No. 956 ถ้าหนึ่งวันมี 38 ช.ม...? (ตะพาบ) |
|
หัวข้อยาวที่สุดของตะพาบ ตอบโดยไม่ต้องคิด ตายซิครับไม่ได้พัก มัวแต่เขี่ยมือถือ 555 |
คิดเล่น ๆ นะครับ |
ที่ผ่านมาก็หลายปีแล้ว เคยคิดนะครับว่า อยากให้วัน ๆ มีเวลาหลายชั่วโมง มีอยู่สองช่วงของชีวิต ขอเล่าช่วงแรกก่อน |
ประมาณปี 2520 - 2530 ทำงานประจำที่บริษัทแห่งหนึ่งมีพนักงานในสังกัดหลายสิบคน เป็นงานที่สบาย มีพนง.ทำงาน เราเป็นคอยกำกับดูแลหรือตัดสินใจบางอย่าง |
มีรายได้ประจำสบาย ๆ ไม่เดือดร้อน แต่ใจก็ยังอยากจะชำระหนี้สินที่กู้มา สร้างบ้านที่ กท. ให้เร็วขึ้น |
|
วันหนึ่งเพื่อนชวนขายสินค้าเงินผ่อน แรกๆ ก็ไม่สนใจ แต่ก็ลงทุนไปนิดหน่อยเพียง 3 วันเงินที่ลงทุนไม่พอ |
เพราะลูกค้าเพิ่มขึ้น เลยต้องนำสร้อยคอทองคำที่มีไป ขายมาหมุนเวียน ทำได้ปีกว่าเพื่อนขอหยุดเขาไม่มีเวลา |
แต่ด้วยหน้าที่ตำแหน่งลงขายด้วยตนเองไม่เหมาะ เลยชักชวนคนมาช่วยขาย |
แบ่งเปอร์เซ็นให้ ในกรุงเทพคนขายกว่า 10 คน.. แล้วขยายไปหน่วยงานราชการเช่น กรมชลประทานสามเสน |
กรมทางหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย กระทรวงศึกษา กระทรวงคมนาคม |
ธนาคารแถวบางแค แล้วเพิ่มคนขายตามต่างจังหวัดในภาคเหนือหลายจังหวัด ที่ขายดีมาก เพชรบูรณ์ หนองไผ่ พิษณุโลกแล้ว |
ก็ขยายไปภาคอีสาณ ภาคใต้หาดใหญ่ นราธิวาส สุราษฏธานี นครศรีธรรมราช |
|
คนขายเป็นลูกน้องตามต่างจังหวัดที่มีแวว เช่นเป็นคนซื้อของเก่ง(อยู่แล้ว) แต่งตัวดี พูดไม่มากแต่เป็นคน |
มีน้ำใจผ่อนสั้นผ่อนยาวแต่สืบดูก่อนว่า ไม่เล่นหวยหรือการพนัน และแฮ่. ไม่เป็นเมียคนในเครื่องแบบเขาใช้เงินเก่งแต่ไม่ |
ค่อยจ่ายหนี้ตรงเวลา.. ความต้องการสินค้าเยอะเกือบทุกเย็นผมจะต้องไป เอาสินค้าที่บางลำภู ที่โรงงานแถวบางโพ |
ตลาดปีนังแถวคลองเตย พาหุรัด กับที่ตลาดผ้ากลาง เมืองชลบุรี |
|
เลิกงานประจำจะรีบขับรถไปบางลำภู ไปสั่งสินค้าแต่ละร้าน เหนื่อยมากหิวก็นั่งกินอาหารที่เจ้าของร้านสั่งมาให้กิน ร้านที่คุ้นเคยกัน รู้ว่าผมเหนื่อยหมดแรงนั่งเก้าอี้ เขาจะให้ลูกน้องนำผ้ามาให้ดูเนื้อดูลาย แล้วชี้เอาว่า 1.75 เมตร 6 ชิ้น 3.5 เอา 3 |
ชิ้น พอได้เวลาก่อนร้านปิดเดินกลับที่รถลูกน้องแต่ละร้านจะคว้าถุงผ้าเดินตามไปส่งที่จอดรถ |
หน้าวัดบวร ผมเปิดรถรอไว้เขาจะนำผ้าใส่รถฉีกบิลส่งของให้ไว้จ่ายเงินงวดหน้า หรืออีกครึ่งเดือนหรือเดือน |
ตามข้อตกลง ซึ่งผมไม่พลาดอยู่แล้วต้องรักษาเครดิต |
กลับไปบ้านช่วยกันจัดทำราคาติดป้าย ระหว่างนั้นจะมี คนขายสองสามคน มาเลือกผ้าหรือเสื้อผ้าสำเร็จ |
ก็ต้องจัดให้พวกเขาก่อน... เสร็จแล้วก็ทำราคาติดแต่ละชิ้น แพคของใส่กล่องแยกแต่ละคน ตามต่างจังหวัดจ่าหน้า |
แล้วก็เข้านอนดึกมากไม่ต่ำกว่าเที่ยงคืน |
บางเช้าจะรีบขนของขึ้นรถตอนตี 4 ขับไปส่งแถวบางแค หรือการไฟฟ้าบางกรวย หรือตามหน่วยงานราชการแล้วรีบบึ่ง |
รถไปทำงานที่บริษัทมีสายบ้างแต่ไม่เป็นไร มี พนง.กับ หน.แผนกเขาทำอยู่แล้ว ได้สิทธิพิเศษไม่ต้องตอกบัตร 555 |
กลางวันก็นำกล่องสินค้าไปส่ง รถทัวร์ หรือไม่ก็ไปรษณีย์สาขาซอยนานา |
วันเสาร์หรืออาทิตย์จะต้องขับรถไปตลาดผ้าวัดกลาง เมืองชล แวะส่งลูกสองคนที่บางแสนบ่าย ๆ ค่อยมารับ |
พอเสร็จก็ขับรถกลับกรุงเทพ หิวก็กินอาหารในรถง่าย ๆ ใช้ปากงับ ๆ ดูดโอเลี้ยงล้างคอที่แขวนไว้ในรถ |
เคยคิดว่า น่าจะมีเวลาเพิ่มมากกว่านี้นะ 555 เพราะนอนวันละไม่ถึง 5 ช.ม. |
|
เหนื่อยแต่ได้เงินดีคนขายตามต่างจังหวัดจะส่งดร๊าฟหรือโอนเงินทางไปรษณีย์ให้ ในกรุงเทพส่งเป็นเงินสด |
ถ้าเป็นแบงค์ยี่สิบบาทเขาจะ จัดเป็นแหนบ ก็ใช้เพียงนับแหนบกี่ร้อยกี่พันแล้วกวาดลงถุง ส่วนใบ 100 บาทต้องนับหน่อย |
ปีพศ.2528 รัฐบาลมีธนบัตรใบละ 50 บาทกับ 500 บาททำให้นับง่ายขึ้น |
|
เงินหมุนเวียนดีมาก แต่ร่างกายแย่ลงทุกวัน เลยตัดใจทุกวันเย็นวันศุกร์ไปสวนลุมพินี |
เลิกงานจะไปจ๊อกกิ้ง 2 - 3 รอบ ๆ ละ 2.6 กม.ให้เหงื่อออกได้พูดคุยพบปะเพื่อน ๆ นักวิ่งทำให้ร่างกายแข็งแรงพอที่จะ |
ทำงานประจำกับ งานขายของได้ ทำเป็นเวลา กว่า 10 ปี |
|
จะมีท้อตอนปี 2526 น้ำท่วมกรุงเทพใช้รถยนต์ไม่ได้เลย 4 เดือน แต่ต่างจังหวัดขายสินค้าได้ดีผมเลยต้องไปบางลำพู กับโรงงาน |
แถวบางโพด้วยรถเมล์ หิ้วถุงพลาสติกลาย ๆ ใส่ของขึ้นรถเมล์ บางจุดขึ้นรถทหารที่บริการในซอยอ่อนนุช |
จะถึงบ้านต้องแบกถุงสินค้าใส่บ่าเดินท่องน้ำ 700 เมตรถึงบ้าน พักหน่อยแล้วทำงานต่อแบบเดิม เช้ามาก็แบกของหรือ |
มีรถซาเล้งติดเครื่องก็ขึ้นไป ขึ้นรถเมล์ต่อ หนักสาหัสจริง ๆ แต่ก็ งก แหละ 555 |
|
ปีพศ.2528 - 2529 การค้าเริ่มเปลี่ยนคนนิยมซื้อสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูป ตลาดชุดสำเร็จแถวประตูน้ำใบหยกเริ่มดัง |
|
ผมเองก็เฝ้ามองดูอยากจะปรับตัว ขายสินค้าสำเร็จรูป..จากเดิมมีแค่ 20 % แต่ต้องใช้เงินหมุนเวียนเยอะมาก อีกทั้ง |
สินค้าเปลี่ยนรูปแบบเร็วมากแค่สองเดือนของจะกลายเป็น ตกรุ่นเปลี่ยนแนวอีกแล้ว คงสู้คนอื่นไม่ได้อีกอย่างบริษัทเปลี่ยน |
ผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงมีแนวการทำงานที่ หลายคนยอมรับไม่ได้ ผมก็ดูแล้วไม่รุ่งแน่ |
เลยลาออกเพราะ มีความทุกข์ใจมากที่สุด |
|
ลาออกกลับไป ตจว.คนเดียว ทำห้องให้คนเช่า ทั้งนักศึกษา คนทั่วไป แต่ได้เงินน้อยมาก ทนอยู่นานเหมือนกัน เลย |
ไปลงทุนทำไร่บนดอยที่เชียงราย ซื้อกระเทียมจากชาวไร่มาทำให้แห้ง และขาย ตามที่เคยเล่าให้ฟังมาหลายตอนมาก |
ช่วงที่ทำหอพัก และทำไร่บนดอยขาดทุนมากมาย ต้องใช้เงินเก็บเกือบหมด เป็นระยะของชีวิตที่ตกต่ำที่สุด เรียกว่าสุด ๆ ก็ว่าได้ |
จะว่าท้อหรือไม่ ก็ยังนะครับต้องสู้ต่อ |
|
หลังจากนั้นก็ถูกเรียกตัวไปทำงานที่ กรุงเทพ อีกหลายแห่งทั้งบริษัท โรงงาน 3 แห่งก็ทำกันไป (แต่ทำทีละแห่งนะครับ) เป็นงาน |
หนักชนิด วางรูปงานภายใน ภาษีเป็นหลัก |
ที่เขาเรียกตัวไปทำงานให้ บางแห่งไปประจำ บางแห่งเป็นฟรีแลนซ์ ต้องทำตารางไปทำงานแต่ละบริษัทไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วัน |
ว่าจะไปที่ใด วันไหน อยู่บ้านหรือที่ทำงานก็เข้า คอมพิวเตอร์บางรูปแบบงานแต่ละโรงงาน หรือแต่ละบริษัทแตกต่างกันไป |
เช่น บริษัทนำเข้าทองแท่งจาก ตปท. บริษัทนำเข้าเนื้อกวาง จาก ตปท. บริษัทโมเดลลิ่งของชาวฝรั่ง |
โรงงานผลิตรองเท้า บริษัทก่อสร้าง บริษั่ทจัดสรรที่ดินแถวปทุมธานี ส่วนข้างล่างทำบ้านจัดสรร แถวหมูสี เขาใหญ่ บริษัทเขาขายดีแต่ เราเหนื่อยมากเขาเลยให้ไปพักผ่อนที่บ้านโครงการ ในภาพจะมีเพื่อนรุ่นน้อง ที่คอยช่วยเหลือผมด้านคอมพิวเตอร์ให้ใช้ โลตัสก่อนเป็น เอกเซล อ.เกรียงศักดิ์ปัจจุบันเป็น โปรแกรมเมอร์โรงพยาบาลแถวแปดริ้วเขาเขียนระบบงานคอมพิวเตร์ตั้งแต่เวชระเบียน หมอสั่งยา เภสัชจัดยา พิมพ์สติคเกอร์ ตัดสต๊อคยา กับอย่างอื่น.รวมทั้ง พิมพ์ใบนัดคนไข้ครั้งต่อไป. อ.เกรียงศักดิ์หรือเล็กคนนี้เขียนระบบนี้ใช้ กับหลายโรงพยาบาลและสถาบันดัง ๆ มาก เล็กคนนี้ตัวเล็ก ๆ ใส่เสื้อขาวแขนสั้นยืนติดกับหญิงเสื้อฟ้าลายทางขาว ภาพนี้ประมาณปี 2534 ต่อมารับทำงานกับบริษัท สนง.กฏหมายที่สีลมอีกผมดูแลกิจการบัญชีที่เขารับทำบัญชีมี พนง.ดู/ทำ ส่วนลูกค้าบัญชีที่ผมทำอยู่ก่อนแล้วเป็นรายได้หลักก็ต้อง |
รับลูกน้องเพิ่มให้นั่งทำงานที่บ้าน ทำเป็นออฟฟิศ ส่วนตัวเองก็ไปตามบริษัทต่าง ๆ จึงต้องเปลี่ยนรูปแบบ |
การทำงานเป็นสำนักงานบัญชี ควบคู่กับงานประจำ |
การทำงานที่ได้เงินมาใช้จ่าย ซื้อสินทรัพย์มีเงินเลี้ยงลูกน้อง ทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ที่ผมขาดไม่ได้และถือเป็น |
สิ่งสำคัญคือ การออกกำลังกายเล่นกีฬา ควบคู่กับการทำงานตลอดมา |
ไม่งั้นตายแน่ ๆ ครับ |
ปัจจุบันเจอปัญหา โควิดรุ่นแรก ถูกบริษัทลดเงินเดือน 40 % เหมือน ๆ เพื่อนที่ถูกลดเงินเดือน ธันวาคมที่ผ่านมาบริษัทเขาปรับเข้า |
เท่าเดิมแล้วทำงานเท่าที่มีนิดหน่อย ทำงานเพื่อสังคมบ้างกินน้อยเที่ยวให้น้อย |
ซื้อให้น้อยลงพวกบุปเฟต์หัวละ 599 บาท 699 บาทเมินเสียเถอะไม่ได้ตังค์หรอก |
แล้วต่ำกว่านั้นละ ก็ไม่เอาครับ 299 บาท ไปซื้ออาหารสดมาทำทานที่บ้าน ชวนเพื่อนมากินได้สองสามคนถูกเงินเยอะ 555 |
ส่วนเวลาขอแค่ 24 ชม.ก็พอไม่เอาหรอก 38 ชั่วโมงหนักเกินไป |
|
ขอบคุณเพื่อนที่ให้ใช้ภาพประกอบ |
L |
st. 1,805,410 |
= |
ขอบคุณเพื่อนที่แวะมาเยือน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้นิด ผมจะได้กลับไปเยือนได้ถูกครับ |
|
Diarist |
|