No. 1095 บ้านน้อย กลางป่า (EP.7 หา ปลาในป่า) |
 |
เสียงไก่ป่าร้องดังจากไหล่ดอยปลุกให้ตื่น ตลบผ้าต๊วบ(ผ้าห่ม) พับเก็บวางไว้บนหมอน เปิดประตูออก |
หน้าบ้าน ความเย็นหนาวสอดแทรกเข้าหน้าอก เย็น... ข้างนอกสว่างด้วยแสงจันทร์นวล ลำห้วยวันนี้ไม่มีหมอก น้ำไหลช้า ๆ |
เสียงน้ำไหลดังเบา ๆ |
ออกมานั่งบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ดวงจันทร์ค่อย ๆ เลื่อนไปขอบฟ้า...ดวงอาทิตย์ทอแสงสาดแสงแทน ดวงจันทร์เริ่มเห็นเป็นเพียง |
ดวงกลมขาว  แสงอาทิตย์ส่องผ่านต้นไม้เป็นลำยาว ต้องกับกระแสน้ำในห้วยเป็นประกาย |
ตื่นนานแล้วหรือน้ำ..... |
เมิน(นาน)แล้วครับ....พี่เรียกผมว่ากานต์ก็ได้ครับพี่ ผมนึกถึงครั้งที่เคยเป็นเซลแมนที่ระยอง |
ได้ ๆชื่อกาน คงกานขึ้นจากน้ำ (คลานขึ้นจากน้ำ) แล้วเซลแมงมันคืออะหยัง |
เซลล์แมนแปลว่า คนขายของครับพี่ก่อ |
เออ. วันนี้กินข้าวเช้าแล้วไป จับปลากันที่ดอยโน้น พี่พะก่อชี้ลงไปที่ดอยข้างล่าง |
เตรียมตัวอะหยังพ่อง(ผมพยายามฝึกพูดภาษาว่า เตรียมอะไรบ้าง) |
ก็ไม่มีอะไรมาก มีแห ข้องใส่ปลา ห่อข้าวเที่ยงคนละห่อก็พอ พี่พะก่อบอก วันนี้ก่ำอยู่บ้านไม่ต้องไป |
ครับป่อ ก่ำจะอยู่บ้าน |
เช้านี้ผมจะผัดถั่วเน่าเม๊อะให้กินนะครับ...... พี่พะก่อยิ้มพยักหน้า |
ตั้งหม้อดินเปล่าให้ร้อน เอาถั่วเน่าเม๊อะค่อนข้างแฉะ...แกะใบตองกล้วยที่ห่อออกใส่หม้อดินไปสองห่อแล้วปิดฝา |
|
พริกชี้ฟ้าสี่เม็ด หอมบั่ว(แดง) สี่หัว เกลือตำพอแหลกแล้วไส่ในหม้อดินที่ร้อน ใช้ป๊าก(ทัพพี) ไม้แบน ๆ คนไปมาไอน้ำพวยพุ่งขึ้นเต็ม |
หม้อ ตอกไข่ไก่ป่าลูกเล็กใส่ไป สี่ใบ. ตักถั่วเน่าที่ร้อนโป๊ะทับไข่จนไข่จับแข็งแล้วคนไปมา ถั่วเน่าปนกับไข่ขาวแข็งส่งกลิ่นหอม |
แล้วตักออกใส่จานไม้. |
|
หม้อดินร้อนฉ่า ที่มีถั่วเน่าคั่วตกค้างอยู่บ้าง เดือดดังฟอดแฟด พีพะก่อตักน้ำใส่ไปสองกระบวย ปิดฝาเติมฟืนเข้าไปอีก ไอน้ำเริ่ม |
|
พุ่งออกมา...เปิดฝา หยิบเนื้อกวางย่างรมคำวันที่ฉีกเป็นฝอย โปรยลงไปไม่มากน้ำที่เดือดค่อย ๆ ละลายเนื้อกวางให้นิ่ม |
ส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วห้องครัวหยิบผงเกลือป่นสีคล้ำใส่ไปหยิบมือ คน ๆ จนเข้ากันดี |
|
เราช่วยกันยกไปตั้งบนแค่ไม้ไผ่หน้าบ้านหลังน้อยตักข้าวใส่จานสังกะสีให้แต่ละคน ตักน้ำซุปเนื้อกวางใส่ชาม ใช้ช้อนตักน้ำซุป |
เค็มนิดหอมเนื้อกวางแห้งฉีกอร่อยตักข้าวกิน ตามด้วย หอมป้อม(ผักชี) ต้นอ้วนที่ก่ำไปเก็บมาล้างน้ำสลัดจนแห้ง |
ถั่วเน่าเม๊อะผัดส่งกลิ่นหอม กินกับข้าวไร่สีแดง เคี้ยวถั่วเน่ากับไข่ไก่ผัดเผ็ดพริกชี้ฟ้าแกล้มกับผักชีอร่อย |
ซดน้ำซุปเนื้อกวางรมควันที่ ออกหวาน หอมกลิ่นควันซุปร้อนจนต้องเป่าให้คลายร้อนทำให้คล่องคอ |
เออที่พะก่อ... ถั่วเน่าเม๊อะนี้กลิ่นคล้าย นัตโตะจัง |
อะหยัง(อะไร) นัตโตะ พี่พะก่อถาม |
ไม่รู้เหมือนกันพี่ คำว่านัตโตะมันลอยออกมาเอง กลิ่นเหมือนเต้าเจี้ยวด้วย |
หลังกินข้าว ก่ำเอาห่อข้าวกับอาหารมื้อเที่ยงให้ไปกิน ระหว่างไปจับปลา เราสองคนเดินลงดอยไปสองลูก |
โน่น ข้างล่างเห็นทิวน้ำ มีน้ำขังอยู่ จวนถึงแล้วพี่พะก่อบอก  |
ไม่นานนัก เราก็เดินลงดอยไปถึงแอ่งน้ำค่อนข้างใหญ่น่าจะกว้างประมาณสองไร่ |
แอ่งน้ำกว้างนี้ มีต้นกกกับหญ้าขึ้นขอบ ๆ อ่าง พอเดินลงไปจะเป็นดินอ่อนนุ่มสีดำ ปลิ้นปูดขึ้นซอกเท้าแต่ค่อนข้างเหนียว |
เมื่อห้าปีก่อน น้ำในแอ่งนี้น้อยกว่านี้มาก พี่มาหาปลาเห็นกิ่งไม้ตกมาก หาปลายากเลยลากกิ่งไม้ท่อมไม้ไปไว้ที่ก้อนหินใหญ่ ใบไม้ |
ที่ร่วงจากข้างบนลงสู่น้ำไม่กี่ปีใบไม้ตะกอนดินก็ตกทับกั้นน้ำให้ไหลช้า น้ำที่ไหลมาตลอดก็ล้นไหลลงดอยข้างล่างไป |
้ จึงเกิดแอ่งน้ำและมีปลาตกขลักอยู่ในนี้มาเหมือนกัน |
เอ้าน้องน้ำ เอะเรียกชื่อว่า กานต์ดีกว่านะ 555 ลงน้ำช่วยกัน ดึงเศษต้นไม้หญ้าขึ้นบนบก จะได้ทอดแหง่าย |
เรียกกานต์ก็ได้ครับพี่ ปะเราสองคนถึงลากกิ่งไม้เศษใบไม้ขึ้นฝั่งกัน...ช่วยกันขนจนน้ำที่ขุ่น กว้างสิบกว่าเมตรแล้วหยุดพักยืน |
ยืนรอบนตลิ่งไม่นานนักมีปลาผุดขึ้นมาหาอากาศหายใจ |
|
พี่พะก่อจับตรงหัวแหที่ถักยาวเกือบเจ็ดศอก พับไปพับมาจับไว้ด้วยมือขวา มือซ้ายจับตาข่ายแหที่เหลือเกือบหนึ่งเมตรตวัด |
พาดไว้ที่ข้อศอกขวาที่ยกขึ้นไม่ให้ร่วงลง แล้วใช้มือซ้ายค่อย ๆ คลี่ปลายแหที่ถ่วงด้วยโซ่เหล็กให้แยกออก รอ.... (ขอบคุณลุงเนตร พาลุย มือทอดแหหาปลา-- ขอบคุณนะครับ)  |
อึดใจปลากระโดดพุ่งตัวขึ้นผิวน้ำ พี่พะก่อเอี้ยวศอกขวาที่มีแหพาดไปข้างหลังแล้ว เหวี่ยงไปข้างหน้าดึงมือซ้ายได้นิด รอให้แหทาง |
ขวามือไปก่อนแล้วปล่อยมือซ้าย ตัวแหก็พุ่งเป็นวงเกือบกลมจมในน้ำอย่างรวดเร็ว |
เราสองคนเดินลงน้ำ..พี่พะก่อทรุดตัวนั่งลงในน้ำ ใช้มือขวาถึงแหส่วนหัวขึ้นดึงให้ตึงนิด เพื่อจะได้รู้ว่ามีปลาวิ่งชนแหใต้น้ำ แล้วทรุด |
ลงงมปลา ชูคอไว้บนน้ำ แล้วก็จับปลาคล้ายปลากดคังขึ้นมาจับ ใส่ข้องที่แขวนไว้ข้างเอว |
เอ้ากาต์ ลงจับปลา การจับใช้มือขวาควานไปจนเจอปลาให้กางผ่ามือแล้วกดลงไปที่ตัวปลา ตัวปลานิ่งใช้มือซ้ายกดแทนแล้วใช้ |
ใช้มือขวาสอดไปใต้แหจับตัวปลา ใช้นิ้วชี้แยกออกจากนิ้วกลาง กดตัวปลาอยู่ตรงกลาง บีบหัวแม่มือเงี่ยงปลาอยู่ระหว่างนิ้ว |
เงี่ยงจะไม่แทงมือ แล้วค่อย ๆ จับปลาใส่ข้อง |
ลองทำดู ครั้งแรกเจอตัวปลา ปลาดิ้นหลุดต้องกดใหม่ จนจับใส่ข้องได้หลายตัวแต่น้อยกว่าพี่พะก่อมาก |
วันนั้นทอดแหจับปลาหลายชั่วโมง จนตะวันคล้อยต่ำลง ชวนกันหิ้วข้องใส่ปลากับข้องเล็กเดินไต่ดอยขึ้นบ้านพัก |
ถึงลำห้วยหน้าบ้าน จัดการเอาข้องปลาแช่ในน้ำใช้ไม้ไผ่ปักไม่ให้หลุดลอย แต่ให้ส่วนบนของข้องมีช่องว่างให้ปลาขึ้นหายใจจะไม่ตาย |
|
หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ กินข้าวเย็นกัน มื้อนี้น้องก่ำทำกับข้าวง่าย ๆ น้ำพริกชี้ฟ้าเผา ตำกับกระเทียมหอมเกลือใส่ถั่วเน่าแผ่นปิ้ง |
ตำเข้าด้วยกัน กินกับยอดผัก หละ(ชะอม) ที่ลวกร้อน |
ลำแต้ ๆ เน่อก่ำ ผมชมก่ำ ที่ฟ้งแล้วอมยิ้ม. |
|
หลังจากกินข้าวพักหายเหนื่อย แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วดอยเราลงลำห้วยที่ไหลช้า ๆ |
จัดการปลาที่จับมาได้ จะมีปลากดเป็นด้วย มีปลามีเกล็ดปนอยู่มากจัดการกับปลาที่ข้างก้อนหิน ผ่าท้องควักใส้ขี้ปลาดีปลาที่ขม |
ออกใส่หม้อดินที่เตรียมไว้ทำปุย. ปลามีเกล็ดจะเป็นปลาขาวก็ขอดเกล็ดด้วยมีด ผ่าแบะออกเหมือนปลากด  |
ก่ำจัดการใส่เปี๊ยด(กระบุง) ที่มีรูเล็กข้างล่างนำปลาไปล้างให้หายเมือกจนสอาด นำไปผึ่งไว้บนตระแกรงไม้ผ่าบนตลิ่งข้างบ้าน |
เมือกจนสอาดแล้ว นำไปผึ่งไว้บนตะแกรงไม้ไผ่บนตลิ่งข้างบ้านน้อยของเราให้สะเด็ดน้ำ |
คืนนั้น เราอาบน้ำล้างคาวปลา ขูดเกล็ดปลาที่ติดตามขาแขนให้ลอยน้ำไป ขึ้นบนตลิ่งใส่เสื้อผ้านั่งพักจะได้นอน |
เพื่อทำงานตอนเช้าที่พี่พะก่อว่า ไม่หนัก แต่ร้อน |
เข้านอนในบ้าน ไม่นานนักก็หลับ ผลอย......ไป |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
st ผู้เข้าชม 2,265,506. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
เพื่อนเล่าให้ฟัง ไม่ตื่นเต้นแบบนิยายนะครับ อ่านได้เรื่อย ๆ ผมฟังแล้วนำมาเรียบเรียงเพราะชอบป่าและจับปลาเองมาตั้งแต่เด็ก |
Diarist |
|
พี่ไวน์ขึ้นบล็อกนี้ได้สวยงามมากครับ
ภาษาที่บรรยายเหมือนภาษาที่ใช้เขียนนิยายเลย
ทำให้นึกภาพบรรยากาศยามเช้าในป่าได้ดีมากๆครับ
วิชาชีวิต
อยู่ที่ไหนก็ไม่มีอดตายจริงๆนะครับ
กินผัก จับปลา ล่าสัตว์
อาหารอยู่รอบตัวเลย