ซึ่งเชฟมาร์ค Chef Marc Champiré เชฟจากฝรั่งเศส และเชฟนิรัช โชติวัชระ เป็นผู้สอนค่ะ
เค้กที่เราจะเรียนกันวันนี้เป็นเค้กสไตล์ฝรั่งเศส เชพเล่าว่านิยมทำไว้ล่วงหน้าสำหรับงานแต่งงาน
ทำล่วงหน้ากันเป็นปีเลยนะคะเก็บไว้ในตู้เย็น แม้จะชื่อ Orange Tea Cake
แต่ไม่ได้มีส่วนผสมของชาแต่ประการใด แต่เป็นเค้กผลไม้ (ส้ม)ที่ทานกับน้ำชานั่นเองค่ะ
แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเข้าห้องเรียน แต่เหมือนรับประกาศนียบัตรเลยค่ะ ^__^
ในห้องเรียนสังเกตว่าจะมีอุปกรณ์ครบครัน โดยมีเคาน์เตอร์ยาวตรงกลางห้อง
แต่เชฟอธิบายให้ฟังว่าการเรียนที่นี่ หากเป็นขั้นเบสิคแทบจะไม่ได้ใช้อุปกรณ์ตัวช่วยเลย
อย่างวันนี้ก็มีแค่ภาชนะและพายยางค่ะไม่มีมิกซ์เซอร์นะคะ กำลังแขนล้วน ๆ
ซึ่งวันนี้เชฟให้แต่ละคนทำสูตรเล็ก ๆ เลยไม่ต้องเหนื่อยมาก
นอกจากนั้นเชฟยังเล่าให้ฟังว่า วัตถุดิบของที่นี่ส่วนใหญ่จะนำเข้าจากฝรั่งเศส
รวมทั้งเนย โกโก้ อัลมอนด์ และผิวส้มเชื่อม ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในวันนี้ด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา
ในคลาส เชฟจะสอนโดยทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน จากนั้นจึงให้ลงมือปฏิบัติ
ซึ่งในแต่ละขั้นตอนเชฟสอนละเอียดและให้เคล็ดลับด้วยว่าทำไมต้องทำแบบนั้น
เชฟมีความเป็นกันเอง ใครสงสัยก็เปิดโอกาสให้ซักถามได้
ในระหว่างการสอน ไม่อนุญาตให้ถ่ายคลิป แต่ถ่ายรูปได้ค่ะ
ส่วนผสม
เนยสดอุณหภูมิห้อง 128 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 125 กรัม
ผงอัลมอนด์ 26 กรัม
ไข่ไก่ 117 กรัม
ส้มเชื่อม 50 กรัม
ผิวส้ม 2 ลูก
แป้งเอนกประสงค์ (ส่วนที่ 1) 64 กรัม
นมอุ่น 12 กรัม
แป้งเอนกประสงค์ (ส่วนที่ 2) 64 กรัม
ผงฟู 2.5 กรัม
ผลไม้สำหรับตกแต่ง
ขั้นตอนการทำ Orange Tea Cake
1. เตรียมพิมพ์เป็นอันดับแรกค่ะ ให้ทาเนยให้ทั่วและปาดไปในทิศทางเดียวกัน
โรยแป้งจำนวนมากเพื่อให้ทั่วพิมพ์ จากนั้นเคาะออกแรง ๆ เพื่อให้แป้งเคลือบเป็นฟิล์มบาง ๆ พอ
แม้จะใช้พิมพ์แบบ nonstick ก็ควรจะทาเช่นกันค่ะ
2. เนยที่อุณหภูมิห้อง หมายถึงห้องของเมืองฝรั่งนะคะไม่ใช่ห้องในเมืองไทย
นั่นคืออุณหภูมิของเนยต้องอยู่ที่ประมาณ 23-25 องศาซีค่ะ
3. ผลไม้เชื่อม ผิวส้ม และแป้งเอนกประสงค์ คนผสมให้เข้ากันเตรียมไว้
4. ผสมเนยกับน้ำตาลไอซิ่งให้เข้ากันดี ตามด้วยผงอัลมอนด์ผสมให้เข้ากันโดยใช้พายยาง
5. ตอกไข่ใส่ภาชนะตีให้เข้ากัน ค่อย ๆ ทะยอยใส่ในเนยทีละน้อยแบ่งเป็น 3 ครั้ง คนผสมพอเข้ากัน
6. ใส่ส่วนผสมของแห้งในข้อ 3 คนผสมให้เข้ากัน ใส่นมอุ่นคนผสมให้เข้ากัน
7. ใส่แป้งและผงฟูที่ร่อนไว้ คนผสมให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้
8. นำเข้าอบไฟประมาณ 170 องศาซีประมาณ 10 นาที จากนั้นนำออกมากรีด
ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เค้กขึ้นฟูค่ะ
แล้วนำกลับเข้าไปอบต่อจนสุก ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เช็คสุกโดยการใช้มีดปลายแหลมจิ้มลงไป ถ้าไม่มีเศษเค้กติดขึ้นมาก็สุกแล้ว
เคาะขนมออกจากพิมพ์ทันที พักให้เย็นแล้วทาด้วย apricot graze
ของเราก็อบเสร็จตามเชฟมาติด ๆ ค่ะ
ขอโม้นิดนึงว่าเราทำเสร็จคนแรก และได้รับคำชมจากเชฟด้วย ปลื้ม ๆ
แต่รอเข้าอบพร้อม ๆ กับเพื่อนนั่นแหละ
ตกแต่งตามชอบ
ภูมิใจนำเสนอ
เนื่องจากสูตรนี้ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ถ้าต้องการทาเหล้ารัมให้พักให้เย็นแล้วทาได้ค่ะ
ไม่ควรทาตอนอบเสร็จใหม่ ๆ เพราะความร้อนจะทำให้กลิ่นรัมระเหยหมดไป
นอกจากนี้เรายังสามารถดัดแปลงเป็นผลไม้อื่นได้ด้วยแม้กระทั่งผลไม้ไทย ๆ
แต่เชฟแนะนำว่าควรมีผลไม้รสเปรี้ยวผสมด้วยเพื่อให้รสชาติลงตัวยิ่งขึ้น
ในระหว่างที่ส่งเค้กเข้าอบ เชฟก็สอนการทำ Chocorange Drink ค่ะ
ถ้าไม่ลืม โอกาสหน้าจะมาอัพบล็อกวิธีทำให้นะคะ
เสร็จแล้วก็ชิมกันแบบอุ่น ๆ รอบแรกในห้องเรียนเลย แล้วก็ไปดื่มแบบเย็น ๆ อีกรอบ พร้อมเค้กค่ะ
เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของพริกด้วยนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าช็อคโกแลตและพริกจะไปด้วยกันได้ดี
หลังจบคลาส ผู้เรียนทุกคนจะได้รับ Certificate ค่ะ
ขอบคุณเชฟทั้งสองท่านและทีมงานผู้ช่วยด้วยค่ะ
ทาง LCBD มีเปิดสอนหลักสูตรต่าง ๆ ถ้าสนใจลองโทรสอบถามดูได้นะคะ
โทร 02 237 8877
www.lecordonbleudusit.com
ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ แล้วพบกันใหม่บล็อกต่อไปค่ะ