No. 991 อาหารบ้านป่า ยามยาก...? |
|
เขียนเล่าเรื่องบ้านเล็กในป่าแก่งหางแมวเพื่อนบางคนกระซิบว่า พี่ ๆ ทำไมพาเพื่อนไปถนนลำบาก |
ไม่มีถนนดี ๆ บ้างเหรอ 555 |
มีครับไปแต่ละครั้งต่างจิตต่างใจ อยากผ่านป่ามาก ๆ เพราะเขาอยากเห็นป่าดงดิบ สัตว์ป่าบ้างก็ยังดีเลยพาไปหลังเขาชะเมา |
ที่ไม่ค่อยมีคนเห็น อยากเห็นช้างป่าลำห้วย หรือสวนไม้ผล เพื่อนบางคนเขาเบื่อสวนไม้ดอกแบบภาพแรก เขาชอบแบบป่าดงดิบ |
ปกติผมจะขับรถผ่านถนนหมายเลข 344 จาก อ.บ้านบึง ชลบุรีไปสู่ อ.แกลงระยองเลี้ยวซ้ายไปจันทบุรีเป็นถนนดำกว้างดี |
เมื่อถึง ตลาดนายายอามเป็น ถนนแยกซ้ายไป อ.แก่งหางแมวระยะทางน่าจะ 30 -40 กม.แต่สวนของผมถึงก่อน |
คือเดินทางไปประมาณ 25 กม. |
ถ้ามีพรรคพวกที่หนุ่มๆ สาวหน่อยก็จะพาแวะถ่ำเขาวงกต ไปยืนชะเง้อมองหน้าผาสูงในตัววัดจะเห็นถ่ำอยู่ข้างบนบางคน |
อยากไปถ่ำผมก็จะขับเลยวัดไปหน่อยเลี้ยวซ้ายถึง ที่ทำการอุทยานเขาวงกต เป็นส่วนหนึ่งของ เขาชะเมา |
|
พาเดินไปข้างในไต่เขาไปไม่มากพอเหนื่อย ก็ถึงปากถ่ำแรก เพื่อน ๆ ก็หอบแฮก ๆ เลยพาลงไปในถ่ำนิดนุงให้เขาหายอยาก |
รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่สู้แน่ เลยบอกว่าข้างในเป็นถ่ำลึกลดเลี้ยวต้องมีคน นำทางไฟฉาย มุดที่แคบ ๆ บางช่วงก็ต้อง |
ลุยแอ่งน้ำไปเป็นตอน ๆ เพื่อน ๆ ได้ยินก็บอกว่า เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน หุ หุ พาเดินกลับผ่านสะพาน |
แถวนั้นอากาศชื้น ร่มรื่นพอออกจากถ่ำเดินกลับก็เจอ ฝนชุ่มก็มีบ่อย ละแวกนี้หน่วยราชการเขาสำรวจมีถ่ำ 86 ถ่ำแต่เขาเปิดให้เข้าดูถ่ำหินงอก หินย้อยเพียง 16 แห่งบางถ่ำต้องเดิน |
3 ชม. ไปโผล่อีกแห่งนะ บางถ่ำไม่ลึกไปโผล่ป่าไผ่หรือภูเขาจะเห็น เลียงผา ลิงบ้างไม่มาก |
|
ส่วนใหญ่ผมจะไปบ้านเล็กในป่าเพียงคนเดียว นึกวิตกถ้าเดินทางในฤดูฝนเป็นถนนดำก็จริงแต่ก่อนถึงเกือบ 3 กม |
เป็นถนนลูกรังลดเลี้ยวในสวนยางมึดครึ้มถนนเละมาก ๆ ต้องนำจอบ เสียมหรือพลั่วติดรถไปด้วย |
ถ้าเจอถนนเละแบบนั้นผมมักจะ ขับให้ล้อรถทับรอยล้อเดิมที่เขาใช้วิ่ง เคยอวดดีเห็นข้างทางมันแห้งเลยเห รถให้ล้อไปวิ่ง |
ที่นั่นผลคือ รถติดหล่มข้างบนดินแห้งก็จริงแต่ ข้างล่างดินนุ่ม รถติดนานหลาย ชม. ไม่มีบ้านคนเป็นอยู่เลย |
มีแต่บ้านที่คนตายอยู่ จริงเพราะมีคนถูกฆ่าตายในบ้านหลังเล็กที่รถผมติดอยู่ ในตอนกลางคืนมืดไม่มีแสง ไม่เล่าดีกว่า |
กลัวเพื่อนจะกลัว... |
|
อะมาเล่าต่อทีมเพื่อนชุดนี้มี ผู้กองใน สน.กรุงเทพ ครูสอนภาษา เพื่อนที่ค้าขายเสื้อผ้า ค้าไม้ที่ผมพาขับถนนในป่าข้าง |
เขาชะเมาขับผ่านสะพานไม้ซุง ลุยลำห้วยที่ตื้นทำเอาหลายคน ตื่นเต้นพอประมาณแต่ก็ชอบ |
ไปถึงบ้านก็ช่วยกันขนของลงจากรถเข้าบ้าน |
เจ๊ปุ๊กมาช่วยกันทำกับข้าวหน่อย |
เสียใจ ทำไม่เป็นว่ะ ช้างทำกับพี่ไวน์ก็แล้วกัน ฉันจะหุงข้าวให้ |
จริงเหรอเจ๊ |
เออ ฉันเด็กเรียนแม่ทำให้กินตลอด ตอนนี้ผู้กองทำให้กินว่ะ |
ผู้กองทำหน้าปุ๊เลี่ยน ๆ ไม่ว่าอะไรเอาแต่หัวเราะ |
ก่อนมาได้เตรียมอาหารสดใส่รถมาด้วย จะได้เป็นอาหารเย็นช่วย ช้างหั่นปลาดุก 6 ตัวเป็นแว่นหนาส่งให้ผมจัดการต่อ ทำความสะอาดเสร็จ |
หย่อนปลาลงทอดในกะทะน้ำมันท่วมให้สุกพอประมาณหอมฉุยไปทั่วบริเวณ ไพจิตกับผู้กองได้กลิ่นลูกกระเดือกเริ่มเมียงมอง |
จะหยิบเลยใช้ตะหลิวเคาะมือ ทอดจนหมดช้อนตักใส่ชามทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน |
|
ช้างตักน้ำมันเดิมออกจากกระทะที่ทอดปลาออกเหลือไว้นิดโยนกระเทียมทุบใส่ใช้ตะหลิวพลิกไปมาเกือบจะเหลืองตักน้ำ |
น้ำพริกแกงเผ็ดแหะ ๆ ที่ซื้อมา เติมกะปิอีกช้อนตีรวมไฟร้อนทำให้กลิ่นหอมจัดจนจามไปหลายคน |
โยนกระชายที่ซอยเป็นเส้นขยุ้มโต กับถั่วฝักยาวหั่นขนาดข้อมือเด็กไปอีกกำ ขะยอกน้ำไปไปอีก 3 ฉึกรินน้ำใส่นิด |
|
เอาเบบี้คอร์นก็ข้าวโพดฝักอ่อนผ่าสี่โยนไปด้วยเร่งไฟให้ร้อนจัด กลิ่นหอมฟุ้งทำเอากลืนน้ำลายหลายคน |
ยัง ๆ ไม่เสร็จโยนยอดใบโหระพาอีกขยุ้ม ตะหลิวคนไปมากลิ่นยิ่งหอมฟุง แบ่งปลาดุกทอดกรอบเป็นสองจาน ตักน้ำพริก |
ผักราดบนจานปลาทั้งสอง โห..น้ำลายจะไหล ช้างยกไปวางบนโต๊ะ |
เพื่อน ๆ นั่งจิบน้ำพรรค์นั้นบางคนก็เดินไปในป่ายาง คงจะตื่นตาที่เห็นร่มไม้กว้างใหญ่ ก็ในกรุงเทพหายาก |
พอข้าวสุกก็ตะโกนเรียกกันรวมกลุ่ม |
ทีนี้ต่างคนต่างตัก ราดข้าวสวยร้อน ๆ ต่างเคี้ยวอย่างช้า ๆ ก็ข้าวมันร้อนผัดปลาดุกเผ็ดจนเหงื่อตกเป็นแถว |
|
ส่วนผู้กอง ไพรัตน์เจ้าช้างจิบน้ำพรรค์นั้นแหละ บางคนแทะหมูสามชั้นโค๊ะที่ทำเตรียมมาจากกรุงเทพ |
พี่ไวน์ผัดปลาหอม เผ็ดพอดี ปกติหนูไม่กินปลาดุก พี่ทำแบบไหนไม่คาว |
คุณปุ๊กคงไม่ได้สังเกต ตอนที่ผมล้างปลาดุกหั่นแล้ว ผมเทน้ำส้มสายชูไปด้วย พ่อครัวญี่ปุ่น(คนไทย) ที่ริเวอร์บาร์สอนไว้ |
เคล้าไปมาเมือกคาวมันก็หลุดไปเยอะสรงปลาขึ้นให้แห้งทอดในน้ำมันร้อนมากหน่อย แต่อย่าให้กรอบ |
หนูว่าผัดของพี่ไวน์คล้ายผัดสิ้นคิด แต่ไม่เหมือนยังไงไม่รู้ |
ก็ผัดสิ้นคิดแหละ คุณปุ๊ก เพียงแต่ผมซอยกระชายไปด้วยกลิ่นแปลก พี่ใส่ใบ Basil ด้วยใช่ปะ ใช่ |
อะไรพี่ปุ๊ก basil ไม่เคยได้ยิน ไพรัตน์ถาม |
ใบโหระพานะไพรัตน์ ความเคยชินจากการกินอาหารในกรุงเทพเลยลามมาถึงบ้านน้อยในป่ากลายเป็น "ผัดสิ้นคิดในป่า" เพราะเปลี่ยนจาก ใบกระเพรา เป็นใบโหระพา 555 |
รอบวงข้าวกะ วงน้ำอย่างว่า มืดสนิท มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงแก๊สตั้งไว้กลางโต๊ะ... พอได้ที่ก็ร้องเพลง |
|
คนละหลายเพลง จนเจ้าช้างเล่นกีต้าร์เจ็บนิวโยนหน้าที่ให้ผู้กองเล่นต่อ ร้องกันจนเสียงแห้ง |
คืนนั้นผมแจก หมอนสี่เหลี่ยมเล็ก ผ้าห่มคนละผืนนอนบนเสื่อ นอนเรียงเป็นตับ 4 คนส่วนผมกับไพจิตได้สิทธิพิเศษ |
นอนบนเตียง แต่ก็ไม่มีที่นอนหรอกครับเป็นพื้นไม้สักทอง ก็พอไหว 555 |
อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ จนต่างคนต้องคลี่ผ้าห่มคลุม เสียงคุยกันเบา ๆ พร้อมกับเสียงน้ำในลำห้วยเล็ก ๆ หลังบ้านไหลเบา ๆ |
เสียงเม็ดฝน เริ่มโปรย ใส่ใบตองกล้วย ข้างบ้าน เสียงกบป่าร้องแข่งกันสามสี่ตัว |
คืนนี้คืนแรกที่นอนในบ้านเล็ก กลางป่าแล้วไม่กลัวผีกระสือ |
ไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบ..ต่างคนต่างเข้าสมาธิธรรมชาติ |
|
ตื่นเช้ามา ผมมักจะถือมีดหวดติดมือเดินผ่านสวนคนอื่นไป สวนตนเองที่อยู่ห่างจากบ้านเกือบ สองร้อยเมตรเดินดูไป |
เรื่อย ๆ ว่าเอมเพื่อนที่ช่วยทำสวนให้ ตัดแต่งกิ่งขนุนไปถึงไหนแล้ว |
เห็นหญ้าขึ้นระหว่างต้นมะม่วงที่กว้างไม่มากแค่ 5 ไร่ก็จะใช้มีดหวด ๆ ไปเรื่อย ๆ ให้มันเตียนเหนื่อยเหมือนกัน |
ผมเป็นคนทำงานในเมืองไม่ค่อยรู้เรื่องทำสวนเท่าใด วางแผนอย่างดีซื้อ รถเข็นตัดหญ้าแบบไทยประดิษฐแล้วใช้เครื่อง |
ยนต์เบนซินฮอนด้าติดข้างบน ดันหน้าให้ใบตัดเป็นเหล็กที่อยู่ข้างล่างหมุนเหวี่ยงตัดหญ้าจนเตียน |
กะจะไม่ให้กินแรงมากนักแต่ (เลยดัดแปลงเป็นเครื่องสูบน้ำ) |
มันเหมาะสำหรับพื้นที่เรียบไม่ใช่ พื้นที่สวนที่แฉะเป็นหลุมเป็นบ่อ เรียกว่าคิดผิดที่ใช้เครื่องตัดหญ้าชนิดนี้ภายหลังจึง |
รู้ว่ามีเครื่องตัดใหญ้ชนิดสะพายไหล่มี ท่อยาวไปข้างหน้าราคาประมาณ 3 - 9 พันบาทเท่านั้นเอง |
แต่ก็สายไปเสียแล้ว เลยต้องใช้มีดหวดตัดได้ ร่องสวนยาว 100 เมตรก็หมดวันอีกไม่กี่วัน หันไปมอง อ้าว |
ที่ตัดเมื่ออาทิตย์ก่อนยาวต้องตัดอีกแล้ว 555 |
|
แรกที่ทำก็ ทำสวนตามอุดมคติ ต้องไม่ใช้สารเคมีเด็ดขาด ทนทำหญ้าหรือจ้างตัดหญ้าได้ สองปีไม่ไหวครับเนื้อที่สวน |
32 ไร่หมดเงินค่าทำหญ้าเยอะมาก เลยตัดใจจ้างคนฉีดหญ้าชนิด นำถังใหญ่ใส่รถพิคอัพติดปั้ม คนงานลากสายยาง |
พ่นฉีดยาไกลโฟลเซต สองสามวันหญ้าใบแคบเหลืองตายแนบดิน ไม่ขึ้นอีก 2 - 3 เดือน |
|
เคยสังเกตนะครับ หอยป่า กบป่าไม่มีให้เห็นอีกเลย ส่วนทากไม่เห็นมาก่อนที่จะทำสวนซะอีกเพราะชาวบ้านเขาใช้ยา |
กันเป็นส่วนใหญ่ รอให้ต้นผลไม้โตจนคลุม ร่มเงาหญ้าไม่ขึ้นทรงพุ่ม จะมีตัดหญ้าบ้างไม่มาก |
ไปทำสวนขนุน มะม่วง เงาะ สะตอดาน น้อยหน้าใช้ยาฉีด ไม่มีผลต่อการเติบโตให้เห็น เพราะเราฉีดยามิให้ใกล้ต้นไม้ มีข่าวดังมาก ทางการให้งดใช้ สารกำจัดหญ้า พาราควอต ใครมีให้งดใช้ ส่งคืนหน่วยราชการ/ร้านค้า แต่เมื่อเช็คข่าวย้อนหลัง เขาให้ใช้ สารไกลโฟลเซทที่ผมใช้ประจำ |
ปัจจุบันราชการเขาให้ใช้ได้ในสวน/ไร่ ้อ้อย สวนยาง ข้าวโพด มันสัมปหลัง ไม้ผล แต่ต้องใช้ถูกวิธี |
เพี่อนที่คิดจะปลูกไม้ผลต้องทน ตัดหญ้าระหว่างร่องรอจนต้นผลไม้เติบใหญ่ให้เกิดร่มเงาหญ้าขึ้นได้น้อยไปก่อน |
ที่เหลือมันต้องขึ้นบ้างแหละ |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ(re 60/4323) |
|
st ผู้เข้าชม 1,908,582. |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์นิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |
|
อ่านถึงตอนที่พี่ไวน์เล่าเรื่องรถติดหล่ม แถวนั้นมีบ้านคนตาย
ผมนึกถึงหนังสยองขัวญขึ้นมาเลยครับ 555
ยาฆ่าหญ้าทุ่นแรงได้เยอะจริงๆ
อย่างตอนนี้ผมตัดหญ้าเอง พื้นที่ไม่เยอะ
แต่มันขึ้นเร็วมาก ยิ่งโดนฝนแบบนี้
อาทิตย์เดียวก็ต้องตัดอีกแล้ว
เวลาเที่ยวบ้านป่าบ้านสวน
คนไม่ชอบก็ไม่ชอบจริงๆนะครับ
เพื่อนผมคนนึงชวนไปเที่ยว
เดินได้ดอยเดียว เขาบอก
"มีแบบทางรถเข้าถึงเลยรึเปล่าขี้เกียจเดิน" 555