No. 978 เรื่องเล่า จากชายทุ่ง @ Pai |
นอกตัวเมือง อ.ปาย ปัจจุบันยังคงสวยมีน้ำไหลเคียงคู่ขนานไปกับถนน....ที่นี่เป็นเมืองเกิด แม้ครอบครัวจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่ เราจะดีใจที่ได้กลับไปเยือนอำเภอบ้านเกิดเสมอ |
อ.ปายเปลี่ยนแปลงเจริญช้ากว่าเชียงใหม่แต่ก็กลับดี เป็นเมืองที่ใคร ๆ ก็ยังอยากไปเยือน |
|
|
ไปนอกตัวตลาดรู้สึกตื่นตาที่เห็นภูมิประเทศเขียว นาไร่ ยิ่งมาเห็นภาพยนต์ไทยที่สร้าง เรื่องราวที่เกิด ณ อ.ปาย |
แต่งกายแบบคนไทยใหญ่อยากกลับไปเยือนอีกหลาย ๆ ครั้ง เพราะรอบนอกเมืองยังคงสภาพเดิมอยู่ |
ฤดูทำนาน้ำขังในนาข้าวเขียวสวย เหนือต้นไม้เมฆลอย |
เมื่อมีโอกาสได้เดินทางไปอำเภอบ้านเกิดเห็นผู้คนบ้านเรือน วิถีชีวิตของผู้คนเลยซึมซับไว้อยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม |
อำเภอปายจะว่าไกลก็ใช่ ถนนไปมีเลี้ยวเพียงเลี้ยวซ้ายและขวากับขึ้นเขาลงเขา 555 |
เป็นอำเภอเล็กก็จริง แต่จำได้ว่า มีสนามบินมาตั้งแต่ผมยังเด็ก คุณอาน้องสาวของพ่อทำงานที่นั่นด้วย |
แต่น่าจะไม่ได้ทำงานดายหญ้าสนามบินนะครับ เห็นนำเอกสารมานั่งทำงานที่บ้านให้เห็นด้วย มีอยู่วันหนึ่งอานำแสตมป์เปื้อน เป็นแผ่นแสตมป์ดวงเล็กพิมพ์ติดเป็นแผ่นโตขนาดกระดาษ A 5 มาทำความสะอาดใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแล้วบอกว่า จนท.ไปกู้เครื่องบินเล็กตกในป่าทึบมีคนตายด้วยเป็นเอกสารราชการต้อง |
เก็บส่งคืนที่เหลือง ๆ บนแผ่นแสตมป์กับเอกสารอื่น งั้นก็ น้ำเหลืองคนตาย มะอาวแล้วไปดีกว่า //////// ไปปายครั้งนี้เราไปพักบ้านคนรู้จักของ น้าหยา ผจก.โรงหนังศรีวิศาลเชียงใหม่ |
สายวันนั้น ที่ปาย แสงแดดเริ่มทอแสง ผ่านหมอกหน้าบ้านน้าชาญชัยเป็นถนนดินแดงนาน ๆ จะมีคนเดินผ่าน |
เกวียนภาคเหนือ ค่อนข้างกว้างแล่นผ่านช้า ๆ ถนนกว่าสิบเมตรมีเศษฟางตก |
ล้อเกวียนแล่นทับจนแบนแหลกปนกับดินสีแดงเสียงครกล้อเกวียน(รูตรงกลางล้อ) มีเพลาเหล็กสอดอยู่หลวม ๆ |
ดังโคลกคลั๊ก ยามขึ้นเนิน แล้วลงหลุมเล็ก ๆ |
|
บ้านน้าชาญชัย เป็นบ้านชั้นเดียวทรงสูง ข้างล่าง ถ้าภาคเหนือเขาจะพูดว่าพื้นกระล่างก็เป็นใต้ถุนบ้านโล่งสูงขนาดเมตรครึ่ง |
พอให้คนเดินลอดไปมาได้ แต่ถ้าคนสูงคงต้องก้มหัว |
ไม้ฟืน ถูกตัดสับเป็นท่อน วางเรียงรายจากพื้นดินสูงถึงคานของบ้านค่อนข้างเยอะ ฟืนสำคัญมากสมัยนั้นใช้ก่อไฟหุงข้าว |
ให้ความอบอุ่นร่างกาย ที่รอบกายจะหนาวเย็น ตลอดวัน |
ลึกเข้าไป จะมีไม้ซ่าว หรือที่ภาคกลางเรียกว่า ไม้ราว เขาใช้ไม้ไผ่รวกที่เล็กข้างในตันสอดเข้าไปในต้นไผ่ซางที่เจาะ |
เป็นรูสูงเสมอกัน จากเสาโน้นมาเสานี้ |
บนราวไม้ไผ่ กระเทียมแห้งแต่ยังไม่แห้งจัด ถูกพาดเรียงรายกันเต็มแต่ละชั้นที่นั่นเยอะจริง ๆ น้าเขาปลูกกับรับซื้อไว้ขาย |
ดูพื้นที่น่าจะ กว้างขนาด 3 เมตรคูณ 6 เมตร |
ใกล้กัน มีกองกระเทียมจัดเรียงเป็นวงกลม ตรงกลางกลวงหัวกระเทียมอยู่ข้างนอกข้างในเป็นต้นแห้งกระเทียม |
น้าครับ ทำไมไม่พาดกระเทียมไว้ทั้งหมดครับ |
คืองี้ กระเทียมที่เราถอนจากต้น มีความชื้นในห้ว ถ้ากองไว้เกิดความร้อนอบกระเทียมก็เน่าเสียได้เลยต้องพาดแขวนไว้เกือบ |
เดือน มันแห้งพอดีเราก็ นำมาลงกองเป็นวงกลมกับพื้น |
ให้มันอบตัวมันเองบ้าง น้ำหนักจะได้หายไม่เยอะ เวลาขายเราจะได้เงินเยอะขึ้นอีกอย่างเป็นการบ่มให้กลิ่นหอมแห้งพอดี |
น้าเอาไปขายที่ไหนครับ |
ใส่เกวียนไปเชียงใหม่ที่นั่นเขารับซื้อของ อ.ปายได้ราคาดี |
อ้าว ที่เชียงใหม่ก็มีปลูกนี่น้า |
ใช่ เขาปลูกเอาไว้หัวโต ๆ ไว้ดอง ของน้าเป็นกระเทียมหัวไม่โต เขาเอาไว้เป็นหัวพันธ์นะเชียงใหม่เขาอัดปุ๋ยเยอะ |
ทำพันธ์ไม่ได้หัวมันฝ่อชาวสวนเลยหาหัวพันธ์ที่ไม่อัดปุ๋ยมากไง |
น้าดองกระเทียมไว้บ้างเปล่า |
มีซิ โน่น ดองใส่ไหใหญ่ไว้ 2 ไห อยากจะทำอะไรกินละ |
ผัดใส่ไข่ครับน้า |
ได้เลย เอาไว้กินตอนค่ำนะ ใครจะไปเขา หะปลา(วิดน้ำหาปลา)กับน้าไหม |
ไปครับ 555 พวกเราเด็กในเมืองเชียงใหม่ตอบพร้อมกัน |
เราเดินตัดทุ่งนาที่แห้งเหลือแต่ตอฟางข้าวมุ่งสู่ทิวไผ่ข้างหน้า แสงแดด |
ค่อนข้างกล้า แต่ไม่ร้อนดงไผ่ข้างหน้ากว้างเป็นไผ่ป่ามีไม้ใหญ่แซมกอไผ่เล็ก ใหญ่ขึ้นห่าง ๆ กัน ลำห้วยคดเคี้ยวไปมา |
แต่แห้ง มีน้ำไม่มากนัก |
น้าชาญชัยกับน้าหยายืนดูทำเลพักหนึ่ง |
ชัย ผมว่ากั้นตรงโคกสูงแต่แคบตรงนั้น กับอีกที่โน่นใต้ต้นมะตัน(พุทรา)ดีกว่านะ |
ฮา(กรู) ว่าดีเหมือนกันเนาะ มีหนุ่ม ๆ มา 3 คน วิดน้ำเยอะหน่อยเอางี้ เสรีกับนพไปกับน้าหยาไปกับวิชัยกั้นดินตรงนี้ |
มันแคบหน่อย ทำพร้อมกันนะ |
คำว่า "ฮา" เป็นคำที่ไม่ค่อยสุภาพ ใช้เรียกกันในหมู่เพื่อนสนิทนะครับ |
กั้นตรงนี้พร้อมกันแล้วค่อยไป กั้นตรงโน้นไม่ดีกว่าเหรอครับน้าชัย |
ไม่ดีหรอกเราขุดดินดังตรงนี้ ปลาในห้วยตกใจว่ายหนีออกไปตรงโน้นจะเหลือปลาน้อยนะซิไปเริ่มทำกัน |
ต่างฝ่ายต่างขุดดิน ลงปิดกั้นห้วยที่มีน้ำอยู่เกือบถึงเอว ขุดได้ไม่ถึงสิบนาทีเหงื่อซึมเลยถอดเสื้อพาดไปที่กิ่งไผ่ น้าชัยตัด |
ไม้ไผ่ยาวเมตรกว่า มาปักลงในดินห่างกันเกือบฟุต กันเขื่อนดินไม่ให้ทะลายดินที่ขุดมีทั้งแข็งและนิ่ม |
น้าหยามองดูทั้งสองข้าง ส่งสัญญาน วิดน้ำต่อ |
น้าสองคน ช่วยกันวิดน้ำด้วยพอเหนื่อยก็ส่งกระป๋องให้พวกเราผลัดกันวิด น้ำในห้วยที่เคยนิ่งมีปลาผุด |
น้าชัย น้าหยาเดินไปดูเขื่อนดินฝั่งบน เริ่มมีแรงน้ำดันให้เขื่อนดินใหม่ ๆ มีน้ำซึมไหลรีบตัดไผ่ปักตรงกลางเขื่อนชิด ๆ ขุดดิน |
โปะด้านที่มีน้ำเพิ่ม ใช้เท้าย่ำอัดจนแน่น |
ส่วนเราสามหนุ่ม เร่งใช้กระป๋องวิดน้ำ กว่า ชม. น้ำในห้วยแห้ง งวดลงเศษกิ่งไม้ใบหญ้าโผล่มาพร้อมกับปลากระโดดสู่ |
อากาศหลายตัว |
น้าหยาลงไปกลางห้วยที่น้ำงวดลง ลงดึงกิ่งไม้ใบไม้ที่เน่าออกโกยไปไว้ข้าง ๆ น้ำไหลช้า ๆ ตกขลักที่ นพกับวิชัยใช้ปิ๊บ |
จ้วงตักน้ำ จนเกือบหมด หันไปมองข้างหลังน้ำแห้ง ปลาช่อนปลาขาวหางแดงว่ายริก ๆ ไปกับน้ำโคลนหนีไปซุกตรงกลาง |
น้าชัย น้าหยา ผม ย่ำโคลนใช้สองมือช้อนปลาที่แดกตัวหนีใส่กระป๋องใส่ข้องไม้ไผ่ |
ส่วนนพกับวิชัยยังคงวิดน้ำให้แห้ง |
ต่อไปเรื่อย นพเห็นปลา แถกซุกในพงหญ้าที่ทอดใบแห้งคลุมใช้มือดึงหญ้าออก |
ปลาดุก วะ กลัวเงี่ยงมันทิ่มเอา |
มะ ฮา(ก รู) จับเอง ว่าแล้ว วิชัยกางมือคล่อมปลาดุกช้า ๆ กางนิ้วชี้นิ้วนางห่าง ๆ แล้วกดปลาดุกให้ติดโคลน กดหัวปลาไว้ |
ตรงส้นมือ ให้ตัวปลาดุกอยู่ระหว่างนิ้วชี้ กับนิ้วกลางจนแน่นคว้าปลาดุกหย่อนใส่กระป๋อง |
ดูมัน ง่าย แต่ผมไม่ค่อยกล้าจับ เคยถูกเงี่ยงปลาดุก ตำปวดมากตกเย็นมือขวาเริ่มเขียวขึ้นสู่ข้อพับต้องไปหาหมอ |
ข้างล่างเป็นภาพแทน... |
วิดน้ำจับปลาชั่วโมงกว่า แสงตะวันลอดจากข้างบนผ่านกิ่งไผ่เป็นลำ ทะแยงไปด้านหลังท้องเริ่มหิว ๆๆ กัน |
หลายคน พร้อมกับหมดแรงกัน |
เลยล้างเนื้อตัวที่เปื้อนโคลน แล้วเดินตัดทุ่งนาไปบ้านคนรู้จักน้าหยา ฯ ทักทายเพื่อนบ้านแล้วคว้าปลาหลิม(ช่อน) ตัวโตมา 5 ตัวทำให้มันตายแบบ ...แหะ ๆ ที่เขาทำกัน |
ส่งให้นพ จัดการล้างจนสอาด น้าชาญชัยเหลาไม้ไผ่สดแหลมเอา |
ปลาช่อนเสียบให้หัวปลาลงล่าง น้าหยา ขุดดินเป็นรูเล็ก 5 รูใกล้กันเอาไม้เสียบปลาทิ่มให้น้ำหยดลงเราโกยฟางมา |
พร้อมกับ ขุดดินเป็นสี่เหลี่ยมขนาดปิ๊บ ลึกสองนิ้ววางปิ๊บคร่อมปลา (ภาพข้างล่าง 2 ภาพเป็นภาพแทน) เหมือนมากขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ |
โกยดินกลบปากปิ๊บชิดดิน พอมิด จุดไม้ขีดจ่อฟางข้าว ที่เราสามหนุ่มโกยจากนาสุมไฟลุกท่วมปิ๊บนานกว่าครึ่งชั่วโมง |
น้าชาญชัย ใช้ไม้ดันคีบปิ๊บร้อน โยนออกไป ข้าง ๆ |
กลิ่นหอมฟุ้งโชยออกมา ต่างคนต่างจ้องดูปลาแล้ว ใช้มือจับไม้ไผ่ด้านล่างไปคนละตัว |
มันร้อนเลยต้องรีบ วางบนฟางสีเหลืองทองใช้ไม้เขี่ยหนังเกล็ดออกเนื้อสีขาวไอร้อนส่งกลิ่นหอม ใช้มือบิเนื้อปลาช่อน |
ใส่ปากทั้งที่ร้อน ๆ แหงนหน้าเป่าปากให้คลายร้อน |
หอมกลิ่นฟาง อร่อย |
ขอบคุณเพื่อนที่ให้ใช้ภาพประกอบ (re260) |
L |
st. 1,862,875 |
= |
ขอบคุณเพื่อนที่แวะมาเยือน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้นิด ผมจะได้กลับไปเยือนได้ถูกครับ |
|
Diarist |
|
ปายสำหรับผม
ตอนที่เจอกันครั้งแรกยังเป็นป่าเป็นเขาเป็นน้ำ
เป็นเมืองที่เงียบสงบมาก
พอกลับไปครั้งที่สองรีสอร์ตขึ้นเต็มไปหมด
เป็นเมืองนักท่องเที่ยวไปแล้ว
ไม่รู้กลับไปเยือนครั้งที่สามจะเป็นอย่างไรนะครับพี่
โรงหนังศรีวิศาลผมยังทันได้ไปดูครั้งนึง
เพื่อนพาเข้าไปดู อ้าว กลายเป็นหนังโป๊ฉายวน 555
กระเทียมไทยเจอกระเทียมจีนตีตลาดแตกไปเรียบร้อยเลยนะครับ