No. 1170 ตาสว่าง (ตะพาบ) |
|
เห็นหัวข้อเรื่องที่ให้เขียน ยากหน่อยเพราะที่ผ่านมาถูกชักจูงหรือชักชวนไป |
สู่ด้านมืดหรือที่สลัว ๆ แถวถนนเยาวราชเจ็ดชั้นเพื่อนที่เข้ามาอ่านอาจจะไม่รู้ 7 ชั้นแถวนั้นมีอะไรบ้าง |
ที่ทำงานอยู่แถวสามแยกโรงหนังเฉลิมบุรี.. เบื่ออาหารกลางวันพวกข้าวต้มข้าวสวยที่ธนาคารเลี้ยง พนง. เลยไปกินก๊วยเตี๋ยวแคะ(ฮากกา) ที่ขาดไม่ได้ต้องใส่ เต้าหู้ยัดใส้หมูน่าจะผสมไข่จนนัวแล้วนึ่งใส่ในชามตักกระดุกหมูราดน้ำซุป อร่อยมาก ๆ |
มีของกินเยอะพวกเนื้อลูกมะพร้าววัวเปื่อยตุ๋นทั้งก้อนโต เขาจะใช้มีดเฉือนที่ละชิ้นนำมาสับพอคำใส่ชามกลิ่นจะหอมไอลอยกรุ่น. |
ลูกชิ้นลอดช่องสิงคโปร์เฉลิมบุรี บางทีก็ไปกินพระรามลงสรง ต้องมีผักบุ้งจีนใส่ด้วย แต่พระโดดกำแพงนาน ๆ กินเพราะแพงใส่หูฉลาม ฯ |
เลยไปเป็นอาคาร 7 ชั้นเป็นย่านคนจีน...หญิงอยากไปกินควรให้ผู้ชายพาไป |
มีโรงน้ำชา.. ผมไปกินกระเพาะปลาหรือไม่ก็พระรามลงสรง |
|
ทำงานที่นั่นได้ระยะหนึ่งเพื่อนเรียนบัญชีด้วยกันรู้ข่าวก็โทรศัพท์หา แบบโทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์ |
จะแวะมาเที่ยวหา เลยถามว่าจะมากี่คนมีใครบ้าง |
เรามาคนเดียว |
ได้เลยเพื่อน แต่เธอสวยเกินถือกระเป๋าไม่ต้องมีตังค์นะเราจะเลี้ยง แต่ห้ามถือถุงกระดาษนะเจอกันหน้าธนาคารก่อนเที่ยง |
แล้วเจอกัน |
สิบเอ็ดโมงครึ่งเดินจากตึกธนาคารมองไปฝั่งตรงข้ามตรงร้านตัดสูทร้านดังมากเห็นหญิงสวย ใบหน้าง้ำใช่แล้วเพื่อนสาว |
ไม่ได้เจอกันตั้งแต่เรียนจบมา 555 โบกมือทักทายรีบข้ามถนนไปหา |
ดีใจเจอเพื่อน อ้าวเห็นหน้าเราแล้วไม่ดีใจเหรอหน้าง้ำ |
บ้าชิบ... |
อะไรเห็นเราก็ด่าเลยนะ |
เปล่าด่าเธอ เมื่อกี้ฉันยืนอยู่ตาแป๊ะแก่ ฟันหลอเหลือง...แถเข้ามาถามว่า เท่าล่าย.... ดูมัน...ฉันเลยด่าไปชุดใหญ่ |
อ๋อ ...ถือถุงกระดาษโชคดีมาด้วยเราเตือนแล้วว่าอย่าถือมา มันเป็นสัญญาลักษณ์ที่รู้กันว่า ขายเนื้อสด |
มะไปกินก๊วยเตี๋ยวแคะหรือเกาเหลาเนื้อเปื่อยดี..เนื้อสดก็มีนะ 555 |
ไม่กิน....ฉันจะกินราดหน้ายอดผักเคี้ยงเอ็มไพร์ดีกว่า |
|
ทำงานเรื่อย ๆ มาหลายจังหวัดแล้วแต่นาย ๆ เขาจะส่งไปทำงาน ทำได้บ้างไม่ได้บ้างคือไปทำแบบงู ๆ ปลา ๆ |
เรียกว่าพอเอาตัวรอดมาได้... มีนาย(คนหนึ่ง) มองเห็นแววลาง ๆ เลยให้พูดอบรมสมุห์บัญชีกับ ผช. ที่เข้ารับการอบรม |
เราก็ปลื้มที่ได้รับมอบหมาย....เข้าพักที่โรงแรมเตรียมหัวข้อการสอน |
ก่อนนอนก็ดูรายชื่อสมุห์บัญชีกับ ผช.ที่เข้าอบรม... ตาย ha… เพื่อนสมุห์บัญชีที่เคยเห็นหน้ากันอีกคน เราเคยเรียนสถาบันเดียว |
กันหลายปีแต่มันเพิ่งเข้ามาทำงานกับบริษัทได้แค่ 2 ปี ส่วนผมไม่ใช่นักพูด |
คิวผมที่ต้องพูดอบรมสมุห์บัญชี บ่ายโมงหลังกินอาหารกลางวัน... คิดเลยว่าคนจัดประชุมแกล้งเรานี่หว่า 555 เขากำลัง |
ง่วงนอนจะพูดแบบไหนดี |
ยืนหลังโพเดียมมิให้สมุห์บัญชีเห็นขาที่ผมกำลังสั่น ๆ แนะนำตัวว่าเป็นวิทยากร แทนอีกคนที่ไม่ว่าง ว่าแล้วก็กวาดสาย |
ตามองเพื่อนที่เคยเป็นนักศึกษาด้วยกัน อมยิ้มแล้วก็กวาดสายตาไปมองอีกจุดหนึ่ง |
บริษัทเขามอบให้ผมช่วยแนะนำ เทคนิคการทำงาน.. |
มีอยู่ 3 คนเป็นสมุห์บัญชีที่เชี่ยวชาญมากกว่าผมเคยศึกษาจากสถาบันแถวแม่น้ำเจ้าพระยา บางเขน |
ถ้าผมพูดอะไรซ้ำ ๆ รู้แล้วก็เฉยไว้นะครับ ว่าแล้วผมก็จิกสายตาไปที่เพื่อน 2 คน |
คนที่อยู่ในห้องประชุมนี้คงมีคนเจอปัญหาและแก้ไขได้แล้ว |
ผมจะขอให้ลุกมาหน้าห้อง..ช่วยเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง .ว่าเจอและแก้ไขแบบไหน...พูดว่าจะชี้ตัวให้ลุกขึ้นมาบนเวที พวกเขากลัวการพูดหน้าห้องคนเกือบร้อยคน ส่วนผมก็กลัวอยู่แล้ว |
หลายคนหายง่วงนอนตาสว่าง... สรุปแล้วหลายคนมาเล่าเรื่องที่เคยเจอ+การแก้ปัญหา |
สมุห์บัญชีใหม่หรือ ผช.เตรียมตัวจะไปเป็นสมุห์บัญชีสาขาอื่นดูจะพอใจ เข้าใจ.. ผมก็ย้ำวิธีการแก้ไขงานอบรมก็ผ่านไปด้วยดี |
คือผมแปลงการประชุุมอบรม เป็นสัมนาแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้เข้า"ถูกอบรม" |
เคล็ดลับที่หลายคนไม่รู้ ผมเลียนแบบจากคนหนึ่ง... |
|
ตอนนั้นผมไปทำงานแถววัดเล่งเน่ยยี่ มีเด็กหนุ่มกว่าผมใคร ๆ ก็เรียกว่า อาเนี้ยวคอย ยกน้ำชาหรือไปซื้ออาหารให้พวกเรา |
ทานกันในออฟฟิศเช็ดโต๊ะหรือรับรองลูกค้าที่เข้าติดต่อบริษัทกับผมเห็นกันทุกวันอายุน่าจะไล่ ๆ กัน อาเนี้ยวชอบนุ่งกางเกงหลวม ใส่เสื้อแขนสั้นไม่ผูกไทด์ รัดเอวด้วยเข็มขัดติ้ว 555 แบบชาลี แชบปลิ้นตลก ๆ ยิ้มเก่งเดินเร็ว |
ผมทำงานถึงเย็นหรือโอที่เพราะงานมาก จะเห็นอาเนี้ยวนั่งคีย์ข้อมูลเข้าเครื่อง IBM ก่อนเป็นคอมพิวเตอร์เมนเฟรม ห้องเดียวกันผมเข้าฝึกคีย์เหมือนกัน |
แต่จะเห็นอาเนี้ยวนั่งอยู่ในห้องคณิตศาสตร์ประกันภัยเป็นส่วนใหญ่ มิสเตอร์ KPU จะดูเอกสารและชี้ ๆ ให้อาเนี้ยวดู ๆ ฟัง |
|
อีก 2 ปีต่อมาบริษัทก็เรียกผมที่เคยทำงานมาหลายสาขา...ไปรับการอบรม ณ หัวหินร่วมกับเพื่อน |
สมุห์บัญชีอื่นเต็มห้องอบรมร่วม 100 คนเป็นเวลา 1 เดือน |
ตื่นตอนเช้าก็ ไปเล่นบอลชายหาดใส่กางเกงขาสั้น เสื้อกล้ามลากรองเท้าแตะ ถอดรองเท้าวิ่งเตะบอลชายหาดเหงื่อท่วม |
มองนาฬิกาเกือบ 7 น..พวกเราต่างวิ่งไปที่ห้องอบรมของโรงแรมไม่ต้องอาบน้ำสลัดทรายออกจากตัวก็โอเค |
เข้าห้องอบรมในชุดออกกำลังกาย เน้นฟังไม่ต้องจดอะไร |
(บริษัทให้เข้าอบรมก่อนกินอาหารเช้าแล้วปล่อยตัวไปพักผ่อน บ่าย 4 โมงเย็นเข้าอบรมอีกชั่วโมงกว่าแค่นั้นเอง) |
|
ผู้ดำเนินงานฝึกอบรมของบริษัทก็ แจ้งว่าชั่วโมงนี้ จะให้เรียนรู้คณิตศาสตร์ประกันภัยช่วยให้ไม่เสี่ยงภัยหรือเฉลี่ยภัย |
ได้แบบไหน ขอเชิญวิทยากร คุณ.... |
เห็นวิทยากร.ผมอมยิ้มเลยคือ อาเนี้ยวที่เคยเสิร์ฟน้ำชาให้ผมทุกวันในปีแรกที่ทำงาน...อาเนี้ยวใช้วิธีแบบที่ผมเล่ามาข้างบน |
คือผมเลียนแบบอาเนี้ยวมานะครับ แต่ที่ผมเลียนแบบไม่ได้คือ |
พูดภาษาอังกฤษคล่องปรึ๊ด คำนวณตัวเลขคณิตศาสตร์ด้วยมือบนบอร์ดอย่างรวดเร็ว มองไม่ทัน 555 เล่าที่มาของตัวเลข |
เบี้ยประกันประกอบด้วย เงินออม+ค่าใช้จ่าย+Interest+ มอร์ตาลิตี้(Mortality) คศ.1941 (อัตราการเสียชีวิต) |
ถ้าประกันอัคคีภัยจะคล้าย ๆ กันเช่นอาคาร/สินค้าเสี่ยงจากไฟ ห่างจากอาคารข้างเคียงกี่มากน้อย ละแวกนั้นเป็นจุดเสี่ยง |
จากการเก็บเชื้อเพลิง กระดาษน้ำมันอะไรพวกนี้ 555 |
|
ฟังแล้วพอเข้าใจแหละ... แต่ที่มองไม่ออกอยู่นาน อาเนี้ยวคือนักศึกษาปีสุดท้ายด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย |
|
ของมหาวิทยาลัยแถวสามย่านเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์+ คอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ เป็นนักศึกษาที่มิสเตอร์ KPU เรียกมาทำงาน |
อีก 4 ปี MD มิสเตอร์ KPU กรุณาให้ผมเข้าทำงานอีกบริษัทและมอบหมายงานให้ทำ สอนผมหลายอย่าง |
แต่เป็นด้านระบบงานมากกว่าเพราะท่านรู้ว่าหัวคำนวณผมไม่เอาไหนเลย 555 |
บริษัทแรกผมอยู่ในสังกัดมิสเตอร์ ซี วายมาร์ท่านเป็นชาวจีนดูแลด้านบัญชีท่านจะสั่งงานแก้ไขใช้เขียนเป็นปะกิด+พูดไทยบ้าง |
ผมไม่ค่อยรู้เรืองภาษาจีนรู้เพียง เจี๊ยะ เจ็กหนอซาสี่... ดีที่นายเขาไม่ไล่ให้ไป |
|
จบแล้วครับผมตาสว่างเพราะสังเกต +เรียนรู้ + เลียนแบบ.. มี Boss สามท่านช่วยแนะนำให้โอกาสทำงานที่เหมาะกับตน |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
st ผู้เข้าชม 2,475,021. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |