: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - The Path : สร้างตน สร้างเต๋า เข้าใจเรา เข้าใจโลก :
: The Path : สร้างตน สร้างเต๋า เข้าใจเรา เข้าใจโลก :เขียน : Michael Puett and Christine Gross-Loh แปล : วารีรัตน์ อันวีระวัฒนา ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ คือเป็นหนังสือซึ่งศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ร้อยเรียงปรัชญาจีนโบราณ จากเนื้อหาที่เขาได้สอนนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา สิ่งที่น่าทึ่งคือ วิชานี้เป็นหนึ่งในสามวิชาที่มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนสูงสุด เหตุใดหลักสูตรเกี่ยวกับนักปรัชญาจีนโบราณจึงเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ? เหตุใดคำสอนเมื่อสองพันปีก่อนจึงได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ในประเทศตะวันตก ? ผมคิดว่าสิ่งนี้ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
ผมชอบการยกตัวอย่างในหนังสือ “บททดสอบเรื่องรถราง” โดยสมมุติว่า “ตัวเรา” ยืนอยู่ที่ลานซึ่งมีรถรางกำลังวิ่งมา เราเห็นแล้วว่ารถรางคันนี้กำลังจะชนคน 5 คน แต่หากเราดึงคันโยกเพื่อสับราง เราจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของรถไปอีกเส้น ซึ่งมีคนนอนขวางอยู่ 1 คน ทีนี้...เราจะยอมให้รถชนคน 5 คน หรือจะสับรางเพื่อช่วยพวกเขาดี แต่นั่นเท่ากับว่าเราเลือกลงมือกระทำให้คนที่นอนขวางอยู่ 1 คนนั้นต้องตายไป คำตอบของคุณคือข้อใด ? จะตอบคำถามนี้ด้วยหลักศีลธรรม หรือหลักปรัชญา ? จะตอบคำถามนี้ด้วยสัญชาตญาณหรือด้วยหลักความคุ้ม-ไม่คุ้ม ?
“การตัดสินใจ” คือ คำตอบของทุกสิ่งที่เราทำ แล้วใครจะบอกสอนเราได้ ว่า “การตัดสินใจ” แบบใดก็ตามในสถานการณ์นั้น ๆ คือ “การตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด”“การทำในสิ่งที่ถูกต้อง” จึงเป็นสิ่งซึ่งเราต้องฝึกฝนมันขึ้นมา ผ่านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความเคยชินของตนเอง
แต่เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ความคิดซับซ้อน มีการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นในตัวเอง เกิดขึ้นในทุกความสัมพันธ์ ทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงาน ความรัก มิตรภาพ การทำงาน ฯลฯ เราพร้อมมีปัญหากับผู้อื่น และมีปัญหากับตัวเองอยู่ตลอดเวลา แล้วต้องทำอย่างไรจึงจะหลีกพ้นสถานการณ์เช่นนี้ได้ ?
คำตอบคือ เราต้องย้อนทวนกลับไปดูว่าในแต่ละวัน เราใช้ชีวิตอย่างไร ? วิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัวเป็นอย่างไร ? คำพูดที่เราใช้กับคนอื่น การแสดงออกซึ่งสีหน้าท่าทางในเวลาที่ไม่พอใจ การระเบิดอารมณ์ในขณะโกรธ ฯลฯ ทั้งหมดคือสิ่งที่กำลังบ่งบอก “ตัวตน” ที่เราเป็นอยู่ “ตัวตนของเรา” ซึ่งคนอื่นกำลังเฝ้ามองดู รับรู้ และมันจะกลายเป็น “ภาพจำ” ซึ่งเราสร้างขึ้นเพื่อให้คนอื่นจดจำ
ปวงปรัชญาจีนโบราณไม่ว่าจะเป็นคำสอนของท่านขงจื่อ คัมภีร์เต้าเต๋อจิงของท่านเหลาจื่อ คัมภีร์จวงจื่อ คัมภีร์สวินจื่อ ล้วนแต่ให้แนวคิดในการ “ปรับเปลี่ยนความคิด” ของตัวเราเอง เพื่อให้อยู่ร่วมกับชุมชน สังคม และโลก ได้อย่างราบรื่นและมีความสุข
แนวคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้ชีวิตเป็น “ชีวิตที่ดี” ถูกเขียนไว้เป็นทฤษฎีแนวทางในการปฏิบัติตน เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะทางสังคม ชนชั้นในสังคม ไปจนถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็นแนวคิดให้คนหมู่มากได้เรียนรู้และปฏิบัติตาม เพื่อความผาสุกของสังคม
แม้ที่สุดแล้วอาจไม่มีเส้นทางใดให้เดินตามมาตั้งแต่ต้น เพราะทุกการเดินทางนั้น เป็นเพียงการเดินทางซึ่งเราสร้างขึ้นใหม่ในทุกขณะ ด้วยการมอง สังเกต เรียนรู้และลงมือทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าปรัชญาหรือแนวคิดนั้นจะเขียนไว้เลิศลอยสวยหรูเพียงใด แนวคิดนั้นอาจไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใดเลย หากมันถูกคัดง้างจากชนชั้นผู้ปกครองในยุคนั้น แม้เราจะรู้ดีว่าพฤติกรรมบางอย่างซึ่งคนในสังคมนั้นกำลังเห็นชอบอยู่ อาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่หากกฎหมาย ความเชื่อ ของชนชั้นปกครองและคนส่วนใหญ่เห็นว่ามันถูกต้องชอบธรรม ผู้คนในสังคมก็ต้องค้อมยอมรับมันแม้จะไม่เต็มใจหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม
ปรัชญาจีนโบราณสามารถประยุกต์ใช้ เพื่อ”ขัดเกลา” จิตใจและความคิดของเราได้ แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ เราย่อมต้องอ่าน วิเคราะห์ แนวคิดในปรัชญาจีนโบราณเหล่านั้น ให้ถูกต้อง ถูกธรรมเสียก่อน มิใช่ตีความเพื่อให้ถูกใจตัวเอง แล้วก็ปฏิบัติไปโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเชื่อว่าถูกต้องนั้น อาจยังมิใช่สิ่งที่ถูกต้องที่สุด เมื่อวัดจากคุณค่าทางหลักจริยธรรม และศีลธรรม“การฝึกฝนตน” จึงเป็น สิ่งที่ไม่อาจไม่กระทำ หากเราอยากเปลี่ยนแปลงตนเอง การฝึกฝนตน สามารถกระทำผ่านกิจวัตรประจำวันที่ดูเป็นสิ่งเล็กน้อยและธรรมดาสามัญ เช่น ฝึกช่วยเหลือผู้อื่นในยามที่เขาเดือดร้อน รู้จักยิ้มให้กับผู้อื่น พูดจาพาทีต่อกันให้ดีขึ้น หยุดนินทาเพื่อนร่วมงาน หยุดเสพข้อมูลข่าวสารที่ไร้สาระและไม่ก่อเกิดประโยชน์ ฯลฯ
“สิ่งดีงาม” และ “ชีวิตที่ดี” อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการทำ “สิ่งธรรมดาให้ไม่ธรรมดา”
เพราะเมื่อเราเข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เราจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง เมื่อเราจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง เราจะสามารถเข้าใจทุกสิ่งได้อย่างถ่องแท้ตามความเป็นจริง     
Create Date : 17 ธันวาคม 2567 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2567 4:57:15 น. |
|
13 comments
|
Counter : 606 Pageviews. |
|
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณtanjira, คุณหอมกร, คุณhaiku, คุณกะริโตะคุง, คุณmultiple, คุณnonnoiGiwGiw, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtuk-tuk@korat, คุณThe Kop Civil, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปรศุราม, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณSweet_pills |
โดย: tanjira วันที่: 17 ธันวาคม 2567 เวลา:6:56:16 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 17 ธันวาคม 2567 เวลา:6:59:59 น. |
|
|
|
โดย: กะริโตะคุง วันที่: 17 ธันวาคม 2567 เวลา:8:08:01 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 17 ธันวาคม 2567 เวลา:8:39:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 ธันวาคม 2567 เวลา:12:24:56 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 17 ธันวาคม 2567 เวลา:22:32:48 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 ธันวาคม 2567 เวลา:22:48:47 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 18 ธันวาคม 2567 เวลา:1:11:27 น. |
|
|
|
| |
ถ้าเป็นการตอบคำถามมันยากนะคะ
คนเราคิดซับซ้อนค่ะ ถ้าเป็นคำถาม
แต่ถ้าเจอเหตุการณ์จริงๆพี่ว่าน่าจะเป็นอีกเรื่อง
แบบทำได้ไวกว่าการหาคำตอบนะคะ
พี่เชื่อในการปรับเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราเปลียนได้ค่ะ
แต่คนเราไม่ค่อยเปลี่ยนความคิดน่ะซิคะ ชีวิตมันจึงวนลูปอยู่แบบนั้น
ก๋าป่วยบ่อยจริงๆค่ะ แต่อากาศมันเปลี่ยนไงคะ
พี่เองก็มีไอค่ะ แค่อากาศเย็นขึ้น แต่ก็พยายามทำตัวให้อุ่นไว้ค่ะ
แม่กับพ่อพี่ ไม่ชอบไปไหน เราก็กังวลไปกับเขาค่ะ
อยากให้เขาออกไปไหนบ้าง ไปดูโลกข้างนอกบ้านอะไรประมาณเนี่ย
สรุปว่าเราคิดไปเอง คิดแทนเขาไปด้วยใช่ไหมคะแบบนี้ 555
เช้านี้พี่มาก่อนคุณหอมกรนะคะ