No. 943 ปฐมวัย @ อ.ปาย (ตะพาบ) |
วัยเด็กอยู่แถวนี้สี่แยกนี่ใช่เลย ขายพวงมาลัยเหรอ 555 อยู่แบบไหนติดตามต่อ... |
ย้อนกลับไปหลายสิบปี วัยเด็กจะมีชีวิต่ลำบากบ้างนิดหน่อย ไม่ค่อยคิดอะไร |
แต่จำสภาพบ้านอยู่อาศัยอยู่ที่ อ.ปาย..จะอายุ 4 ขวบกว่านิด ๆ จำได้หลาย ๆ อย่าง |
|
บ้านอยู่ตรงสี่แยกไฟเขียวไฟแดง กลางเมืองปายเมื่อก่อนเป็นเพียงถนนดินลูกรังไม่กว้างก็เท่า ๆ ปัจจุบันนี่แหละ ริมถนนทั้งสอง |
ฝั่งจะมีร่องน้ำหรือที่เรียกว่าลำรางกว้างประมาณหนึ่งเมตรทอดยาวคู่ขนานไปกับถนน |
แม่เคยจูงเดินจากบ้านสู่ถนนไป วัดน้ำฮูไปไม่ไกลเท่าใด แม่หยุดยืนคุยพ่ออุ้ยแม่อุ้ยก็ชาวบ้านที่สูงอายุผมก็หยุดมองน้ำที่ไหล |
ในร่องน้ำ น้ำใสไหลจากนอกเมืองเข้าสู่ตัวเมืองไหลไม่แรงมีปลาซิวตัวเล็ก ๆ ว่ายตามสายน้ำบางตัวว่ายสวนทาง |
อำเภอปายมีต้นไม้ทุ่งนาน้ำปายและแอ่งน้ำอยู่หลายแห่ง |
จากสี่แยกกลางเมืองมองไปไกลมีบ้านคนไม่กี่หลังสองฝั่งถนนเป็นทุ่งนามีข้าวเหลืองอร่ามขณะนั้นยังไม่โรงพยาบาล |
มีน้ำห้วยไหลแรงคดเคี้ยวไปมา |
แม่เล่าให้ฟังหลังจากอพยพไปอยู่ เชียงใหม่ |
กลางท้องนาที่เหลืองอร่าม |
มีน้ำห้วยไหลแรงพ่อสร้างหลุกหรือกังหันน้ำขวางลำห้วยมันจะหมุนตามน้ำห้วยที่ไหลแรง |
ตรงกลางจะมีแกนไม้จริงหมุน |
|
ไม้กระดกขึ้นปล่อยลงให้ครกตำข้าวหล่นลงกระแทกข้าวเปลือกกระเทาะเปลือกหลุด |
คนงานจะตักข้าวไปฝัดเปลือกเหลือแต่เม็ดข้าวคนงานที่ว่าเป็นชาวเขาขมุพ่อเลี้ยงให้กินอยู่ที่นั่น |
ส่วนพ่อเป็นข้าราชการเล็ก ๆ ทำงานที่ว่าการอำเภอ ...... ผมอายุ 4 ขวบกว่าเวลาจะลงจาก บนบ้านมาที่ร้านขายของ ใช้วิธีถอยหลังลง ไต่บันใดมีหลายขั้นมือจับขั้นบันไดไว้ก้าวลงทีละขั้น |
แม่จะขายของแห้งที่รับจากเชียงใหม่มาขายพวกสมุดดินสอหรือไม่ก็น้ำตาลอ้อยกลมสีแดงน้ำตาลคล้ำ ตัวบ้านอยู่สูง |
|
บนบ้านจะมีห้องนอนใหญ่อยู่ตรงมุม และพื้นที่โล่งยาวมีหลังคามุงด้วยใบตองตึงหลังคาสูงพอ |
ประมาณเลยชายคาจะเป็นพื้นไม้กว้าง 6 เมตรยาวไปกว่า 10 เมตร มีบันใดลงหลังบ้าน |
ใกล้กันนั้น ยกสูงเป็นที่วางหม้อน้ำดินเผา 4 ใบมีหลังคามีกระบวยกะลามะพร้าวมีด้ามไม้สักแขวนไว้หลายใบไว้ตักน้ำดื่ม กลิ่นหอมของ |
ดอกอูนที่ขาวนวลส่งกลิ่นหอม อ่อน ๆ ปลูกติดกับ ชั้นไม้จริงวางหม้อน้ำดินเผา |
ตรงมุมของชานบ้านที่โล่ง มีห้องครัวฝาไม้ไผ่ขัดแตะเป็นสี่เหลี่ยม ทุกภาพเป็นภาพแทนสมัยก่อนใช้กล้องฟิล์มไม่มีตังค์ซื้อ พ่อจะทำกะบะไม้ใหญ่นำดินลงให้เต็ม ขี้เถ้าสีเทาอยู่ข้างบน |
แม่จะวางเหล็กสามขาเป็นที่ตั้งหม้อทำอาหารแม่จะหุงข้าวและเทน้ำข้าวใส่ชามแล้วดงหรือทำให้ข้าวแห้ง |
เป็นข้าวสวยกินกันทั้งบ้าน |
เพื่อนที่แวะเข้ามาอ่าน เอ๊ะ คน อ.ปายไม่ได้กินข้าวเหนียวเหมือนเชียงใหม่เหรอ.. มีคนกินครับแต่น้อยเพราะคน อ.ปายเป็น |
ชาวไทยใหญ่(คนไทยเชื้อสายเงี้ยว)กินข้าวเจ้าเป็นส่วนใหญ่ |
ปัจจุบันไม่ใช่แล้วมีคนต่างถิ่นเข้าไปอยู่เยอะกินข้าวเหนียว ข้าวเจ้า |
อ.ปายส่วนใหญ่จะนุ่งกางเกงขาก๊วยใส่เสื้อแขนยาวสวมหมวกหรือกุ๊บให้อบอุ่น อากาศจะหนาวเกือบตลอดปี เรื่องอาบน้ำ |
สำหรับผมต้องสองสามวันอาบน้ำ ก็น้ำมัน เย็นๆๆๆๆๆ เสื้อผ้าเรามีน้อยกันทุกคน |
เป็นผ้าฝ้ายทอมือกันทั้งนั้น จะมีโก้หน่อยแม่จะตัดเย็บเสื้อคล้ายกับ ชาวญี่ปุ่นใช้(ยูกาตะ) สวมใส่แขนยาว ชายเสื้อจะยาวถึงน่อง แม่ใช้ผ้าสำลี ลายเป็นดอกเล็ก ทั้งตัว.. นายแบบหน้าตาดีจมูกโด่ง ตัวจริงไวน์ ดั้งเกือบไม่มี ใบหน้าเหี่ยวย่นนะครับ 555 |
เวลาสวมใช้ป้ายทับด้านหน้าดึงเชือกก็ผ้าที่แม่เย็บติดด้านหลังมา มัดข้างหน้ามิให้เสื้อหลุด |
ผ้าที่ว่าเรียกว่า ผ้าสำลีมีลายเล็ก ๆ อยู่ทั่วตัวนุ่ม อุ่นแม่เล่าให้ฟังว่า เป็นผ้าที่ซื้อจากเชียงใหม่ราคาแพงกว่าผ้าพื้นบ้านของ อ.ปาย |
หลังฤดูหนาวเราจะใส่เสื้อผ้าธรรมดาแต่ก็ยังอาบน้ำน้อยอยู่ |
|
เสื้อผ้าก็มีน้อยใส่ซ้ำเหงื่อไม่ออกจำได้มีกลิ่นเหมือนกัน..แม้เราเป็นเด็กน้อย 4 ขวบจำกลิ่นตัวติดกับเสื้อได้ |
เลยไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำ |
สองสามวันอาบน้ำครั้งแม่จะเทน้ำจากโอ่งใส่ปี๊บสี่เหลี่ยมตากแดดไว้อุ่นอาบบนชานบ้านโล่งไม่มีหลังคา |
มีสะบู่ก้อนสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินผสมสีขาวนวล(สบู่กรด) ห๊อม หอม 555 ถูตัว ฟอกหัวสระผม |
ตอนเด็กใครเคยใช้สบู่กรดถูผ้าซักผ้าบ้างนั่นใช่เลยสบู่ดีที่สุดของผม ปกติที่ชาวบ้านซักผ้า สระผม อาบน้ำก็ใช้ ลูกมะซัก |
หรือปะคำดีควายแห้งสีน้ำตาลเข้มมาทุบใส่ขัน คนไปมาจนเกิดฟอง วักน้ำที่ว่าถูทั่วตัวขี้ไคลหลุดดี |
ล้างด้วยน้ำสะอาดก็น้ำในบ่อน้ำหรือน้ำในลำน้ำปาย(สายเก่า)ใกล้บ้าน แม่คงเห็น |
ว่าผมเริ่มปากเขียวแล้วมั้งนำผ้ามาห่มตัวเช็ดตัวจนแห้ง |
ส่วนผมก็รีบไปคว้าเสื้อกางเกงที่แม่พับไว้ให้ใส่เองเพราะแม่พยายามให้ช่วยเหลือตนเองจะได้เป็นต่อไปจะได้เป็นนายคน |
ว่าเข้านั่น |
ชีวิตวัยเด็กดูสนุกมีข้าวกินขนมแม่ทำให้กินบ่อยไปเก็บลูกฝรั่งหลังบ้านเป็นฝรั่งใส้แดงเปรี้ยวหวานนิด ๆ อร่อย ตอนนั้นน้องชายชื่อวีระ ตายไปเพราะโรคคอตีบ ผมเลยเป็น |
ลูกคนเล็กสุดค่อนข้าง งอแงเอาแต่ใจไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่ยังไม่ซักเด็ดขาด |
แม่เลยรำคาญเปลี่ยนชื่อเสรี เป็น ไมตรี แทนจะได้ไม่ชอบหาเสรีภาพ จะใส่เสื้อซักแล้วอย่างเดียวแหะ ๆ ตอนนั้น |
ถ้าเรียนหนังสือแล้วคงจะประท้วงไม่ใส่เสื้อนักเรียนแน่ขอใส่กางเกงขายาวเสื้อลายมีฮูดด้วยแบบวัยรุ่นสมัยนี้มั้ง |
|
แต่ก็แปลกอยู่อย่าง มีใบสูติบัตรเก่าเหลืองเชียว 555 แม่ไปขอเปลี่ยนที่อำเภอ มีคนขีดฆ่าชื่อ เสรี แล้วเขียนว่า ไมตรี |
ใกล้ ๆ กันลายมือสวยมากแต่ไงไม่มีใบเปลี่ยนชื่อแบบปัจจุบัน แม่บอกว่าเห็นว่ามีใบหน้ายิ้มง่ายตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเลยให้ชื่อ ไมตรี |
พอโตมาก็ อพยพย้ายไปอยู่เชียงใหม่ชอบอ่านหนังสือตามแม่ที่บ้านเราเปิดเป็นหอพักรับเด็กต่างอำเภอต่างจังหวัดไปพัก |
ยามว่างแม่จะเย็บเสื้อผ้าและเล่าเรื่องเสื้อผ้าให้ฟังว่า |
ผ้าหายากนะตอนที่ อยู่ปาย... ต้องใส่ซ้ำ ๆ กันเวลาซักตากแดดไม่ค่อยมีเพราะหมอกลงหนาถึง 4 โมงเช้ามีแดดไม่กี่ |
ชั่วโมงแดดก็หมดกลางวันมันสั้น |
ไม(ไมตรี) ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าทียังไม่ซัก เอาแต่ใจตัวเองแม่เลยปล่อยให้เล่นน้ำไปแม่ก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดไปพับให้เรียบ |
แล้ววางไว้ข้างบนตัวอื่น ไม เช็ดตัวก็หยิบตัวเดิมใส่เฉยเลย |
แม่หลอกนี่ |
อยากมีเสรีภาพมากนักนี่ ต้องหลอกซะมั่ง |
แหม.. แม่นี่ก็ 555 |
ปัจจุบันเลยไม่ชอบถูกหลอกเพราะอ่านข่าวในเพจต่าง ๆ ทั้งเหลืองทั้งแดงสีลอดช่องเอ้ยซ่าหลิ่มหรือฝ่ายที่เป็นกลาง |
เรื่องการเมือง กฏหมาย เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวอ่านเรื่องราวในบล๊อกแกงค์ เมื่อดูแล้วก็ |
พอมองออกว่า ข่าวไหนข่าวจริง ข่าวไหนปลอมคือ มันมีข่าวแฝงหลายชั้นพวกตีเนียนส่วนข่าวจากลุง ๆ มีแต่ข่าวจริง (ด้านดี) |
ด้านเดียวไม่ดูหรอกรู้ ๆ กันอยู่ จะอยู่อีกนานไหมเนี๊ยะ 555 |
ปัจจุบันอ.ปายในตัวเมืองอาจจะเหมือนสาวที่ผ่านเรื่องราวมาเยอะดูตามแผนที่ดาวเทียม บ้านที่เคยอยู่แม่ขาย เจ้าของใหม่รื้อไปหมดเป็นร้านอาหาร ชื่ออะไร เบียร์ ๆ นี่แหละครับตามภาพแรก 555 ถ้าใครอยากเห็น อ.ปายบ้านเรือนแบบเก่า ขับรถออกไป |
ข้างนอกเมืองจะเป็นถนนเล็กสดวกสบายบ้านเรือนแบบชาวบ้านทุ่งนาเขียวน่าไปเยือนครับ |
เพื่อน ๆ ที่รู้จักมานานเข้ามาอ่านคงจำปายเดิมได้.อยากจะจาม เมื่อก่อน อ.ปาย ฝุ่นมันเยอะไม่ยอมลาดยาง 555 ฮัดเช่ย... |
|
ขอบคุณเพื่อนที่ให้ใช้ภาพประกอบ |
L |
st. 1,778,627 |
= |
ขอบคุณเพื่อนที่แวะเข้ามาเยือน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้นิดผมจะได้กลับไปเยือนได้ถูกครับ |
|
Diarist |
|
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์
พี่ไวน์ความจำดีมากๆ
ผมลืมวัยเด็กไปเกือบหมดครับ
รู้ตัวว่าเล่นสนุกทั้งวัน 555
แต่จำเพื่อน จำบรรยากาศตอนนั้นได้น้อยมาก
ผมไปปายเหมือน 30 ปีที่แล้ว
เป็นเมืองที่สงบเงียบ น่าอยู่มากๆ
ธรรมชาติสุดๆ
แต่หลังสุดสัก 10 ปีที่แล้วไปปาย
กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวไปแล้ว
เจ้าของที่ดินผืนงามๆ
กลายเป็นของคนต่างพื้นที่เกือบทั้งหมด