ธันวาคม 2567
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
10 ธันวาคม 2567

: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร :


: วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร :
แปล : เสถียร โพธินันทะ







‘วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร’ คือพระสูตรเดียวกันกับ ‘วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร’
แต่ไม่ใช่พระสูตร ‘ปรัชญาปารมิตาสูตร’ หรือบ้างก็เรียกว่า ‘ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร’
เมื่อก่อนผมจำสับสน คิดว่าเป็นพระสูตรเดียวกัน
จนปีนี้มีโอกาสได้อ่าน
‘วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร’ หลายรอบ หลายสำนวนแปล
จึงได้รู้ว่าตนเองเข้าใจผิดมาโดยตลอด

เนื้อหาในพระสูตรทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมาก
ประเด็นที่พูดถึง คือ เรื่องของ ‘ความว่าง’ ซึ่งนับเป็นหัวใจหลักของพระสูตรทั้งสองนี้

ผู้ที่นับถือศาสนาพุทธในนิกายมหายาน
ให้ความสำคัญกับเรื่องของ “สุญญตา” และ “อนุตรภาวะ” มากเป็นพิเศษ

ผมอ่าน ‘วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร’ 4-5 รอบ ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน
เมื่ออ่านเล่มสำนวนแปลของคุณเสถียร โพธินันทะจบ
ผมก็นั่งเขียนบทกวีนี้จนเสร็จครับ


----------------------------------------------------------



: รูปแห่งความว่าง :

สรรพสัตว์
สรรพชีวิต
สามารถนิพพานได้
หลุดพ้นเป็นอิสระจากความทุกข์ได้
ขอเพียงไม่ยึดมั่นพันผูก
อยู่กับความเป็น “ตัวฉัน-ของฉัน”

ความยึดมั่นถือมั่น
เกิดจากการยึดติดในรูป รส กลิ่นเสียง
สัมผัสและความรู้สึกนึกคิด
เมื่อไหร่ที่เรานึกคิดเอา
ว่ารูป รส กลิ่น เสียง
สัมผัสและความรู้สึกเหล่านั้น
เป็นของฉัน เป็นของเรา ของเขา ของเธอ
จิตของเราจะพันผูกกับสิ่งเหล่านี้
จนไม่อาจเป็นอิสระได้

การยึดติดมั่นหมายในสิ่งเหล่านี้นี่เอง
ที่ทำให้เราเป็นทุกข์
เป็นทุกข์จากความรู้สึกนึกคิด
ว่านี่ของฉัน นั่นของเธอ
พอใครเอาสิ่งที่เป็นของฉันไป
ก็โกรธ เกลียด หวงแหน ไม่พอใจ
พอได้สิ่งใดที่เป็นของเขามา
ก็สุข ซ่าน พึงพอใจ

จิตที่ถูกร้อยรัด
ด้วยความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้
คือ จิตที่ไม่เป็นอิสระ
เป็นจิตซึ่งวนเวียนว่าย
อยู่ในรัก โลภ โกรธ หลง
โดยไม่มีวันสิ้นสุด

ความรู้สึกนึกคิดเหล่านี้
คือ “มายา”
หรือสิ่งที่เป็นจริงเพียงชั่วขณะ
จากนั้นก็จะแปรเปลี่ยนไปตามเหตุและปัจจัย
เช่น รัก เปลี่ยนเป็นไม่รัก
ชอบกลายเป็นเกลียด
โกรธเปลี่ยนเป็นให้อภัย
ฯลฯ

เมื่อใดที่จิตเห็นความจริงแห่งการเปลี่ยนแปลง
ในทุกสิ่งแห่งความเป็นคู่นี้แล้ว
‘ทวิภาวะ’ หรือ ‘ความเป็นคู่’ จะหายไป
เหลือไว้เพียงความเป็น ‘หนึ่งเดียว’ ในทุกสรรพสิ่ง

‘ปัญญา’ ซึ่งมีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน
จะทำให้เราเห็น ‘ความจริง’
ซึ่งซ่อนอยู่ในท่ามกลาง ‘มายา’
แค่เพียงเราเห็น ‘มายา’ แห่งความไม่เที่ยง
เราก็จะเห็น ‘สัจธรรม’ แห่งความจริงของชีวิต



ดวงตาเห็นธรรม
คือ ดวงตาที่มองเห็นสัจธรรมแห่งความเป็นจริง



บรรลุธรรม
คือ เข้าใจในความจริงแห่งชีวิต
ความเข้าใจในสัจธรรม
จะเกิดขึ้นเมื่อเราเข้าใจในมายา
ไม่ว่าจะเกิดสุขหรือทุกข์ขึ้นในชีวิต
ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายหรือดี
เพียงเห็นสุขทุกข์นั้นด้วยปัญญา
เราย่อมไม่หลงไปกับมายาซึ่งเป็นของไม่เที่ยงทน

และแม้แต่ตัวเราเอง
ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยงทน
เราเกิดมาเพื่อดำรงชีวิตอยู่เพียงชั่วขณะ
เมื่อถึงเวลาก็อำลากายนี้กลับสู่การเวียนว่ายตายเกิด
การเกิดซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัยต่าง ๆ

การยึดมั่นถือมั่นในความเป็น “ตัวฉัน-ของฉัน”
คือ ต้นธารของความทุกข์ทั้งปวง
ทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ทุกข์เพราะมองไม่เห็นมายาแห่งชีวิต
ทำให้เราเวียนว่ายในการเกิดตายนี้มิสุดสิ้น

การยึดติดในความเป็นหญิง เป็นชาย
เป็นเด็ก เป็นหนุ่มสาว เป็นวัยชรา
ทำให้เรายึดติดในหน้าตา อาชีพ ความสามารถ
ความร่ำรวย ความยากจน ชนชั้นวรรณะ ฯลฯ
ยิ่งยึดติดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น

เราจะพ้นไปจากความทุกข์แห่งการมีตัวฉัน-ของฉันได้
ก็ด้วยการไม่ยึดติดในความเป็นตัวฉัน-ของฉัน
ต้องเห็นแจ้งในความจริง
ว่าทุกสิ่งที่เรามีและเป็น ล้วนคือ ‘มายา’
ล้วนเป็น ‘ของชั่วคราว’

การตระหนักรู้ว่าเราเป็นเพียง ‘สิ่งชั่วคราว’
ทุกความคิด ทุกความรู้สึกที่เราสร้างขึ้น
ล้วนเป็น ‘ของชั่วคราว’
จะทำให้เรา ‘ตื่น’ ขึ้นจากความหลง
ทำให้เราเป็น ‘อิสระ’ จากการร้อยรัดของ ‘มายา’ ทั้งปวง

จิตที่ตื่นรู้และเป็นอิสระจากการยึดมั่นถือมั่น
เป็นจิตที่เปี่ยมปัญญา เบิกบาน
และกระจ่างแจ้งในธรรมตามความเป็นจริง
ผู้เห็นแจ้งในความจริง
จึงไม่ถูกผูกมัดด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคต


ผู้เปี่ยมปัญญา
จึงเห็นแจ้งในความไม่มีตัวตน


ผู้มีจิตตื่นรู้
จึงมิปรารถนาในการบรรลุถึงสิ่งใด
แม้แต่ธรรมก็มิยึดฉวยไว้ให้เป็นภาระแห่งจิตใจ

ผู้มีธรรม
จึงมิต้องแสวงหาธรรมจากนอกตัว
เพราะธรรมทั้งปวงนั้น
ดำรงอยู่แล้วในตัวตนอย่างเต็มเปี่ยม

เมื่อไม่มีสิ่งใด
ให้ยึด ให้ถือ ให้แบก
ก็ไม่มีสิ่งใดต้องวาง

ไม่มีที่มา
ไม่มีที่ไป
ไร้การเกิด
ไร้การดับ
นี่คือลักษณะที่แท้จริงของ “ธรรมทั้งปวง”

เห็นธรรมทั้งปวง
โดยไม่สำคัญมั่นหมาย
จึงเป็นความสำคัญมั่นหมายในธรรมอันแท้จริง




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2567
15 comments
Last Update : 10 ธันวาคม 2567 4:39:55 น.
Counter : 565 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnonnoiGiwGiw, คุณtanjira, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณกะริโตะคุง, คุณปรศุราม, คุณmultiple, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณนายแว่นขยันเที่ยว

 

วันนี้น้องหลายเมนูเลยค่ะพี่แม่กินอย่างลูกกินอย่าง
แล้วเมื่อวานทำไอเอฟแบบใหม่เล่นเอานอนไม่ได้ดีด
นอนสามทุ่ม หลับตื่นนึงนึกว่าเช้าแล้ว ฮะ ห้าทุ่ม
ลุกมาเข้าห้องน้ำนอนต่อตื่น นึกว่าเช้าแล้วอ่าวตีสอง
นอนค่อตื่นอีกทีตีสี่ครึ่ง บ้าบอจริงเชียว

 

โดย: nonnoiGiwGiw 10 ธันวาคม 2567 6:31:57 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่ะก๋า

หนังสือธรรมะ ทุกเล่มล้วนสอน ไม่ยึดมั่นถือมั่น
มองความจริง และปล่อยวาง นะคะ

เมื่อคืนพี่นึกว่าต้องไปรพ.อีกแล้วค่ะก๋า
ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน นึกในใจอะไรว่ะเนี่ย 555
คราวนี้แม่ก็ท้องเดินด้วยค่ะ ดีที่แม่มียาแก้ปวดท้องเกร็ง ปรับลำใส้
กว่าจะได้นอนก็ดึกแต่ดีที่หายแล้วหลับได้ค่ะ

วันนี้คุณหอมกรได้หยุดอีกวันนะคะนี่ พี่น่าจะมาก่อนนะคะ

 

โดย: tanjira 10 ธันวาคม 2567 6:55:02 น.  

 

คุณธัญกับคุณแม่ต้องไปกินอะไร
ที่เสาะท้องมาแน่ๆ คุณก๋าเข้าตำรา
อร่อยปากลำบากท้องนะเนี่ย 555

 

โดย: หอมกร 10 ธันวาคม 2567 7:49:06 น.  

 

สวัสดีครับ
ผมเคยคิดอยู่สมัยที่ชอบถ่ายรูปมากๆ (แบบว่ามากๆ พกกล้องไปทำงานด้วยทุกวัน ไปไหนต้องมีกล้องติดตัว ...จริงๆตอนนี้ก็ยังทำอยู่แต่ไม่คลั่งเหมือนแต่ก่อน) รู้สึกดีใจที่มีการประดิษฐ์กล้องถ่ายรูปมาให้ใช้กัน เวลาถ่ายรูปไว้แล้วเอากลับมาดูอีกครั้งในภายหลัง รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีต นึกถึงความทรงจำในสมัยนั้น

เคยรู้สึกว่าไม่อยากหยุดถ่ายรูป ชีวิตคนเราเกิดมา 20000 กว่าวัน รู้สึกว่าสั้นจังจนรู้สึกกลัวว่าในบั้นปลายของชีวิตจะไม่ได้ถ่ายรูปอีกเพราะสุขภาพและสังขาร

พอนึกถึงตอนนั้นแล้วก็รู้สึกละอายนิดหน่อยที่ตอนนั้นเรายังยึดติด พอมีเวลาได้คิด ได้ไตร่ตรองก็ทำให้เฉยๆกับมันได้ ชอบแบบพอดีๆ

 

โดย: กะริโตะคุง 10 ธันวาคม 2567 9:40:31 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

"วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร" ถึงแม้เล่มนี้ จะไม่เหมือนกับเรื่อง
‘วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร’ แต่สุดท้าย แนวคิด ก็เหมือนกัน
คือ เน้นการทำจิตให้ว่างเปล่า ไม่ยึดมั่นถือมั่น ซึ่งเป็นตัวอุปสรรค์
ของการปล่อยวาง อุปสรรคของการเดินไปสู่การนิพพานไม่กลับมา
เวียนว่ายตายเกิด นั่นเอง
ข้อเขียนของเธอบล็อกนี้ ก็เน้น เรื่องการปล่อยวาง ไม่ยึดมั่น
ถือมั่น เช่นกัน จ้ะ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 10 ธันวาคม 2567 9:48:37 น.  

 

มายาในชีวิตมันมากมาย และยั่วยวนมากๆเลยนะครับ
อาจารย์เต๊ะนี่ กว่าจะคิดได้ ก็ปาไปครึ่งชีวิตเข้าไปแล้ว
แต่ก็ยังตัดไม่ขาดซะทีเดียว ก็ต้องค่อยๆลดละเลิกไปทีละนิดละนะครับ

ช่วงนี้ใกล้เทศกาลงานฉลอง คุณก๋าไปเที่ยวไหนก็ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ แต่ช่วงเทศกาลนี่ อาจารย์เต๊ะ จะไม่เที่ยวเลยครับ
อยู่บ้านปลอดภัยที่สุดครับ แฮร่ ฮ่าๆๆๆ

 

โดย: multiple 10 ธันวาคม 2567 10:05:15 น.  

 

ของน้องตั้งแต่ทำมาเจอหิว 1 วันเองค่ะพี่ก๋า
ที่เหลือดีด มีแต่อยากใช้กำลัง จนนอนไม่ได้

 

โดย: nonnoiGiwGiw 10 ธันวาคม 2567 14:03:20 น.  

 

น้องเพิ่งเริ่มทำเมื่อวานวันแรก คงต้องรอดูสัก 1อาทิตย์ค่ะพี่
ว่าร่างกายจะปรับตัวอะไรยังไง ไม่งั้นก็อาจจะต้องออกกำลังกาย
ให้เหนื่อยมากๆ พอถึงเวลานอนมันจะได้หลับไปเองได้

 

โดย: nonnoiGiwGiw 10 ธันวาคม 2567 14:27:58 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า

 

โดย: ปัญญา Dh 10 ธันวาคม 2567 14:52:04 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า

เวลากล่าวถึงพุทธะ ไม่ว่านิกายไหนก็พุทธะเดียวกันนะครับ
พุทธนี่สุดยอด ไม่ได้บอกให้เชื่อแบบนั้นแบบนี้
แต่บอกให้รู้ถึงกลไกธรรมชาติของจิตโดยตรง

ตอนนี้ผมก็อยากจิต “ว่าง” นะครับคุณก๋า
แต่มันก็แทบจะว่างไม่ได้เลย
พอคว้ามือถือขึ้นมาดูหน่อย จิตผมก็ไม่ว่างแล้วครับ
มองหน้าจอปุ๊บ จิตไหลเข้าไปในโลกของผู้อื่นทันที
ผสมปนเปกันไปหมดทั้งโลกของเขา ของเรา และของใคร เอาให้มั่ว

พอเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจออีกครั้ง
….อ่าววววว ว
จิตตัวเองไปไกลมากแล้ว

เหมือนเครื่องบินเลยครับ ทีแรกเลยก็จอดอยู่ที่ภาคพื้นดีๆ
พอหยิบมือถือขึ้นก็เทคออฟปั๊บ ไปเรื่อยๆๆๆๆ ไปนู้นนน ไปนั่น ไปนี่
กว่าจะรู้สึกตัวก็ไปไกลมากแล้ว ต้องรีบแลนดิ้ง
พอแลนดิ้งแล้ว ยังไถลออกนอกรันเวย์อีกต่างหากครับ

คุณก๋ารักษาสุขภาพนะครับ ฮึบๆ

 

โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) 10 ธันวาคม 2567 15:37:11 น.  

 

สวัสดีครับพี่ก๋า

ผมผู้ซึ่งหากไกลจากศาสนา เพิ่งรู้จักคำว่าพระสูตรเมื่อตอนที่เริ่มมีศึกผ้าเหลืองเร็ว ๆ นี้เองครับ
เรียกว่า ในจุดดำในศาสนา ก็ทำให้เราได้รู้จักศาสนามากขึ้นเหมือนกันนะครับ

จากบล๊อก
เรื่องปาร์ตี้ริมสระ ก็นั่นน่ะสิครับ ไม่รู้ท่านฯ คิดไว้ว่ายังไง 55555

ถ้า 50 ผมคงจะมีกรรมให้ชดใช้เยอะมากครับ 555555
30 นี่ก็ปวดหลังละครับ
อ้อ ล่าสุด...เมื่อวานผมวิ่งลู่ในบ้าน แล้วดูหนังไปด้วย อยู่ๆ เสียจังหวะยังไงไม่รู้ครับ เจ็บเข่าแปล๊บเลย แล้ววิ่งต่อไม่ได้ เลยหยุดครับ
ก็คิดว่าไม่เป็นไร พอไปอาบน้ำ หุยเจ็บลงน้ำหนักไม่ได้ ปรากฎเห็นที่ข้างเข่าเป็นรอยเขียวๆม่วงๆ บวม ๆ
อาบน้ำเสร็จเจ็บมาก สรุปต้องไปหาหมอ เพราะเอ็นเข่าอักเสบ เส้นเลือดแตกแถมไปอีกครับ 55555
30 นี่มัน.......เปราะบาง

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 10 ธันวาคม 2567 17:06:35 น.  

 

สวัสดีครับคุณสีเมจิก

ดีใจที่ได้เห็นกันอีกครั้งในบล้อกครับ
เห็นบทกวีที่คุณสีฯเขียนไว้ในบล็อก
น่าเอามาทำเพลงมากๆเลยครับ
ช่วงก่อนผมชอบทำเพลงด้วยโปรแกรม Suno ครับ

สองเดือนที่ผ่านมาทำไปเกือบ 500 เพลงได้มั้งครับ 555

ผมจับมือถือไม่บ่อยเท่าไหร่ครับ
ช่วงหลังจับหนังสือบ่อยที่สุด
ใช้เวลากับการอ่านมากเป็นพิเศษเลย


 

โดย: กะว่าก๋า 10 ธันวาคม 2567 20:01:48 น.  

 

คนเรามักจัยึดมั่นถือมั่นครับ เป็นปกติของคนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงอย่างเราๆ ตอนนี้พุทธแบบไทยๆ น่าจะโดนศาสนาผีเข้าแทรกจะเละไปหมดแล้วมั้งครับ

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 10 ธันวาคม 2567 22:24:30 น.  

 

ศีล สมาธิ ปัญญา ตื่นรู้ธรรมทั้งปวง แล้ววาง

ทางนี้ ยังไม่หนาวครับ ร้อนอีกต่างหาก อุตุบอกหนาว 14 ธ.ค.นี้
หวัดนี่เผลอเมื่อไร ติดง่ายๆเลยครับ




 

โดย: สองแผ่นดิน 10 ธันวาคม 2567 23:03:52 น.  

 

เพียงเห็นสุขทุกข์นั้นด้วยปัญญา
เราย่อมไม่หลงไปกับมายาซึ่งเป็นของไม่เที่ยงทน
ขอบคุณข้อคิดธรรมะดีๆค่ะคุณก๋า


สุขภาพเรา เราพยายามดูแลที่คิดว่าดีแล้ว
แต่บทจะป่วยบางครั้งก็มาแบบไม่ทันตั้งตัวนะคะ
อาจมีปัจจัยหลายอย่าง ต๋าก็ป่วยไปสองรอบค่ะ

วันนี้เดินไป 3 กม.กว่าเหมือนเดิม
พรุ่งนี้จะไปอยุธยาคงไม่ได้เดินค่ะ

เราคงต้องดูแลรักษาสุขภาพกันต่อค่ะคุณก๋า
คืนนี้ฝันดีนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 11 ธันวาคม 2567 0:47:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 395 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]