No. 990 ตื่นตระหนก @ ป่าจันทบุรี (ตะพาบ) |
|
 |
นั่งบนขอนไม้คนเดียวในป่าจันทบุรี ....ใบยางพาราสั่นไหวพริ้วไปตามสายลมอ่อนยามเช้า |
ลมบนพัดลงล่างพัดขี้เถ้าฟืน ปลิวพัดผ่าน ไฟสุมขอนแดง ระเรื่อ  ใช่แล้วเมื่อคืนได้นั่งคุยกับเอม เพื่อนที่ช่วยดูแลสวน ใช้ฟืน |
จากไม้ยางพาราแห้งก่อไฟ ราไฟถ่านไฟแดงร้อนปิ้งเนื้อแดดเดียวหนาแผ่นโต เคี้ยวกันกับจิบน้ำพรรค์นั้น |
|
เพื่อนเล่าว่าสภาพป่า เมื่อครั้งแรกที่มาอยู่ มีต้นไม้ใหญ่อยู่ประปรายเขาสองคนผัวเมียเข้ามาซื้อที่ดินจากชาวบ้าน |
เดิมปลูกมันสัมปะหลังแต่ต้องคอยรบกับ หมูป่าที่ มาคุดขุย ต้นมัน กับยุงป่า กัดจิก น่ากลัวมาลาเรีย |
อาหารไม่ค่อยมี ต้องเข้าไปในตลาดทางเกวียน หรือที่เรียกในปัจจุบันว่า อ.แกลงซื้อปลาทูเค็มข้าวสารน้ำมันก๊าด ยา |
แอสไพรินทันใจ(ทัมใจ) มาไว้ที่เพิงพักมีฝาไม้ไผ่ขัดแตะสามด้านด้านหน้าเปิดโล่ง |
 |
อาหารสด จะได้กินเมื่อเข้าตลาด ต้องอาศัยรถสองแถวแบบคอกหมู เพื่อนเลยต้องหากบป่า ยิงนกมากินฤดูแล้งจับ |
จักกะจั่นป่า มาคั่วเกลือกินกับข้าวบางครั้งร่วมกับเพื่อน 4 คนเดินเข้าป่าลึกไปด้านช่องเขาขาดล่าหมูป่า การล่าหมูป่าต้อง |
ต้องมีความกล้าพอสมควร บางครั้งหมูถูกไล่ล่าจวนตัว หันกลับวิ่งสวนทาง |
|
ใช้เขี้ยวขวิด นักล่าใส้ทะลัก... บางครั้งต้องกลับมือเปล่า หมูป่ารู้ตัวหลบเร้นกายบางครั้งโชคดีล่าหมูป่าได้ใช้เถาวัลย์ |
มัดขาหมูป่าตัดไม้ไผ่สอดหามกลับบ้าน แล่แบ่งกัน ไม่ต้องขูดขน ต่างคนต่างทำที่บ้านตนเองได้กินอาหารสดอิ่มหมีพลีมัน |
หน้าตาสดใสเกือบอาทิตย์ความเจริญค่อย ๆ คืบเข้ามา เริ่มมีถนนดินแดง หมูเริ่มลดหายไปเป็นจำนวนมาก |
//////////// |
แรก ๆที่ผม(ไวน์)ไป บุกเบิกป่าหญ้า กับต้นไม้ขนาดเล็กทำสวนเมื่อหลายปีก่อนยังพบรอยตีนกระต่ายป่านาน ๆ จะพบรอยตีนสัตว์ |
กีบเพื่อนบอกว่า หมูป่าทำเอาตื่นเต้น |
เคยพาเพื่อนจากกรุงเทพ ไปเที่ยวที่สวนเขาอยากกินเนื้อกวางเลยต้องพาไปกินแกงป่ากวางที่ตลาด อ.แกลง |
ร้านที่อยู่ใกล้สะพานเจ้าของร้านบอกว่า รับซื้อของป่ามา เขาว่าอยู่ใกล้เขาชะเมาเลยมีเนื้อกวางเกือบทุกวัน |
|
ดูเพื่อน ๆ จะชอบใจที่ได้กินเนื้อกวางป่าก่อนหนานั้นผมทำงานอยู่บริษัท...ผู้นำเข้าเนื้อกวางรูซ่าจากออสเตรเลียมาขาย |
(กวางเลี้ยง) ขายส่งให้ภัตตาคาร ได้แต่อมยิ้ม (ผมทำหน้าที่ดูแลภาษี/บัญชี/สต๊อกสินค้า) |
เขาชำแหละแยกเนื้อเป็นส่วน ๆ แพคแช่แข็งส่งขายไปหลายประเทศ(มั้ง) ส่วนในไทยบริษัทที่ผมทำงานก็รับมาขาย |
น่าจะเป็นบริษัทแรก ๆ เลยครองตลาดขายดีมาก บริษัทอยู่ฝั่งธนบุรี (ปัจจุบันน่าจะมีขายที่แมคโคร)  |
เอะ หรือว่า เนื้อกวางที่พาเพื่อนไปกินมาจากเขาชะเมาจริง นั่นซิ ? ผิดกฏหมาย |
ผมกับเอมเราสองคนนั่งคุยนั่งผิงไฟดึกน้ำค้างหยดใส่ เลยแยกย้ายกันเข้านอนบ้านตนเอง |
|
เช้านี้นั่งบนขอนไม้ หน้าบ้านรับลมเย็น ๆ แต่ อาการปวดหัวเริ่มกำเริบ |
อาบน้ำแปรงฟันดื่มควานหายาพาราเหลือเม็ดเดียว งั้นก็ได้กินน้ำตาม ครึ่ง ชม. อาการปวดหัว  |
ไม่หายกลับปวดหัวข้างเดียวแต่ก็ปวดจนอยากจะอ๊วก |
แบบนี้ปวด ไมเกรน แน่...เป็นบ่อยตอนที่งานเยอะ สางงานเท่าไรไม่หมดหรือเร่งรัดงานให้เสร็จถ้าอยู่ กท.ขับรถไปร้าน |
ปากซอยซื้อยาคาเฟอร์ก๊อตกินไม่เกิน 2 ชม..ก็หาย |
แต่นี่อยู่ในป่าไปซื้อยาต้องขับไปโน่น 25 กม. ไปกลับ 50 กม.. โน่นครับตลาดนายายอาม ทำไงดีปวดมากขึ้นอ๊วกจน |
น้ำลายเขียวเหลืองนึกได้ว่านำต้นพันธ์ ผักฮ้วนหมูจากเชียงใหม่มาปลูกเขาว่านำรากกับเถาว์มา |
ตำต้มแล้วดื่มน้ำอาการปวดหัวจะลดลง |
เดินไปหลังบ้าน อ้าว ต้นผักฮ้วนหมูผัก  เซียงดาไม่เหลือสักต้น....สวนครัวถกถางจนเตียน..เอมเพื่อนที่ดูแลสวนคงหวังดีคิดว่า |
เป็นเถาว์วัลย์ หญ้ารก เลย ตัด ถางซะเตียนเฮ้อคนระยองจันทบุรีไม่รู้จักผักจากเชียงใหม่ |
ถ้าอยู่กรุงเทพช่างสะดวกสบายหายากินอะไรก็ง่าย นึกจะกินกาแฟสดก็ขับรถปึ๊ดเดียวก็ได้จิบกาแฟหอมแล้วนึกได้ว่า |
ส่วนผสมของยา คาเฟอก๊อต มาจากคาเฟอีน ก็กาแฟ สกัดงั้นต้องลองดู ต้มน้ำร้อน..รอน้ำเดือด |
เทกาแฟ 2 ช้อนพูนใส่แก้ว เทน้ำร้อนที่เดือดใส่ใช้ช้อนคน จนเข้ากันดี ค่อย ๆ จิบ... ขมมาก  แต่ต้องทนไม่มีใครช่วยได้เราอยู่ในป่าคนเดียว |
น้ำร้อนที่เหลือเทใส่ผ้าขนหนูเล็กบิดให้หมาดพาดข้างหัวซีกปวด แล้วลงนอนพักเปลี่ยนผ้าที่เย็นให้ร้อน 4 ครั้ง |
อาการปวดไมเกรนลดลงดูนาฬิกาแล้วไม่ถึง ชม. ก็หายจากปวด อาการอยากจะอ๊วกก็หาย |
|
เลยรู้ว่าดื่มกาแฟเข้มข้นแทนยากาเฟอก๊อต แก้ไมเกรนได้ แต่ควรใช้ผ้าอุ่นประคบทำให้อาการหดตัวของเส้นเลือดขยาย |
เป็นปกติ เลือดไม่คั่ง |
แต่ขอบอกเพื่อน ๆ ที่เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ(ชนิด AF) อย่าได้ใช้กาแฟเข้มข้นแก้หรือทานยาคาเฟอร์ก๊อตนะครับ |
มีผลต่อการเต้นของหัวใจ.... ไปสู่สวรรค์ง่าย ๆ |
อีกอย่างคนแพ้คาเฟอก๊อต ท้ามือดำจนต้องตัดขาทิ้งเห็นในภาพหนังสือพิมพ์มีทางแก้คือลดปริมาณงานให้น้อยลง |
อย่าไปคิดอะไรมากไม่ดีหรอก |
หลังจากกินข้าวแล้วก็นอนพักยาว ให้หายเพลียจากปวดหัวไมเกรนแล้วรู้สึกร่างกายแข็งแรงเหมือนเดิมจวนจะต้อง |
กลับไปทำงานที่โรงงาน แต่แปลงปลูกมะม่วง 5 ไร่ยังทำหญ้าค้างนอนรอจนบ่ายคล้อย 4 โมงเย็น |
แต่งตัวใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาวสีมอ ๆ สวมรองเท้าบูทยางยาวเกือบเข่าคว้ามีดหวดยาวไปด้วย |
เดินจากบ้านผ่านสวนคนอื่นเกือบสองร้อยเมตรถึง แปลงปลูกมะม่วงที่สูงเลยอกไปนิดหน่อย แต่หญ้าสูงแค่เอวไม่ดีแน่ |
ใช้มีดหวดจากที่หวดค้างเมื่อวานมุ่งไปโคกดินสูงที่มีต้นไม้ใหญ่สูงชะลูด 5 ต้นหวดหญ้าเกือบชั่วโมงก็ถึงโคกดินสูงพอดี |
ต้องสอดสายตามองไปข้างหน้ากับข้าง ๆ ตลอดเวลากลัวงู |
 |
เมื่อ 5 เดือนก่อนเห็นงูจงอางคู่หนึ่ง กอดเกี่ยวกันใกล้ ๆ ชายน้ำแถวนั้นต้องรีบเดินหนีไปไกลกลัว งูคู่นี้ไล่ฉกเพราะไปขัดใจ |
มันก็เขากำลังจู๋จิ๋กันนี่นา 555 นึกถึงเมื่อครั้งย้ายไปประจำสาขา อ.ท่าใหม่เมื่อหลายปีก่อน |
ไปอาบน้ำหลังเลิกงานที่ห้องน้ำหลังสำนักงาน อาบเพลิน ๆ เห็นหูตัวไม่โตมีคอสีแดงเลื้อยมาใกล้รีบนุ่งผ้าวิ่งหนีจากห้องน้ำ  |
ไปที่ประตูไม้หลังสำนักงานหันไปเห็นงูคอแดงเลื่อยตามฉกไม่ยอมหยุด ก้าวเข้าประตูรีบปิดประตูเสียงฉกของงูที่ |
ประตูไม้ดังโป๊ก เฮ้อรอดไปแข้งขาสั่นไม่กล้าไปอาบน้ำแถวนั้นนานเหมือนกัน |
แต่ก็แปลกที่สวนมะม่วง อ.แก่งหางแมวผมตัดหญ้าจนราบจนถึง โคกดินสูงดงไม้ไม่ยักเจองูจงอางป่านนี้คงจะ |
หนีไปอยู่ที่อื่นแล้วอีกอย่างคงกลัวมีดหวดยาวผมจะตัดคอขาดมั้ง |
|
ผมยังคงตัดหญ้าจนเตียนถึงโคกดินมองดูพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำจะลับยอดไม้ต้องกลับบ้านแล้ว เดินกลับมาผ่านแปลง |
ปลูกสะตอเห็นหญ้าขึ้นรกทางเดินใช้มีดหวดไป 10 กว่าครั้งหญ้าก็เตียนโล่ง ก้าวลงจากเนินดินลงสู่พื้นราบ  |
เห็นสีดำยาวขวางทางเพ่งดู เฮ้ยงู 2 ตัวอยู่ด้วยกัน |
เส้นผมลุกชัน ตัวแข็งไม่กล้าขะยับตัวเหงื่อแตกทำไงดี กลัวจงอางเลื้อยมาฉกมือสั่นระริกนึกถึงงูแผ่แม่เบี้ย |
 (ภาพมีดหวดก๊อบจากที่เขาขาย.. ด้ามจริงอยู่ในครัวบ้าน กท.แหะ ๆ ขี้เกียจถ่าย) เขวี้ยงมีดหวดไปที่ตัวงู ..กะจะให้ถูกตัวงูแล้ว.. กลับตัววิ่งหนีเร็วที่สุด |
|
วิ่งไปพักใหญ่ถึงบ้านพักหอบตัวโยนขาสั้นระริก.. คืนนั้นใช้ผ้าเช็ดเหงื่อแทนไม่กล้าไปตักน้ำจากบ่ออาบ กินข้าวเย็น |
กับอาหารที่เหลือแล้วปิดประตูบ้านแน่นกลัวงูเข้า |
เช้ามาชวน เอมเพื่อนคนสวนไปดูผลงานจะให้เขาตัดหญ้าต่อแล้วก็จะเก็บมีดหวดที่เขวี้ยงใส่งูพอไปถึงที่ |
เอมก็เดินไปเก็บมีดมาให้...ส่วนผมเมียงมองไม่เห็นตัวงู เห็นกิ่งยางเก่าแห้งสีดำตกอยู่ |
ปิดปากเงียบกลัวเอมรู้ว่าแหะ ๆ วิ่งหนีกิ่งไม้แห้งหรือเป็นงูจริงแต่ตัวเดียว....?  |
แต่จงอางตรงโคกดินที่เจอนั่นเป็นของจริงแน่เพราะเห็นมันเลื้อย ยกหัวขึ้นสูงแผ่แม่เบี้ยแลบลิ้นส่งสายตาดุ ๆ มา |
ไม่รู้แหละกลัวไปก่อนดีกว่า |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ(re 444/2004) |
L |
st ผู้เข้าชม 1,905,874. |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์นิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |
|
สมัยก่อนตอนเป็นเด็ก
ผมจำได้ว่าหมูป่าแท้ๆมีให้กินเยอะมากครับ
ทุ่งเกวียนนี่มีให้กินได้เรื่อยๆ
หลังๆก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
จนกลายเป็นหมูป่าเลี้ยงแล้ว
รสชาติมันก็ไม่เหมือนหมูป่าแท้ๆ
ผมไม่ถูกโรคกับงูเลยครับพี่
กลัวมาก เห็นปุ๊บ วิ่งก่อนเลย 555