No. 1077 เขาเล่ามา (ตะพาบ) |
|
แม่เล่าให้ฟังว่า คุณตาของเรา...คือขุนศรีสวัสดิ์วิศิษฐ์ เป็นคนจันทบุรีเดินทางกับเพื่อนชื่อ ขุนชาญ รังสิยานนท์ไปรับราชการ |
ที่ภาคเหนือทั้งคู่สอบเข้าราชการได้ไปตั้งแต่เป็นหนุ่มยังไม่ได้เป็น "ขุน" |
|
ต่อมาคุณตาได้รู้จักผู้หญิงชื่อชื้น...ชาวพิษณุโลก คุณตาของเราได้แต่งงานกับ คุณยายชื้น.. ไปอยู่จ้งหวัดลำพูนและย้ายรับราชการที่ |
ที่เชียงใหม่จนแม่ผมเกิด |
ส่วนคุณตาชาญ รังสิยานนท์แต่งงานกับคุณยายกะรัตน้องของคุณตาเรา |
|
คุณตาและแม่เคยเล่าให้ฟังว่า เชียงใหม่ปลูกต้นยางนาที่ถนนสายเชียงใหม่ ไปลำพูนตั้งแต่คุณตายังเป็นหนุ่ม |
มีการปลูกเพิ่มให้ถี่ขึ้นเลยกลายเป็นถนนที่ร่มรื่น สวย แต่คุณตาระยะนั้นรับราชการลำพูน จึงได้ปลูกต้นขี้เหล็กต่อจากต้นยางนา (ต้นขี้เหล็กจะไม่สูงแบบขวามือและซ้ายมือ) ตรงนี้เป็นรอยต่อจังหวัด ลำพูน กับเชียงใหม่ |
เลยเป็นสัญญาลักษณ์ของ ลำพูนเป็นความคิดริเริ่มของ เจ้านายสมัยก่อนโน้น |
|
ก่อนที่จะเขียนตะพาบตอนนี้ได้เข้าไปค้นดูข้อมูลเรื่องการปลูกต้นยางนาที่เชียงใหม่ มีข้อมูลตรงกันว่า อำมาตย์โท เจ้าพระยาสุรสีห์ ฯ |
เป็นข้าหลวงใหญ่มนฑลพายับดูแลหลายจังหวัด ริเริ่มให้ปลูกต้นยางนาที่เชียงใหม่ เริ่มปลูกปี พศ. 2425 จากสะพานนวรัฐ |
ไปสู่จังหวัดลำพูน... ส่วนตาเป็นข้าราชการลำพูนก็มีส่วนร่วมปลูก ต้นขี้เหล็กจากเขตรอยต่อเชียงใหม่ - ลำพูนพร้อม ๆ กับที่เชียงใหม่ |
ปลูกต้นยางนา ...ถนนสายนี้จึงร่มรื่นมากกว่าถนนสายอื่น |
|
มีคนชื่นชมในความริเริ่มปลูกต้นไม้ใหญ่ สองข้างถนน แต่ก็มีผู้แสดงความเห็นว่าถ้าเกิดอุบัติเหตโดยรถยนต์แล้วเป็นอันตราย |
มาก.. มีคนแย้งว่าก็ขับรถให้ช้าลงหน่อยซิเป็น ถนนในเมืองทำตามกฏไม่ควรดื่มสุราก่อนจะขับรถ |
|
อีกฝ่ายหรืออาจจะหลายคนว่า กิ่งยางนาแห้ง หรือเจอลมแรงฝนตกหนักจะหักตกใส่รถใส่คนใส่บ้านคนที่อยู่ใกล้ แต่ก็มีคนว่าเทศบาล |
ก็ตั้งงบประมาณให้มีการ ตกแต่งกิ่งไม้ให้ กลุ่มคนที่มีอาชีพด้านนี้โดยตรง คือตัดแต่ง/รักษาต้นไม้มิให้มีโรค/แมลงกัดกิน |
เรียกว่า รุกขกร ซิซึ่งในไทยตื่นตัว 3 - 4 ปีมานี้แต่ต่างประเทศเรียกกว่า ARBORIST มีมากว่า 100 ปีแล้ว |
... |
ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยในการปลูกต้นไม้ให้มาก แต่ต้นไหนควรตัดก็ตัด....เพื่อให้คนอยู่ได้ในป่าไม้ ต้นไม้.. และชื่นชม ดาบตำรวจ |
วิชัย สุริยุทธ ที่ปลูกต้นไม้ข้างทางหรือในที่ว่าง 3 ล้านกว่าต้นที่ อ.ปรางค์กู่ ศรีสะเกษ |
|
|
.... |
หลังจากที่ไปทำงานในกรุงเทพแล้วกลับไปเที่ยวฤดูสงกรานต์แดดร้อน เล่นสาดน้ำกันกลางแดดรู้สึกไม่สบาย...แต่เมื่อขับรถพิคอัพไป |
ถนนสาย ชม - ลำพูนมีการรดน้ำ สาดน้ำ ลากสายยางฉีดคนบนรถ เราก็รดน้ำตอบเย็นชื่นใจเป็นถนนที่น่า เล่นน้ำสงกรานต์มากที่สุด |
สายหนึ่งของเชียงใหม่ |
เรื่องราวบล๊อกแรกที่ผมเขียนใน Bloggang เป็นเรื่องราวถนนจากเชียงใหม่ไป จังหวัดลำพูนเส้นนี้เช่นกัน |
ขณะเขียนนึกถึงชึวิตในวัยเด็กหนุ่มคือเพิ่งเริ่มโต เสียงแตกแล้ว 555 จำได้ว่าปั่นจักรยานจากบ้านในเมืองเชียงใหม่ จะไปบ้านของ |
เพื่อนชื่อบรรจง และบัญญัติที่ อ.สารภีถนนที่ไปมีต้นยางนาใหญ่สูงอยู่สองข้างทาง ร่มรื่นเห็นแล้วตื่นตาเพราะยังไม่เคยเห็นต้นไม้ใหญ่ |
ขนาดนั้น...จำได้ว่าจะไปค้างที่บ้านเพื่อนหลายวันเตรียมเสื้อผ้ามัดติดท้ายจักรยาน |
บ้านเพื่อนอยู่ในหมู่บ้านมีลำเหมืองน้ำไหลเรียบถนนดินแดงเล็ก ๆ ผ่านท้องนาเหลืองอร่าม ระหว่างที่อยู่หลายวัน ได้ช่วยกันถอน |
ถั่วลิสงมาวางเรียงบนดิน ตอนบ่ายก็ช่วยกันขนใส่ ก๋วยไม้ไผ่(คล้ายหลัวแต่โปร่ง) หาบไปที่บ้าน |
วันรุ่งขึ้นก็จับต้นถั่วลิสงฟาดราวไม้ให้ฝักถั่วหลุดตกแล้วนำไปตากแดด 2 - 3 แดดเตรียมโม่นำเม็ดไปขาย ไปรับซื้อจากสวน |
คนอื่นนำมาตากแดดแล้ว โม่ให้เปลือกออกนำไปขายให้คนจีนแถวบ้านปากกอง อ.สารภีนั่นเป็นการเข้าสู่ การค้าขายครั้งแรกของชีวิต |
ไม่มีทุน ผมกับบรรจงยืมมาเงินจากลุงแน่น(กำนัน) มาทำทุน 555 เป็นการเริ่มเล็ก ๆ ได้กำไรนิดหน่อย |
|
เมื่อกลับไปบ้านเล่าให้แม่ฟัง แม่ดูจะพอใจที่ผมทำตัวเข้ากับชาวบ้านและรู้จักค้าขายตั้งแต่เด็ก |
ค้นดูภาพเก่า ๆ เห็นภาพพี่ชายผม นอนที่เตียงผ้าใบติดกับต้นเกาลัดและโรงเรือนที่คุณตาปลูกไม้ใบ บอนสีบริเวณบ้านคุณตา |
จำได้ว่าแม่พาพวกเราอพยพจาก อ.ปาย เข้ามาอยู่ในเชียงใหม่พวกเราเลยได้อยู่ใกล้คุณตา ซึ่งคุณตาซื้อที่ดินไว้มากพอประมาณ |
|
|
|
คุณตาเล่าว่า ตอนเป็นหนุ่มตา กับเพื่อนคือ คุณตาขุนชาญ รังสิยานนท์เป็นหนุ่มจังหวัด จันทรบูรณ์เดินทางมาภาคเหนือและได้เป็น |
ข้าราชการพร้อม ๆ กัน.. ตาได้แต่งงานกับคุณยายชื้นคนพิษณุโลกมาอยู่ลำพูนและเกิดแม่เอ็งไง |
|
|
|
แม่เล่าว่า คุณยายเสียชีวิต ตั้งแต่แม่ยังเด็ก คุณอากะรัตกับคุณตาชาญเลยพาแม่ไปอยู่ด้วย...และต่อมาคุณตาชาญย้ายไปเป็น |
นายอำเภอ ปาย พาแม่ไปด้วย...แม่เป็นสาวแล้วไปปิ๊งกับ พ่อที่เป็นข้าราชการที่นั่นเลยได้แต่งงานกัน เป็นภาพ พ่อ กับแม่ พี่สาวของผม 2 คน ผมยังได้เกิด.. |
พี่สาวคนรองที่แม่อุ้ม คือเจ้าของบ้านที่เชียงใหม่ แถวแอ่งดอยโป่งแยง ตามภาพถ่ายภาพแรกผมไปพักทุกครั้งที่ไปเชียงใหม่บ้านผมโชว์ไม่ได้ อาย.. ครับไม่สวยเลย 555 |
หลังจากคุณยายชื้นเสียชีวิต..คุณตาขุนศรีสวัสดิ์ได้แต่งงานใหม่กับ คุณยายคำหล้าคนเมืองเหนือจนเกิดลูกอีก 10 คน |
แต่ละคนเข้ารับราชการในเชียงใหม่ น้าคนสุดท้องเป็นชาย ผมเรียกว่าอ๊อด 55 ส่วนน้าอ๊อดเรียกผมว่า พี่ไมตรีเพราะอายุน้อยกว่า |
ผม 1 ปี...เราต่างเรียนด้วยกันที่ โรงเรียนยุพราชแล้วน้าอ๊อดก็ไปเรียนต่อในกรุงเทพ ไล่ ๆ กับผมน้าอ๊อดหัวดีกว่าผมมากมาย |
ได้เป็นดอกเตอร์....สอนในมหาลัยปิดส่วนผม เด็กหลังห้องเอาดีไม่ค่อยได้เลยทำงานบริษัท |
|
คุณตาขุนศรีสวัสดิ์ หลังเกษียณยังทำงานอื่นต่ออีกแห่ง. ช่วงที่ผมไปอยู่บ้านใกล้บ้านคุณตา.. คุณตาขุนศรี ได้แบ่งที่ดินที่อยู่ในปัจจุบัน |
เป็น 11 แปลงแล้วให้ลูกทุกคนจับฉลากใครในขัน ได้เบอร์อะไรก็ได้ที่ดินแปลงนั้นไป (บ้านคุณตาอยู่ตรงที่เห็นไกล ๆ หลังแรก) |
แม่ผมจับเบอร์ได้ที่ดินถัดจากบ้านคุณตาลึกเข้าไปหน่อย เป็นที่ดินติดหนองน้ำมีต้นแหย่ง(กก ลำต้นกลม) |
คุณตาเป็นคนตรง เที่ยงธรรมพร่ำสอนน้า ๆ เองต้องทำงานราชการอย่างเต็มที่ ไม่คดโกงใครนะ ผมได้ฟังหลายครั้ง |
จำน้ำเสียงคุณตาพูดได้เสมอ คุณตาพูดภาษาภาคกลางท่านพูด "กำเมือง" ไม่เป็นตราบเท่ามีชีวิต 555 |
แม่ผมกับคุณตาจะพูดภาษาภาคกลางตลอด |
ที่บ้านผมริมคูเมือง เมื่อมีคนไปเยี่ยมแม่ ๆ จะพูดภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ แขกของแม่มีทั้งคนเมือง และคนต่างจังหวัด เพื่อน ๆ |
ของผมไปดูผมปลูกผัก เลี้ยงไก่เลี้ยงหมู พวกมันได้ยินแม่พูดกับเพื่อน ๆ เป็นภาษาภาคกลาง |
พวกมันจะไปเล่าให้เพื่อน ๆ ที่ รร.ยุพราชว่า ไอ้ไมตรี มันเป็นไทยตูดดำ |
ผมรู้สึกเคืองมาก เพราะอยากเป็นคนเชียงใหม่ไม่ใช่ไทยตูดดำ(คนภาคกลาง) หรือว่าพวกมันคงจะเคยเห็นเวลาพวกเรากระโดดน้ำ |
เล่นที่คูเมือง …..คุณตาเคยพาผมไปรู้จัก น้องคุณตาที่เป็นเจ้าของโรงแรมใช่หลี ที่จันทบุรี |
|
ผมจึงรู้ว่ามีเชื้อสายจีนกะเขาด้วย... บริษัทผมย้ายไปทำงานที่พิษณุโลกเมืองของคุณยาย และผมได้แต่งงานกับ |
สาวพิษณุโลก เลยปลูกบ้านหลังแรกของชีวิตหลังเล็ก ๆ ต่อเราย้ายไปอยู่ กรุงเทพกับหลายจังหวัดอีกหลายปี..จึงรื้้อบ้านหลังเล็กออกและปลูกหลังนี้ให้คนเช่า |
ยังครับทำงานบริษัท ๆ ย้ายให้ไปอยู่จันทบุรี เมืองเกิดคุณตา... แต่ต่อมาผมก็ได้ที่ดินไว้แปลงหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจแบบที่เคยเล่า |
และปลูกกระท่อม(ไม่ใช่ต้นกระท่อมนะเออ 555) อยู่ที่จันทบุรีด้วย |
สันนิษฐานว่าชาติก่อน ผมคงเป็นลูกหลานของคุณตาจากจันทบุรี และคุณยายคน พิษณุโลก มาก่อนดีเหมือนกัน |
|
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ |
st ผู้เข้าชม 2,213,314. |
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ |
|
Diarist |
|
วันนี้แวะมาให้กำลังใจก่อนค่ะ
เพิ่งไปต่างรัฐกลับมา ขับรถไปสามชม กลับสามชม
กลับมารีบไปโหวดบล็อกค่ะ