ธันวาคม 2567
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
17 ธันวาคม 2567

: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - The Path : สร้างตน สร้างเต๋า เข้าใจเรา เข้าใจโลก :


: The Path : สร้างตน สร้างเต๋า เข้าใจเรา เข้าใจโลก :

เขียน : Michael Puett and Christine Gross-Loh
แปล : วารีรัตน์ อันวีระวัฒนา










ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้
คือเป็นหนังสือซึ่งศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ร้อยเรียงปรัชญาจีนโบราณ
จากเนื้อหาที่เขาได้สอนนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา
สิ่งที่น่าทึ่งคือ วิชานี้เป็นหนึ่งในสามวิชาที่มีนักศึกษาลงทะเบียนเรียนสูงสุด
เหตุใดหลักสูตรเกี่ยวกับนักปรัชญาจีนโบราณจึงเป็นหนึ่งในหลักสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ?
เหตุใดคำสอนเมื่อสองพันปีก่อนจึงได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ในประเทศตะวันตก ?
ผมคิดว่าสิ่งนี้ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจและน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

ผมชอบการยกตัวอย่างในหนังสือ “บททดสอบเรื่องรถราง”
โดยสมมุติว่า “ตัวเรา” ยืนอยู่ที่ลานซึ่งมีรถรางกำลังวิ่งมา
เราเห็นแล้วว่ารถรางคันนี้กำลังจะชนคน 5 คน
แต่หากเราดึงคันโยกเพื่อสับราง เราจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางของรถไปอีกเส้น
ซึ่งมีคนนอนขวางอยู่ 1 คน
ทีนี้...เราจะยอมให้รถชนคน 5 คน หรือจะสับรางเพื่อช่วยพวกเขาดี
แต่นั่นเท่ากับว่าเราเลือกลงมือกระทำให้คนที่นอนขวางอยู่ 1 คนนั้นต้องตายไป
คำตอบของคุณคือข้อใด ?
จะตอบคำถามนี้ด้วยหลักศีลธรรม หรือหลักปรัชญา ?
จะตอบคำถามนี้ด้วยสัญชาตญาณหรือด้วยหลักความคุ้ม-ไม่คุ้ม ?

“การตัดสินใจ” คือ คำตอบของทุกสิ่งที่เราทำ
แล้วใครจะบอกสอนเราได้ ว่า “การตัดสินใจ” แบบใดก็ตามในสถานการณ์นั้น ๆ
คือ
“การตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด”


“การทำในสิ่งที่ถูกต้อง” จึงเป็นสิ่งซึ่งเราต้องฝึกฝนมันขึ้นมา
ผ่านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความเคยชินของตนเอง

แต่เพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ความคิดซับซ้อน
มีการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกอยู่ตลอดเวลา
ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นในตัวเอง เกิดขึ้นในทุกความสัมพันธ์ ทุกช่วงเวลาของชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การงาน ความรัก มิตรภาพ การทำงาน ฯลฯ
เราพร้อมมีปัญหากับผู้อื่น และมีปัญหากับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แล้วต้องทำอย่างไรจึงจะหลีกพ้นสถานการณ์เช่นนี้ได้ ?

คำตอบคือ เราต้องย้อนทวนกลับไปดูว่าในแต่ละวัน
เราใช้ชีวิตอย่างไร ?
วิธีที่เราปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัวเป็นอย่างไร ?
คำพูดที่เราใช้กับคนอื่น การแสดงออกซึ่งสีหน้าท่าทางในเวลาที่ไม่พอใจ
การระเบิดอารมณ์ในขณะโกรธ ฯลฯ
ทั้งหมดคือสิ่งที่กำลังบ่งบอก “ตัวตน” ที่เราเป็นอยู่
“ตัวตนของเรา” ซึ่งคนอื่นกำลังเฝ้ามองดู รับรู้
และมันจะกลายเป็น “ภาพจำ” ซึ่งเราสร้างขึ้นเพื่อให้คนอื่นจดจำ


ปวงปรัชญาจีนโบราณไม่ว่าจะเป็นคำสอนของท่านขงจื่อ
คัมภีร์เต้าเต๋อจิงของท่านเหลาจื่อ คัมภีร์จวงจื่อ คัมภีร์สวินจื่อ
ล้วนแต่ให้แนวคิดในการ “ปรับเปลี่ยนความคิด” ของตัวเราเอง
เพื่อให้อยู่ร่วมกับชุมชน สังคม และโลก ได้อย่างราบรื่นและมีความสุข

แนวคิดเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้ชีวิตเป็น “ชีวิตที่ดี”
ถูกเขียนไว้เป็นทฤษฎีแนวทางในการปฏิบัติตน
เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะทางสังคม ชนชั้นในสังคม ไปจนถึงพิธีกรรมต่าง ๆ
ซึ่งเป็นแนวคิดให้คนหมู่มากได้เรียนรู้และปฏิบัติตาม เพื่อความผาสุกของสังคม


แม้ที่สุดแล้วอาจไม่มีเส้นทางใดให้เดินตามมาตั้งแต่ต้น
เพราะทุกการเดินทางนั้น เป็นเพียงการเดินทางซึ่งเราสร้างขึ้นใหม่ในทุกขณะ
ด้วยการมอง สังเกต เรียนรู้และลงมือทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าปรัชญาหรือแนวคิดนั้นจะเขียนไว้เลิศลอยสวยหรูเพียงใด
แนวคิดนั้นอาจไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใดเลย หากมันถูกคัดง้างจากชนชั้นผู้ปกครองในยุคนั้น
แม้เราจะรู้ดีว่าพฤติกรรมบางอย่างซึ่งคนในสังคมนั้นกำลังเห็นชอบอยู่ อาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
แต่หากกฎหมาย ความเชื่อ ของชนชั้นปกครองและคนส่วนใหญ่เห็นว่ามันถูกต้องชอบธรรม
ผู้คนในสังคมก็ต้องค้อมยอมรับมันแม้จะไม่เต็มใจหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม

ปรัชญาจีนโบราณสามารถประยุกต์ใช้ เพื่อ”ขัดเกลา” จิตใจและความคิดของเราได้
แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ เราย่อมต้องอ่าน วิเคราะห์ แนวคิดในปรัชญาจีนโบราณเหล่านั้น
ให้ถูกต้อง ถูกธรรมเสียก่อน มิใช่ตีความเพื่อให้ถูกใจตัวเอง
แล้วก็ปฏิบัติไปโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเชื่อว่าถูกต้องนั้น อาจยังมิใช่สิ่งที่ถูกต้องที่สุด
เมื่อวัดจากคุณค่าทางหลักจริยธรรม และศีลธรรม



“การฝึกฝนตน” จึงเป็น สิ่งที่ไม่อาจไม่กระทำ
หากเราอยากเปลี่ยนแปลงตนเอง
การฝึกฝนตน สามารถกระทำผ่านกิจวัตรประจำวันที่ดูเป็นสิ่งเล็กน้อยและธรรมดาสามัญ
เช่น ฝึกช่วยเหลือผู้อื่นในยามที่เขาเดือดร้อน รู้จักยิ้มให้กับผู้อื่น
พูดจาพาทีต่อกันให้ดีขึ้น หยุดนินทาเพื่อนร่วมงาน
หยุดเสพข้อมูลข่าวสารที่ไร้สาระและไม่ก่อเกิดประโยชน์ ฯลฯ

“สิ่งดีงาม” และ “ชีวิตที่ดี”
อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการทำ “สิ่งธรรมดาให้ไม่ธรรมดา”

เพราะเมื่อเราเข้าใจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
เราจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง
เมื่อเราจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง
เราจะสามารถเข้าใจทุกสิ่งได้อย่างถ่องแท้ตามความเป็นจริง























 

Create Date : 17 ธันวาคม 2567
13 comments
Last Update : 17 ธันวาคม 2567 4:57:15 น.
Counter : 611 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtanjira, คุณหอมกร, คุณhaiku, คุณกะริโตะคุง, คุณmultiple, คุณnonnoiGiwGiw, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtuk-tuk@korat, คุณThe Kop Civil, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปรศุราม, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณSweet_pills

 

สวัสดียามเช้าค่ะก๋า

ถ้าเป็นการตอบคำถามมันยากนะคะ
คนเราคิดซับซ้อนค่ะ ถ้าเป็นคำถาม
แต่ถ้าเจอเหตุการณ์จริงๆพี่ว่าน่าจะเป็นอีกเรื่อง
แบบทำได้ไวกว่าการหาคำตอบนะคะ

พี่เชื่อในการปรับเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราเปลียนได้ค่ะ
แต่คนเราไม่ค่อยเปลี่ยนความคิดน่ะซิคะ ชีวิตมันจึงวนลูปอยู่แบบนั้น

ก๋าป่วยบ่อยจริงๆค่ะ แต่อากาศมันเปลี่ยนไงคะ
พี่เองก็มีไอค่ะ แค่อากาศเย็นขึ้น แต่ก็พยายามทำตัวให้อุ่นไว้ค่ะ

แม่กับพ่อพี่ ไม่ชอบไปไหน เราก็กังวลไปกับเขาค่ะ
อยากให้เขาออกไปไหนบ้าง ไปดูโลกข้างนอกบ้านอะไรประมาณเนี่ย
สรุปว่าเราคิดไปเอง คิดแทนเขาไปด้วยใช่ไหมคะแบบนี้ 555


เช้านี้พี่มาก่อนคุณหอมกรนะคะ

 

โดย: tanjira 17 ธันวาคม 2567 6:56:16 น.  

 

เราฝึกตนเองทุกคนไม่มากก็นอ้ยคุณก๋า
วันนี้ตามคุณธัญมาติดๆ จ้า

 

โดย: หอมกร 17 ธันวาคม 2567 6:59:59 น.  

 

สวัสดีครับ
เรื่องการทำสิ่งที่ธรรมดาให้ไม่ธรรมดานี่ ผมเคยอ่าน article ของเวป DPreview (เวปกล้องถ่ายรูป)ที่เขาเขียนถึงคนที่ชอบถ่ายรูปมาก เขาวางแผนว่าเขาจะเดินไปตามถนนแถวบ้านแล้วก็ขอถ่ายรูปคนที่ผ่านไปผ่านมา ทุกวัน ทุกคนที่ถูกถ่ายรูปจะได้รับภาพทาง Google drive ที่เขาอัพโหลดให้ บวกกับเอาไปลงใน Insgram ของเขาเองด้วย ถ่ายอยู่ปีกว่า ถ่ายไปเป็นแสนรูป จากคนที่รักการถ่ายภาพกลายเป็นคนที่ทุกคนในละเวกนั้นรู้จักดี เพราะเป็นคนสุภาพ อัธยาศัยดี คน follow IG เขาเพิ่มเป็นแสน มีคนเดินทางมาจากรัฐอื่นเพื่อมาให้เขาถ่ายรูปให้ด้วย แล้วก็มีงาน มีโฆษณาเข้ากลายเป็นรายได้ดีไปเลย

โอ้โห นี่เริ่มจากแค่อยากถ่ายรูปคน แล้วไปขอคนที่เดินไปเดินมาเป็นแบบให้ถ่ายรูป แค่นี้เองนะ

 

โดย: กะริโตะคุง 17 ธันวาคม 2567 8:08:01 น.  

 

อาจารย์เต๊ะ เลือกปล่อยให้ชน ไอ้ ห้าคน นั่นเลยครับ
เพราะ รู้ว่ารถกำลังจะมาแต่ ดันมายืนขวางซะอีก
ส่วน คนนอนขวางรางนี่ เค้าตั้งใจจะมาตาย
เดี๋ยวพาไปหา จิตแพทยื รับยาซะหน่อย
ปล่อยให้สู้ชีวิตต่อไป ไม่ยอมให้ตายง่ายๆหรอกนะครับ ให้ทรมาณสู้ชีวิตต่อไป แฮร่

คุณก๋าว่า ข้าว่าต้องให้รถรางชนเอ็งก่อนเลย เพราะเอ็งโรคจิตกว่าเพื่อน เย้ย ฮ่าๆๆๆ

หุ้น ซีพี ตกหลายหมื่นล้านเลยเหรอครับ
อยากมีความรู้สึกแบบนั้นมั่งจัง
เพราะถ้ามีนี่ แสดงว่า อาจารย์เต๊ะ ต้องรวยมหาศาลแล้วน่ะซี้คร้บ ฮ่าๆๆๆ

 

โดย: multiple 17 ธันวาคม 2567 8:39:41 น.  

 

สวัสดียามสายค่ะ พี่ก๋า

เช้านี้เย็นกว่าเมื่อวานค่ะ
เริ่มมีความยะเยือกในอากาศค่ะ
หนูชอบบบบบบ

เชียงใหม่อากาศน่าจะเย็นลงอีกแน่เลยค่ะ

 

โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ 17 ธันวาคม 2567 10:05:16 น.  

 

อารมณ์ประมาณสงบแต๊ ๆ เจ้า

 

โดย: tuk-tuk@korat 17 ธันวาคม 2567 10:16:33 น.  

 

ถ้าแถวที่ทำงานผม หยุดนินทาผู้อื่น รู้จักยิ้มให้ผู้อื่น ปัญหาในที่ทำงานจะเกิดน้อยมากเลยครับ

 

โดย: The Kop Civil 17 ธันวาคม 2567 10:55:35 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า

ผมเลือกให้รถไฟพุ่งไปหา 5 คน เหมือนกับ อ.เต๊ะครับ

5 คนอาจรอดหมดเพราะช่วยกันก็ได้
หรือ หนีทันบ้างไม่ทันบ้าง
หรือ ประมาททุกคนเลยตายทั้งหมด

1 คนที่นอนอยู่นั้น คงตายแน่ๆ
ไม่มีโอกาสรอดเลย (ถ้าตั้งใจตาย หรือป่วยนอนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้)
หรือว่าอาจมีแรงเฮือกสุดท้าย ขยับตัวได้ตอนรถไฟใกล้ถึงตัวแล้วหนีพ้นรางทัน

ตัวเลขเปอร์เซนต์แห่งความตาย คิดออกมาได้คือ
5 คน อาจมีความตายที่ 0% - 100%
1 คน อาจมีความตายที่ 50% - 100%

ในความเห็นของผมนะ คิดว่าตัดสินใจแบบไหนก็ได้ ไม่มีผิดหรือถูกในกรณีแบบนี้นะครับ

คนเราทุกคนต้องใช้ชีวิตและตัดสินใจตลอดเวลานะครับ ไม่มีวันไหนเลยที่เราไม่ต้องตัดสินใจ

ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว ผมกำลังตัดสินใจว่า จะไปกินส้มตำ หรือ ก๋วยเตี๋ยว ดีกว่ากัน
มันซับซ้อนครับ … อิอิ

 

โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) 17 ธันวาคม 2567 12:19:06 น.  

 

สวัสดีครับคุณสีเมจิก

แอบเดาว่าคุณสีฯน่าจะเป็นคนทำงานเกี่ยวกับตัวเลข
หรือทำงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลครับ

เพราะถ้าเป็นผม
ผมคงตัดสินใจด้วยความรู้สึกล้วนๆเลยครับ 555

คนเราต้องตัดสินใจตั้งแต่เรื่องเล็กๆ
ไปจนถึงเรื่องใหญ่ในชีวิตจริงๆครับ

บางเรื่องต้องใช้เหตุผล
บางเรื่องควรใช้ความรู้สึก
แต่ที่มันเกิดปัญหา
ก็เพราะส่วนใหญ่เรื่องที่ต้องใช้หัวใจในการตัดสินใจ
เราดันไปใช้สมอง
เรื่องที่ต้องใช้สมองหรือเหตุผล
เราดันเลือกใช้ความรู้สึกหรือหัวใจแทนนะครับ 555


 

โดย: กะว่าก๋า 17 ธันวาคม 2567 12:24:56 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

วันนี้นำเงินที่ศิษย์เก่าช่วยกันบริจาคไปซื้อกระเบื้องให้โรงเรียน
ตามที่เขาขอความช่วยเหลือมา ให้ครูช่วยประสานศิษย์เก่า ก็ได้เงินแสนกว่าบาทให้โรงเรียน ยังขาดครึ่่่งต่อครึ่งเลย จ้ะ ครูก็ช่วยเท่าที่
จะทำได้เท่านี้แหละ จ้ะ
"The Path : สร้างตน สร้างเต๋า เข้าใจเรา เข้าใจโลก" หนังสือแปลเรื่องนี้ คนแปล เป็นชาวตะวันตก แสดงว่า หนังสือ
เล่มนี้ต้องมีปรัชญาที่น่าสนใจและแปลกสำหรับคนทางตะวันตก อ่าน
จากที่เธอรีวิวหนังสือเล่มนี้แล้ว ทั้งคำสอน คติที่เธอยกมาเป็น
ตัวอย่าง ก็ล้วนแต่ให้คนปฏิบัติ ฝีกจิต เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ไปใน
ทางที่ดี ถูกต้อง ถือว่า เป็นหนังสือที่น่าสนใจดี จ้ะ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 17 ธันวาคม 2567 22:00:10 น.  

 

รถรางระบบเดียวกับรถไฟไม่หยุดชนอย่างเดียว น่าจะเป็นข้อสับรางเสียน้อยดีกว่าเสียมาก

อากาศยังไม่เย็นลงครับ ทรงๆ ค่าฝุ่นดีทั้งประเทศ วิ่งครับ


 

โดย: สองแผ่นดิน 17 ธันวาคม 2567 22:32:48 น.  

 

เรื่องรถรางนั่นถ้ามองในมุมที่ว่าไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องกับเรา เราจะตัดสินใจได้ง่ายมาก แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับเรา นี่นแหละจะทำให้ใจเราเอียงทันทีเลย

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 17 ธันวาคม 2567 22:48:47 น.  

 

เรื่องเล็กๆที่ดูธรรมดา
หากเริ่มและทำสม่ำเสมอ
อาจส่งผลดีในอนาคตอย่างคาดไม่ถึงได้นะคะ
ขอบคุณข้อคิดดีๆค่ะคุณก๋า

หายไปสองสามวันค่ะ
คุณก๋าฝันดีนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 18 ธันวาคม 2567 1:11:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 395 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]