images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

น่าเสียดายที่ฉันไม่มีรูปให้คุณดู... ( ตามกลิ่นตัวหนังสือมาเลยค่ะ )

เหตุบังเอิญเมื่อเย็นที่ฉันได้ไปกินสุกี้ 'เรือนเพชร' แถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งจะบอกคุณว่าหากคุณไม่เคยไปกินหรือไม่คิดที่จะไปกิน

น่าจะลองเปลี่ยนความคิดดูสักทีนะคะ

ร้านนี้เป็นตึกแถวอยู่ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตรงข้ามโรงแรมอมารี
เอเทรียม ถนนเพชรบุรีเป็นถนนที่ยังมีตึกแถวหน้าตาเชยๆ อยู่ริมถนนสองข้างทาง ซึ่งก็มีห้องแถวไม่มากนักที่ยังคงเปิดทำการค้า

ส่วนใหญ่ตึกแถวในถนนย่านนี้มักจะปิดร้างค่ะ

เสียดายที่ฉันไม่มีกล้องติดตัวเพื่อถ่ายรุปหน้าตาเครื่องสุกี้หลายอย่าง
เอาไว้ รวมถึงน้ำจิ้มรสเด็ดที่หน้าตาอาจจะไม่คุ้นเหมือนสุกี้เอ็มเค

แต่รสชาติเด็ดขาดมาก

น้ำจิ้มสุกี้สูตรไหหลำจะมีเต้าหู้ยี้เป็นส่วนประกอบ คนละแบบกับน้ำจิ้มเอ็มเคนะคะ นั่นเขาสูตรกวางตุ้ง

ไม่มีรูปให้ดู แต่ตามฉันมาสัมผัสกับตัวหนังสือก็แล้วกันค่ะ

สุกี้หม้อนี้มีเครื่องเคราไม่กี่อย่างที่ฉันชอบกิน แต่ที่แปลกและอร่อยดี
ก็คือ เกี๊ยวไข่ เป็นเกี๊ยวไข่จริงๆ เพราะเขาห่อด้วยไข่เจียวแบนๆสีเหลืองนวลสวย นอกจากนั้นยังมีลูกชิ้นปลาหมึกรสชาติดี เคี้ยวหนึบกรุบกรอบ และปลาสวรรค์ที่อร่อยเด็ดขาด ไม่คาว รสชาติดีมาก

สำหรับรายการสุกี้อื่นๆ ที่ได้ใจฉันมาก ก็เช่นปลาหมึกกรอบที่ให้มาเยอะ
เกินราคา เห็ดฟางหัวสวยๆ เต็มปากเต็มคำ ใจผักกาดขาวใจเล็กๆ
อร่อยเหลือใจ แล้วก็มีเห็ดเข็มทองและวุ้นเส้นที่เหนียวดีจริงๆ

น้ำจิ้มของสุกี้ร้านนี้ เป็นสูตรไหหลำ ต่างจากสูตรกวางตุ้งของเอ็มเคที่คุณคุ้นเคยกันดี ฉันไม่คิดว่ามันจะอร่อยนะคะ แต่พอใส่ปากไปคำแรกเท่านั้น โอ้โฮ ไม่เคยเจอรสชาติแบบนี้มาก่อน รสชาติเขาจะออกเผ็ด และมันเล็กน้อย แต่กลมกล่อมอย่างที่ต้องมาชิมกันเลย

ฉันบรรยายราวกับขึ้นสวรรค์เลยนะคะนี่

555

กินเสร็จ บอกตัวเองว่า โอ๊ย อิ่ม แถมดีจังเลยทีได้มากิน เพราะหากไม่มากิน คงจะต้องเสียดายไปตลอดแน่ๆ

....

ฉันแค่จะบอกคุณว่าอย่าตัดสินอะไรจากภายนอก

ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ตาม

ร้านนี้เมื่อมองจากข้างนอกเผินๆ เหมือนจะ 'เชย'
แต่ขอโทษเถอะค่ะ คนกินเยอะมาก ทุกโต๊ะ มาเป็นครอบครัวบ้าง
มาเป็นคู่กันบ้าง และคนมาเรื่อยๆเลย

หากมองจากภายนอก นอกจากจะเชยแล้วยังอาจจะไม่น่าเข้าเมื่อเทียบกับร้านที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าเหมือนที่เราคุ้นกัน

เราเข้าห้างจนเคยชินนะคะ นึกอะไรไม่ออกไปห้างไว้ก่อน

ของใหม่ ทันสมัย ประเดี๋ยวประด๋าว เป็นอะไรที่ไม่ยั่งยืนหรอกค่ะ
หากคุณจะลองเทียบกับของสมัยก่อน ที่เขาบรรจง ปราณีต คิดถึงความทนทาน คุ้มค่า

แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป ระบบการผลิตแบบทุนนิยมได้กลืนเสน่ห์เดิมๆ
ของทุกสิ่งไป ไม่มากก็น้อย ซึ่งอาจรวมถึงเสน่ห์ของร้านอาหารเก่าๆ
ที่เดี๋ยวนี้ กลัวตกเทรนด์บ้าง อยากอินเทรนด์บ้าง ก็พาเหรดขึ้นห้างไปหมด

เอาล่ะ ไม่ว่ากันนะคะ

ของอย่างนี้แล้วแต่ใครจะคิดอย่างไร และใครจะมองต่างมุมอย่างไร

ฉันคิดว่าเรือนเพชรเป็นร้านเก่าแก่ที่เก่งมาก ที่เขาสามารถประคองตัวเองอยู่ได้ท่ามกลางกระแสทุนแบบนี้ ถ้าไม่ด้วยรสชาติที่อร่อยจริงๆ
และคุณภาพอาหารจริงๆ ฉันว่าเขาก็คงอยู่ไม่ได้

....

ของโบราณ ของเก่านั้น ไม่ได้เชยและไร้คุณค่าอย่างที่คิดจริงๆนะคะ
ยิ่งยุคสมัยนี้ เราโหยหาของเก่ากันจนกลายเป็นเรื่องเฝือ แต่อย่างน้อยมันก็ดีที่เราจะได้กลับไปเหลียวมองอดีตของตัวเอง

ถ้าไม่มีอดีต ก็คงไม่มีปัจจุบัน และอนาคต

เห็นร้านนี้ยืนหยัดโดยคงกลิ่นอายของอดีตไว้ รู้สึกดีจังเลยค่ะ จริงๆแล้วแอบดีใจที่ยังมีร้านแบบนี้อยู่ในกรุงเทพ ซึ่งคิดว่าคงไม่มีเพียงแค่ร้านนี้ร้านเดียว แต่จะต้องมีอีกหลายร้านที่ซุกตัวอยู่ท่ามกลางตึกสูง

อย่างเงียบๆ และเป็นสุข

คืนนี้หวังว่าคุณจะอิ่มใจ และอิ่มท้องไปพร้อมๆกับฉันด้วยนะคะ

อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ ( ด้วย ) ค่ะ 55 !!!




 

Create Date : 21 มกราคม 2552    
Last Update : 21 มกราคม 2552 22:53:18 น.
Counter : 525 Pageviews.  

สวัสดียามเช้าเด้อค่าเด้อออออ....

สวัสดียามเช้าค่ะ

ระหว่างรอจะทำธุระอย่างอื่น ก่อนไปทำงาน
มาสวัสดีคนอ่านก่อนดีกว่าเนอะ

เมื่อคืนหลับสนิทเพราะยาแก้แพ้ อาการดีขึ้นแล้วค่ะ
แต่ทิ้งรอยแดงๆเอาไว้ที่ขา อือ ไม่ชอบเลย ทำให้ขามีรอยด่าง
ถึงจะไม่สวย แต่ก็ไม่อยากขาด่างนะเออ

เมื่อวานอีกนั่นแหละได้เข้าไปอ่านรีวิวหลวงพระบาง
ของพี่สาวที่น่ารักของฉัน เขียนได้ไงเนี่ย แบบนี้
เอามาฝากด้วยค่ะ

//preeyathorn.wordpress.com/

ฉันมีแพลนอยากไปหลวงพระบาง หลังจากกลับจากหนองคาย
เวียงจันทน์เมื่อปลายปีที่แล้ว

สงสัยจะชอบอีสาน
ทั้งที่ไม่เคยคิดจะไปเที่ยวทางนั้นมาก่อนเลย
เมื่อไปอีสานหลายครั้ง รู้สึกชอบในความเรียบง่าย
และความไม่มีอะไร แต่มันมีอะไรนะคะ

ใครมีข้อมูลหลวงพระบาง หรือฝั้งอีสานน่าสนใจ
ฉันยินดีรับบริจาค ขอเชิญมาทิ้ง link ไว้ให้ข้อยตามไปอ่านด้วยเน้อ

โดยเฉพาะเมื่ออ่านบล็อกของชายหนุ่มนามว่า อย่าคิดมากกับชีวิต
แหม ไม่อยากคิดมากเลยจริงๆ

อยากปั่นจักรยานไปมั่ง 555

....

สวัสดียามเช้านะคะ
เหมือนจะเรื่อยเปื่อยไปนิด ไม่อยากหนักหัวแต่เช้า
มาทักทายกันก่อนก็แล้วกัน

อากาศไม่หนาวแล้วใช่มั้ยคะ

เย้ !!




 

Create Date : 21 มกราคม 2552    
Last Update : 21 มกราคม 2552 7:22:05 น.
Counter : 391 Pageviews.  

ความสุขแบบแมว-แมว

วันนี้ทำงานเสร็จช้า มีเรื่องให้สะสาง กลับช้ากว่าทุกวันค่ะ
เมื่อตรงกลับบ้านสิ่งแรกที่ต้องทำคือ มองหาไอ้อวบ

ลูกชายค่ะ

วันทั้งวันที่ไปทำงานและบางทีกลับช้า จะรู้สึกไม่ค่อยดีเลย
ที่ทิ้งเขาไว้ทั้งวันแล้วมีเวลาอยู่กับเขานิดเดียว

ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยจะรักมัน 555

สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่อยู่ร่วมห้องกับฉันในทุกค่ำคืนก็คือเจ้าลูกชายตัวนี้
หลังจากที่แม่ต้องนอนคนเดียว เพราะคนข้างๆหนีไปแล้ว ฉันก็มีเจ้าอวบน้อยตัวนี้ แก้วตาดวงใจ เหลืออยู่เป็นเพื่อนในทุกค่ำคืน

ความหมายของอวบที่มีต่อชีวิตฉัน คือเขาไม่ใช่แมว แต่เป็นลูกชายตัวน้อย เป็นเพื่อนของชีวิต

ทุกค่ำคืนที่กลับมา หากแม่บีไม่ได้ให้ข้าวอวบ ก็จะมีป้าแคทคอยดูแลให้ข้าวอวบก่อน ป้าแคทจะช่วยเหลือดูแลน้องอวบอย่างดี ไม่ให้อดอยากเลย เจ้าอวบเคยอวบอ้วนมาอย่างไร วันนี้ก็ยังอวบอย่างนั้น

ทุกคืนที่มีเขาอยู่ แม้ไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบกันได้ แต่แค่เราได้มองเห็นเขานอนหลับอยู่ด้วย เราก็มีความสุขมากแล้ว เมื่อลืมตาตื่นมาตอนเช้าเพราะเสียงเขา เป็นหน้าที่ของเราที่จะปล่อยให้เขาออกไปวิ่งเล่น
แล้วเขาจะกลับมาเพราะเสียงเคาะจานที่เราจะรู้กันว่า

ได้เวลากินข้าวเช้าแล้วนะ

อวบจอมตะกละ จะวิ่งมาจากทิศไหนก็ไม่รู้ วิ่งตื๋อมากอดขา แล้วก็ร้องแง้วๆ

ก่อนแม่บีไปทำงาน แม่บีจะให้ข้าวอวบ แล้วก็กวาดกะบะสำหรับอึ ให้อวบก่อน อวบอยู่กับแมวป้าอายุ 12 ขวบ ชื่อป้าหวาน แต่ทั้งคู่ไม่ถูกกันเท่าไหร่ แต่อาศัยอยู่เป็นเพื่อนกัน ฮาๆดีค่ะ

สำหรับฉันแล้ว ทุกค่ำคืนที่ได้นอนกับเขา นั่นคือความสุขที่ได้รับ แม้เหนื่อยกับการทำงานแค่ไหนแต่เมื่อกลับมาบ้านแล้วนอนหลับ โดยมีเขามาซุกอยู่ข้างๆ มันเป็นความอุ่นใจจริงๆค่ะ

แม้อวบจะไม่ใช่คน และแม้เขาจะพูดภาษาเดียวกับเราไม่ได้ แต่ฉันก็รู้ว่าเราต่างสุขใจที่มีกัน

ฉันกลายร่างเป็นแมวยักษ์นอนกอดเขาทุกคืน

เราจะไม่ทิ้งกัน เราจะดูแลกัน

อวบทำให้ฉันรู้ว่าความรักสี่ขานั้นเป็นยังไง และความรักที่เราได้ให้โดยไม่ได้เรียกร้องอะไรคืนมา มันก็สุขใจได้เหมือนกันนะ

เราหวังให้เขามารักเราไม่ได้หรอก ใข่ไหมคะ แต่การได้รักอย่างที่ใจเราอยากจะรัก มันก็คือความสุขชนิดหนึ่ง

ความสุขแบบแมวๆ ไงคะคุณ !!!




 

Create Date : 20 มกราคม 2552    
Last Update : 20 มกราคม 2552 21:52:42 น.
Counter : 564 Pageviews.  

มีเหตุผลอะไรที่ฉันควรจะไปดู 'กะทิ' หรือเพราะความสุขของกะทิไม่เหมือนของฉัน !!

ดีจัง

เช้านี้อาการคันลดลงบ้างแล้ว ที่เป็นผื่นแดงก็ยุบๆลงค่ะ

ขำตัวเอง แต่อีตอนที่มันคันแล้วเกา มันได้ความสะใจจริงๆนะคะคุณ

..

ขอทักทายแต่เช้านะคะวันนี้
อยากคุยเรื่อง ความสุขของกะทิ 55

ก่อนหน้าที่ทราบข้าวว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าฉายแล้วนะ
ในใจคิดว่า จะไม่ไปดูหรอก ทั้งที่เขาว่ากันว่ามันดีนักหนา
ง่ายๆแค่ว่า มันถูกสร้างมาจากวรรณกรรมซีไรต์ ก็น่าจะบอกได้ว่า
มันต้องมีอะไรดีสิ

ที่รู้สึกว่าไม่อยากดู เพราะไม่อยากออกจากโรงหนังในสภาพเศร้าหมอง
น้ำหูน้ำตาแตก คือฉันน่ะเป็นพวก sensitive กับความรู้สึก

หนังเรียกน้ำตา อย่างหนังเกาหลีที่เขาว่ามันซึ้งนัก เศร้านัก
ทำให้น้ำตาไหลพรากๆ แบบนั้นก็ไม่เอาค่ะ

เพราะความคาดหวังของการดูหนังสำหรับคนอย่างฉัน
คือเพียงเพื่อต้องการเข้าไปเสพ ความสุข ความสนุก มากกว่า
การได้ร้องไห้ออกมา

กลับมาที่ความสุขของกะทิ

ฉันไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ก็เพราะ 'กลัว'
กลัวมันจะเรียกน้ำตาอีก

ก่อนความสุข มันจะมีความเศร้าให้เราพานพบเสมอ แล้วกว่าที่จะ
เศร้าจนได้พบความสุข คลื่นลมที่กระแทกเราแบบนั้นก็แทบ
ทำให้เราปางตาย

คงไม่ต่างอะไรกับชีวิตคน

ชีวิตเล็กๆของกะทิ ก็คงเหมือนทำนองนั้น

หากใครได้อ่านและดูหนังเรื่องนี้แล้ว ช่วยบอกกันหน่อยเถอะค่ะ
ว่าควรจะไป 'เศร้าและสุข' กับกะทิ ใช่ไหมคะ

มันเป็นความเศร้าชนิด 'เศร้าแต่งาม' อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า

มีเหตุผลอะไรที่ฉันควรที่จะไปดู 'กะทิ'
หรือเพราะ ความสุขของกะทิ ไม่เหมือนความสุขของฉัน
และคุณ

หรือเพราะโลกนี้โหดร้ายพอแล้ว การได้รับรู้ความสุขของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ก็นาจะทำให้เรามีความสุขไปด้วยกัน

แบบนั้นหรือเปล่าคะคุณ !!




 

Create Date : 20 มกราคม 2552    
Last Update : 20 มกราคม 2552 7:20:18 น.
Counter : 385 Pageviews.  

ไม่มีใครคิดเรื่องความสุขกันแล้วหรือ...

หากอ่านบล็อกฉันมาสักระยะหนึ่ง คุณจะสังเกตเห็นว่า ฉันมักจะบอกเสมอว่า ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าเวลาของเราเหลือเท่าไหร่

ที่พูดอย่างนี้เพราะสำนึกเสมอ ว่าชีวิตนั้นบอบบางยิ่งนัก
เราไม่อาจคะเนอะไรได้เลย

ในเมื่อไม่อาจรู้อะไรข้างหน้า ปัจจุบันกับอนาคตเท่านั้นที่เราควรมอง

เราจัดการกับปัจจุบันได้ง่ายกว่าในอนาคต อย่างน้อยมันก็อยู่ในมือ
เรา ณ บัดนี้

ส่วนอนาคต เราจัดการมันด้วยการคาดคะเน เช่นการวางแผนเก็บเงินเพื่อใช้ชีวิตตอนแก่อย่างไร ต้องมีเงินเท่าไหร่ แต่นั่นก็อีกแหละค่ะ
ที่เราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ถึงตอนแก่หรือเปล่า

การไม่ประมาท อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุข และมองไปข้างหน้าอย่างไม่ประมาทด้วย น่าจะทำให้เรายิ้มได้โดยไม่อ้างว้างนัก

แล้วการใช้ปัจจุบันให้มีความสุข เราจะใช้อย่างไรดีล่ะคะ

ขอออกตัวก่อนว่าฉันไม่ใช่กูรู แต่เพราะประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา
มันสอนให้ฉันตั้งเข็มทิศของตัวเองใหม่ จากเป้าเพื่อการหาเงิน หรือ
การได้ตำแหน่ง

ทำให้ปัจจุนนี้ ฉันตั้งเข็มทิศของตัวเองไว้ด้วยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่อง
ของการหาเงิน แม้ว่าจริงๆแล้วบางทีเราจะทำงานบางอย่างเพื่อเงิน
ปล่อยให้ความรักในงาน หรือความสุขในชีวืตเป็นเรืองรอง

จนกลับกลายว่าความสุขเป็นของหายากสำหรับคนสมัยนี้ไปเสียแล้ว
หากอีกหน่อย ความสุข=การต้องเสียเงินซื้อทุกอย่าง คุณคิดว่า
เราจะอยู่อย่างไรคะ

เมื่อเราคิดถึง กำไร-ขาดทุน บ่อยกว่าการทำแล้วได้ความสุขทางใจ

ผู้คนมักจะมองว่าความสุขทางใจไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับการหาความสุขทางกายหรือหาปัจจัยมากๆ เข้าเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ลำบาก

ไมมีใครคิดเรื่องความสุขกันแล้วหรือ น่าสงสัยนะคะ
ในขณเดียวกันหากเกิดมาแล้วไม่รู้จักความสุข ฉันว่าแบบนั้นน่าสงสารมากกว่า

ระยะหลังยิ่งอ่านหนังสือหลายเล่ม ฉันยิ่งเชื่อ ว่าคนเรานั้นเมื่อผ่านมาถึงจุดๆหนึ่ง เราไม่ได้ต้องการหาเงินมากๆไปเพื่ออะไรหรอกค่ะ

แน่นอนว่าการมีเงิน = ความปลอดภัย

แต่ถ้าปลอดภัยแบบไร้สุขล่ะ ปลอดภัยอยู่บนหอคอยงาช้าง
แต่ไม่รู้รสชาติของขีวิตเลย

ฉันว่าน่าเสียดายอีกด้วย

..

คุณโจ มณฑานี ตันติสุข เล่าประสบการณ์ของเธอไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งที่น่าสนใจมาก แม้หนังสือเล่มนั้นจะสอนให้คุณรู้จักบริหารเงินให้เป็น
จากประสบการณ์ของผู้เขียน ที่ครั้งหนึ่งเคยเหลือตังค์ติดกระเป๋าแค่สามบาท

ฉันจำประโยคหนึ่งจากหนังสือเล่มนี้ได้แม่น ที่คุณโจบอกว่า

ทำสิ่งที่รัก แล้วเงินจะตามมาเอง

เห็นไหมคะว่า คุณโจเน้นเรื่องการให้เราทำสิ่งที่รัก ส่วนเงินนั้นคือผลพลอยได้ที่วิเศษมาก เป็นผลผลิตจากงานที่เราทำด้วยความรัก

เมื่อเกิดความรักในงาน = เงิน

ฉันคิดว่าการที่บางคนสามารถทำงานที่รักได้โดยไม่เบื่อ นั่นคือเขาโชคดีแล้ว แต่ถ้ามองเข้าไปให้ลึก จะพบว่าการรักงานที่ทำ หรือ การทำงานที่รัก มันมีจุดอยู่นิดเดียว

นั่นคือ ให้ความรักกับงานที่คุณทำอยู่

แม้รักมันน้อยไปหน่อย ก็ขอให้รักมันเพราะงานจะสร้างคุณค่าให้กับเรา
ทำให้เต็มที่ไว้ก่อน ไม่ว่าวันนี้มันจะให้ผลตอบแทนแก่คุณเป็นแค่เศษเงิน แต่วันหน้ามันอาจจะกลายเป็นเงินที่ใหญ่กว่า

และสิ่งที่คุณจะได้ตามมา มันมีค่ามากกว่าเงิน
นั่นคือ งาน = ความสุข

....

ฉันขอเพิ่มบรรทัดสุดท้ายอีกทีว่า

งาน = ความสุข = เงิน

แบบนี้นอกจากจะรวยเงินแล้วยังรวยความสุขด้วย

ดีกว่าไหมคะคุณ !!




 

Create Date : 19 มกราคม 2552    
Last Update : 20 มกราคม 2552 6:58:46 น.
Counter : 559 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.