกลาง)



Create Date : 29 พฤษภาคม 2566
Last Update : 29 พฤษภาคม 2566 5:49:29 น. 15 comments
Counter : 1006 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกิ่งฟ้า, คุณหอมกร, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณhaiku, คุณkae+aoe, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณเริงฤดีนะ, คุณ**mp5**, คุณkatoy, คุณtoor36, คุณmariabamboo


 
พี่ไวน์มีประสบการณ์จริงในชีวิตเยอะมาก
นำมาเขียนนิยาย ก็เขียนได้สนุกเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤษภาคม 2566 เวลา:6:25:32 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไวน์ มาอ่านเรื่องสั้นเริ่มสนุกแล้วจะติดตามอ่านต่อนะคะ ชอบอ่านค่ะอ่านเพลินเลย

Literature Blog

มีความสุขวันจันทร์ค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 29 พฤษภาคม 2566 เวลา:7:45:56 น.  

 
ไม่เข้าป่าก็ไม่หลงป่านะพี่ไวน์
ตกลงเปลี่ยนหมวดแน่แล้วเหรอเนี่ย




โดย: หอมกร วันที่: 29 พฤษภาคม 2566 เวลา:7:48:58 น.  

 
ผมว่าน่าจะยาก
ที่เพื่อไทยจะย้ายฝั่ง
แต่การเมืองไทย
ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆครับพี่
รอติดตามดูครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤษภาคม 2566 เวลา:20:46:26 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไวน์ ชอบภาพไก่ป่าข้างบนสวยจังเลยค่ะตัวอ้วนๆน่ารักๆ อิอิ สงสัยจะขันเพราะมาก

ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจบล็อกผัดเปรี้ยวหวนนะคะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 29 พฤษภาคม 2566 เวลา:23:29:15 น.  

 
พี่ก่อ น้องก่ำ น้องกาน เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่มารู้จักกัน
และเกี่ยวพันกันโดยบังเอิญนะคะ
พี่พะก่อมีน้ำใจมากค่ะพี่ไวน์ที่ช่วยเหลือช่วงที่บาดเจ็บ ให้ที่กินที่พักเป็นเวลานาน
และยังสอนการแบกฟ่อนข้าวจากดอยอีกด้วย
ชอบธรรมชาติและวิถีชีวิตในเรื่องค่ะ

ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ไวน์
ขอบคุณพี่ไวน์มากนะคะสำหรับกำลังใจ



โดย: Sweet_pills วันที่: 30 พฤษภาคม 2566 เวลา:0:17:21 น.  

 
ไม่ได้พี่พะก่อนที่พี่ไวน์ไมาได้มานั่งเขียนไดอารี่ให้พวกเราได้อ่านกัน
ชีวิต!!

คุ้มค่าที่ได้เกิดมาเป็นลูกผู้ชายชื่อพี่ไวน์

เคารพๆ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 30 พฤษภาคม 2566 เวลา:5:42:53 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 พฤษภาคม 2566 เวลา:6:01:57 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 30 พฤษภาคม 2566 เวลา:9:35:20 น.  

 
สวัสดีครับพี่ไวน์

โอ้ ไม่ได้อ่านเรื่องพี่พะก่อ กับก่ำมานานนนนมากแล้วครับ จำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว5555

อ่านมาถึงช็อตทำไข่เจียว 5555 หิวเลยครับ ถึงจะเป็นไข่ไก่ป่า แต่ก็น่าจะน่าทานไม่แพ้กันครับ
นึกไม่ออกเลยว่า ถ้าต้องเข้าไปอยู่ป่าจริงๆ จะกินจะอยู่ยังไง
ชอบการบรรยายของพี่ไวน์มากครับ เห็นภาพมาก ๆครับ

จากบล๊อก
สวนอัมพรนี่นึกถึงสมัยเด็กมาก ๆ เลยครั ได้ยินโฆษณาทีวีบ่อยเลยว่ามีการจัดแสดงสินค้าที่สวนอัมพร
แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วนี่ครับ สวนอัมพร
การออกงานที เหนื่อยมาก ๆ ครับ แทบจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จากมีคนช่วนขนของก็ไม่มี
แถมพอถึงเวลาส่งงาน ก็จะนัดกันรัวๆ

55555ชอบคำว่า ก้มขู่ดินครับ 55555 ทำไปทำไม
แต่พออ้วกแล้วมันสบายจริงๆ ครับ ผมสดชื่นเลย


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 30 พฤษภาคม 2566 เวลา:16:50:21 น.  

 
เขาแบกแบบนั้นได้ต้องแข็งแรงระดับหนึ่งเลย หรืออาจเป็นเพราะเขาชินก็ได้


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 30 พฤษภาคม 2566 เวลา:21:20:56 น.  

 
อยู่แบบนั้นลำบากครับ แต่ถ้าอากาศเย็นหน่อยก็พอได้นะ ผมไม่ชอบอากาศร้อนๆ มันนอนไม่ค่อยจะหลับ ถ้าหลับก็หลับจากความเหนื่อยล้า

ไก่ป่ามันไม่หวงไข่เหรอครับ ไก่บ้านยังหวงเลย สงสัยไปหาอาหาร


จากบล็อกเล่มที่ผมแนะนำเป็นเล่ม เกล็ดความรู้ครับ ผมว่าอ่านสนุก หนังสือสามก๊กแบบทั้งเล่ม ผมก็ไม่เคยอ่าน เคยอ่านแต่ที่มีคนตัดมาให้อ่านเป็นไฮไลท์สำคัญๆ ของเรื่อง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2566 เวลา:0:08:44 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 พฤษภาคม 2566 เวลา:5:27:04 น.  

 
แวะมาอ่านชีวิตในป่า
กับพี่เห่อ
อุ้มชอบชีวินชนบทแบบนี้ค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 31 พฤษภาคม 2566 เวลา:6:10:55 น.  

 
วันนี้รองนายก ว.ออกมาเตือนก้าวไกล
ว่าจะเรียกข้าราชการมาให้ข้อมูลก็ทำได้
แต่ทำให้มันเนียนๆหน่อย
เพราะคุณยังไมไ่ด้เป็นนายกฯ

ฟังดูเหมือนเตือน
แต่อีกอารมณ์คล้ายคำขู่ยังไงก็ไม่รู้ครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 พฤษภาคม 2566 เวลา:13:15:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไวน์กับสายน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]





เขียนการเดินทาง
ด้านธรรมชาติ
จักรยานเสือภูเขา



หลังไมค์ครับ
Friends' blogs
[Add ไวน์กับสายน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.