No. 1025 เมืองจันท์ สวยงดงาม บางเวลาก็.....? |
|
ภาพขาวดำบ่งบอกว่าเรื่องราวนานมาก... บริษัทขอให้ไป ช่วยทำงานที่จันทบุรี และตราด รวมทั้งที่สาขาระยอง |
ตอนนั้นดี้ด้า ภูมิใจเปล่าคิดว่า บริษัทย้ายไปช่วยงานเขาคงต้องการให้งานดี 555 ได้งบค่าใช้จ่ายเดินทางทั้งสามแห่ง |
นี้บริษัทให้เบิกได้ตามความเป็นจริง หายากมาก |
เห็นภาพแล้วอมยิ้มท่าทางเด๋อด๋าแถมผูกไทด์สั้นเต่อรีบร้อนปกติผูกไทด์มาตั้งแต่อยู่ในวิทยาลัยแล้ว ใบหน้าอ่อนมาก ๆ ตอนนี้่ใบหน้ายับรอยตีนกาเพียบอยากใบหน้าอ่อนเป็นแบบนั้นอีก 555 |
วันที่เขียนเล่านี้เพิ่งนึกออกว่า เขาให้ไปเป็นหนูทดลองนะเอง... เพราะเป็นงานวิ่งไปวิ่งมา ดูสมุห์บัญชีจัดทำใบเสร็จ |
ส่งให้ พนง.เก็บเงินรวมทั้ง ตัวแทนไปเก็บเงิน บางครั้งก็ต้องไปแก้ปัญหาลูกค้า ติดค้างเงินค่างวดเยอะมาก |
ทุกสิบห้าวันต้อง นำเงินสด ยาไปส่งในไร่ที่ Boss ซื้อที่ดินไว้พันกว่าไร่ ให้คนงานหักร้างถางพง เผาตอไม้เตรียมปลูก |
ยางพาราแซมด้วยพืชอย่างอื่น ในป่า เขต อ.ท่าใหม่ที่กว้างใหญ่ กว้างขนาดไหนปัจจุบัน ราชการเห็นว่ากว้างเกินไปคน |
ปัจจุบันจัดตั้ง อ.นายายอาม อ.แก่งหางแมวขึ้นอีก |
พื้นที่เป็นป่าทึบ สลับกับป่าเสื่อมโทรมมีชาวบ้าน กระจายปลูกพืชส่วนใหญ่จะเป็น มันสัมปะหลังระยะนั้น บริษัท SR กำลังดัง |
ทำแป้งมันสัมปะหลัง.. |
งานที่ทำไม่เป็นชิ้นเป็นอัน น่าจะเป็นงานที่ยังไม่เคยมีคนทำมั่ว ๆ แบบผม 555 นี่เรื่องจริง |
เดินทางต้องเปียกฝน ลุยโคลนเละ ๆ บางเดือนเป็นฤดูแล้งก็ต้องไปจังหวัดตราดถนนเวลานั้นเป็นดินลูกรัง 60 กว่ากิโลเมตร |
เมื่อไปถึงตราด สลัดหัวแรง ๆ ฝุ่นสีแดงปลิวใช้มือปัด ๆ ผมสีแดงกลับเป็นดำเหมือนเดิม เพราะขี่รถผ่านมานานแม้แต่ต้นไม้ฝุ่นเกาะแดง |
จันทบุรีเป็นเมืองแห่งฝนน่าจะ 7 -8 เดือนคนทั่วไปมองว่า ฝนตกดีจังเลยต้นไม้จะได้งาม |
|
ชาวสวนเขาคิดอีกแบบ เมื่อไหรฝนจะหยุดตกแดดจะออก ใบไม้จะได้แสงแดดให้กลไกธรรมชาติปรุงอาหารที่ใบแล้ว |
ส่งเลี้ยงลำต้น ดอกกับผลให้โตเป็นผลผลิตที่ชาวสวนจะได้นำไปขายนำเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน |
|
พื้นที่เมืองจันท์เป็นดินแดง ผสมดินดำเป็นเนินเอียงลาดน้ำฝนตกมาดินจะดูดซับเก็บไว้จนชุ่มที่เหลือก็ไหลลงสู่พื้นราบ |
แล้วก็ไหลลงทะเลน่าเสียดาย |
ในฤดูแล้งฝนไม่ตก สวนแห้งผากแต่ต้นผลไม้ เงาะ ทุเรียน พริกไทยต้องการน้ำไม่งั้นเฉา หรือไม่ก็ตายแม้ในสวนผลไม้ |
จะมีคนขุดบ่อหรือสระน้ำไว้ใช้แต่ สระน้ำก็ไม่ใหญ่พอที่จะเก็บน้ำไว้ใช้ตลอดฤดูแล้ง |
พื้นที่เอียงลาดมาก จึงเกิดอีกอาชีพคือ รถขนน้ำไปขายให้ชาวสวนผลไม้ต้อง สูบน้ำจากที่ราบของเมืองไปถ่ายใส่บ่อ |
ปูนที่ชาวบ้านทำไว้รวมทั้งแท้งค์น้ำปูนกลมแล้วจะพอหรือน้ำ |
ไม่พอครับ |
ระยะที่ไปอยู่ทราบข่าวว่า มีชาวสวนแถว อ.ขลุงชื่อคุณดำ ทำให้น้ำหยดที่ต้นผลไม้แต่ละต้นน้อยที่สุดแต่เพียงพอสำหรับ |
ต้นไม้ (ปัจจุบันเรารู้จักชื่อว่า ลุงดำน้ำหยด) |
|
ทำงานบริษัทไปเรื่อย ๆ มีงานพิเศษนอกเหนือจากงานประจำเป็น คนประสานงานระหว่างนายใหญ่กับ ผจก.ไร่ในป่า |
บ้านหนองคล้า เขตของ อ.ท่าใหม่แต่เป็นที่ห่างไกลคนไม่ค่อยเข้าไปส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ บางส่วนเป็นป่าเสื่อมโทรม มีลำธาร |
ไหลผ่านคดเคี้ยวไปมาดินค่อนข้างดี แม้จะไม่มีพลอยปนเหมือน เขาพลอยแหวนที่นักขุดพลอยชอบอยู่ |
|
หน้าที่ของผมบางครั้งก็ ไปหาคนงานจาก ท่ารถขนส่งใกล้ รพ.ระยอง บางครั้งไปจ้างช่างทำมีด ทำมีดหวดปลายงอ |
แบบคนภาคใต้ใช้สั่งทำครั้งละ 50 เล่ม... ซื้อยาแก้ไข ยาฉีดตามรายชื่อที่ไร่เขาต้องการนำเงินไปจ่ายให้คนงาน |
ทางรถวิ่งกว้างแค่เมตรสองเมตร สองข้างเป็นป่าหญ้าสูงท่วมหัวต้นไม้ใหญ่ปกคลุมบางที่ก็โกร๋นฝนตกพรำ ๆ |
ต้องจูงรถลำธารผ่านเป็นพื้นทราย กรวดหิน |
เคยติดฝนอยู่ริมลำธารน้ำป่าสีแดงไหลแรง สูงแค่เอวเกินกว่าจะจูงรถมอไซค์ผ่าน ต้องหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่ตลอดเวลาหยาด |
ตัวเปียกเฉอะแฉะนิ้วซีดเสียวขาว ดูแล้วคงอีกหลายชม.กว่าน้ำจะลดระดับ |
ใช้เสื้อฝนปันโจ สี่เหลี่ยมมัดจุกตรงที่คอหัวลอดด้วยเชือกที่มีอยู่ ใช้เชือกชาวต่อไปแขวนไว้กิ่งไม้ใหญ่ |
ส่วนมุม 4 ด้านใช้กิ่งไม้แห้งตอกตรึงไว้กับดิน โยงกับปลายเชือก นั่งอยู่ตรงกลางไม่ให้ฝนถูกตัว หนาวสุด ๆ รอน้ำลดนาน |
เป็นคืนที่น่ากลัวมืดแสนมืด ใกล้ ๆ ก็มีรถมอไซค์ MZ คันเดิมที่มีประวัติจอดอยู่.. อดข้าวทั้งคืนตอนเช้าค่อยจูงรถผ่านลำธาร |
แล้วขี่เข้าไร่ที่กว้าง 1200 กว่าไร่ |
|
บางอาทิตย์พอว่างก็ ขี่รถเข้าเมืองจันท์ หรือ อ.ขลุงไปหาเพื่อนที่ชื่อ ไพโรจน์ สะอาดทำงานด้วยกัน แน่นอนผมเข้าตัว |
ตลาดตอนเย็นหาอาหารกิน พวกข้าวแกง หุ หุ แถวโรงแรมเกษมศานติ เมื่อก่อนคล้ายตึกแถวอยู่ตรงมุมไม่สวยแบบนี้ หรือไม่ก็โรงแรมไช่หลี |
แถวนั้นเซลล์แมนต่างจังหวัดพัก (หลังจากนั้นเกือบยี่สิบปี คุณตาขุนศรีสวัสดิ์ฯ พาไปเยี่ยมกลายเป็นว่า เจ้าของเป็นน้องชาย |
ของคุณตาเอง ผมได้คุยกับคุณตารองนิดหน่อย ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันนานเพราะคุณตาผม ไปรับราชการที่่เชียงใหม่ก่อนแม่ผมเกิด ทั้งสองต่างแนะนำลูก ๆ หลานให้รู้จักกันตอนนี้จำกันไม่ได้แล้ว 555) |
ส่วนผมจะอยู่แถวโรงแรมเกษมศานติ์ ร้านลูกค้าอยู่แถวนั้นหลายคนนั่งคุย รอดูหนัง... บางทีก็มี วงดนตรี ผ่องศรี วรนุชไปเล่น |
แถวนั้นผมจะดูเพราะแปลกดี ระยะนั้นชอบฟัง เพอรี่ โคโม่ แพต บูน คุณชรินทร์ |
ส่วนใหญ่จะดูหนังฝรั่ง หนังไทยก็ดู |
หนังเลิกกลางคืน ก็ดึกแหละ ขากลับต้องขี่มอไซค์ MZ คันเดิมจาก ตลาดจันท์ ไป อ.ท่าใหม่ระยะทาง 20 กม.กว่าได้มั้ง |
ขี่รถเดียวผ่าน ถนนเส้นไปบ้านท่าแฉลบ |
ถนนลาดยางก็จริงแต่แคบสองข้างทางเป็นสวนผลไม้ใกล้ วัดเขาพลอยแหวน |
พอเลยไปได้ก็ไม่มีอะไรแล้ว เพราะมีที่น่ากลัวตรงถนนโค้งผ่านสวนยางมี ฮวงซุ้ยคนจีนอยู่แห่งเดียวแต่ยังอยู่ไกลเกือบ |
ขี่มอไซค์ไต่เนินเข้าสู่โค้งวัดเขาพลอยแหวนรถเกิดสะดุด ตึ๊ก ๆ เบิ้ลเครื่องได้สองครั้งเครื่องก็ดังฟ๊อดดด. |
ดับเฉยเลยจอดลงจูงชิดข้างทางหน่อย จูงรถขึ้นเนินให้แสงสว่างจากดวงจันทร์ส่องดูหน่อยก็ยังดี |
จอดนำขาตั้งรถขึ้น เอามือจับสายหัวเทียนดึงออกแล้วยัดใส่จนแน่น สตาร์ทอีก 2 ครั้งก็ยังไม่ติด ซวยแล้ว |
หันไปมองบ้านคนขวามือก็ไม่เห็นแสงไฟเลย |
มองซ้ายมืดตรงเนินที่โล่งสะดุ้งวาบ นึกขึ้นได้ว่าที่นี่ที่ไหน มีแสงไฟแว๊บ ๆ ตรงนั้นมีเงาตระคุ่ม ๆ อยู่ด้วยขนหัวลุกชัน |
ผี ๆ มั้งก็ ๆ ๆ นั่นเมรุเผาศพ อยู่กลางแจ้งมีเสาสูง 4 เสาหลังคาสูงลิบ |
รีบจูงหนีขึ้นไปข้างบนอีกเหนื่อยมาก ตอนนี้ไปอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อะไรไม่รู้ จับสายหัวเทียนใช้ปากเป่าจับสายยัดเข้าไป |
ขึ้นคร่อมสตาร์ตอีกได้ยินเสียงจามจากรถ ครั้งเดียว.. |
หรือว่าน้ำมันรถหมด จับตัวรถเอียงเข้าหาตัวเขย่าตัวรถสองสามที ขึ้นคร่อมใช้เท้าเหยียบสตาร์ดอีก เงียบมองกลับไปด้าน |
หลังได้กลิ่นไหม้ ๆ ลมพัดมาแผ่ว ๆ เย็นแต่ เหงื่อเริ่มซึมรีบเปิดเบาะรถควานหาไม้ขีดไฟ ไม่เจออีก |
ใช้มือคลำตรงกล่องสวิทช์ไฟสี่เหลี่ยมดำ ใต้เบาะหนั่งถอดกุญแจออกเป่า ยัดเข้าไปใหม่ |
ขึ้นคร่อมใช้มือบิดกุญแจแล้วใช้เท้าเหยียบสตารดอีก 3 ครั้งรถติดรีบเบิ้ลเครื่อง ยาวคาดว่าเครื่องไม่ดับใช้เท้ายันให้ |
รถเคลื่อนไปข้างหน้าขาตั้งรถหลุดแล้วบีบคลัชน์ใช้เท้ากดเกียร์หนึ่ง ปล่อยคลัชน์มอไซค์วิ่งไปได้ |
|
บิ่งไปตามถนนสีดำสองข้างทางมืดสนิท ต้นไม้ใหญ่คลุมเกือบตลอดทาง ผ่านตลาดพลอยบางกะจะไม่นานก็ถึงสนามบิน ภาพนี้เป็นภาพสนามบินปัจจุบัน (ภาพกลางวัน) เมื่อก่อนเล็กกว่านี้ |
ขี่ไม่นานถนนเริ่มลดระดับลงสู่ตัวตลาดท่าใหม่ ที่เงียบสนิทจริง ๆ ทั้งตัวตลาดไม่มีแสงไฟเลย การไฟฟ้าหยุดเครื่องปั่นไฟ |
|
ถึงบริษัทที่เป็นห้องแถวไม้ค่อนข้างใหม่ แต่บานประตูเป็นบานใหญ่ฟุตกว่า(แบบข้างบน) มีบานพับติดระหว่างบานดึงโซ่ |
ให้แม่กุญแจออกมาข้างนอก ไขกุญแจเปิดประตูสามบานแล้วเข็นรถมอไซค์เข้าจอดข้างในใช้แสงจากไฟหน้ารถแทนไฟฟ้าที่ดับ เขาดับตามเวลาทุกคืน |
รีบจุดตะเกียงรั้วด้วยไม้ขีดตราพระยานาคปล่อยกระเดื่องตะเกียงลดกระเปาะแก้วลงไฟเริ่มสว่าง เดินไปปิดสวิทช์รถให้เครื่องดับ |
เอื้อมมือดึงดันบานประตูสามบานแต่ให้ตายซิ ประตูไม้สองบานหุบ บีบอุ้งมือเจ็บ... ครับ |
หิ้วตะเกียงขึ้นชั้นบนไม่มีใครอยู่เลย เปลี่ยนกางเกง เสื้อใหม่ ปลดมุ้งลงครอบเตียงนอนเลิกชายมุ้งเป่าตะเกียงดับ |
ทุกสิ่งมืด เงียบ... ลืมรถมอไซค์ที่ชนจนรุ่นพี่ตายคารถ ที่จอดข้างล่างสนิทเลย เหนื่อย..เลยหลับผลอยไป |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
st ผู้เข้าชม 2,021,834. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |
|
มีโรงหนังให้ดู..คลายความตึงเครียดในการทำงาน
และได้ดูดนตรีในบางเวลาด้วย
เป็นความบันเทิงใกล้ตัว..ชิลๆ
แต่เวลากลับที่พักยามค่ำคืน..มันวังเวงๆ
ผ่านเมรุซะด้วย
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่