Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
27 กุมภาพันธ์ 2566
 
All Blogs
 

No. 1172 เก็บตก..หมู่บ้านซันมาจิ Japan

No.  1172  เก็บตก หมู่บ้านซันมาจิ  Japan

 
นั่งเครื่องบินห้า ชม.กว่า หลับ ๆ ตื่น ๆ ไปกับบริษัททัวร์เพราะไม่อยากเหนื่อยเหมือนที่เราไปกันเอง
เลยมองเห็นบางอย่างซึ่งก็ดีในอีกมุมมอง
ไปที่บริษัททัวร์คัดสรรว่า สวยเป็นธรรมชาติ +  ที่คนสร้างแม้จะเก่าแต่ก็ยังทรงคุณค่าและเกือบทุกทัวร์เขาให้เวลาเรา
เดินเที่ยวเองเขาเพียงแนะว่า ควรไปแถว.....นี้นะ
คราวนี้เช่นกันไปเที่ยวญี่ปุ่นเดือน ธันวาคม ซึ่งจะหนาวเย็นบางแห่งเจอหิมะ
 
ภาพข้างล่าง  เห็นติ่ง ยาว ๆ ยื่นอยู่ในทะเล คือ สนามบินคันไซ มีถนนสะพานสู่พื้นที่ใหญ่  ใกล้กับคำว่าเซ็นนังแล้วสนามบินคันไซเหมือน ๆ กับสนามบินอื่นมั้ง....


ลงจากเครื่องยืนรอรับกระเป๋าไม่นาน... ปั้มผ่าน ตม.ก็สะดวกมาก ๆ 
เขากำหนดไม่ถึง 2 นาทีก็เดินออกไปได้แล้ว ผมไปขณะที่เขา อยากให้เราไป
เดินออกมาจากอาคารชนิดสลืมสลือ ง่วงนอน เมื่อยคอ เจออากาศหนาวเย็นมาก ๆเข็นกระเป๋า
ขึ้นรถบัสคันโตโชเฟอร์กับไกด์เอากระเป๋าใส่ท้องรถเสร็จ
 
รถก็ขับออกจากสนามบิน ไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าใด น่าจะ 5 ทุ่ม ไกด์ก็เล่าตามวิธีการของเขาจำได้เคร่า ๆ ว่าออกจากสนามบิน
คันไซ ซึ่งเป็นเกาะที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นเมื่อ 60 ที่แล้วยอมรับเลยว่าญี่ปุ่นเขามองไกลมาก ถมสูงจากระดับน้ำทะเล 5 เมตร 

 

 
เขาใช้วิธีทิ้งขยะลงทะเล สร้างกำแพงคอนกรีดเป็นตอน ๆ ถมไปเรื่อย ๆ ใช้เวลากว่า 50 ปี(น่าจะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2)



 
นั่งฟังไป เมียงมองผ่านกระจก เผื่อจะเห็นหิมะ 555 เป็นแบบนั้นจริง ๆ รู้ทั้งรู้ว่าเมืองโอซะกะขณะเราไปไม่มีหิมะหรอก
 รถวิ่งผ่านสะพานไปสู่แผ่นดินใหญ่ นานมากทางเรียบ


 
นึกแปลกใจ ญี่ปุ่นตอนนั้นคงไม่มี NGO ค้านการทิ้งขยะลงทะเลหรือเข้าไปต่อต้านมั้ง เลยได้เกาะใหญ่มาก ๆ
และ เปิดเป็นสนามบินได้ในปี พศ.2537 คงมีคนตำหนิความคิดนี้.. เหมือนคนไทยต่างจังหวัดใช้สีแดงพ่นบนถนนที่โค้งคนขับรถจะได้ระวัง.. มีคนกลุ่มหนึ่งตำหนิว่า"ไม่ได้เรื่อง" หุ หุ.. แต่ปัจจุบันมีคนนำความคิดนี้ไปต่อยอด ใช้สีแดงชนิดกันลื่นพ่นแทนและแพร่หลาย
(น่าคิดนะครับว่า คนมีความริเริ่ม แตกต่างกับลูกช่างติแต่ไม่ยอมทำอะไร.. คนชนิดไหนดีกว่า..? )
เมื่อกลับไทยแล้วเข้าอ่านในสื่อหลายแหล่ง เลยรู้ว่าพื้นสนามบินที่ถมสูง 5 เมตรจะทรุดลดต่ำปีละ 7  เซ็นติเมตรคงหาทางแก้ไขไว้
 
นัยตาเริ่มสว่างเพราะความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่เห็นอะไร รู้เพียงว่า บัสขึ้นทางด่วนสูงขึ้นลงไปมานานเกือบชั่วโมง
รถบัสพาไปจอดที่ลานจอด Ueno Flex Hotel Iga
ไกด์แจกกุญแจห้อง เราก็ลากกระเป๋าไปขึ้นลีฟท์เอง ญี่ปุ่นไม่มี พนง.ช่วยเข็นกระเป๋า เป็นโรงแรมขนาด 3 ดาวเข็นกระเป๋า
เบาแค่ 14 กก.ไม่เป็นไรเนาะเราเคยเข็นผักในตลาดกับเข็นชิ้นส่วนไม้เฟอร์นิเจอร์ในโรงงานมาแล้ว
 
เปิดเข้าห้องนอน เปิดสวิทซ์ไฟ หาที่เสียบกุญแจไม่มี ไม่เป็นไร....เห็นพื้นที่ห้องพักแล้วอึ้ง.. ไปนิดหนึ่ง อืมมม.. ห้องเล็ก
กว่าโรงแรมที่เมียนม่าซะอีก ดูซิครับ



 
ราคารวมอยู่ในราคาค่าทัวร์อยู่แล้ว เห็นราคาแว๊บ ๆ ข้างบน..ช่างเถอะเรามิได้มา นอนเป็นหลัก หุ หุ เอียงกระเป๋าลากไปวาง
ข้างเตียงด้านใน ถอดรองเท้าแล้วเดินไปดูห้องน้ำ จุ๋มจิ๋มอีกแหละ



 
ดีน้า...เอ้ยดีนะพี่น้อง ใช้แล้วไม่ลื่นล้ม เพราะมือยันผนังห้องได้ทุกด้าน หุ หุ ภาพข้างล่างเป็นแผงไม้สีน้ำตาลคิดว่า


 
เป็นตู้เสื้อผ้า  ไม่ใช่หรอกครับ  เขาติดหลอก หรือติดให้โก้ ไว้แขวนไม้แขวนเสื้อมากกว่าแปรงฟันด้วยน้ำอุ่น สอดตัวเข้าไปนอน
 ดูเวลาแล้วตีหนึ่งญี่ปุ่นเขา มีเวลานอน 5 ชม.กว่าจะต้องตื่นเตรียมตัวไปกินอาหารเช้า 6 โมงเช้า..ออกเที่ยว 7 โมงครึ่ง
ไม่นานก็หลับโดยมิได้อาบน้ำ แหะ ๆ มันหนาวนี่นา
หลับได้แป๊บเดียวจริง นะ..รู้สึกแบบนั้น โรงแรมเขาโทรปลุกตอนตี 5 แปรงฟันโกนหนวดเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเต็มชุด
ลงไปข้างล่างเป็นคนแรกของทีมเที่ยว แต่เป็นคนที่สอง ไกด์นั่งอยู่ที่ล๊อบบี้เล็ก ๆ มอนิ่งกันแล้วก็ขอตัวออกไปดูภายนอก
โรงแรมเริ่มสว่างแลวเช็คอุณหภูมิ 9 องศาเอง



กลับเข้าไปกินอาหาร ใช้ปากงับ ๆ ขนมปัง ทาแยม แบบโรงแรมทั่วไป
 
ใส้กรอกเนียนนุ่ม ไม่ได้กลิ่นรสหมูหรือไก่เลยจิบกาแฟ พอไหวครับครู่เดียวเพื่อน ๆ ที่กรุ๊ปเดียวกันลงมาเต็มห้อง
 ส่วนใหญ่เขากินข้าวต้มกันผมไม่กินหรอกเบื่อ หุ หุ
อิ่มกันแล้ว ก็ขึ้นรถ กระเป๋าเดินทางเข้าใต้ท้องรถเสร็จ รถก็ออก ไกด์ร่างสันทัดผมสั้นเกรียนว่าจะพาไปเมืองเก่าที่เคย
มีนินจา เป็นบ้านไม้เหมือนเมืองเอโดะ...



รถพาไปเลยไม่ได้มองว่าไปทิศใดรู้แต่เพียงว่า
นั่งรถ มองลงไปเห็น หมู่บ้านในหุบเขา หลายแห่ง สวย... สมกับที่ตั้งใจอยากเห็นคงเป็นแบบที่ทัวร์เล่าให้ฟังว่าจะนั่งรถผ่าน


 
หมู่บ้าน ในหุบเขา รอบกายหรือสุดสายตาจะล้อมรอบด้วยเทือกเขา แจแปนแอลป์
ดูเพลินๆ รถก็มุดเข้าอุโมงค์ลอดผ่านภูเขาสั้น ๆ แต่ไม่นานก็เจออีกแหละ ทีนี้เป็นอุโมงต์ยาวกว่าอุโมงขุนตานไทย รู้สึกทึ่ง
ที่ญี่ปุ่นเขาลงทุนเจาะภูเขา จนนับไม่ถ้วน
 
สองข้างทาง จะเป็นภูเขาสูงพอประมาณ ข้างทางจะเห็น valley หมู่บ้านในหุบเขา แบบนี้เยอะมากไม่รู้ผ่านมากน้อยเพียงใด
ชั่วโมงกว่าได้มั้งก็ เข้าสู่ตัวเมืองเล็ก ๆ


 
รถบัสผ่านเมืองที่สงบเป็นบ้านไม้กับบ้านธรรมดาทั่วไป โทนสีตัวบ้านจะเป็นสีน้ำตาลดำรถไปจอดบนเนินสูงใกล้เมืองโบราณดูซิ
ว่า เป็นอิฐหักหรือเปล่า หุ หุ
เรากำลังจะไปดูหมู่บ้าน ซันมาจิ ซูจิจังหวัด กิฟู เป็นเมืองโบราณที่ทางการให้อนุรักษ์


...


 
ไกด์ชี้บอกว่าซ้ายมือเป็น หมู่บ้านโบราณที่ใคร ๆ ก็อยากจะมาสัมผัสตรงมุมมีผ้าสีแดง ๆ  เป็นร้านขายเนื้อย่าง อร่อยสุด ๆ
บอกว่าญี่ปุ่นมีวัวท้องถิ่น WAGYU เช่น มัทสึซาเกะ.หรือโอมิกับโกเบเราชินกับเนื้อ โกเบ.. แต่ที่นี่ดีกว่าว่าเข้านั่น
จำไม่ได้แหละว่าเนื้อที่มาจากวัวยี่ห้อเอ้ยพันธ์อะไร หุ หุ
ถนนเล็ก ๆ ตรงโน้นมีร้านเหล้าสาเก...จ่ายเงินครีั้งเดียวเขาจะเสริฟสาเกถ้วยตะไลคงไม่โตขนาดถ้วย ไฮโล 555 ชนิดต่าง ๆ 
8-10 อย่างระวังนะจะเมา


 
ไกด์บอกว่าเมืองไม่กว้างแต่มีคนหลงกลับมาไม่ทันก็มีให้เดินตามไปที่สะพานสีแดงนะครับใครหลงถามว่า
สะพานแดงอยู่ตรงไหน 555  เหมือนริขับแท๊กซี่ใหม่ต้องกลับไปตั้งหลักสนามหลวงไงงั้น
ให้เวลาชั่วโมงครึ่งพอไหม...ครับ  เจอกันที่รถครับ
ภาพแม่น้ำ MIYAGAWA  เล็กตื้นแต่สะอาดไหลผ่านตัวเมือง สวย..




คนอื่นเดินไปที่อื่น เราเองใช้ชื่อส่วนหนึ่งว่า สายน้ำงั้นเดินเรียบริมแม่น้ำ



หันกลับไปมอง สะพานแดง ไม่ใช่สะพานแดงบางซื่อนะครับสังเกต... วิศวะกรออกแบบน่าจะคาดการณ์ว่า ต้องเติมออกซิเจนให้น้ำจึงเทคอนกรีตใต้ฐานสะพานสูงกว่าระดับน้ำถัดไป ให้ไหลลงคงจะช่วยให้น้ำมีชีวิตน่าจะทำให้ปลาอยู่สบายขึ้น(มั้ง)
คงมีคนค้านอีกแหละว่า เองเห็นเมืองอื่นเขาดีซิ..หุ หุ.. เขาไม่ให้น้ำเซาะฐานสะพานมากกว่ามั้งก็คงใช่อีกแหละ


...


 
ถนนในเมือง TAKAYAMA ไม่กว้างในหมู่บ้านซันมาซิชูจีเล็กแบบข้างบน  สมัยโบราณคงมีการเดินไปมาถ้าคนมีเงินหน่อยคงใช้
ใช้รถลาก 300  กว่าปีคงจะมีนินจาอยู่สองข้างถนนมี


ลำรางน้ำใสไหลช้า ๆ  เย็นไม่ต้องบอกคงจะรู้ คนเดินเอามือใส่กระเป๋ากางเกงไว้


 
ส่วนผม ใช้ถุงมือสำหรับปั่นจักรยาน เฉยเลย  ไม่อาย.. เพราะถือกล้อง แล้วใช้นิ้วโผล่กดปรับกล้องง่าย
 ชาวบ้านจะขายของกินเล็ก ๆ แบบภาพข้างล่าง....  ผมเห็นที่แรก แหะ ๆ  คิดว่าลูกชิ้นปลาแบบสมุทรสาครคงคาว 
เค็มนิดหวานหน่อย


 
ที่ไหนได้เป็นแป้งหวานเค็ม อุ่น ๆ  ก็อร่อยดี


 
หน้าบ้านเขาจะปลูกไม้ดอกไม้ดัดหรือที่เรียกว่าบอนไซสวยดี
ข้าง่ล่างเป็นร้านขาย ของฝาก (มั้ง)  ผมไม่ได้เข้าไป แหะ ๆ  กล้วต้องเสีย ค่าโป้งขึ้นเครื่องบินแพง


 
ผมไปส่วนใหญ่จะซื้อของกินแบบข้างล่างเป็นหลัก.... ที่นั่นไม่อายที่จะใช้เงินเหรียญคนขายยินดีรับหมด


 
ข้างล่างผมว่าน่าจะเป็นคนไทยหรือจีนนี่แหละยอมเย็นหนาวใส่กางเกงขาสั้นแต่ใส่ถุงน่องยาวคงพอทนได้


เดินไปกับลูกสาวไปหลายที่คิดว่าใกล้ ๆ  เขาซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ตุ๊กตาน่ารัก.....


 
ดูเวลาแล้วเกรงว่าจะหาทางกลับไม่ทันนัดหมายมีบริการรถลาก 3  คันได้มั้งรู้ราคามาก่อนแล้วพาเที่ยวคนละ


 
3,000  เยนหรือ 1,000 บาทเดินจ้ำเอาดีกว่า



 
แต่ให้ตายซิหลงทิศหลงทาง รีบเดินกลับดันไปทางเนินสูง ภูเขาเตี้ย ๆ   ไปไกลเลยต้องรีบเดินกลับตัดทางลงมาเป้าหมาย
ไว้ที่ สะพานแดง หุ หุ



 
ร้านนี้เป็นร้านขายเนื้อเสียบไม้ย่างมีชื่อไกด์แนะนำเข้าไปดูเห็นขายไอติม บรื๊อ..มะอาว เดินเข้าไปข้างใน


 
เอะไม่ใช่เดินออกมาหน้าร้านเจรจาด้วยภาษาอังกฤษปนภาษามือใช่แล้วที่นี่เอง
เราซื้อมาสองไม้เล็ก ๆ  นั่งกินตรงเก้าอี้หน้าร้าน  อร่อยจริง... ขอบอก


 
เท่าที่รู้คนญี่ปุ่น  เขาจะนั่งกิน  ไม่เดินกินแบบฝรั่ง หรือพวกเราบางคน แหะ ๆ  ถ้าเดินกินมารยาทไม่ดี
เราหรือหลายคนไม่อายที่จะซื้อของกินชิ้นเล็ก ๆ เขายินดีขาย.. แรก ๆ  ก็เขินเพราะอยู่ในไทยต้อง 5 หรือ 10 ไม้


 
ที่นั่น คนไทยคงไปเยือนเยอะ เลยมีป้ายภาษาไทย ไว้ด้วย


 
เขาเรียกว่า เนื้อฮิดะย่าง ไม้ละ 300 เยน ก็ 100 บาท
เดินไปเดินมาชักหิวน้ำดำเลยแวะซื้อที่ร้านขายเนื้อย่าง.... ถ้าจำไม่ผิด คิดเป็นเงินไทย 17  บาทถูก..


 
เพื่อนร่วมเที่ยว 33  คนน่ารักมาก....ตรงเวลานั่งรถไปอีกแห่งเห็นอากาศครึ้ม ๆ  น่าจะเป็นหิมะโปรยนั่งรถมาตอนเช้า 
ว่าที่เราจะไปหิมะตกหนักรถไปไหนไม่ได้ ...  ใจผมนึกเลยว่าเอาแล้ว...


ขอเพียงแต่โปรยปรายให้ขาวโพลนก็พอ...  เคยเจอแห่งหนึ่งพื้นเป็นนำแข็งลื่นเดินกางขาใช้เวลาเดินนาน
อยู่นานไม่ได้ต้องเข้าที่อุ่นถอดเสื้อคลุมแข็งโป๊ก ยังกับหนังควายไบซันถุงมือก็แข็ง ผ้าพันคอ เปียกด้วย น้ำมูก 555
ใจคิดเลยว่าอย่าเจอแบบนั้นเลยขอเป็นหิมะโปรยปรายให้เห็นก็พอ
ดูต่อไปว่าจะเจอหิมะหรือเจอพื้นเป็นน้ำแข็ง หรือเปล่าหนอ.....
 
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ (Re 752/)
st ผู้เข้าชม  2,480,215.
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ
 
Diarist




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2566
18 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2566 10:52:59 น.
Counter : 927 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณอุ้มสี, คุณปัญญา Dh, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณtoor36, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณทนายอ้วน, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณRain_sk, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณสองแผ่นดิน, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtanjira

 

ประเทศเขาสวยงาม คนเขาดูมีวินัยมากเลยพี่ไวน์
น่าเห็นใจประเทศเป็นเกาะแล้วคนมีจำนวนมากขึ้น
สร้างตึกสูงก็ไม่ได้เพราะมีแผ่นดินไหวบ่อย
เขาก็ต้องสร้างเกาะในแนวราบแบบนั้นแหละพี่ไวน์

 

โดย: หอมกร 27 กุมภาพันธ์ 2566 8:20:01 น.  

 

ชอบๆๆๆๆ
เที่ยวเมืองโบราณเริ่ดมากค่ะ
เนื้อฮิดะย่างก็น่ากินจุง

 

โดย: อุ้มสี 27 กุมภาพันธ์ 2566 9:58:25 น.  

 

สวัสดีครับ

ตามมาดูเที่ยวญี่ปุ่นครับ

 

โดย: ปัญญา Dh 27 กุมภาพันธ์ 2566 10:36:12 น.  

 

ที่ดินเขามีน้อย
แถมมีภัยธรรมชาติตลอดเวลา
แต่ประเทศกลับพัฒนาแซงหน้าเราไปไกลลิบลับ
บ้านเมืองเค้าน่าเดินเที่ยวจริงๆครับพี่

 

โดย: กะว่าก๋า 27 กุมภาพันธ์ 2566 11:26:39 น.  

 

ไปทัวร์มันสบายครับ แต่อาจไม่ได้ในเรื่องของเวลาที่ต้องเร่งรีบ ผมมองว่าญี่ปุ่นค่อนข้างปลอดภัย อย่างน้อยพวกการขายของแบบโก่งราคาก็ไม่มาก คือมันอาจจะมี แต่เขาติดราคาไว้ชัดเจน มันสบายใจกว่าหลายๆ ประเทศครับ ไม่แปลกใจเลยที่คนที่ไปเที่ยวจะหลงเสน่ห์ในส่วนนี้ของญี่ปุ่น

จุดที่ผมมองว่ายากน่าจะมีแค่จุดเดียวคือเรื่องวการเดินทางที่ผมยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลในส่วนนี้เท่าไหร่ แต่ส่วนอื่นๆ ศึกษาไว้แล้ว มีโอกาสต้องไปย้ำความทรงจำอีกครั้งแน่

นอนบนเครื่องมันเหมือนไม่ได้พักเท่าไหร่ เอาเข้าจริงเหมือนงีบมากกว่า ซึ่งถึงที่นั่นเช้า พอสักบ่ายสาม มันก็เริ่มไม่ค่อยไหวแล้วครับ ต้องฝืนหน่อย

คนริเริ่มโดนมาเยอะครับ จำได้มั้ยครับสมัยก่อนที่เรียกร้องสิทธิ์ลาคลอด ถ้าพวกเขาไม่ริเริ่มมีการประท้วงของหญิงตั้งครรภ์ รวมไปถึงการกรีดเลือดประท้วง ตอนนี้ก็ไม่ได้ลา 90 วันหรอก ญี่ปุ่นค่อนข้างรอบคอบครับ จะเห็นได้ว่าระบบจ่ายเงินทางออนไลน์ที่สแกนแบบบ้านเรา สำหรับที่ญี่ปุ่นยังไม่ก้าวหน้ามาก แต่ถ้าวันหนึ่งเขาก้าวขึ้นมา จะพุ่งทะยานยิ่งกว่าเราเลย แต่ได้ข่าวว่าพวกบัตร Suica, Pasmo เขาก้าวนำไทยไปนานมากแล้วนะ บัตรแมงมุมของไทยที่เคยมีข่าวว่าจะออกปี 2563-4 ตอนนี้ยังเป็นหมันอยู่เลย ผมให้ถึงปี 2570 เลยถึงปีนั้นก็น่าจะยังทำไม่สำเร็จ

ญี่ปุ่นโรงแรมห้องเล็กครับ ฮ่งกงอีกที่ล็กไม่แพ้กัน แต่เขาจัดห้องได้มินิมั่มดีนะครับ หนาวแค่ไหนยังไงผมก็ต้องอาบน้ำครับมันชินแบบนั้น ตอนอยู่จีนก็แบบนั้นนอกจากจะเหนื่อยเกินไปเผลอหลับ ขนาดเผลอหลับตื่นขึ้นมาถ้าไม่รู้สึกหนักหนาเกินไปก็ยังไปอาบน้ำก่อนนอนอีกทีเลย

ถ้าตื่นเช้ามากๆ เราก็จะได้เด็บบรรยากาศยามเช้านะ จริงๆ ไปทัวร์ผมมองว่าเราควรทำแบบนั้น เพราะเราไม่ค่อยมีเวลาเก็บบรรยากาศเท่าไหร่นัก ถ้าง่วงจริงๆ หลับบนรถทัวร์เอาก็ได้

ญี่ปุ่นเขาลงทุนเจาะภูเขา ของไทยสิระเบิดภูเขาเลย อ้างประหยัดต้นทุนกว่า เรื่องอากาศหนาว ผมไม่ใช้ถุงมืออะไรเลยครับ ทนๆ เอา ไม่ก็ล้วงกระเป๋า (ให้ดูมีพิรุธ) ผมมองว่าร้านค้าควรรับเหรีญนะ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจที่ไทยเหมือนกันว่าทำไมตั้งแง่ แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะเลยครับ บางครั้งผมชักแบงค์ใหญ่ ร้านถามก่อนว่ามีเศษมั้ย ผมมีกระเป๋าเหรียญอยู่หนึ่งใบ บางร้านขอแลก หรือขอให้ผมจ่ายด้วยเหรียญในกระเป๋าเลยก็มี ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้องหรอก จ่ายเหรียญเท่าที่เราเห็นสมควรเขาก็ดีใจแล้ว

ไอติมผมชอบแวะซื้อนะ แม้อากาศจะเย็นก็ตาม ภาษามือเป็นภาษาสากลครับ ฮ่าๆๆ ที่นั่นดื่มแต่พวกชา น้ำผลไม้ ไม่ก็น้ำอัดลมเลยครับ ส่วนน้ำเปล่าดื่มจากก๊อกเอา บ้านเขาดีนะทำน้ำประปาดื่มได้ ประหยัดค่าน้ำไปได้เยอะ ของเราต่างจังหวัดน้ำประปายังเป็นสีชาไทยอยู่เลย

เพื่อนร่วมเที่ยว 33 คนเยอะพอควรเลยครับ ตอนผมไป 16 คน คนน้อยไม่ค่อยผิดเวลา มีบ้างแต่ส่วนมากไม่เกิน 10 นาที

ยังไงผมก็ชอบญี่ปุ่น มันเที่ยวได้หลากหลาย ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม หรือแม้แต่ซับเคาเจอร์

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 27 กุมภาพันธ์ 2566 12:19:24 น.  

 

ตามไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยครับ

พักนี้ติดตามชีวิตแม่บ้านญี่ปุ่นมากไปหน่อย เลยอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นขึ้นมาซะงั้น อิอิอิ

 

โดย: ทนายอ้วน 27 กุมภาพันธ์ 2566 21:54:09 น.  

 


มาเที่ยวด้วยค่ะ
ชอบบรรยากาศริมน้ำ ลำคลอง

 

โดย: newyorknurse 28 กุมภาพันธ์ 2566 4:13:51 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์

 

โดย: กะว่าก๋า 28 กุมภาพันธ์ 2566 5:05:38 น.  

 

ภูมิภาคคันไซ แถบโอซาก้าเคยไป แต่ไม่ได้ไปที่นี่ ส่วนมากเราไปก็สถานที่แบบตลาดๆ ที่หลายๆ คนเคยไปน่ะแหละ

ญี่ปุ่นถึงเราไม่ได้ภาษาแต่เขาก็พยายามนะ คนค้าขายด้วยมั้ง ที่ไทยเคยเจอแม่ค้าตวาดนักท่องเที่ยวนี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ

พอดีอ่านความเห็นเพื่อนๆ เห็นในทวิตเตอร์พอดี คุณไวน์ทันอยู่แล้ว
https://twitter.com/Boongkeang/status/1626441008904015872

 

โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) 28 กุมภาพันธ์ 2566 10:43:31 น.  

 

อยู่ๆเชียงใหม่ก็เหมือนอากาศจะกลับมาหนาวครับพี่
แต่ควันนี่คงเส้นคงวามากๆ 555

 

โดย: กะว่าก๋า 28 กุมภาพันธ์ 2566 13:59:56 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณพี่ไวน์..

อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นจัง..

มีเพื่อนสนิทเพิ่งไปมา..

ยังไม่เคยไปเลยคะ..

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 28 กุมภาพันธ์ 2566 19:17:05 น.  

 

ตามมาเที่ยวด้วยครับ
หมู่บ้านที่ไปเงียบสงบ

 

โดย: สองแผ่นดิน 28 กุมภาพันธ์ 2566 22:30:13 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์

 

โดย: กะว่าก๋า 1 มีนาคม 2566 5:32:07 น.  

 

อีกนิด เมื่อวานว่าจะพูดแต่ลืม สะพานแดงนั่น ในหนังญี่ปุ่นหลายเรื่องก็ชอบไปถ่ายทำนะ เห็นบ่อยๆ

 

โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) 1 มีนาคม 2566 10:59:12 น.  

 

ใช่เลยครับพี่

ความสุขในตัวเรา
มันจะขยายไปยังคนรอบข้างด้วย

ผมไม่รู้ความสุขของลุงคืออะไร
ทำไมประชาชนไม่สุขเหมือนลุงเลย 5555

 

โดย: กะว่าก๋า 1 มีนาคม 2566 15:28:35 น.  

 

เดี๋ยวกลับมานะครับพี่ไวน์

ขอส่งโหวตให้กำลังใจไว้ก่อนครับพี่

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 1 มีนาคม 2566 21:58:55 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์

 

โดย: กะว่าก๋า 2 มีนาคม 2566 5:07:48 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณไวน์

ตามไปญี่ปุ่นอีกรอบนะคะ
ประเทศเขามึวินัยมีความเจริญนะคะ
ทำให้ใครๆก็อยากไปค่ะ รวมถึงลูกสาวหนูด้วย

เมืองเขาสะอาดอ้านนะคะ ดูไม่รกหูรกตาเหมือนบ้านเราบางที่

สุขกายสบายใจนะคะคุณไวน์

 

โดย: tanjira 2 มีนาคม 2566 13:15:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ไวน์กับสายน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]





เขียนการเดินทาง
ด้านธรรมชาติ
จักรยานเสือภูเขา



หลังไมค์ครับ
Friends' blogs
[Add ไวน์กับสายน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.