images by free.in.th images by free.in.th
Group Blog
 
All blogs
 

อย่างน้อยก็ไม่ต้อง .. เปลืองใจ

วันร้อนเลยไปแช่อยู่ในแอร์ที่ห้างใกล้บ้าน ดูหนังเรื่อง date night
ไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับออกมาจากโรงในสภาพท้องคัดท้องแข็ง

หนังสนุกแต่ไม่ได้ดูแบบผ่านเลยนะคะ อย่างน้อยก็ยังมีสาระให้คิด ตามสไตล์หนังฮอลลีวูด

เรื่องเล่าถึงสองสามีภรรยาลูกสอง อยาก refresh ชีวิตรักของตัวเองขึ้นมาใหม่ให้เหมือนวันแรกๆที่รักกัน สองคนนี้วางแผนไป 'เดท' กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในต่างเมือง แล้วก็เกิดเรื่องยุ่งๆขึ้น เรียกว่าโหด สะบักสะบอม เอาใจช่วย และขำ(ฮา) เสียจนไม่อยากเชื่อ

ฝรั่งเขาจะมีเรื่องที่ดีน่าเอาอย่างอยู่อย่างนะคะ คือหากเขารักกันและถึงขั้นแต่งงานร่วมชีวิต เขาจะซื่อสัตย์ต่อกัน การนอกใจจะเกิดขึ้นมิได้ เหมือนกับที่เขาสัญญาต่อหน้าบาทหลวงในวันแต่งงาน ว่าจะรักดูแลกันไปจนแก่เฒ่า เราคงเห็นแล้วว่าคู่รักคนดังบรรลือโลกบางคู่ที่เกิดการนอกจากใจกันแล้วเป็นข่าว มันอื้อฉาวขนาดไหน ถึงขนาดว่าหากสังคมไม่ให้อภัย คนๆนั้นก็อาจหมดอนาคตที่จะหากินกับชื่อเสียงไปก็ได้ กรณีของไทเกอร์ วู้ด นั่นก็เป็นกรณีหนึ่ง

แต่สำหรับชายไทย การนอกใจไม่ว่ารูปแบบใด ( มีกิ๊ก มีเมียน้อย ) กลับไม่ได้ถูกสังคมลงโทษ

คนที่เสียใจมีเพียงผู้หญิง คนที่พยายามรักษาครอบครัวมีเพียงฝ่ายภรรยา เพราะสำหรับชายไทย และค่านิยมในสังคมไทย การมีเมียน้อยหรือนอกใจไปมีกิ๊ก เป็นเรื่องที่ถูกมองว่า

ธรรมดา

.......

หนังมีส่วนทำให้เราได้คิดว่า การใช้ชีวิตคู่นั้น ต้อง 'ฟัง' กันให้มาก
ต้อง 'ยอมรับและให้เกียรติ' อีกฝ่ายให้มาก

ความซ้ำซากในการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ เพราะตารางชีวิตของคนเราก็มีอยู่แค่นี้ ลืมตาตื่นมาก็เจอคนนี้ เย็นกลับบ้านก็ต้องเจอคนนี้ หนำซ้ำคนๆนี้(ที่เราเลือกจะอยู่ด้วย) ก็มีหลายสิ่งที่เราไม่ชอบใจ

ท่ามกลางความรู้สึก 'เบื่อหน่าย' และอาจเลยเถิดไปถึงการเหม็นหน้ากันได้ในสักวัน ถ้ารู้ตัว การ refresh ชีวิตคู่ให้รู้สึกเหมือนใหม่อยู่เสมอก็เป็นเรื่องสนุกที่น่าจะทำนะคะ

อย่างที่ฉันบอก เราหลีกเลี่ยงที่จะเบื่อไม่ได้หรอก อยู่ด้วยกันแค่ชัวโมงสองชั่วโมงบางทีเรายังเบื่อได้ แล้วนับประสาอะไรกับการที่เราต้องอยู่กับคนๆนั้นไปตลอดทั้งชีวิตล่ะ

ทุกอย่างจึงอยู่ที่ใจ อยู่ที่ความคิดของเราทั้งนั้นค่ะ

...

ในหนังนั้น นางเอกเปรยกับพระเอกว่า บางครั้งเธอก็อยากลาออกจากชีวิตซ้ำซากที่วันๆต้องทำงาน เลี้ยงลูก ทำอาหาร บริการสามี ดูแลทั้งลูกทั้งสามี ซึ่งเป็นกิจวัตรของแม่บ้านทุกคน ( แต่แม่บ้านสมัยใหม่เป็นผู้หญิงทำงานด้วย แล้วคิดดูว่าจะหนักหนาเพียงไหน)

แต่เธอเลือกไม่ได้หรอกค่ะที่จะทำแบบนั้น

ผู้หญิงจึงตกอยู่ในสภาพที่หนักหนา น่าเห็นใจมาก ขณะที่เธอต้องทำทุกสิ่งเพื่อดูแลครอบครัว แต่ผู้ชายของเธอบางคน กลับใช้เวลาสนุกไปกับการได้มีเล็กมีน้อย โดยทิ้งคำว่า 'ซื่อสัตย์' ไว้ข้างทาง

การได้รับการตอบแทนแบบนี้ มันไม่แฟร์สำหรับเธอเลย

ฉันว่าหากให้ผู้หญิงเลือกว่าเธอจะทำอย่างไร เธอจะเลือกเป็นแบบนี้ไหม ร้อยทั้งร้อย ผู้หญิงทุกคนก็ยังเลือกที่จะเป็นแม่บ้าน ดูแลลูกและสามีอยูดี เพราะเธอเกิดมาเพื่อเป็น 'แม่และเมีย' โดยสัญชาตญาณ เสมือนหนึ่งเป็นหน้าที่ที่พระเจ้าสร้างมาให้แล้ว

แต่ถึงกระนั้น ผู้หญิงทุกคนก็ไม่อยากถูกแค่เลขท้าย ทุกคนอยากโชคดีถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง อยากมีครอบครัวที่ดี อยากมีสามีที่รักและดูแลเธอตลอดไป

หวังว่าผู้หญิงทุกคนจะโชคดีค่ะ

และหากว่าบังเอิญไม่โชคดีแบบนั้น ฉันก็หวังว่าผู้หญิงเราจะเข้มแข็ง
ไม่ตกเป็นทาสความรักโง่ๆ ไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ชายเห็นแก่ได้

บางที การรักตัวเองให้มากกว่ารักคนอื่นซึ่งไม่ได้ซื่อสัตย์กับเราแม้แต่น้อย ก็น่าจะดีกว่า

อย่างน้อยก็ไม่ต้อง 'เปลืองใจ' ค่ะ !!




 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 20:36:42 น.
Counter : 557 Pageviews.  

น้ำไม่อาจดับความร้อนในใจคนได้อีกแล้ว...

คนที่เป็นแนวคิดหลักของสังคมไทยหลายๆคนออกมาฟันธงว่าที่คนไทยแตกแยกกันทางความคิดได้ขนาดนี้เพราะส่วนหนึ่งคือการรับข้อมูลเท็จ หรือข้อมูลที่ถูกกรอกหูข้างเดียวของสื่อบางช่องที่อาศัยช่องทางดาวเทียม เอาข้อมูลเหล่านี้เข้าไปถึงชาวบ้าน

การที่สื่อมีอิสระเสรีนำเสนออะไรก็ได้ตามที่ตัวเองอย่างนำเสนอ โดยไม่มีจิตสำนึกของการกลั่นกรองข้อมูล ด้วยความไม่ประสงค์ดีหรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อยัดเยียดข้อมูลเหล่านั้นไปให้ชาวบ้าน

ต้องถามว่าสื่อเหล่านั้นทำหน้าที่สื่อ หรือเป็นเครื่องมือเพื่อ 'เสี้ยม' คนกันแน่

สื่อจริงๆคงไม่ได้เกิดมาเพื่อปั้นน้ำเป็นตัว เพื่อยุยงส่งเสริมให้คนแตกแยกกัน เพื่อเป็นสื่อของใครคนใดคนหนึ่ง แต่สื่อต้องเป็น 'กลาง'

หากแต่ปัจจุบันนี้ หลายสื่อเลือกข้างอย่างชัดเจน

มันน่าเศร้าตรงนี้นะคะ ที่สื่อเลือกข้างเหล่านี้มีเป้าประสงค์ที่ผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น โดยหากถามหาจิตสำนึก คำตอบที่ได้คงจะเป็นแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น

เราในฐานะคนที่มีสิทธิเลือกที่จะรับฟังข้อมูลข่าวสาร ควรจะมองสิ่งที่ผ่านตาด้วยวิจารณญาณ กลั่นกรองก่อนที่จะเชื่ออะไร

พระพุทธเจ้าสอนค่ะ ว่าอย่าเชือ่อะไรง่ายๆ แม้ว่าสิ่งที่เราได้รับรู้จะมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพียงใด แล้วนี่นับประสาอะไรกับสื่อ ซึงไร้จุดยืน
เข้าข้างที่ตัวเองถือหางอย่างเปืดเผย

เสียงเล็กๆจากตรงนี้คงไม่มีผลอะไรต่อสังคมหรอกค่ะ คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้เกิดอะไรขึ้นได้ หากเพียงแค่ยังหวังว่าถ้าคนในสังคมคิดในทางที่ดี ทำหน้าที่ของตัวเองให้ชัดเจน เคารพในสิทธิของกันและกัน ไม่รังแกเบียดเบียน ไม่จ้องทำร้ายทำลายกัน แบบที่เป็นอยู่
อะไรๆก็คงไม่เกิดขึ้น

แม้จะเป็นเพียงความหวังเล็กๆที่ริบหรี่เสียเหลือเกิน แต่ก็ยังหวังอยากให้มันเกิดขึ้นจริง

...

เมื่อวานนี้

ฉันไปทำงานตามปกติ สถานการณ์ยามเช้ายังปกติดีค่ะ หากมองไปทางสวนลุมเห็นคนเสื้อแดง เดินวนเวียนเพ่นพ่านอยู่บริเวณสี่แยกศาลาแดง อีกอึดใจเดียว รถแปดล้อสิบล้อของพวกเขาก็รุกคืบมาปิดถนนฝั่งขาเข้าไปราชประสงค์

ปฏิบัติ 'ยึดบ้านเมืองของข้า' เกิดขึ้นอีกแล้ว

คนเดินผ่านไปผ่านมาบางคน มองดูแล้วเดินจากไป เหมือนสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเรื่องปกติชินชา

แต่ในใจฉันเดือดปุด

ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เพราะขนาดว่าตำรวจยังยืนเฉย ปล่อยให้คนพวกนั้นกระทำลิดรอนสิทธิ์ของคนที่ใช้ทาง คนซึ่งต้องไปทำงาน คนซึ่งไม่ได้ว่างงาน ( อย่างพวกคุณ ) ต้องใช้ถนนหนทางเพื่อสัญจร พูดก็พุดไป ฉันและคนเหล่านั้นเสียภาษีให้ประเทศค่ะ แล้วพวกคุณซึ่งว่างงานจนมาปิดถนนไม่ให้คนอื่นเข้าใช้ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ??

ฉันรู้ว่าเสียงของฉันไม่ใหญ่พอ แค่หยุดยืนแล้วถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ฉันคงทำได้แค่นั้นเอง...

กลางวัน ก็เป็นไปตามคาด พวกเขาพากันมาเป็นขบวน รถมอเตอร์ไซค์ผูกผ้าสีแดง รถกระบะที่บรรทุกคนโพกผ้าสีแดง โห่ร้องกันอย่างชอบอกชอบใจ ราวกับกำลังแห่ 'ชัยชนะ' ( ปลอม ๆ ) มีคนพวกเดียวกันมายืนเชียร์ ชูตีนตบกันอย่างเอิกเกริก

อยากถาม 'พวกคุณสะใจแล้วหรือยัง'

ฉันว่าคนทั่วไปไม่ได้โง่ แต่เขาเอือมระอา แม่ค้าที่ขายของริมทางเท้าพากันส่ายหน้า คนทำงานในละแวกนั้นเดินผ่านไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่มีใครสนใจอยากจะยุ่งกับคนพวกนี้

ได้ข่าวว่า มีผู้หญิงคนหนึ่ง บีบแตรไล่ ก็มีคนพวกนี้กรูกันลงมาเขย่ารถ
อยากถาม คุณทำได้ยังไง

ฉันเคยบอกแล้วว่าคนพวกนี้เหมือนหมาบ้า เถื่อน ถ่อย

ความรู้สึกที่เห็นเมื่อวานนี้จึงเป็นความสะอิดสะเอียน รังเกียจ ชิงชัง
จนอดไม่ได้ที่ต้องหยุดดูแล้วตะโกนร้องออกไป

น้องที่ไปด้วยตกใจว่า พี่นี่ช่างกล้า ใช่ค่ะ !! ฉันตะโกนออกไป หวังให้พวกม็อบหมาบ้านั้นได้ยิน ฉัน 'ไม่เอา' คนพวกนี้ ฉันไม่ปรารถนาให้คนพวกนี้มากระทำย่ำยี ทำร้ายทำลายบ้านเมือง ลุกขึ้นมาทำอะไรโดยไม่เกรงกลัวกฏหมาย ใช้กฏหมู่เป็นใหญ่ 'กูจะทำใครจะทำไม' ไปถามอริสมันต์สิ มันกล้าขนาดนั้นได้ยังไง

ม็อบหมาบ้า เรียกร้องประชาธิปไตยให้พ่อของพวกเขา คุณก็คงทราบว่า พ่อของพวกเขาปรารถนาอะไร เขาต้องการอะไร เขาปลุกม็อบพวกนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร

เมื่อก่อนคนไทยมี 'พ่อ' เดียวโดยนัยความหมายที่รู้กัน แต่สำหรับคนพวกนี้ 'พ่อ' ของพวกเขาคือ แม้วโกงบ้านโกงเมืองคนนั้น คนที่บอกว่าแม้เขาจะโกง แต่เขาก็แบ่งให้ชาวบ้านได้กินนั่นแหละ

ชาวบ้าน ซื่อจนไม่รู้ว่า ที่เขาแบ่งให้คุณกินมันแค่เศษเงิน แต่เขาโกงไปเป็นของตัวเองจนกระเป๋าตุง อยู่กินเหมือนเศรษฐี สุขสบายไปทั้งชาติอยู่ในต่างประเทศ คุณเห็นไหม

เศษเงินที่เขาโยนมาให้ กลับกลายเป็นเงินเทวดาของชาวบ้าน ไม่รู้หรอกว่าเขากำลังซื้อคุณด้วยความแยบยลที่สุด

ใครจะว่าอย่างไรก็ว่าเถอะค่ะ แต่ฉันสะอิดสะเอียนเหลือเกินแล้ว รับไม่ไหวกับคนพาลพวกนี้ รวมถึงพ่อของพวกเขาด้วย

ใครจะเห็นว่าคนพวกนี้ดี เชิดชูเป็นเทวดาก็เรื่องของคุณ แต่สำหรับฉันคือไม่ ฉันยังเห็นว่าคนเราถ้าเห็นต่างก็ควรแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่ไปเบียดเบียนคนอื่นเขา นึกทำอะไรก็ได้ ราวกับประเทศนี้เป็นของกูคนเดียว

ถ้าคนเราจะลุกขึ้นมาเรียกร้อง สิ่งเดียวที่เราควรยึดถือคือ 'ความถูกต้อง'
ฉันเชื่ออย่างนั้น

.....

เช้านี้ วันสงกรานต์

โทรทัศน์ free tv หลายช่องเสนอภาพข่าวผู้คนในต่างจังหวัดพากันเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน เหมือนทุกปีที่ผ่านมา

คนต่างจังหวัดนี่น่าอิจฉานัก พวกเขายังคงใช้ชีวิตเหมือนที่เคยใช้

หากแต่ในมหานคร วันหยุดนี้คงถูกปกคลุมด้วยความอึมครึม

คงไม่มีใครกล้าออกไปเล่นน้ำใกล้กับที่ที่มีคนยึดครองอยู่ ไม่มีงานสงกรานต์ในกรุงเทพ น้ำไม่อาจดับความร้อนในใจคนได้อีกแล้ว
เพราะวันนี้เขาดับกันด้วย 'เสียง' ของใครที่ดังกว่า ใครยกพวกมามากกว่าคนนั้นได้เปรียบ

และกูจะทำอย่างนี้ ใครจะทำไม

เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเกมกันเสียที อยากได้ชัยชนะมากนักใช่ไหม เมื่อไหร่จะเลิกเอามวลชนมาต่อรองกับกฏหมายเสียที จิตสำนึกมีไหม

ฉันรู้ค่ะ ว่าถึงถามไป พวกเขาก็ไม่ได้ยิน ?????




 

Create Date : 13 เมษายน 2553    
Last Update : 13 เมษายน 2553 8:09:19 น.
Counter : 491 Pageviews.  

เศร้าสลดเกินกว่าจะพูดอะไรได้..

คุณคะ

ประเทศนี้เป็นประเทศของ 'แดง' ไปแล้วแน่ๆ ใชไหมคะ
เพราะเหมือนว่า คนกลุ่มนี้จะทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง โดยที่รัฐบาล
กลายเป็นเป็ดง่อย ทำอะไรไม่ได้เลย สู้ไปก็แพ้

คนจำนวนมากอึดอัด ฉันก็คนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เคยเห็นด้วย
กับสิ่งที่คนพวกนี้ทำ

ฉันเคยเล่าแล้วว่าวันที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปทำงานที่พระยาพาลาซโซถึงสองครั้งสองคราว มอเตอร์ไซค์พาผ่านเข้าไปในดงม็อบ
ฉันรู้สึกว่าคนในนั้นเหมือนไม่ใช่คนไทย

หรืออาจจะเหมือนหมาบ้าเข้าไปทุกที อย่าได้ไปคิดเห็นต่างจากเขา
อย่าได้ไปว่าอะไรเขา อย่าได้ไปมองหน้าเขา คนพวกนี้พร้อมจะ
ทำร้ายเราโดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม

บอกตรงๆว่าคลื่นไส้ค่ะ

เขากร่างมาก เขากระหายเลือด เขาเห็นคนไทยด้วยกันเป็นศัตรู
ต้องโค่นล้ม ต้องทำลาย ต้องทำร้าย

ไหนคือสันติ อหิงสา ไหนคือวิถีทางประชาธิปไตย

สิ่งที่ทำ คือ ประชาธิปไตยหรือ

ขอไว้อาลัยให้กับทหารที่ต้องเสียชีวิต และไว้อาลัยให้กับความพ่ายแพ้ของประเทศ ที่ถูกคนเถื่อนกระทำย่ำยี

อยากถามว่าพวกคุณสะใจแล้วใช่ไหม ที่ได้ทำลาย ทำร้ายประเทศ ราวกับตัวคุณเองก็ไม่ใช่คนไทย

คนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับคุณ ไม่ต้องการให้บ้านเมืองนี้ถูกข่มขู่ คนทั่วไปรักชาติ อยากให้บ้านเมืองเป็นปกติสุข ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน นึกอยากจะไปปิดถนนก็ปิด นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่กลัวกฏหมาย ใช้แต่กฏหมู่ นึกว่าตัวเองใหญ่เต็มทีแล้ว กูจะทำใครจะทำไม

รักประชาธิปไตยแบบไหน จึงทำลาย ทำร้ายบ้านเมือง หรือเงินของพ่อคุณมันใหญ่นัก ซื้อได้แม้กระทั่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ขอประนามคนที่รักบ้านเมืองแต่ปาก ใช้ความรุนแรงเป็นอาวุธเข่นฆ่าทหารที่เข้ามาเพื่อทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง และคนที่กล้าทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์

ขอให้ประเทศกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว และให้คนที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อ

ผลสุดท้าย ฉันเชื่อว่าธรรมะต้องชนะอธรรม ไม่ช้าก็เร็วผลกรรมต้องตามทัน !!




 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 18:31:40 น.
Counter : 419 Pageviews.  

บ่ายวันเสาร์ เล่าเรื่อยๆ

เมื่อวานกลับจากทำงาน(นอก) สะบักสะบอมกับการเดินทาง
เริ่มจากขับรถไปจอด นั่งรถไฟฟ้าต่อ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ แล้วไปลงเรือ
ตามคาด มอไซค์เสื้อแดงพาฝ่าดงม็อบที่ผ่านฟ้า บรรยากาศน่ากลัวโคตร ต้องพูดอย่างนี้ เพราะมันอดสูในชะตากรรมของประเทศจริงๆนะคะ

คนไทยหรือเปล่าน่ะ ที่กำลังโห่ร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับกำลัง
ไปทำศึก เรามองเขาไม่ได้นะ จะมีสายตาส่งมาประมาณว่า
"มองอะไรวะ จะหาเรื่อง(กู) หรือไง" หรือทำนองว่า 'กูไม่กลัวมึง'
เพราะกฏหมายยังจัดการอะไร(กู)ไม่ได้เลย ha ha

ขอแสดงออกว่าไม่ชอบม็อบไร้หลักการนี้อย่างเปิดเผย และเบื่อรัฐบาลแตงโมด้วย ที่จัดการอะไรไม่ได้สักอย่าง

ฉันว่ารัฐบาลเพลี่ยงพล้ำแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ เตรียมตัวยุบสภาได้เลยค่ะ

ตั้งใจจะไม่บ่นเรื่องการเมืองแล้วนะ แต่อดไม่ได้ อะไรๆมันทำให้
เราเครียดทั้งที่ลำพังจะหากินก็ยากอยู่แล้วนะ ยังต้องมาเห็นมารับอะไรที่เป็นเรื่อง 'ปั้นน้ำ' จากสื่อแดงมั่ง ไม่แดงมั่งอยู่นั่นแหละ

ไม่เบื่อยังไงไหวละคะ

ไปทำงานที่พระยาพาลาซโซรอบนี้ พี่ที่เคารพรักนำพาฉันไปพบกับ
พี่ผู้อาวุโสที่เราต้องไปคุยด้วยเพื่อหาข้อมูลมาเขียนหนังสือ นั่งอยู่
ในวงผู้ใหญ่ ได้อะไรหลายๆอย่าง เรากลายเป็นเด็กตัวจ้อยไปเลย ทั้งที่ตัวเองจะเฉียดสี่สิบแล้ว

โปรเจ็คนี้คล้ายๆกับว่า เราจะทำเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้ นั่นคือ
เรื่องในกำแพงคุก ส่วนข้อมูลเราได้จากผู้ที่รู้จริงที่คลุกคลีมากับสถานที่แห่งนั้นเลย เรียกว่าอยู่มาทั้งชีวิตล่ะค่ะ

ถูกเรียกมาทำงานคราวนี้ เลยได้รู้ได้เห็นว่าคนที่เขาผ่านโลกมานาน
( พี่ๆเขา 50 up กันแล้วล่ะค่ะ ส่วนอีกท่านก็น่าจะ 60 up เพราะเกษียณแล้ว ) เขาคิดเห็นอะไรอย่างไร ใช้ชีวิตอย่างไร มีการงานมั่นคง การเงินไม่ต้องพูดถึง รุ่นใหญ่.. ใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนแล้ว ผ่านมาหลายรสชาติจนกระทั่งถึงวัยจะได้พัก

ชีวิตในบั้นปลายถ้าได้ใช้แบบนี้ก็น่าสนใจนะคะ

พี่ท่านหนึ่งนอกจากทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่งออกแล้ว ด้วยงานทำให้เธอได้ไปเที่ยวบ่อยๆ เดินทางไป ทำงานไป หาเงินไป ส่วนพี่ที่ฉันเคารพรัก เธอก็กำลังปลุกปล้ำกับโรงแรมที่ฉันไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่นั่นแหละค่ะ

โรงแรมนี้เดิมเป็นบ้านเก่าสร้างในสมัย ร 5 ดังที่ฉันเคยแปะรูปไว้ในบล็อกก่อนๆน่ะค่ะ ไม่เล่านะคะว่าโรงแรมนี้ที่มาที่ไปอย่างไรแล้ว
เอาเป็นว่ามันสวยและคลาสสิคในความรู้สึกของฉัน ถ่าคุณชอบอะไรเก่าๆ ย้อนยุค และชอบเรื่องราว ตลอดจนสถาปัตยกรรมแบบไทยๆ หากได้ไปเห็นก็คงจะรู้สึกดีเหมือนๆฉัน

แล้วรู้ไหมคะว่าฝรั่งเขาชอบอะไรแบบนี้กันมากเลย เขาชอบที่ได้นั่งเรือชมบ้านชมเมือง ชมวัดวาอารามของเรา มาเที่ยวบ้านเราใช้เงินน้อย แต่ได้เห็นอะไรใหม่ๆที่ฝั่งโน้นไม่มี เห็นฝรั่งนั่งเรือ รอเรือ ที่ท่าพระอาทิตย์มากมาย ชวนให้คิดไปว่า พวกเขาไม่กลัวม็อบหรอกมั้งคะ ยังมาเที่ยวกันเยอะแยะ แต่คนไทยอย่างฉันโคตรเบื่อ 555

สิ่งที่ได้จากการไปเมื่อวาน มีหลายเรื่องหลายราว รวมถึงบทสนทนากลางโต๊ะอาหาร ที่เน้นไปในเรื่องของชีวิตการทำงานของพี่เขา และเรากำลังจะเอามาทำงานนี่แหละค่ะ อาจเพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยรู้ ( แต่ไม่
อาจเปิดเผยได้ตอนนี้ ) ทำให้บทสนทนาที่เอาเทปไปอัดไว้ทั้งสองครั้ง
ยาวเกือบสิบชั่วโมง

นอกจากเรื่องในสถานที่แห่งนั้นแล้ว พวกพี่ๆเขายังเล่าเรื่องเที่ยว เรื่องเมืองต่างๆที่ไปรู้ไปเห็นมา ฉันนี่กลายเป็นเด็กปลายแถว เพราะแทบไม่ได้ออกนอกประเทศ ไปจริงๆก็ในนี้เสียมากกว่า แค่คิดว่าไปต่างประเทศแล้วต้องนั่งเครืองบินนานๆ ฉันก็เหนื่อยแล้วค่ะ

ฟังผู้ใหญ่คุยกัน เราในฐานะผู้น้อยก็เก็บข้อมูล คิดๆแล้วก็ให้รู้สึกดีอยู่อย่าง ที่เป็นคนแบบนี้ ผู้ใหญ่เมตตาเอ็นดู เลยได้รู้ได้เห็นอะไรดีๆ
เยอะค่ะ แล้วก็ให้เก็บมาคิดอีกว่า เรื่อง connection นั้นสำคัญ ไม่ว่าเราจะทำอะไร การมี connection ที่ดีจะช่วยเราได้

นี่เป็นหลักในการทำงานของฉันด้วยนะคะ เราจำเป็นที่จะต้องรักษาและดูแล connection ด้วยการสร้าง relation ที่ดี เพราะอะไรคะ เพราะว่า
connection ที่ดีจะช่วยเราได้ ยามเราต้องการแรงสนับสนุน และconnection ที่ดีก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงใจด้วย

ให้อะไรใครก็ได้อย่างนั้นค่ะ แต่หากไม่ได้อย่างนั้นก็ช่างมันค่ะ เพราะคนเราน่ะ มีหลายแบบ หลากความคิด มาจากหลากที่มา ไม่มีใครคิดอะไรเหมือนกันหมดได้ทุกอย่างหรอกค่ะ

เราทำดี คิดดีไว้น่ะ ดีกับตัวเราแล้ว สบายใจก็พอ

เท่านั้นเองค่ะ !




 

Create Date : 10 เมษายน 2553    
Last Update : 10 เมษายน 2553 14:40:44 น.
Counter : 496 Pageviews.  

กุ๊กกี้ กับ พี่ดาว ยิ้มรับวันสุข

แปะรูปกุ๊กกี้กับพี่ดาวให้คุณดูเล่น เผื่อวันศุกร์จะเป็นวันสุขขึ้น
มาได้บ้าง ยามบ้านเมืองร้อนรุ่ม

กุ๊กกี้โตขึ้นมากเชียวค่ะ ซนด้วย แต่ยังร้อง 'แอ๊ะ' เบาๆ เหมือนเดิม
ส่วนพี่ดาว ก็ยังหล่อเฟี๊ยว

วันนี้แม่จะออกไปรับจ็อบอีกแล้ว Ha Ha
ไม่รู้มอไซค์จะพาฝ่าดงม็อบอีกหรือเปล่า ลำบากนะคะ
การจราจรต้องเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางไปหมด
เห็นใจตำรวจ เห็นใจนายก โดนด่าทั้งขึ้นทั้งล่อง เป็นนายก
สมาคมอื่น เห็นทีจะดีกว่าเป็นนายกประเทศไทย

อ๊ะ เดี๋ยวยาวค่ะ



คืนนี้จะมาแปะเพิ่ม มีรูปพี่ดาวนอนหงายเหงือก น่าเกลียดน่าชังเชียวค่ะ
แมวอะไร !!!




 

Create Date : 09 เมษายน 2553    
Last Update : 9 เมษายน 2553 8:05:03 น.
Counter : 739 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  117  118  119  120  121  122  123  124  125  126  127  128  129  130  131  132  133  134  135  136  137  138  139  140  141  142  143  144  145  146  147  148  149  150  151  152  153  154  155  156  157  158  159  160  161  162  163  164  165  166  167  168  169  170  171  172  173  174  175  176  177  178  

bewae1001
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




***************
// อย่ารอให้ป่วยก่อนแล้วจึงคิดนะคะ

นวภัทร ( บี )
นักเขียนอิสระ และ ที่ปรึกษาแผนประกันชีวิตและการเงิน
โทรศัพท์มือถือ 089-1459977

ความรู้อื่นๆ :
ผ่านการอบรม basic skilsl in counselling psychology กับอาจารย์พงศ์ปกรณ์ พิชิตฉัตรธนา @ ชมรมจิตวิทยาสมาธิ

ขอฝากเว็บไซต์ของอาจารย์พงศ์ปกรณ์ค่ะ http://www.medihealing.com

EMail ของผู้เขียน : Mybusy2004@yahoo.com
Facebook ของผู้เขียน : Parawee Nasaree

สำนักพิมพ์สะพานจัดพิมพ์นิยายหญิงรักหญิงของฉัน ( ดวงดาวดอกไม้ 2 เล่มจบ และนิยายขนาดสั้น ดอกไม้กับดอกไม้ ( ปกหนังสือด้านบน ) สั่งซื้อได้ที่นี่ค่ะ คลิกเลย!!

จำนวนบล็อก ณ ขณะนี้ 1147 บล็อกค่ะ
เริ่มเขียน 6 กันยายน 2548 บล็อกเก่าๆค้นได้จากกรุ๊ปบล็อกผู้หญิงสีรุ้งปี 53 นะคะ

ยินดีแบ่งปันความรู้และสิ่งที่มีประโยชน์ผ่านข้อเขียนในบล็อกนี้ และหากต้องการนำไปใช้ต่อหรือลงเผยแพร่้ในที่ใดก็ตาม กรุณาแจ้งก่อนนำไปใช้ที่ email ด้านบน ขอบคุณค่ะ





Parawee Nasaree

Create Your Badge

New Comments
Friends' blogs
[Add bewae1001's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.