No. 930 โรงเรียนของหนู (ตะพาบ) |
 |
เห็นหัวข้อที่ทีมงานตะพาบให้ช่วยเขียน แรก ๆ ก็นึกถึงตอนเป็นเด็กได้เรียนชั้นประถมศึกษาทีโรงเรียนหอพระ |
ในเมืองเชียงใหม่มีบางอย่าง่ที่จำได้ |
เพราะสิ่งที่พบก็หลาย ๆ ปีมาแล้วทำให้รู้ว่า ผู้ใหญ่ไม่ควรหักหาญน้ำใจเด็กเราเป็นเด็กก็จริงแต่มีความหวัง |
ที่ควรจะได้รับ เอาไว้เล่าภายหลัง |
 |
เราเป็นคนบ้านนอกย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพนานมาก ๆ จนคิดว่าตนเองเป็นคนกรุงเทพขับรถไปทำงาน รถมันติด ๆ ๆ แล้วก็ |
ติดหันไปมองรถข้างเคียง ตัวพ่อขับรถ ส่วนแม่ป้อนข้าวลูกในรถคงพาลูกไปส่งที่โรงเรียน |
เด็กโชคดีที่พ่อแม่มีฐานะนั่งรถไปโรงเรียนเย็นสบาย นึกถึงลูกของเราตอนเด็กมาก ๆ ก็ให้รถรับส่งนักเรียนขึ้นรถสองแถวที่คน |
แถวบ้านรับส่งแทน  |
พอลูกเข้าเรียนก็อยากจะรู้ว่า เขาปรับตัวเข้าคนอื่นได้หรือเปล่าเลยไปแอบดูไม่ให้ลูกเห็น ปรากฏว่าลูกสาวนั่งดูเพื่อนๆ |
เล่นนั่งอมยิ้มเป็นคนไม่กล้าทำอะไรคงเป็นเพราะ คุณยายเลี้ยงแบบโบราณ 555 โทษคนแก่ซะเลย |
ไปแอบดูลูกครั้งเดียวเอง  |
หลังเลิกงานประจำต้องรีบไปรับสินค้าที่สั่งไว้สองสามแห่งมา ถึงบ้านติดราคาแพคสินค้าเพื่อส่งคนขายรุ่งขึ้้น |
ส่งผ่านรถทัวร์ หรือไปรษณีย์ หรือไม่ก็ออกจากบ้านตี่ 4 - 5 ไปส่งให้คนขายในกรุงเทพแล้วรีบกลับเข้าทำงานประจำให้ทัน |
บางวันกลับบ้านเห็นลูกชายนั่งทำการบ้าน ส่วนลูกสาวแต่งชุดนักเรียนหลับบนเตียงนอนข้างกายมี จานข้าววางอยู่ |
นึกสงสารลูกมากบางครั้งน้ำตาแทบไหลเลย แบ่งเวลาในวันอาทิตย์อยู่กับลูก ๆ ก็เห็นเรานั่งตกปลาข้างบ้านทำอาหารกินกัน |
ในครอบครัว |
หลายปีต่อมาลูกชายลูกสาวต่างนั่งรถเมล์ไปเรียนด้วยตนเองไม่ได้ใกล้ชิดลูกมากนัก วันหยุดจะพาลูกนั่งรถ |
ไปซื้อของมาขายทั้งในกรุงเทพหรือไม่ก็ชลบุรีลูก ๆ ก็เห็นว่าพ่อแม่ทำงานเรื่อย ๆ แต่คงสังเกตว่า เรานี้เหนื่อยมาก ๆ |
บางช่วงเวลาทำงาน ตรวจสาขาก็จะพาลูกชายไปดูการทำงานที่ต่างจังหวัดบ้าง |
ทำให้เขารู้ว่า ต้องทำงานมีอาชีพ ใช้เงินให้เป็นเพื่อสร้างฐานะให้ครอบครัวการใช้จ่าย |
ลูกจะได้เงินไว้จำนวนหนึ่งทุกเดือน ใช้เงินให้พอเดือนถ้ามีรายจ่ายพิเศษในการเรียน |
หรือสิ่งของจำเป็นก็เบิกได้สอนให้เขารู้ว่า ควรจะจ่ายอะไรแต่ละวัน |
ด้านการเรียนก็ส่งเสริมให้รักการอ่านหนังสือ แนะแนวอาชีพนิด ๆ รวมมั้งสายอาชีพลูกสองคนต่าง สอบเข้ามหาวิทยาลัย |
จบรับปริญญาแล้วก็สมัครเข้าทำงาน เมื่อมีเวลาว่างก็เข้าเรียนต่ออีกควบคู่ไปกับการทำงาน |
ที่ค่อนข้างจะให้ลูกเข้าใจบ่อยคือ ขยันทำงาน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ไม่คดโกง ไม่โกหกไม่เอาเปรียบคนอื่น หาทางปรับงาน |
ที่ทำให้ดีกว่าเดิมแม้เราจะเป็นลูกจ้าง วางแผนการทำงานล่วงหน้า แก้ปัญหาที่เหมาะสม ข้างล่างนี้ถ่ายกับลูกสาว/แม่ กับหลานสาว 3 คนยืนเรียงกัน |
 |
ที่บ้านจะส่งเงินให้คุณย่า มอบเงินสดให้คุณยายทุกเดือนให้หนู ๆ เห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรมอบแก่ส่วนคุณปู่คุณตาไม่ต้องก็ได้ |
คุณปู่คุณตาสบายไปแล้ว |
ลูกได้เรียนเรียนประถม มัธยม มหาวิทยาลัย กับเรียนจากชึวิตจริงผมว่า ลูกน่าจะโชคดี |
ที่เกิดในประเทศไทย ถ้าเจอแบบนี้จะหนาว |
|
 |
...  |
เด็ก ๆ เดินทางไปเรียนหนังสือ ต้องปีนเขา ห้อยลวดสลิงข้ามแม่น้ำ ..  ในประเทศไทย มีเด็กเกิดน้อยลง กระทรวงศึกษาก็ ลดโรงเรียนให้พอเหมาะกับจำนวนเด็ก แล้วโอนย้ายนักเรียนไปรวมกับอีกแห่ง รวมทั้งครูอาจารย์ การยุบโอนย้ายนี้ดำเนินมากว่า 25 ปีแล้ว นึกถึงเรื่่องราวที่ผ่านมา มีทั้งทำงานหนัก มีความสุข ความทุกข์ ลำบาก เห็นความสำเร็จจากการทำงานของลูก ทีนี้เริ่มสบาย นั่งดูตลกหกฉากแบบนี้ดีกว่า  เพือน ๆ ที่เข้ามาอ่าน มีวิธีการสอนลูก หรือให้ลูกเรียนแบบไหนบ้าง เล่าสู่กันอ่านนะครับคนไหนยังไม่มีลูก ก็เตรียมไว้เด็ก ๆ เกิดมาแล้วเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความรู้จากข่าวสารความรู้ทางอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นข่าวสารที่จริงกับเท็จปนกัน ทำเอาเหนื่อยกันเป็นแถวบางคนลุ้นตามเด็ก บางคนบ่นว่าเด็กไม่ควรทำ. ต่างคนต่างคิดต่าง แสดงว่าผ่านพ้นโรงเรียนคุณหนูแล้ว แต่ผมกับเพื่อนยังเรียนไม่สำเร็จในโรงเรียนคุณผู้ใหญ่ ต้องรับข่าว ทั้งสองหรือสามด้านมาวิเคราะห์ ไม่ลำเอียงที่ผ่านมาหลายรัฐบาลมีมาตรฐานมากกว่าหนึ่ง(แย่จัง) |
ขอบคุณเพื่อนที่ให้ใช้ภาพประกอบ |
L |
st. 1,754,231 |
= |
ขอบคุณเพื่อนที่แวะเข้ามาเยือน กรุณาทิ้งร่องรอยไว้นิดผมจะได้กลับไปเยือนได้ถูกครับ |
|
Diarist |
|
Child Right
เด็กไทยต้องได้เรียนตามนิทธิเด็ก
ส่วนจะเรียนที่ไหนอย่างไร
สุดแล้วแต่เวรแต่กรรม..
อุ๊ย!!
สุดแล้วแต่ผู้ปกครอง..