No. 1205 ชีวิตในป่า (ตอน 6) |
|
|
นั่งกอดเข่าให้อกอุ่นสองฝั่งเป็นดอยเตี้ย ๆ มีต้นไม้สีเขียวแสงแดดสาดส่องแอ่งน้ำ..ปลาเริ่มกระโดดพุ่งขึ้นผิวน้ำ |
พี่พะก่อยืนคอยเอี้ยวศอกขวาที่มีแหพาดไปข้างหลังแล้วเหวี่ยงไปข้างหน้าดึงมือซ้ายไว้นิด รอให้แหขวามือไปกึ่งหนึ่งแล้ว |
ปล่อยมือซ้ายตัวแหก็พุ่งเป็นวงเกือบกลมจมในน้ำอย่างรวดเร็ว |
เราลงน้ำไปพี่พะก่อทรุดตัวนั่งลงในน้ำใช้มือขวาดึงหัวแหดึงตึง มีปลาวิ่งชนแหรู้ว่ามีปลาอยู่ในแห |
ใต้น้ำพี่พะก่อลงงมชูคอไว้เหนือน้ำครู่เดียวมือจับหัวปลากดคังใส่ข้องอีกสองตัวเป็นปลากั้ง(คล้ายปลาช่อนแต่เล็กกว่า) |
เอ้ากานลงมาลองจับปลาควานดูเจอปลาดิ้นให้กางฝ่ามือซ้ายแล้วกดไปบนตัวปลา ๆ นิ่ง |
กานถนัดมือขวาสอดมือใต้แหเจอปลาใช้นิ้วชี้แยกออกจากนิ้วกลางกดหัวปลาให้บีบแน่นเงี่ยงปลาจะอยู่หว่างนิ้วมันจะไม่แทง |
นิ้วจับปลาให้แน่นดึงใส่ข้องเลยนะ |
ลองทำครั้งแรกเจอตัวปลาปลาดิ้นหลุดต้องกดใหม่จนจับใส่ข้องได้หลายตัวแต่น้อยกว่าพี่พะก่อมาเป็นปลาเกล็ดจะเป็น |
ปลาพลวงสีออกชมพูหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน |
ผมเองจับปลากด |
ได้แค่สองตัวบอกตรง ๆ ไม่ค่อยกล้าจับปลาหนังกลัวเงี่ยงยักเอา...พี่พะก่อจับปลากระทิงน้ำตกตัวเล็กได้ 4 ตัว |
แสงตะวันเฉียงไปทางทิศตะวันตกนิด ๆ เราสองคนขึ้นจากน้ำกินข้าวกลางวันพี่ก่อนั่งกินเฉย ๆ ส่วนผม |
นั่งยอง ๆ กล้ามเนื้อขาสั่นนิด ๆ หนาว.... |
ทอดแหนานจนตะวันคล้อยต่ำลงชวนกันหิ้วข้องปลาไต่ดอยกลับกระท่อมพัก |
ลำห้วยหน้ากระท่อมน้ำห้วยค่อนข้างใสจัดการเอาข้องปลาแช่ในน้ำใช้ไม้ไผ่ปักไม่ให้ลอยไปส่วนบนของข้อให้มีช่องว่าง |
ให้ปลาขึ้นหายใจ จะได้ไม่ตาย สด... |
|
หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็กินข้าวเย็นกันมื้อนี้น้องก่ำทำอาหารง่ายมากตำพริกชี้ฟ้าเผาตำกับกระเทียมหอมเกลือใส่ถั่วเน่า |
แผ่นปิ้งหอมคลุกเคล้าตักข้าวไร่สีแดง กินกับยอดผักหละ(ชะอม) ลวกเค็มนิด ๆ |
(อยู่บ้านป่า คงต้องกินถั่วเน่าแผ่นกับถั่วเน่าเป๊อะเปียกสองอย่างแทนกะปิของคนภาคกลาง) |
หลังจากกินข้าวแสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วดอยเราลงลำห้วย น้ำไหลช้า ๆ ช่วยกันขอดเกล็ดปลา |
|
ลงไปดูปลาที่จับมาได้จะมีปลากดปนมีปลาพลวงมากหน่อยพี่ก่อบอกว่าหน้านี้กินปลาพลวงได้ไม่เมาปลาไม่ได้กินลูกไม้ |
ชำแหละผ่าท้องควักใส้เก็บขี้ปลาใส่ในหม้อดิน |
จะหมักทำปุ๋ยปลามีเกร็ดสีออกชมพูนิด ๆขอดเกล็ดด้วยมีดควักท้องผ่าแบะตลอดทั้งตัว |
ก่ำจัดการใส่เปี๊ยด(กระบุง) ที่มีรูเล็กข้างล่างนำปลาไปล้างให้หายเมือกจนสอาดแล้วไปวางในหม้อดินใหญ่หยิบผงเกลือสีคล้ำ |
โปรยคลุกเคล้าจนทัว ปิดฝาเก็บไว้ข้างกระท่อม |
พี่ก่อปลาที่มีเกล็ดเรียกปลาพลวงใช่เปล่าพี่ |
อ๋อปลาขาวชมพูจะทำเค็มกับปลาย่างรมควันเก็บไว้กิน |
เขาว่าปลานี้กินลูกไม้ที่ร่วงเรากินปลาเมาไม่ใช่เหรอ |
|
ไม่หรอก..ปลากินลูกมะเดื่อที่ร่วงตกไปในน้ำกินแมงด้วย... ลูกมะเดื่อสด เราเก็บมาลวกกินกับน้ำพริกบ่อยไม่เมาหรอก |
เปลือกมะเดื่อถากมามาตำผสมกินแก้ท้องร่วงกานจำได้เปล่าตอนกานมาอยู่ใหม่ตัวช้ำมากเราใช้เปลือกตำพอกที่ช้ำ |
ช่วยให้หายเร็วด้วย |
ผมก็ว่านะพี่เคยอ่านหนังสือเป็นนปลาพลวงสีชมภูคนใต้เรียกว่า กือเลาะห์ เขาเลี้ยงในห้วยน้ำไหลตลอดตัวโต |
ขายกิโลละหลายร้อยบาทคนจีนปีนังซื้อกิน |
ปลาขาวสีชมภูเกิดกินลูกกระเบาที่ร่วงลงน้ำเรากินไม่เมาเหรอ |
เฮาอยู่บนดอยสูงไม่เห็นมีต้นกระเบาเลยเคยเห็นที่อำเภอจุนเชียงราย |
อ้าวพี่ก่อเคยอยู่ อ.จุนด้วยเหรอผมเคยกินเม็ดอะไรไม่รู้เขาคั่วเปลือกสีน้ำตาล |
อ๋อ เคยอยู่ อ.จุนรับจ้างเกี่ยวข้าว เจ้าของเป็นคนพิษณุโลกเขาย้ายไปอยู่ซื้อที่นาเยอะทำเองไม่ไหว |
มิน่าพี่ก่อเลยพูดกำเมืองพูดภาคกลางได้ด้วย |
น้องกานพูดถึงไม่ใช่ต้นกระเบานะ ชาว อ.จุน เรียกว่ามะลื่นบางคนเรียกว่ามะมื่นคนใต้เรียกว่า กระบก จาวบ้านเก็บมาคั่วแกะเอา |
เปลือกแข็งออก เฮาแกะเปลือกสีน้ำตาลบาง ๆ ทิ้ง กินเม็ดในอร่อยรสมัน กินแล้วไม่เมาหรอก |
พี่ก่อไปอยู่หลายจังหวัด แล้วทำไมกลับมาอยู่ ในป่านี้อีกละพี่ |
พี่ชอบอำเภอจุนเลยตั้งชื่อลูกว่า ก่ำเป็นชื่อตำบลนาข้าวก่ำ อ.จุน แม่ของก่ำอยู่ที่นั่นวันหลังจะเล่าให้ฟัง |
สีหน้าพี่พะก่อน้ำตารื้น ๆ เลยหยุดถาม... คงมีเรื่องที่ลำบากใจแน่เลย |
|
เราอาบน้ำที่เย็น..ล้างคาวปลา ขูดเกล็ดปลาที่ติดตามขาแขนให้ลอยไปตามน้ำ เช็ดตัวใส่เสื้อ ยอมรับเลยว่าเหนื่อยเข้านอนห่มผ้ากังวลนิดว่าปลาที่หมัก |
ไว้มีแดดตาก...ดอยจะมีแดด หรือว่าทำอะไรดี แล้วก็หลับผลอยไป.... |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ (Re No. 08/------749) พิมพ์ครั้งที่ 3 |
st ผู้เข้าชม 2,567,993. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
งานเขียน เรื่องสั้น (ขนาดยาวปานกลาง) |
|
ชีวิตในป่านี่ได้บาปประจำเนอะ