No. 1087 บ้านน้อย กลางป่า...( EP. 3 บ้านป่ารอยต่อ) |
|
เขียนเล่าเรื่องเพื่อนใช้ชีวิตอยู่ในป่ารอยต่อไทยพม่า...เพื่อนรุ่นพี่คนนี้เป็นคนนิ่ง แรก ๆ ที่ฟังพี่เขาเล่าน่าทึ่งที่อยู่ในป่าได้ |
จขบ.ก็เคยทำงานในป่ามาก่อน 3 ปีเศษไม่ได้ทำตลอด คือทำงานในเมืองต้องนำอาหาร ยา เงินสดค่าแรงไปส่งให้ |
คนในป่าทำไร่ในป่าทึบ ติดฝนน้ำในห้วยไหลแรงกลางคืนมืดคนเดียว จะกลับก็ไม่ได้น่ากลัวมาก |
เพื่อนรุ่นพี่เล่าไม่ตื่นเต้นหรือน่ากลัวมากมาย น่าสนุกน่าทึ่งในการหาอาหารมากกว่า |
|
///////////// |
|
วันทั้งวัน เรา 3 คนช่วยกันเกี่ยวข้าวบนไหล่ดอย ฝั่งตรงข้ามกับตูบ(บ้าน) เกี่ยวข้าวพาดบนตอซังข้าวเหนื่อยก็พัก ทำไปเรื่อย ๆ |
บ่ายคล้อย ตะวันเลื่อนลงใกล้ยอดดอยค่อนข้างเร็วคงเป็นหน้าหนาวกลางวันสั้น |
พี่พะก่อ บอกเราว่า ปอแล้วเนาะวันพูกก่อยเกี่ยวต่อ (พอแล้วพรุ่งนี้ค่อยเกี่ยวต่อ) |
น้ำ เจ็บหลังเจ็บแอวพ่องก่อ(ปวดเอวหรือไม่) |
เจ็บมาก พี่พะก่อ ยืดตัวไม่ค่อยได้ |
|
เราเดินลุยน้ำห้วยตื้นที่ใส เย็นค่อนข้างมาก พี่พะก่อถอดเสื้อวักน้ำล้างตัวหน้าเสยผมก่ำก็ทำตามพ่อ ผมคิดหนักถ้าลงมาอาบน้ำหลัง |
กินข้าวไม่ไหวแน่อากาศเย็นมาก แต่เนื้อตัวคันจากละอองฟางข้าวเลยถอดเสื้อกางเกงใช้ผ้าขาวม้านุ่งอาบน้ำอย่างเร็ว หนาว... |
ไต่ตลิ่งขึ้นบ้านน้อย สองคนพ่อลูกกำลังอยู่เตรียมทำอาหาร |
พี่พะก่อ เข้าครัว หยิบพริกชี้ฟ้าสด เกลือใส่ครกไม้ตำพอแหลก |
ก่ำเขี่ยเถ้าไฟที่เคยมีถ่านแดงอยู่ดูแล้วดับสนิท เอากิ่งไม้เล็กวางสุมโปร่งรอ แล้วหยิบกระบอกไม้ไผ่แห้งเล็กยาวเกือบคืบ ยัดปุ่ยฝักดอกงิ้ว  |
ใช้ไม้แยงดันเข้าไป นำไม้ไผ่เหลาเล็กกว่านิดหน่อยใส่ปุยงิ่วสีขาวปนน้ำตาล สอดเข้ากระบอกไม้ไผ่วางลงพื้นดิน แล้วใช้มือกระแทก |
ลงอย่างแรง ดึงก้านสูบมีควันแสงไฟเรืองเคาะลงก้อนปุยงิ้ว  เป่าจนมีไฟลุกนิดหยิบใส่กองกิ่งไม้เล็กบนกองไฟเก่า |
ใช้ปล้องไม้ไผ่เหี๊ยะ (ไม้ไผ่บาง) ยาวเกือบศอกแนบปากเป่าจนไฟลุกติดสุมฟืนสี่ท่อนก่ายกัน |
|
คุยกับพี่ก่อบอกว่าน่าจะเรียกว่า ตะบันไฟ ( จขบ...ใช้หลักเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อ กระบอกสูบกระแทกลงแรง จะเกิดความร้อนสูงเจอละออง |
น้ำมันดีเซลเกิดระเบิดต่อเนื่อง) .. บ้านป่าใช้ ปุยงิ่วแทน) |
|
ก่ำใช้ไม้ไผ่หนีบถั่วเน่าแผ่น 2 ปิ้งห่าง ๆ เปลวไฟจนสุกเหลืองหอม แล้วหย่อนลงครกไม้ที่พี่พะก่อโขลกพริกสดสีแดงเขียว |
หยิบเกลือผงสีคล้ำ หัวหอมบั่ว(แดง) พอแหลก |
เราไม่มีกะปิเหรอพี่ |
อ๋อ เราอยู่ในป่าไม่มีกะปิกิน น้องน้ำ..เริ่มจำอะไรได้บ้างแล้ว ตอนที่พี่ไปอยู่ อ.ปายได้กินกะปิไม่กี่ครั้งที่นั่นอยู่บนดอย |
มีคนเอากะปิมาฝากลุงเขาบอกว่ามาจากเชียงใหม่...เขาบอกว่าทำจากกุ้งตัวเล็กหมักกับเกลือ |
บ้านลุงเขาใช้ถั่วเหลืองนึ่งจนสุกนิ่มมาก ใช้มือคลึงกับกระด้งให้เปลือกหลุดแล้วแล้วหมักพอได้ที่ก็ นำมาเคล้าผงเกลือตำทำเป็นแผ่น |
เราไม่ใช้กุ้งทำกะปิเหรอพี่ |
ในลำห้วยบางจุดมีกุ้งไม่มาก เอาไว้ทำแอ๊บกินดีกว่ากุ้งหายากมากนะ |
 |
พี่พะก่อ เอาหม้อดินตั้งบนเตาสามเส้า ควักน้ำพริกที่ตำพอแหลกใส่ หม้อดินเริ่มร้อนกลิ่นหอมของน้ำพริกเริ่มโชย |
พะก่อ ใช้ป๊าก(ทัพพี) ไม้ คน. กลิ่นหอมฉุยคลุ้งจนจาม... ใช้กระบวยตักน้ำเทใส่ครึ่งกระบวยปิดฝาก |
เอาผักกูดที่ก่ำเก็บจากลำห้วยตอนกลางวันจับรวบเป็นกำ  จับบิดจนขาดแล้วโยนใส่หม้อดิน หยิบปลาย่างรมควันบน |
ตระกร้าที่แขวนไว้เหนือเตา หักบิลงไป 2 ตัวใช้ป๊าก คนไปมาปิดฝาหม้อ |
รอจนไอพุ่งผ่านฝาหม้อดินขึ้นมา กลิ่นหอมฟุ้ง กำนั่งยอง ๆ อยู่ใกล้ ๆ ท้องของก่ำร้องดัง จ๊อก ๆ ก่ำยิ้มอาย ๆ |
พี่พะก่อเปิด ฝาแล้ว บีบมะนาวที่ฝานแล้ว ใส่ในหม้อคนไปมาแล้วใช้ ใยต้นกล้วยป่าแห้งพันเป็นก้อนจับหม้อไปไว้ที่แคร่น่าบ้านริมตลิ่ง |
|
ก่ำเตรียมจานสังกะสีช้อนกับชามแกงเป็นสังกะสี คดข้าวจากหม้อดินไว้สามจาน |
ตักแกงผักกูด ใส่ปลาย่างกลิ่นฉุย น่ากินผักกูดสุกแต่ยังเขียว |
|
ตักน้ำมาชิม. โฮ พี่พะก่อ อร่อย.... พี่ทำแบบไหนผักกูดยังเขียววันก่อนผมทำสีเหลืองไม่อร่อยเลย |
อ๋อ...พี่บีบมะนาวใส่ก่อนยกลงถ้าใส่ก่อนมันจะขม |
|
กินข้าวเสร็จ ก่ำนำจาน ชามช้อนหม้อดินไปล้างในห้วย คว่ำจานชามบนแคร่ไม้ไผ่สูงระดับเอว |
พี่พะก่อ นั่งพัก คุยกับผมเรื่องราวของหมู่บ้านที่อยู่ความมืด คลุมไปทั่วอากาศหนาวเย็นลง สองคนพ่อลูกพากันไปอาบน้ำในห้วย |
หลังจากอาบน้ำ เช็ดตัวเปลี่ยนกางเกงเสื้อผ้าสีคล้ำออกสีน้ำเงินเสร็จก็เข้าบ้านนั่งคุยต่อ |
พี่เราอยู่ในไทยหรือพม่า |
เราอยู่รอยต่อไทยกับพม่า เขาว่าบ้านเราที่ปลูกอยู่ไทย ข้ามห้วยเป็นรัฐฉานใต้ของพม่านะเราไม่รู้ว่า ดอยไหนเป็นของไทยของพม่า |
เมื่อก่อนอุ้ยปะจาย(ตาผู้ชาย) เคยชี้ให้ดูว่าดอยขวามือของไทยมันคดไปมาตามน้ำห้วย พี่เดินตามอุ้ยไปทำไร่ทางโน้นเป็นเขตพม่า |
งั้นที่ผมไปเกี่ยวข้าวก็ของพม่าซิครับพี่ |
ไม่รู้ พี่ไม่รู้จริง ๆ เราอยู่ของเรามาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้พี่อายุ 41 ปีก็ไม่มีใครมาดู ญาติห่าง ๆ ของอุ้ยแม่หญิง กับคนอื่นปลูกบ้าน |
อยู่ไปอีกสองดอยตางปู้น(ทางโน้น) วันหลังจะพาไปถ้าออกเดินไต่ดอยเช้าหน่อย ไปถึงตอนกลางวันตะวันอยู่ตรงหัวเฮา |
ถ้าน้ำไปด้วยคงจะบ่ายหน่อยนะ |
พี่พะก่อเป็นคนไทยหรือพม่า |
เป็นไตใหญ่ก็คนไทยแบบคนเมืองปาย น้ำเคยไปบ้างเปล่าที่ตลาดปาย |
ไม่รู้ ผมจำไม่ได้..พี่ไปพม่าบ้างเปล่า  |
เคยเดินไปซื้อของกับเพื่อนเดินหนึ่งวันเป็นตลาดดอยไตแลง..คนเขาพูดว่า ลอยไตเลง... เสียงเขาไม่เหมือนคนเมืองปาย |
เดินกลับมาก็สองวันเดินตัดดอยขึ้นดอย ที่นั่นมีของขายมากกลางคืนไฟฟ้าสว่างพี่ไปนอนที่วัดอากาศหนาว  |
คนที่นั่นเขาพูดคำแปลก ๆ...แล้วเขาพูดภาษาอะไรครับพี่ก่อ |
เป็นภาษาพม่า ปนไตใหญ่บางคำพี่ก็ฟังไม่ออก ที่เหมือนกันก็มี ลูกชาย ลูกหญิง ก็เรียกว่า ลุ๊กจ๊าย ลุ๊กญิ๋ง |
ไม่นานนัก หนังตาผมชักจะหนัก เข้าทุกที |
น้ำ.ง่วงนอน ไปหลับเต๊อะ. วันพู๊ก(วันพรุ่งนี้) จะไป.หาบข้าวมาที่บ้านงานหนักเน่อ |
ครับปวดเอวปวดหลังมาก... ไปนอนละครับ นึกถึงก้มเกี่ยวข้าวไหล่ดอยที่เอียงไม่นานก็หลับ.... |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ (re. 08) |
st ผู้เข้าชม 2,243,785. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์
การก่อไฟ
เด็กรุ่นใหม่บางคนอาจทำไม่เป็นแล้วนะครับพี่
ทักษะชีวิตและการเอาตัวรอด
เป็นสิ่งจำเป็นแน่นอน
แต่ไม่ค่อยมีใครสอนเลย