No. 1133 เพื่อนเจ๋ง... ส่วนเรา.. หุ หุ |
|
ได้กลับไปเยือนพิษณุโลก เมืองที่เคยอยู่ทำงานหลายปีจน สร้างบ้านน้อยได้ 1 หลังอยู่ชานเมือง..วันนี้ปลีกตัวจากเพื่อนมานั่ง |
เล่นริมแม่น้ำน่านหน้าโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี....ปัจจุบันเทศบาลเมืองได้จัดทำ ถนนวิ่งเดินต่ำกว่าถนนจะมี ... |
คนวิ่งเดินตอนเย็น ลมพัดเย็นสบายทำให้นึกถึงเรื่องย้อนหลังไปหลายสิบปีต้นพะยอมโบราณต้นใหญ่คือต้นที่ยืนตายข้างล่างนี้ พวกขี่่มอเตอร์ไซค์ชอบเหล้าชอบขี่ชนจนซี้คาที่หลายคนเมื่อก่อนเป็นถนนโค้งนิด ๆ ต้นใหญ่ใบเขียว กลางคืนถ้าเดินคนเดียวจะไม่ค่อยกล้าเฉียดใกล้ 555 |
ข้างล่างเป็นภาพเก่า ยังมีเรือนแพอยู่หน้าโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี.... |
อยู่พิษณุโลกมีความสุขมากมาย ชอบไปนั่งริมน้ำน่านไหลผ่านกลางตัวเมือง ฤดูแล้งเห็นตลิ่งดิ่งลงสู่สายน้ำไหล |
อยู่ข้างล่างเรือนแพลอยยาวติดต่อกันตั้งแต่สพานนเรศวรไปถึง วัดใต้ |
แพทำด้วยไม้ไผ่มัดเป็นแพ ผูกด้วยลวดและขัด สอดด้วยไม้จริงตัวบ้านปลูกติดตรึงข้างบนแพหลังคาสังกะสี ตัวแพมัดเชือก |
เส้นโตกันมิให้ไหลไปตามน้ำ ตรึงกับหลักไม้ริมตลิ่งที่สูงชัน |
ตัวบ้านในแพ มักจะปูด้วยไม้จริงแผ่นหนา ยามว่างชาวแพจะตักน้ำราดแผ่นไม้ใช้แปรงลวดขัดราดน้ำหลายครั้ง |
พอแห้งแล้วเนื้อไม้สีทองเหลืองอร่าม ใช่ครับ ไม้สักทองแน่นอน |
นั่งนอนเรือนแพของแม่เพื่อน ตกเย็นนอนกับพื้นไม้ แผ่นหลังที่เปล่าเปลือยทาบแนบกับเนื้อไม้เย็นสบาย |
|
นอกเรือนแพ มีที่ว่าง เขาจะตีกะบะไม้ นำดินปุ๋ยใส่ ต้นพริกขี้หนู ชี้ฟ้าหอมแดงใบโหระพาอย่างละนิดหน่อยส่วนผักสิ้นคิด |
กลับไม่ปลูก ยามสายลมพัด พริ้วสวย |
แม่ของเพื่อนทำอาหาร ฉู่ฉี่ปลาหมอ ด้วยพริกชี้ฟ้าสดโขลกพอแหลกผัดจนได้ที่ หย่อนปลาหมอตัวโตลงหมกด้วยน้ำพริก |
อบไอร้อนจากเตา พริกไม่กี่ครั้งก็สุกด้วย เตาฟืนเพื่อน ๆ อย่าได้สงสัยว่าไฟจะไหม้แพ |
เขาตีกะบะไม้ใหญ่กว้าง เมตร คูณเมตร นำดินเทใส่จนเต็มเป็นฉนวนกั้นความร้อนข้างบนใช้เหล็กสามขาตั้งแล้วก่อฟืนได้ |
ผมกับเพื่อน ถอดเสื้อผ้าเหลือ กก.ใน ลงอาบน้ำข้างแพถูตัวด้วยสบู่นกแก้วหอม ไม่งั้นก็สบู่แอสทอลสระหัวจนสอาด |
ขึ้นเช็ดตัวด้วยผ้าขาวม้า นุ่งกางเกงขาสั้นใช้มือเสยผมที่แห้งหมาด ๆ เย็นสบายมาก ๆ |
นั่งกินข้าวสวยร้อน ๆ กับฉู่ฉี่ปลาหมอ ใช้ช้อนตักเนื้อปลาที่ขาวปนเหลืองนิด ๆ น้ำพริกเผ็ดเนื้อปลาหมอหวาน |
กลิ่นขมิ้นหอม เคี้ยวกับข้าว อร่อยจริง ๆ เศษปลา อาหารโยนลงสายน้ำน่านที่ไหลเอื่อย ๆ ปลาแขยงกับปลาเค้าผลุบขึ้นฮุบ |
ข้าวไปค่อย ๆ โยนลง ไม่ต้องกลัวน้ำจะเสียก็เศษอาหารไม่มากน้ำเยอะ |
|
เรือนแพ มีหมายเลขแพ ติดไว้ด้วยคงจะมาจากเทศบาลออกให้เรียงตามลำดับ แพ 22 แพ 23 บุรุษไปรษณีย์เดิน |
เดินลงตลิ่งที่ดิ่งลงสู่ผืนน้ำ ไปส่งแต่ละแพ แล้วก็ไต่ขึ้นถนนหน้าโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีลัดเลาะไปเรื่อย ๆ |
พวกเราจะนั่ง นอนชายแพไม้ไผ่ จนมืด มองขึ้นข้างบนแสงไฟจากบ้านคนสองฝั่งส่องวับแวม ลมข้างบนพัดลงสู่พื้นน้ำน่าน |
เป็นร่องลมเย็นสบายน้ำไหลทำให้มียุงน้อยส่วนใหญ่เรานอนฟังวิทยุแล้วก็หลับไป |
สะดุ้งตื่นก็ดึกแล้ว แม่ น้อง ของเพื่อนกางมุ้งนอนหลับไปแล้วผมก็ปลุกเพื่อนให้เข้านอนในมุ้งแล้วค่อย ๆ ย่องจากแพไม่ให้ |
ยวบเยียบมากนัก ปินตลิ่งที่สูงชัน ข้างบนริมถนน ไขกุญแจคล้องจักรยานคู่ชีพปั่นไปนอนต่อที่ห้องพักบนบริษัท |
เช้าก็ลงมาทำงาน เป็นกิจวัตรมีความสุข ที่ได้ไปทำงานสาขานี้ ไปเที่ยวกับเพื่อน พิษณุโลกตามน้ำตกแก่งโสภา กับอีกหลายแห่ง |
เพื่อนจากสาขาอื่นในภาคเหนือก็แวะมาเที่ยวที่นี่ กับพากันไปเที่ยวภาคอิสาณ ภาคใต้ค่ำไหนนอนข้างรถใช้ผ้าเต๊นท์ขึงกับรถแล้วยึดติดกับหลักแหลมตรึงกับพื้นดิน... เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงท่านผู้ใหญ่คือนายผมคนหนึ่ง ต่อมาได้เป็นรัฐมนตรี 2 กระทรวงคือคนซ้ายมือบน. คนถัดจากท่าน คือ อธิบดีเปล่าเป็นอธิบดีนะครับเป็นนามสกุล อธิบดี 555 มันเป็นชาวธนบุรีแถวบางพระ |
แถว อ.วังทองน้ำตกแก่งซอง ทุ่งแสลงหลวง อ.นครไทย เนินเพิ่มแล้วเข้าสู่แค้มป์สนเขาค้อ |
แต่ห่างไกลจากตัวเมืองมากกว่า 70 - 120 กมแค้มป์สนเมื่อก่อนมีชื่อเสียงในการรับเหมาสร้างทางจาก พิษณุโลกไปสู่ |
อ.หล่มสัก ชื่อบริษัทเรมอนด์หรือไรนี่แหละ คุณอ๊อด บล๊อกเกอร์ของ BG น่าจะทำงานที่นั่นด้วย |
วันหยุดหลาย ๆ วัน ขึ้นเขาเที่ยวป่ากันบางครั้งก็ไปค้างก๊บไม้(ที่รวบรวมไม้ซุงปางไม้สัมปทานแถว ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย |
แถวนั้นเป็นป่าทึบ |
แน่นอนครับได้กินเนื้อสัตว์ด้วยแต่จะเป็นสัตว์ป่าหรือไม่ ไม่รู้แหะ ๆ พวกหมูป่าเก้งกวางชาวบ้านเอามาขาย เคยถามว่า |
เอามาจากไหนเขาบอกว่าอยู่ฝั่งลาวผมกับเพื่อน ๆ ก็หัวเราะหุ หุ แหมเดินไกลกว่า 50 กม.ทำได้ไง |
เลยทำเนื้อย่างน้ำตกแซบหลาย ๆ |
ภาพเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน มีไม่ครบคน ขวามือนี่คุณเผอิญ คุณพรพัฒน์ข้างล่างซ้ายมือ |
งานบริษัทก็ทำเป็นสมุห์บัญชี มีหน้าที่ดูแลจัดการงานภายในของสาขา |
จะมีพนักงานที่ สนญ.บริษัทส่งมาฝึกงานเตรียมตัวไปเป็นสมุห์บัญชีสาขาใหม่หรือสาขาที่เหมาะสมไปฝึกหลายคน |
มี ประพิศ ชาวนครศรีธรรมราช..ชยุติมัน จากเชียงใหม่ พรพัฒน์สูงขาวเป็นคนไทยเชื้อสายจีนขี้เล่นเข้ากับคนง่าย คนนี้ |
พี่ชายเขาเป็นสมุห์บัญชีใหญ่ของบริษัทซึ่งเป็นนายหรือ Boss ผมโดยตรง |
|
ยังสงสัยนิด ๆ ว่าทำไม สมุห์บัญชีใหญ่ไม่ฝึกเอง ตอนนั้นคิดว่าบริษัทคงอยากจะรู้เทคนิคหรือวิธีการทำงานของสาขาเรา |
โดยเฉพาะด้านการขายของ ผจก.สาขาอันนี้ผมคิดเองนะครับ |
ความที่มีคนหลากหลายอยู่ด้วยกัน หลังเลิกงานไปซื้ออาหาร ที่ตนเองชอบบางคนไปเที่ยวหาแฟนส่วนผม |
อยู่กับเพื่อน ๆ ในเมืองหลากหลายอาชีพ เช่น ลูกเจ้าของโรงแรม ช่างทำทองร้านขายหนังสือ หนุ่ม ๆ จะนัดคุยกันที่ร้าน ขายหนังสือเพื่อนเป็นเจ้าของเขามีร้านขายแว่นตาอยู่อีกแห่งด้วย ส่วนเจ้าฉอ.แหะ ๆ |
ขายหวยพวกเรานอนกันดึก....กลับเข้านอนตอนเที่ยงคืนตีหนึ่งกัน |
วันหนึ่งผมนอนซมหนาวสั่นมีผ้าห่มกี่ผืนก็โปะเข้าไป เพื่อน ๆที่นอนห้องเดียวกันเห็น ตัวสั่นก็เอาผ้าห่มให้อีกแต่ไม่หาย |
สั่นต่างคนรู้เลยว่าเป็นใข้มาเลเรียแน่ |
ตอนเช้าเพื่อนชื่อ สถิตย์รู้ข่าวก็พาขึ้นสามล้อไปส่งที่ ร.พ.พุทธชินราชหมอรับตัวไว้เป็นคนไข้ |
ในเจาะไขสันหลังตรวจโดยวิธีให้นอนเอียงข้างคู้เข้าหาตัวงอ ใช้เข็มเจาะสันหลังเจ็บมาก ผลออกมาเป็น ไข้มาลาเรียหมอถาม สถานที่ทำงานเลยบอกว่า เคยอยู่ จันทบุรีดงมาลาเรียแต่ปีกว่ามาแล้ว ไม่น่าใช่ หมอบอกว่าเชื้อจะฝังตัวในกายเมื่อร่างกายอ่อนแอ ดื่มเหล้ามากมันจะเข้าเล่นงาน และให้ |
พักรักษาตัวที่ ร.พ.พอร่างกายพอไหวก็ให้กลับไปรักษาตัวกินยาที่บ้านต่อ |
ทำงานที่พิษณุโลกกว่า 4 ปีผมก็ลาออกไปทำงานในกรุงเทพแทนที่เดิมไม่ค่อยได้เจอเพื่อน ๆ เก่าเลยแต่นึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง |
ชื่อปรีดี เป็นคนเงียบ ๆ ชอบปั่นจักรยานไปไหนไม่ค่อยมีใครรู้ |
ไม่กี่ปีมานี้ผมเขียนเรื่องปั่นจักรยานไปเที่ยวหลายที่ และไปเที่ยวเหมืองแร่ที่เมืองกาญจนบุรี |
เพื่อนคือคุณปรีดีเข้ามาทักทาย อ้าว..เฮ้ยเพื่อนคนนี้เป็นนักปั่นจักรยานตัวจริง(กว่าเราซะอีก) ปั่นไปแหมืองแร่เก่า ไป ตปท. |
ก็นำรถจักรยานไปด้วย เจ๋ง |
คุยกันในเฟซบุคจึงรู้ว่าเพื่อนคนนี้ ชอบพายเรือเหมือนกันอีกแหละผม ก็พายเรือคยัคกับวินด์เซิร์ฟ.. คุณปรีดีเจ๋งกว่า พายเรือ |
เข็มมั้งในคลอง..เรือนี้บางเล็กทรงตัวอยากมาก เพื่อนเจ๋งกว่าผมอีกแหละเพื่อนคงชอบพิษณุโลกไปซื้อที่ดินว่างเปล่าไว้หลายไร่ |
|
ราคาคงปรับตัวสูงขึ้นไม่รู้เท่าใดแล้ว แถมไม่ต้องเสียภาษีที่ดิน ผมไปติดต่องานสาขาอุตรถิตถ์บ่อยเลยซื้อที่ดินไม่ไกล |
จากสถานีรถไฟศิลาอาสน์ 2 ไร่..กลัวคนมาบุกรุกเลย ซื้อไม้หมอนรถไฟเก่าทำเสากั้นรั้วด้วยลวดหนามไม่ได้ซื้อไว้มากมาย |
แล้วปลูกมะม่วงแก้ว มะม่วงมันไว้เยอะ ไม่กี่ปีรั้วลวดหนามกับเสาไม้หมอนรถไฟค่อย ๆ หายเหลือประมาณ 3 ต้นเซ็งเลย |
เปลี่ยนเป็นเสาปูนเหลืออยู่บ้างไม่กล้าปลูกหรือลงอะไรไว้แล้วแต่ที่น่าช้ำใจ ที่ดินที่ซื้อไว้นานหลายสิบปีกะจะปลูกบ้านแต่ยังไม่มี |
เงินสร้างถูกเรียกเก็บภาษีปีละ 3 พันกว่าบาท โชคดีที่ราชการขอเฉือนที่ดินขยายถนนให้กว้างเลยเหลือไร่เศษ ไม่งั้นต้องเสียภาษีมากกว่านี้ |
ก็ต้องยอมส่งภาษีไปให้เขาใช้แหะ ๆ แต่อย่าไปสร้างเสาไฟกินรีนะ... หวังไว้นิด ๆ จะมีคนช่วยซื้อที่ดินราคาที่ดินที่ซื้อขาย ที่ดินอยู่ติดกับหอพัก พิชญาภาตรงถนนโค้งสี่เขียวยาว ๆ ข้างล่าง |
ขายประมาณ 3 เท่ากว่าของราคาประเมิน..ใครซื้อไม่ต้องกลัวอะไรหายเพราะที่ดินอยู่กลางหมู่บ้านจัดสรร 2 - 3 หมู่บ้าน |
เปล่าโฆษณาแอบแฝงนะเออ แหะ ๆ เผื่อใครสนใจ |
เพื่อนชื่อปรีดีเป็นคนเงียบ ๆ แต่มองไกลกว่าผมเยอะ ไม่ต้องเสียภาษีที่ดินเพราะเขาปลูกสวนป่า.. ส่วนผมคิดว่าจะไปปลูก |
ต้นกล้วยไว้ 200 กอต่อไร่..จะได้เป็นเกษตรกรไม่ต้องเสียภาษีที่ดินแล้วมั้ง แต่โควิดมาไม่มีเงินลงทุนอีก |
เพื่อนในกรุงเทพหลายคนแนะนำให้ขุดบ่อเลี้ยงปลา |
ถ้าใกล้เคียงมีบ่อเลี้ยงปลา..เผื่อปลาจากบ่อเพื่อนจะได้แถกเหงือกเข้ามาบ่อเรา แต่อย่าลืมโยนอาหารให้กินในบ่อเพื่อนบ้างนะ |
ถ้าอยากได้ตัวปลาบ่อเพื่อน..บางตัวมา เคาะ..กระแป๋งเรียกให้ย้ายมาบ่อเราน่าจะดีเนาะ หุ หุ |
ผมฟังเพื่อนแล้วทะแม่ง ๆ ไงไม่รู้ซิ ไม่ค่อยเข้าใจ หุ หุ |
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ (re 304/7,944) |
st ผู้เข้าชม 2,370,540. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |
|
แวะมาอ่าน
ความประทับใจพิษณุโลก