No. 1213 ชีวิตในป่า (ตอน 11...ชนชาติพันธ์) |
 |
แสงไฟวับแวมจากกองไฟสาดไปกับต้นไม้เล็กริมลำห้วยเสียงเดินแผ่ว ๆ หยุดเป็นระยะแล้วร่าง |
สัตว์ตัวขนาดย่อมค่อย ๆ คลานเหลียวไปมา มันคงหลับตาเป็นบางครั้งเลยไม่เห็นแววตา ตัวชะมดตัวค่อนข้างโตคงได้กลิ่นข้าว  |
จากกระบอกข้าวหลามผสมเนื้อแห้ง.. โล่งอกเลยขยับตัวจับท่อนไม้ขนาดน่องใส่กองไฟทั้งสองข้างอีกกองละ 3 - 4 ท่อน |
ตัวชะมดเห็นรีบวิ่งหนีเข้าป่าไปชะมดกินมดแมลงปลาลูกไม้บางอย่าง.น่าจะเป็นพันธ์เดียวกันอีเห็นมีเล็บปีนต้นไม้หาลูกไม้กินเก่งแต่ก็กินแมลงต่าง ๆ ด้วย.. นึกได้ว่าพ่อของเพื่อนที่เชียงใหม่จับอีเห็นมาทำอาหาร.. เป็นสัตว์ไม่น่ากลัว มองน้องก่ำเอียงตัวนอนคู้เข่าหลับ |
อากาศเย็นค่อนข้างมาก ผ้าขาวม้าที่ห่มหลุดจากตัวเลยจับชายผ้าคลุมเต็มตัวก่ำ คงจะรู้สึกจับมุมผ้าขาวม้าซุกอกให้แน่นขึ้น |
เอนตัวลงนอนนึกถึงหลงป่ามาอยู่อาศัยกับพี่ก่อน้องก่ำได้ที่พัก อาหารสอนจับปลา สอนทำอาหารแม้ที่พักจะเป็นเพียงกระท่อมไม้ไผ่ |
ใช้ไผ่ตั้งเป็นฝาแล้วใช้ใบตองตึงใบพลวงมัดติดกันลมหนาว พัดสอดแทรกคงจะป้องกันสัตว์อะไรไม่ได้ |
แต่ก็ช่างเถอะได้นอนใต้หลังคากันฝนลมหนาวได้ดีที่สุดแล้ว |
แล้วก็นึกได้ว่าเคยไปเห็นคนญวนเวียตนามเลี้ยงชะมดในกรงให้กินลูกกาแฟสีแดงปนเขียวเป็นอาหารที่ ดาลัดเมืองตากอากาศของเวียตนาม |
ชะมดกินเปลือกแล้วก็ถ่ายเม็ดกาแฟที่แข็งออกมา คนเลี้ยงจะเก็บเม็ดกาแฟที่แข็งมาทำความสะอาดแล้วทำการผลิตหรือคั่ว |
ทำเป็นกาแฟขี้ชะมด...นึกถึงตอนนี้ก็คิดว่าเคยทำงานระยอง จันทบุรีกับกรุงเทพขายสินค้าเครื่องใช้ในบ้านหลายอย่าง |
เรื่องราวการใช้ชีวิตค่อย ๆ ทะยอยออกมานอนฟังเสียงน้ำห้วยไหลอากาศเย็นลงกายที่เมื่อยขบจากการเดินขึ้นเขาลงเขาตัดไม้ |
ล้าสุด ๆ แล้วก็หลับไป....... |
พี่กาน ๆ ตื่นเถอะเช้าแล้ว เราหุงข้าวกินแล้วค่อยไปดีไหม |
คงไม่ได้แล้วก่ำ ข้าวในถุงผ้าในย่ามเหลือไม่ถึงกำมือ... เราล้างหน้าแล้วออกเดินหาทางกลับดีกว่านะพี่ว่า |
ได้เลยเก็บข้าวสารไว้ก่อน เราเก็บกล้วยป่ากินไปก่อน ว่าแต่พี่ทนได้หรือเปล่ากินกล้วยต้องคายเม็ดทิ้ง เม็ดมันมาก  |
ได้ซิพี่เคยกินก่อนตกจากดอยลงมาเก็บกล้วยป่าสุกเนื้อมีน้อย ใช้ลิ้นดันเม็ดพ่นทิ้ง... เมื่อวานเราเดินลงดอยทิศตะวันตกคงผิดทาง |
เราหันหน้าไปตะวันออก เดินตัดดอยไปขวามือน่าจะไปเมืองปายนะพี่กาน |
ไม่นะ..ลองเดินตัดดอยไปซ้ายมือน่าจะเจอบ้านคน จะได้ถามทางดีกว่านะพี่ว่า ดับไฟก่อนนะพี่ |
|
หลังจากใช้กระบอกไผ่น้ำกินไปตักน้ำในห้วยมารดดับถ่านจนดับแล้วก็ เทใบไม้ออกจากย่ามสลัด ๆ จนหมดเก็บถุงข้าวดอยเชือก |
ยาวที่ใช้พันก๋งธนูจุดไฟม้วน ๆ ใส่ถุงเอามีดเหน็บกับฝักผูกติดกับเอวออกลุยลำห้วยไต่ดอยไม่สูงเหนื่อย... |
เราพักเป็นระยะไต่ตัดดอย ผ่านแอ่งดอยลุยลำห้วยวักน้ำห้วยดื่ม แสงแดดเริ่มกล้าขึ้นเรื่อย ๆ |
พี่กานตรงนั้นมีต้นมันเฮือดอยู่ เราไปขุดหัวมันใส่ย่ามน่าจะดี |
มันเฮือดของก่ำนี่มี ตุ้มมันห้อยตามเถาว์มันใช่เปล่า พี่เคยกินนะ  |
ใช่พี่ หัวมันที่ห้อยตามเถาว์เล็กหน่อย นี่ไงพี่..... |
ขุดกอนี้นะ...  |
ไม่ ๆ พี่กานตรงนั้นน่าจะมีหัวเล็กยังมียอดสีเขียว... ตรงโคกโน่น..ดินดำร่วนน่าจะเจอ...เราเผากินแทนข้าวก็ได้ |
เอ..ต้องฝานแช่น้ำให้หายคันแช่น้ำไหลหลายวันเวลากินไม่เมาใช่เปล่า |
ไม่ใช่พี่ที่คันเป็นหัวก๋อย(กลอย) โตขนาดนี้ว่าแล้วก่ำก็กางนิ้วกว้าง.. พ่อเคยเอามาผ่าเป็นซีกหนา ๆ ใช้มีดสับเอาใบตองกล้วยจับใส่ |
ก๋วยจนเต็มไปแช่ในห้วยไว้ 4 - 5 วัน..แล้วเอามาตากแห้ง จะทำกินต้องเอาแช่น้ำซอยเป็นแผ่นนึ่งอีกครั้งกว่าจะได้กินนานอร่อย |
ดีแต่ก่ำไม่ชอบเคยไปอาบน้ำในห้วยลืมไปว่าพ่อแช่ก๋อย(กลอย) ไว้คันไปทั้งตัว 555 มันม่วงกินได้เลย |
 |
ช่วยกันขุดมันม่วงใส่ย่ามคนละครึ่งย่ามแล้วเอาหัวมันม่วงซุกขี้เถ้าที่ก่ำปั่นไฟ.. จนสุกได้ที่ใช้มีดเหน็บผ่าหัวมัน ไอร้อนลอย |
กลิ่นหอม..เราสองคนกินมันม่วงจนอิ่มดื่มน้ำแล้วเดินตัดดอยต่อ ความหวังจะได้เจอบ้านคนแต่ก็ไม่พบเลย |
|
เดินลัดเลาะแอ่งดอยไปเรื่อย ๆ อากาศที่เย็นเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เดินนำหน้าก่ำโผล่ก้อนหินกลมใหญ่ เห็นคนสองคนยืนถือปืน |
ชี้นิ้วให้หยุด พร้อมกับพูดว่า |
สู เต๋ กว่าต๊าง ไหลข้า |
ผม ๆ ไม่รู้ ก่ำเขาถามว่าอะไร |
ก่ำที่ยืนกอดเอวผมไว้แน่น โผล่หน้ามองด้วยความตกใจ เอ้อพี่กานเขาถามว่า เจ้าจะไปไหน |
ผมคนไทย |
สู ลู๊กตี่ไหลม๊าข้า.. เจ้าเป๋นคนไทยหรือ |
เขาคงถามว่ามาจากไหน .. |
เฮามาจากอำเภอปายหลงป่าหลายเดือนอยู่กับพ่อ...ของละอ่อนคนนี้(เด็กคนนี้) |
ชายใส่ชุดสีเขียวลายพราง ดูจะคลายเคร่งเครียด.. จื่อสัง |
ผมชื่อกาน... ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าป่าจากปายหลงทางรถมอเตอร์ไซค์ตกดอยลงผมตกสลบมาหลายเดือนแล้ว |
ครู่เดียวมีชายใส่ชุดเขียวลายพรางมาเพิ่มอีก 4 คนมารุมล้อม |
 |
สองคนแรก..ลดปากกระบอกปืนยาวลงแล้วสะพายใส่บ่ากวักมือเรียกก่ำไปหา พูดภาษาน่าจะเป็นภาษาไต |
ก่ำพูดโต้ตอบพอจับใจความว่า หลงทางกลับบ้านไม่ถูกบ้านอยู่ไม่ไกลจากพ่ออุ้ยแม่อุ้ยของโพดิ่มซัม ว่าแล้วก็พูดไตต่อว่า |
บ้านอยู่ห่างจากถ่ำขี้ค้างคาว 3 ดอยแต่ไม่รู้ตรงไหน |
ชายในชุดลายพรางซักถามต่อ ก่ำตอบดูอึดอัด.. ก่ำหันมาบอกว่า เขาสงสัยว่าพี่กานจะมาสืบหายา |
ฮะ.อะไรนะ |
ยาที่กินแล้วเมา...พ่อเคยพูดว่าเขาปลูกต้นฝิ่น |
เดี๋ยวก่ำบอกไปเลยว่า เราไม่รู้จักใครที่รู้จักก็ก็ครูนิน ก่ำลองบอกไปซิพี่ไม่เคยเห็นตัว......เขาสองคนชี้ให้ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ |
ทำไงดี.. เขาคงไม่อยากให้เราเดินเข้าเขตของเขา หรือเขาคิดว่าเราเป็นคนของรัฐบาลพม่า |
ยุ่งแน่เลย... |
หนึ่งในสองคนแรก ถือวิทยุสื่อสารรายงานส่งภาษากันไปมาเป็นระยะ |
ก่ำกระซิบบอกว่าทางโน้นจะให้พาเราสองคนไปสอบสวน เขาสงสัยว่าพี่กานเป็นคนมาสอดแนม... สอดแนมหมายถึงไรพี่กาน |
ก็มาแอบดูเขาเอาฝิ่นมาเคี่ยวฝั่งไทยถือว่า ผิดกฏหมายนะ... ดู ๆ ไปก่อนนะก่ำ |
|
(เพื่อนที่เข้ามาอ่านการจุดไฟด้วยการปั่นเห็นว่ายากลำบาก จริงแล้วใช้เชือกผูกไม้ไผ่โค้งใช้ ไม้แห้งตรงพันกับเชือกดันไปดึงมาจนเกิดไฟ ไม่ยากเท่าใด.(ขอบคุณเจ้าของภาพที่ใช้เชือกทำให้แกนไม้หมุนไปมาชัดเจน)  |
จขบ.เคยทดลองทำที่ป่าเพชรบูรณ์ใช้ ฝ่ามือประกบปั่นแบบชาว อะบอริจิน(ยากมาก ๆ ) สู้วิธีของก่ำตามภาพข้างบนไม่ได้ไม่เหนื่อยไม่เจ็บฝ่ามือ) |
เป็นเค้าโครงเรื่องเพื่อน เขาหลงในป่าภาคเหนือนาน. ได้พบคนบ้านป่า กลุ่มชาติพันธ์. เพื่อนใช้ชีวิตแบบชาวบ้านหาอาหารกินอยู่เหมือนคนพื้นบ้าน กว่าจะรู้ว่าทำไมเพื่อนไม่ขวนขวายกลับเข้าเมืองภาคตะวันออก ก็นาน...? |
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
St.จำนวนผู้เข้าอ่าน 2,594,463. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือนกรุณาเม้นท์ข้างล่างหรือทิ้งร่องรอยนิดผมจะได้กลับไปเยือนตอบแทนถูกครับ |
|
งานเขียนเรื่อง สั้น (ขนาดยาวปานกลาง) |
|