น้ำไม่อาจดับความร้อนในใจคนได้อีกแล้ว...
คนที่เป็นแนวคิดหลักของสังคมไทยหลายๆคนออกมาฟันธงว่าที่คนไทยแตกแยกกันทางความคิดได้ขนาดนี้เพราะส่วนหนึ่งคือการรับข้อมูลเท็จ หรือข้อมูลที่ถูกกรอกหูข้างเดียวของสื่อบางช่องที่อาศัยช่องทางดาวเทียม เอาข้อมูลเหล่านี้เข้าไปถึงชาวบ้าน
การที่สื่อมีอิสระเสรีนำเสนออะไรก็ได้ตามที่ตัวเองอย่างนำเสนอ โดยไม่มีจิตสำนึกของการกลั่นกรองข้อมูล ด้วยความไม่ประสงค์ดีหรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อยัดเยียดข้อมูลเหล่านั้นไปให้ชาวบ้าน
ต้องถามว่าสื่อเหล่านั้นทำหน้าที่สื่อ หรือเป็นเครื่องมือเพื่อ 'เสี้ยม' คนกันแน่
สื่อจริงๆคงไม่ได้เกิดมาเพื่อปั้นน้ำเป็นตัว เพื่อยุยงส่งเสริมให้คนแตกแยกกัน เพื่อเป็นสื่อของใครคนใดคนหนึ่ง แต่สื่อต้องเป็น 'กลาง'
หากแต่ปัจจุบันนี้ หลายสื่อเลือกข้างอย่างชัดเจน
มันน่าเศร้าตรงนี้นะคะ ที่สื่อเลือกข้างเหล่านี้มีเป้าประสงค์ที่ผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น โดยหากถามหาจิตสำนึก คำตอบที่ได้คงจะเป็นแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
เราในฐานะคนที่มีสิทธิเลือกที่จะรับฟังข้อมูลข่าวสาร ควรจะมองสิ่งที่ผ่านตาด้วยวิจารณญาณ กลั่นกรองก่อนที่จะเชื่ออะไร
พระพุทธเจ้าสอนค่ะ ว่าอย่าเชือ่อะไรง่ายๆ แม้ว่าสิ่งที่เราได้รับรู้จะมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพียงใด แล้วนี่นับประสาอะไรกับสื่อ ซึงไร้จุดยืน เข้าข้างที่ตัวเองถือหางอย่างเปืดเผย
เสียงเล็กๆจากตรงนี้คงไม่มีผลอะไรต่อสังคมหรอกค่ะ คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เกิดอะไรขึ้นได้ หากเพียงแค่ยังหวังว่าถ้าคนในสังคมคิดในทางที่ดี ทำหน้าที่ของตัวเองให้ชัดเจน เคารพในสิทธิของกันและกัน ไม่รังแกเบียดเบียน ไม่จ้องทำร้ายทำลายกัน แบบที่เป็นอยู่ อะไรๆก็คงไม่เกิดขึ้น
แม้จะเป็นเพียงความหวังเล็กๆที่ริบหรี่เสียเหลือเกิน แต่ก็ยังหวังอยากให้มันเกิดขึ้นจริง
...
เมื่อวานนี้
ฉันไปทำงานตามปกติ สถานการณ์ยามเช้ายังปกติดีค่ะ หากมองไปทางสวนลุมเห็นคนเสื้อแดง เดินวนเวียนเพ่นพ่านอยู่บริเวณสี่แยกศาลาแดง อีกอึดใจเดียว รถแปดล้อสิบล้อของพวกเขาก็รุกคืบมาปิดถนนฝั่งขาเข้าไปราชประสงค์
ปฏิบัติ 'ยึดบ้านเมืองของข้า' เกิดขึ้นอีกแล้ว
คนเดินผ่านไปผ่านมาบางคน มองดูแล้วเดินจากไป เหมือนสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเรื่องปกติชินชา
แต่ในใจฉันเดือดปุด
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เพราะขนาดว่าตำรวจยังยืนเฉย ปล่อยให้คนพวกนั้นกระทำลิดรอนสิทธิ์ของคนที่ใช้ทาง คนซึ่งต้องไปทำงาน คนซึ่งไม่ได้ว่างงาน ( อย่างพวกคุณ ) ต้องใช้ถนนหนทางเพื่อสัญจร พูดก็พุดไป ฉันและคนเหล่านั้นเสียภาษีให้ประเทศค่ะ แล้วพวกคุณซึ่งว่างงานจนมาปิดถนนไม่ให้คนอื่นเข้าใช้ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ??
ฉันรู้ว่าเสียงของฉันไม่ใหญ่พอ แค่หยุดยืนแล้วถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ฉันคงทำได้แค่นั้นเอง...
กลางวัน ก็เป็นไปตามคาด พวกเขาพากันมาเป็นขบวน รถมอเตอร์ไซค์ผูกผ้าสีแดง รถกระบะที่บรรทุกคนโพกผ้าสีแดง โห่ร้องกันอย่างชอบอกชอบใจ ราวกับกำลังแห่ 'ชัยชนะ' ( ปลอม ๆ ) มีคนพวกเดียวกันมายืนเชียร์ ชูตีนตบกันอย่างเอิกเกริก
อยากถาม 'พวกคุณสะใจแล้วหรือยัง'
ฉันว่าคนทั่วไปไม่ได้โง่ แต่เขาเอือมระอา แม่ค้าที่ขายของริมทางเท้าพากันส่ายหน้า คนทำงานในละแวกนั้นเดินผ่านไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่มีใครสนใจอยากจะยุ่งกับคนพวกนี้
ได้ข่าวว่า มีผู้หญิงคนหนึ่ง บีบแตรไล่ ก็มีคนพวกนี้กรูกันลงมาเขย่ารถ อยากถาม คุณทำได้ยังไง
ฉันเคยบอกแล้วว่าคนพวกนี้เหมือนหมาบ้า เถื่อน ถ่อย
ความรู้สึกที่เห็นเมื่อวานนี้จึงเป็นความสะอิดสะเอียน รังเกียจ ชิงชัง จนอดไม่ได้ที่ต้องหยุดดูแล้วตะโกนร้องออกไป
น้องที่ไปด้วยตกใจว่า พี่นี่ช่างกล้า ใช่ค่ะ !! ฉันตะโกนออกไป หวังให้พวกม็อบหมาบ้านั้นได้ยิน ฉัน 'ไม่เอา' คนพวกนี้ ฉันไม่ปรารถนาให้คนพวกนี้มากระทำย่ำยี ทำร้ายทำลายบ้านเมือง ลุกขึ้นมาทำอะไรโดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย ใช้กฏหมู่เป็นใหญ่ 'กูจะทำใครจะทำไม' ไปถามอริสมันต์สิ มันกล้าขนาดนั้นได้ยังไง
ม็อบหมาบ้า เรียกร้องประชาธิปไตยให้พ่อของพวกเขา คุณก็คงทราบว่า พ่อของพวกเขาปรารถนาอะไร เขาต้องการอะไร เขาปลุกม็อบพวกนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร
เมื่อก่อนคนไทยมี 'พ่อ' เดียวโดยนัยความหมายที่รู้กัน แต่สำหรับคนพวกนี้ 'พ่อ' ของพวกเขาคือ แม้วโกงบ้านโกงเมืองคนนั้น คนที่บอกว่าแม้เขาจะโกง แต่เขาก็แบ่งให้ชาวบ้านได้กินนั่นแหละ
ชาวบ้าน ซื่อจนไม่รู้ว่า ที่เขาแบ่งให้คุณกินมันแค่เศษเงิน แต่เขาโกงไปเป็นของตัวเองจนกระเป๋าตุง อยู่กินเหมือนเศรษฐี สุขสบายไปทั้งชาติอยู่ในต่างประเทศ คุณเห็นไหม
เศษเงินที่เขาโยนมาให้ กลับกลายเป็นเงินเทวดาของชาวบ้าน ไม่รู้หรอกว่าเขากำลังซื้อคุณด้วยความแยบยลที่สุด ใครจะว่าอย่างไรก็ว่าเถอะค่ะ แต่ฉันสะอิดสะเอียนเหลือเกินแล้ว รับไม่ไหวกับคนพาลพวกนี้ รวมถึงพ่อของพวกเขาด้วย
ใครจะเห็นว่าคนพวกนี้ดี เชิดชูเป็นเทวดาก็เรื่องของคุณ แต่สำหรับฉันคือไม่ ฉันยังเห็นว่าคนเราถ้าเห็นต่างก็ควรแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ไปเบียดเบียนคนอื่นเขา นึกทำอะไรก็ได้ ราวกับประเทศนี้เป็นของกูคนเดียว
ถ้าคนเราจะลุกขึ้นมาเรียกร้อง สิ่งเดียวที่เราควรยึดถือคือ 'ความถูกต้อง' ฉันเชื่ออย่างนั้น
.....
เช้านี้ วันสงกรานต์
โทรทัศน์ free tv หลายช่องเสนอภาพข่าวผู้คนในต่างจังหวัดพากันเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน เหมือนทุกปีที่ผ่านมา
คนต่างจังหวัดนี่น่าอิจฉานัก พวกเขายังคงใช้ชีวิตเหมือนที่เคยใช้
หากแต่ในมหานคร วันหยุดนี้คงถูกปกคลุมด้วยความอึมครึม
คงไม่มีใครกล้าออกไปเล่นน้ำใกล้กับที่ที่มีคนยึดครองอยู่ ไม่มีงานสงกรานต์ในกรุงเทพ น้ำไม่อาจดับความร้อนในใจคนได้อีกแล้ว เพราะวันนี้เขาดับกันด้วย 'เสียง' ของใครที่ดังกว่า ใครยกพวกมามากกว่าคนนั้นได้เปรียบ
และกูจะทำอย่างนี้ ใครจะทำไม
เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเกมกันเสียที อยากได้ชัยชนะมากนักใช่ไหม เมื่อไหร่จะเลิกเอามวลชนมาต่อรองกับกฏหมายเสียที จิตสำนึกมีไหม
ฉันรู้ค่ะ ว่าถึงถามไป พวกเขาก็ไม่ได้ยิน ?????
Create Date : 13 เมษายน 2553 | | |
Last Update : 13 เมษายน 2553 8:09:19 น. |
Counter : 491 Pageviews. |
| |
|
|
|